เมื่อผมโดนระบบครองร่าง – บทที่ 152 รวมใจเป็นหนึ่ง ดาบสวรรค์พุ่งทะยาน

บทที่ 152 รวมใจเป็นหนึ่ง ดาบสวรรค์พุ่งทะยาน

บทที่ 152 รวมใจเป็นหนึ่ง ดาบสวรรค์พุ่งทะยาน!

ค่ำคืนเริ่มมืดลง ค่ายกลางหุบเขาเงียบสงัด มีเพียงตะเกียงน้ำมันบางดวงที่ยังคงส่องแสงสลัว ส่องสว่างความเคลื่อนไหวโดยรอบได้รางๆ

ช่วงกลางดึก ดวงตาสีแดงกระหายเลือดพร้อมด้วยเงาร่างแปลกๆ ซุ่มซ่อนเงียบเชียบบนยอดเขาโดยรอบ พวกมันมองลงมาดูค่ายกลางหุบเขาเห็นเพียงสมาชิกชุดดำในทีมผู้แข็งแกร่งคนสองคนคอยเดินบนกำแพงค่าย พวกเขาพกกระบี่ โล่ และสวมเกราะป้องกันแขน ข้างหลังสะพายดาบยาว ดาบมืดสลัวไม่ส่องแสง

สมาชิกชุดดำในทีมดูเหมือนจะไม่รู้ว่ามีศัตรูซุ่มบนยอดเขาไกลๆ เพียงแต่มองไปรอบตัว ไม่มีใครระแวดระวัง และไม่มีระเบียบวินัยอย่างที่สุด

เวลาล่วงเลยไป ไม่รู้ว่านานแค่ไหน เสียง ‘สวบสาบ’ ก็ดังขึ้นในหูของสัตว์ปีศาจทั้งหมดพร้อมกัน

เห็นเพียงสัตว์ปีศาจทั้งหมดวิ่งออกมาพร้อมกัน ไม่ซ่อนตัวอีกต่อไป เพียงไม่กี่นาที ก็ทะยานตรงไปยังค่ายค่ายในเวลานี้ บนค่ายพลันมีแสงเปล่งประกายออกมา สว่างไสวราวกับกลางวัน

บนพื้นที่ราบเรียบโล่งกว้างใจกลางค่ายมีสมาชิกชุดดำ 53,600 คนยืนอยู่อย่างเป็นระเบียบแล้ว

“ทุกฝั่ง เตรียมตัว!”

ด้านหน้าสุดของกองทหาร มีชายผู้เคร่งขรึมยืนอยู่ เขาสวมเสื้อคลุมสีดำพลางดึงดาบยาวออกจากด้านหลัง ชี้ขึ้นไปบนฟ้าออกคำสั่งเสียงดัง

ทันใดนั้น สมาชิกทุกคนชักดาบชูขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกัน และในขณะเดียวกัน กระแสปราณสีขาวรูปดาบก็ปรากฏขึ้นข้างหลังทุกคนพร้อมๆ กัน ปราณดาบหลายหมื่นเล่มก็รวมตัวกัน ทะยานสู่ท้องฟ้าเมื่อฉากนี้ปรากฏขึ้น สัตว์ปีศาจที่ทะยานลงมาจากยอดเขาบ่ายหน้าไปที่ค่ายก็หยุดลงกะทันหัน ตรงข้ามกับหลักการของแรงเฉื่อยโดยสิ้นเชิง ถอยกลับช่วงหนึ่งจึงจะหยุดได้

หลังจากนั้นไม่นาน ปราณดาบที่พุ่งทะยานขึ้นฟ้าก็สลายไปบัดนี้ เสียงแหบแห้ง ทุ้มต่ำและชั่วร้ายก็ดังก้องไปทั่วหุบเขา

“หึๆ พวกเจ้ามีวิธีที่จะค้นพบว่าข้าขับเคลื่อนสัตว์ปีศาจยังไง กลางคืนมืดสนิทและป่าไม้ก็ยังขัดขวางการสำรวจของพวกเจ้าไม่ได้”

“ทว่าพวกเจ้ามีความสามารถจิ๊บจ๊อยแค่นี้ ข้าเชสผู้มีเมตตา ในฐานะร่างอวตารในโลกมนุษย์ของเทพแห่งการทำลายล้าง ข้าจะให้ทางรอดสุดท้ายแก่พวกเจ้า! ทางเหนือไม่มีสัตว์ปีศาจที่ข้าวางไว้ พวกเจ้าล่าถอยไปทางเหนือได้ กลับไปที่ฐานบัญชาการของพวกเจ้าแล้วไสหัวไปจากดินแดนมรดกแห่งนี้”

“ไม่เช่นนั้น ข้าจะขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ทั้งหมด และยังบุกยึดฐานบัญชาการของพวกเจ้า ไม่ให้คนของพวกเจ้าเข้ามา พวกเจ้าอยู่อย่างโดดเดี่ยวจะต้องอดตายอยู่ที่นี่ทีละคน!”

“ส่วนทางออกของชาวเทียนจู๋ พวกเจ้าไม่ต้องคิดให้เสียเวลา! หากชาวเทียนจู๋เข้ามาไม่ได้ พวกเขาจะรู้ว่าพวกเจ้ากำลังสกัดกั้นถนนที่นี่ พวกเขาจะต้องปิดกั้นถนนอีกด้านหนึ่งอย่างแน่นอน! นี่คือดินแดนมรดก อย่าเพ้อฝันจะมีวีรบุรุษปรากฏตัวออกมาช่วยพวกเจ้า!” เมื่อสิ้นเสียง ความเงียบงันก็เข้าปกคลุมค่ายเป็นเวลานาน ในการเผชิญหน้ากับงูจงอางที่สามารถสั่งบรรดาสัตว์ปีศาจที่ทรงพลังและรุนแรงได้มากมาย คนเหล่านี้ดูเหมือนจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง และไม่มีอะไรที่พวกเขาสามารถทำได้

ทันใดนั้น เสียงเพลงที่ยิ่งใหญ่และกังวาลก็ดังขึ้น สั่นสะเทือนแผ่นฟ้าและทำให้ฝูงนกแตกตื่น

“เขาเป็นวีรบุรุษพลันปรากฏขึ้น…”

“เขามีจิตใจกว้างขวางดั่งแผ่นฟ้ามหาสมุทร…”

“เขาเป็นอัศวินที่ไม่มีใครเทียบได้…”

“เขามีศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม…”

ทันทีที่เสียงเพลงดังขึ้น งูจงอางก็ดูเหมือนจะพูดไม่ออกและไม่ส่งเสียงใดๆ อีก ดูเหมือนมันว่าจะตกใจกับเสียงเพลง ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าเป็นจังหวะอะไร

พร้อมกับเสียงเพลงฮึกเหิม มังกรเพลิงลำตัวยาวใหญ่โตมหึมาเต็มไปด้วยเปลวเพลิงลุกโชน ทำลายค่ำคืนที่มืดมิด ลอยอยู่เหนือค่ายจากนั้นเสียงที่ดังและสง่างามก็ดังขึ้น

“เจ้าชาติชั่ว รังแกผู้อ่อนแอ ช่วงชิงแผ่นดินของผู้อื่น บาปนั้นอภัยให้ไม่ได้! วันนี้ตัวข้าจะผดุงความยุติธรรมแทนสวรรค์!”

“สี่ทิศล้อมไว้ ปิดกั้นฟ้าดิน ลุย!” เมื่อมังกรเพลิงพ่นคำพูดของมนุษย์ออกมา ผ้าสีเหลืองก็ปรากฏขึ้นในกรงเล็บของมังกร และจากนั้นสายลมก็พัดแรงขึ้นขยายตัวอย่างรวดเร็ว แทบจะไม่มีที่สิ้นสุดกระทั่งปกคลุมทั้งค่ายแล้วก็ล้อมสัตว์ปีศาจที่แยกกันอยู่ด้านทิศตะวันออก ทิศตะวันตกและทิศใต้ ค่ายกลถึงค่อยหยุดขยายออกไป และจากนั้นลำแสงมหาศาลก็สาดส่องลงมาในเวลาเดียวกัน กองทัพห้าหมื่นกว่าคนที่ถูกสกัดกั้นอยู่ในค่ายกลกระบี่สี่สภาพ ผู้นำของกองทัพและชายในเสื้อคลุมสีดำผู้นั้นก็ยกดาบขึ้นร้องตะโกนอีกครั้ง

“ดาบสวรรค์สี่ทิศ!”

ปราณดาบที่อยู่ด้านหลังสมาชิกชุดดำแต่ละคนปรากฏขึ้นอีกครั้ง ลอยขึ้นไปเหนือกระบวนทัพอย่างพร้อมเพียง รวมตัวกันเป็นปราณดาบสีขาวใหญ่ยักษ์สี่เล่ม

ปราณดาบสีขาวทั้งสี่รวมกันแล้วบินขึ้นไป ราวกับเพิกเฉยต่อการสกัดกั้นของค่ายกลแล้วตรงดิ่งไปทั้งสี่ด้านเหนือ ใต้ ตะวันออกและตะวันตกของค่ายกล

มังกรเพลิงมหึมาลอยอยู่เหนือค่ายกล จ้องมองค่ายกลด้านล่าง เพ่งความสนใจ ราวกับว่ามันกำลังควบคุมปราณดาบสีขาวสี่เล่มจากระยะไกล

หลังจากที่ปราณดาบขาวทั้งสี่กลับมายังตำแหน่ง ลำแสงนับไม่ถ้วนที่ตกลงมาจากทั้งสี่ด้านของค่ายกลได้กลายเป็นปราณดาบทั้งหมด บัดนี้พวกสัตว์ปีศาจที่ถูกสกัดกั้นอยู่ในค่ายกลเริ่มสับสน ราวกับว่าพวกมันขาดการติดต่อกับงูจงอาง

พวกมันไม่มีผู้คุมอีกต่อไปแล้ว บางตัวเลือกที่จะโจมตีกำแพงค่าย ในขณะที่ตัวอื่นๆ โจมตีปราณดาบที่ตกลงมายังค่ายกล

ค่ายกลป้องกันพลันปรากฏขึ้นบนกำแพงสกัดกั้นการบุกโจมตีของสัตว์ปีศาจ

ปราการปราณดาบสั่นไหวไม่หยุด ราวกับว่าจะต้านทานไม่ไหว

ในเวลานี้ฟางหนิงหดหัวอยู่ในแผนที่ระบบ ตอนนี้เขาก็ไม่ต้องโกรธแล้ว และสามารถรับชมการควบคุมของระบบได้อย่างปลอดภัย ย่อมสบายอกสบายใจเอฟเฟกต์การต่อสู้นี้ ภาพยนตร์ฮอลลีวูดยังสู้ไม่ได้เลย

ขณะที่สัตว์ปีศาจตกอยู่ในความโกลาหล ปราณดาบก็ทยอยตกลงมาจากค่ายกล แล้วฟันฉับลงไปทันที

‘ขวับ ขวับ’ ปราณดาบพุ่งเข้าใส่สัตว์ปีศาจ แต่ก็เหมือนกับเต้าหู้กระทบหิน มันแค่แตกฉานซ่านเซ็น ดูเหมือนจะไม่บาดเจ็บแต่อย่างใด

ฟางหนิงส่ายหัวเสียดาย ผู้แข็งแกร่งระดับบ่อน้ำแข็งแกร่งจริงๆ หากปราณดาบไม่รวมตัวกัน ก็แทบจะทำอะไรพวกมันไม่ได้เลย ดูเหมือนว่า ‘ค่ายกลสกัดกั้นสี่สภาพ’ จะสกัดกั้นได้ไม่นานนัก

แม้ว่าสัตว์ปีศาจด้านล่างจะบ้าคลั่งกระหายเลือดและไร้เหตุผล แต่ก็ไม่สามารถใช้พลังที่แท้จริงของระดับบ่อน้ำได้อย่างเต็มที่ รุ้แค่การวิ่งชนกระแทก ไม่รู้วิธีร่ายเวทย์ทุกชนิด แต่ยังคงมีพลังป้องกันระดับบ่อน้ำ

ขณะที่ฟางหนิงคิดในใจก็เห็นชายร่างสูงใหญ่กำยำปรากฏตัวขึ้นบนกำแพงค่าย

“ฮ่าๆ วันนี้สมควรที่ผู้น้อยเฉียวจะฆ่าให้มันมือ!”

พอสิ้นเสียงปราณเลือดด้านหลังตัวก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า แสงดาบสีแดงเลือดสดยาวประมาณสิบกว่าเมตรก็ปรากฏขึ้นพุ่งตรงเข้าไปสังหารสัตว์ปีศาจที่อาละวาดอยู่ตรงกำแพงค่ายด้านล่าง!

ค่ายกลป้องกันบนกำแพงของค่ายป้องกันได้เพียงภายนอกแต่ป้องกันภายในไม่ได้ แสงดาบสีแดงเลือดนี้ไม่สนใจสิ่งกีดขวางใดๆ บั่นหัวของสัตว์ปีศาจตัวหนึ่ง ฟางหนิงมองตรงไป เห็นว่าสัตว์ปีศาจที่ถูกโจมตีเป็นกิ้งก่ายักษ์ ผิวหนังหยาบกระด้าง และดวงตาสีแดงที่ไม่มีใครเทียบได้เผยให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความดุร้ายของมัน

แสงดาบสีแดงเลือดฟันลงบนหัวกิ้งก่าตัวนั้น หลังจากที่มันถอยร่นไปไม่กี่ก้าว กลับแค่ส่ายหัวราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ฟางหนิงกลอกตาหลังจากที่เห็นมัน ผู้อาวุโสเฉียวคุยโวเกินไปแล้ว คิดว่าตัวเองจะสังหารผู้แข็งแกร่งระดับบ่อน้ำได้ในพริบตาแต่ก็ไม่สำเร็จ

เฉียวอันผิงยิ้มและดูเหมือนค่อนข้างจะผิดหวัง จากนั้นเขาก็ตะโกนก้อง “ท่านเทพมังกรแห่งจิตวิญญาณ หัวหน้าหู เสริมพลังมังกร ผสานปราณดาบ!”

ชายในเสื้อคลุมสีดำที่บัญชาการกองทหารนับหมื่นนาย เมื่อเขาได้ยินคำพูดนั้นก็ชูดาบขึ้นอีกครั้ง และปราณดาบที่สองก็ปรากฏขึ้นข้างหลังสมาชิกในทีมทั้งหมด เพียงแต่คราวนี้มีหลายคนที่ตัวสั่นในห้องบัญชาการชั่วคราวของค่าย

เมื่อทุกคนเห็นเหตุการณ์นี้ก็เกิดความกังวลใจ

ผู้อาวุโสสวี่ส่ายหน้า “ดูเหมือนว่าพวกเขายังฝึกฝนไม่พอ เพิ่งแค่สิบกว่าปี ฝึกฝนกองทัพที่ทรงพลัง 53,600 นายได้ก็ถึงขีดจำกัดแล้ว คาดหวังจะขยายรูปแบบทางการทหารในอนาคต ยังคงต้องใส่ไว้ในแผนการของหัวหน้าทีม”

ผู้อาวุโสไห่กล่าวว่า “คราวนี้น่าจะเพียงพอแล้วที่จะรับมือกับสถานการณ์ มีท่านเทพมังกรที่ควบคุมพลังดาบ จะยับยั้งปีศาจพวกนี้ได้อย่างแน่นอนและทำให้พวกมันไม่กล้าที่จะอวดดี”

ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันก็เห็นชายในเสื้อคลุมสีดำร้องคำรามกู่ก้องฟ้าแล้ว

“ดาบสวรรค์รวมเป็นหนึ่ง!”

ทันใดนั้น ปราณดาบที่สองหลังสมาชิกในทีมทั้งหมดก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมๆ กัน แล้วรวมตัวกันเป็นดาบสีขาวยักษ์ใหญ่ที่ส่องประกายคมกริบ นี่คือดาบสวรรค์ที่เกิดจากการรวมกันปราณดาบนับหมื่นเล่ม ฟันลงไปแล้วสามารถทำลายสรรพสิ่งได้

ในเวลานี้เฉียวอันผิงกลั้นหายใจและตั้งสมาธิ แสงดาบสีแดงเลือดอันทรงพลังก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แล้วลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ประกบกับดาบสวรรค์

หลังจากนั้นไม่นาน เสียงคำรามของมังกรยักษ์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นก็มีปราณแท้รูปร่างมังกรที่แข็งแกร่งมากปรากฏขึ้นในอากาศกลางค่ายกล ทันทีที่มันปรากฏตัว ก็พุ่งเข้าใส่ดาบสวรรค์ครู่หนึ่งดาบสวรรค์ก็กลายเป็นดาบสวรรค์ที่มีหัวมังกร ราวกับว่ามันมีพลังชีวิต กระโจนเข้าหาแสงดาบสีแดงเลือด

มังกรอ้าปากกลืนแสงดาบลงไปแล้ว ดาบสวรรค์ทั้งเล่มพลันกลายเป็นสีแดงเลือด ไอสังหารก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พลังมังกรเกรี้ยวกราดปรากฏขึ้น ประชิดค่ายกล

สัตว์ปีศาจทั้งหมดรู้สึกถึงฉากนี้ หยุดความบ้าคลั่งลงพร้อมๆ กัน พวกมันบ้าคลั่งกระหายเลือดโดยไม่มีเหตุผลแม้แต่น้อย มีเพียงสัญชาตญาณที่เกรงกลัวผู้แข็งแกร่งเท่านั้น

พวกมันหวาดกลัวพิษร้ายและการบีบบังคับของงูจงอางจึงเชื่อฟังคำสั่งของอีกฝ่าย

เมื่อดาบสวรรค์ปรากฏ พวกมันก็สัมผัสได้ถึงว่าด้านบนมีการบีบบังคับที่คล้ายกับของงูจงอาง

“ไอ้ปีศาจชั่ว อาละวาดป่าเถื่อน สร้างความวุ่นวายให้ชาวบ้าน วันนี้ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ถึงฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ! ดาบสวรรค์ปราบศัตรู!”

ดาบสวรรค์ฟันลงมาทันที

ฟันหัวของกิ้งก่ายักษ์ที่เฉียวอันผิงเคยฟันมาก่อน

กิ้งก่าตัวนั้นส่ายหัวอีกครั้ง แต่คราวนี้เมื่อมันโยกหัว ทั้งหัวสมองก็ขาดกระเด็นแล้วร่วงหล่น…

เมื่อเห็นฉากนี้ สัตว์ปีศาจทั้งหมดก็เริ่มถอยหนีกระเจิดกระเจิง ในเวลานี้ ลำแสงปราณดาบนับไม่ถ้วนก็ตกลงมาทั่วทั้งค่ายกลหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วโดยไม่รู้ตัว

เมื่อไม่มีอุปสรรคกีดขวางใดๆ สัตว์ปีศาจก็หันหัวแล้ววิ่งหนีไป ในไม่ช้าก็หายลับไปในค่ำคืนที่มืดมิด

ฟางหนิงดูแล้วพึงพอใจ แต่ตอนนี้เขาไม่ใช่คนโง่ในการสู้รบอีกต่อไป เข้าใจจนเกือบจะถึงระดับสูงสุดแล้ว ในเมื่อฆ่าผู้แข็งแกร่งระดับบ่อน้ำในไม่กี่วินาที และสยบพวกมันได้ก็เพียงพอแล้ว ไม่ร้องขออะไรอีก

วาดหวังดาบสวรรค์ปลิดชีพสัตว์ปีศาจบ้าคลั่งระดับบ่อน้ำเกือบพันตัวได้ราบคาบในครั้งเดียวเหรอ นั่นมันเพ้อฝัน…ตลอดเวลางูจงอางก็ไม่ส่งเสียงใดๆ ดูเหมือนว่ามันกำลังสังเกตรายละเอียดของดาบสวรรค์ และดูเหมือนว่าจะหายไปอย่างเงียบๆ

การต่อสู้สิ้นสุดลงชั่วคราว การเสแสร้งของระบบก็สิ้นสุดลง ฟางหนิงรีบดูการแจ้งเตือนของระบบ เขายังไม่ได้อ่านข้อความแจ้งการอัปเดตระบบก่อนหน้านี้ ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ มัวแต่คุยกับหลงฝาน มาดูพร้อมกันพอดี

…………………………………………..

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

Status: Ongoing

จู่ๆ ก็มีดาวตกพุ่งลงมาที่โลก ทำเอาพื้นดินถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย

แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นกลับทำให้ 'ฟางหนิง' หัวโขกกับโต๊ะคอมพิวเตอร์จนสลบไป

ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเขามีระบบ ขณะที่กำลังจะดีใจว่าในที่สุดก็มีขาทองคำมาให้เกาะ

เจ้าระบบนั่นกลับประเมินว่าเขาเป็นโรคขี้เกียจระยะสุดท้าย ปล่อยไว้ไม่มีทางเจริญก้าวหน้า

และทำการยึดครองร่างของเขาซะงั้น!?

...

จากหนุ่มโอตาคุผู้แสนจะขี้เกียจที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ

กลับต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนโฉมตนเองเป็นฮีโร่คอยปราบปรามเหล่าปีศาจร้าย

ปกป้องเมืองที่ตนอยู่อาศัย และฝึกวิทยายุทธ์เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดนิ้วทองคำของระบบ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท