เมื่อผมโดนระบบครองร่าง – บทที่ 156 ทุกเรื่องในโลกนี้ย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

บทที่ 156 ทุกเรื่องในโลกนี้ย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

บทที่ 156 ทุกเรื่องในโลกนี้ย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

อินทรีสวรรค์ได้ยินฟางหนิงซักถามอีกครั้งก็เอ่ยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ในโลกนี้ยังมีความลับที่ไม่มีใครล่วงรู้ นั่นคือที่แห่งนี้เป็นเพียงโลกเล็กๆ ที่มีกฎเกณฑ์ไม่สมบูรณ์ แต่มีเทคนิคพิเศษในการรวบรวมปราณกำเนิด ณ ที่นี้ ความเร็วการฝึกฝนไม่ต้องพูดถึง การจะทะลวงไปสู่ผู้แข็งแกร่งระดับ A จะต้องเข้าใจกฎของโลกใบนี้ โลกภายนอกนั้นกว้างใหญ่ กฎเกณฑ์สมบูรณ์แบบและเข้มงวดแต่ยากต่อการเข้าใจ ทว่ากฎเกณฑ์ที่นี่ไม่สมบูรณ์แบบ แต่กลับเข้าใจกฎเกณฑ์ของโลกได้อย่างง่ายดาย”

ฟางหนิงตกตะลึง “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ มันถือว่าเป็นเรื่องดีสิ ทำไมน้ำเสียงเจ้าถึงได้เคร่งเครียดขนาดนี้ล่ะ”

อินทรีสวรรค์ส่ายหัว “ทุกเรื่องในโลกนี้ย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย การฝึกฝนที่รวดเร็วเกินไปจะเป็นเหตุให้ปณิธานของผู้ฝึกฝนไม่พอ ความทะเยอะทะยาน ความมุ่งมั่น ความสนใจ ความมั่นใจในตัวเองและความมุ่งมั่นของผู้ตั้งปณิธานก็เช่นกัน

“หากขาดคุณสมบัติบางประการไป พึ่งพาการโคจรลมปราณ พลังเพิ่มขึ้นช้า ปณิธานจะแข็งแกร่งขึ้นพร้อมกัน การเข้าสู่ระดับ A อาจจะช้าลงมาก แต่เมื่อสำเร็จแล้วจะไม่เกิดปัญหาในภายหลัง

“แต่เพราะการฝึกฝนที่รวดเร็วเกินไป สัตว์ปีศาจอัจฉริยะจำนวนหนึ่ง ระดับปณิธานตามไม่ทัน หลังจากทะลวงระดับ A อย่างรวดเร็วจะทำให้เกิดอาการที่ปณิธานกับพลังไม่สัมพันธ์กัน และนั่นจะนำพาไปสู่หายนะความชั่วของจิตใจได้ หากทนผ่านไปได้จะสามารถฝึกฝนต่อไปได้ แต่ถ้าฝืนต่อไปไม่ได้จะต้องกลายเป็นสัตว์ปีศาจบ้าเลือดที่บ้าคลั่ง ตกลงไปเป็นสัตว์ป่าที่ไร้ซึ่งสติปัญญา”

แม้ว่าฟางหนิงจะเกียจคร้านฝึกฝนและเป็นมือใหม่ แต่เขากลับรู้สึกว่าฟังเรื่องทั้งหมดนี้เข้าใจ

เพราะส่วนสำคัญใน ‘การแปลงร่างมังกร’ ที่เขาฝึนฝนคือ ’การฝึกฝนจิตใจ’ ขณะที่ ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ ต้องการผ่านด่านปณิธานเช่นกัน ในเรื่องนี้เขามีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น ตอนที่ฝึกฝนทรมานไม่น้อย อีกทั้งจนถึงตอนนี้ยังคงฝึกไม่สำเร็จ เขาเข้าใจความทุกข์ของคนหัวอกเดียวกัน ยังมีสุนัขดำไป๋หลี่เท่อตัวนั้นอีก…

ฟางหนิงแอบเสียใจกับตัวเองอยู่ชั่วขณะ สักพักจึงถามต่อ “ดูเหมือนว่าสัตว์ปีศาจบ้าเลือดเกือบพันตัวที่ถูกงูจงอางตัวนั้นสั่งการคงจะเป็นผู้แข็งแกร่งอัจฉริยะประเภทปีศาจระดับ A ที่พ่ายแพ้ต่อหายนะความชั่วของจิตใจ ทำให้รู้สึกเสียดายเหลือเกิน”

ระบบจู่ๆ ก็พูดแทรกอีกครั้ง “โฮสต์อย่าเห็นใจพวกมันจนไม่ให้ระบบเก็บถุงของขวัญประสบการณ์พวกนี้…”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “โลกนี้มันดำเนินไปตามวิถีของมันเอง พวกมันเกิดมาพร้อมกับคุณสมบัติของอัจฉริยะที่สวรรค์มอบให้มันด้วยความรัก แต่เพราะเหตุนี้ก็ถูกสวรรค์อิจฉาด้วย ฝึกฝนรวดเร็วเกินไปนำไปสู่ระดับปณิธานไม่สัมพันธ์กับพลังถึงได้เกิดหายนะความชั่วของจิตใจ ชั่วขณะที่พวกมันไม่สามารถผ่านพ้นช่วงหายนะนี้ไปได้ พวกมันตายแล้วเหลือแต่ร่างกาย ฉันแค่รู้สึกเสียดายความยิ่งใหญ่ที่มีติดตัวพวกมันมาแต่แรกก็เท่านั้น แต่ไม่มีทางรู้สึกเห็นใจปีศาจชั่วร้ายที่อยู่ในร่างกายของพวกมันหรอก”

ระบบ “อย่างนั้นก็ดี ถ้าตอนนี้โฮสต์ใจอ่อน ระบบจะลำบากใจมาก”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “แกเล่นละครไปเถอะ มีครั้งไหนบ้างที่ฉันห้ามแกฆ่าสัตว์ประหลาดได้”

ตอนนี้อินทรีสวรรค์พูดต่อ “พี่มังกรนี่สายตาเฉียบแหลมเสียจริง เป็นอย่างที่พี่มังกรพูด แม้ว่าจะมีบทเรียนให้เราได้เห็นบ่อยครั้ง แต่พอผ่านไปหลายปี พวกอัจฉริยะบางคนจะทะนงตน คิดว่าปณิธานของตัวเองแข็งแกร่งพอ ยังคงไม่ควบคุมความเร็วของการฝึกฝนส่งผลให้ปณิธานตามการเติบโตของพลังไม่ทัน กระทั่งพวกเขาเผชิญหน้ากับหายนะด้านจิตใจ ส่วนใหญ่จะเสียใจมาก ไปสถานที่ที่เรียกว่า ‘หุบเขามรดก’ เพื่อฝากความเข้าใจเกี่ยวกับการฝึกฝนของตัวเอง นี่คือที่มาที่แท้จริงของ ‘ดินแดนมรดก’ “

ฟางหนิง “ที่แท้ก็อย่างนี้เอง อย่างนี้ดูเหมือนสหายก็ต้องเคยเผชิญหน้ากับหายนะความชั่วของจิตใจมาไม่น้อย”

อินทรีสวรรค์ “ช่างน่าละอายยิ่งนัก ข้าเองก็เป็นคนหนึ่งที่ทะนงตน ข้าเกิดมามีคุณสมบัติสูงมาก การฝึกฝนเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพียงยี่สิบปีก็ฝึกถึงผู้แข็งแกร่งระดับ A ในตอนนั้นข้าพบว่าปณิธานยังไม่มั่นคง กดดันความแข็งแกร่งมาตลอดจนผ่านมาเกือบร้อยปีก็ยังไม่ก้าวหน้า ทุกวันต้องใช้การแกะสลักหินเพื่อขัดเกลาปณิธาน รูปแกะสลักที่พี่มังกรหยิบขึ้นมาเมื่อครู่เป็นผลงานที่ดีที่สุดชิ้นหนึ่งของข้า

“เพียงแค่ช่วงนี้ข้ายังคงรู้สึกถึงระดับจิตใจที่ไม่มั่นคง นี่คือลางบอกเหตุเกี่ยวกับความทุกข์ทรมานภายในจิตใจ ข้าเคยฝึกฝนเร็วเกินไป คงไม่มีทางหนีพ้นไปได้ ข้าถึงได้คิดที่จะหาชาวเสินโจวเพื่อแสวงหาการบูชาพลังจิตของมนุษย์ คิดอยากที่จะเปลี่ยนมาฝึกฝนเป็นเทพ กฎเกณฑ์ของดินแดนมรดกยังไม่ครอบคลุม ไม่สนับสนุนการฝึกเป็นเทพ ข้าจึงใช้ได้แค่พลังจิตมนุษย์จากโลกภายนอก”

ฟางหนิงถอนหายใจ “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้เอง งูองอางตัวนั้นเลื่อนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับ A ภายในแปดปี แถมยังฝึกไปจนถึงจุดสูงสุดของระดับ A ไม่อยากคิดเลยว่ามันต้องเผชิญหน้ากับหายนะความชั่วของจิตใจถึงระดับไหนกัน แต่ว่าเมื่อพูดถึงปัญหาเรื่องปณิธานแล้ว อินทรีสวรรค์เจ้าเคยหาวิธีการฝึกฝนจิตใจโดยเฉพาะเพื่อชดเชยหรือไม่”

อินทรีสวรรค์ “โลกนี้อย่างไรเสียคับแคบ วิธีฝึกทำนองนี้มีน้อยมากเหลือเกิน อีกอย่างต่อให้มี ตอนนี้ข้าฝึกฝนใหม่ไม่ทันแล้ว ไม่มีเวลาพอแล้ว”

ในใจของฟางหนิงรู้สึกเสียดาย หลังจากนั้นเขาก็คิดถึงเรื่องหนึ่ง พลันรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัว “แย่แล้ว พูดอย่างนี้ งูจงอางตัวนั้นน่าจะไปติดต่อกับผู้แข็งแกร่งอัจฉริยะประเภทปีศาจตัวอื่นที่มีหายนะความชั่วของจิตใจเช่นกัน มันจะใช้การบูชาพลังจิตมนุษย์ของชาวเทียนจู๋เป็นเหยื่อล่อเพื่อสร้างพันธมิตรสัตว์ปีศาจ เมื่อดูจากที่สหายต้องเผชิญ ชาวเสินโจวไม่มีทางเห็นด้วยกับการบูชาผู้แข็งแกร่งประเภทปีศาจอื่นๆ เป็นเทพ”

อินทรีสวรรค์พยักหน้า “พี่มังกรพูดถูกต้อง ข้าคิดว่าครั้งนี้ที่งูจงอางเข้ามาคุกคาม ข้ายับยั้งมันได้อีกครั้งพอดี ชาวเสินโจวอาจจะทำลายกฎเกณฑ์เดิมๆ ตอบตกลงครั้งหนึ่ง น่าเสียดายที่พวกเขายังไม่ตกลง หากไม่ใช่เพราะพี่มังกรยึดถือคุณธรรมช่วยเหลือ ข้าคงหลงไปกับอสรพิษเจ้าเล่ห์นั่น มันไม่มีเจตนาดีแน่นอน คิดว่าวันที่มันรวบรวมพันธมิตรได้ วันนั้นจะเป็นวันที่มันเผยธาตุแท้ออกมา”

ฟางหนิง “สหายเป็นศัตรูตามธรรมชาติของมันจริงๆ มองทุกอย่างได้อย่างทะลุปรุโปร่ง สหายคุ้นเคยกับโลกแคบๆ ใบนี้ เจ้าน่าจะรู้ว่ายังมีผู้แข็งแกร่งอัจฉริยะประเภทปีศาจกี่ตัวที่ต้องเผชิญกับหายนะความชั่วของจิตใจ”

อินทรีสวรรค์ “ดินแดนมรดกแห่งนี้เป็นดินแดนที่ให้กำเนิดอัจฉริยะ แต่กลับมีอัจฉริยะไม่มากนัก ทุกสิบปีจะมีแค่หนึ่งตัวเท่านั้น ก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์ปีศาจที่ไร้สติปัญญา ตอนนี้มันติดต่อสื่อสารได้แค่เจ็ดแปดตัว ครึ่งหนึ่งยังมั่นใจว่าตนเองจะฝ่าหายนะในจิตใจได้ อีกครึ่งหนึ่งเกรงว่าหลังจากที่ชาวเสินโจวปฏิเสธที่นั่นแล้วถึงจะเชื่อเจ้างูนั่น ในเมื่องูจงอางนิสัยเจ้าเล่ห์เป็นศัตรูของสัตว์ปีศาจทั้งหลาย มันยังมาจากโลกภายนอก คนอื่นไม่มีทางเชื่อถือมันง่ายๆ”

ฟางหนิงฟังถึงตรงนี้ก็เอ่ยคำอำลา เขาต้องรีบไปแจ้งคนของสำนักงานสัจธรรมเพื่อปรึกษาหารือวิธีการแก้ปัญหา เรื่องใหญ่อย่างการสถาปนาเทพ เขาไม่อาจตัดสินใจแทนคนอื่นได้ เขาให้พวกนักโทษบูชา ‘อินทรีเทพพิทักษ์เรือนจำ’ ก็เต็มที่แล้ว หลังจากกลับไปโลกภายนอก ยังต้องให้ระบบรวบรวมวิญญาณอาชญากรเข้าไปมากๆ

อินทรีสวรรค์บอกว่ามันจะกลับไปจัดการเรื่องการส่งมอบตำแหน่งหัวหน้าเผ่า ทั้งสองฝ่ายนัดหมายอีกสามวันพบกันที่นี่

ฟางหนิงคิดดูแล้วก็ให้ระบบครองร่างตนเองเพื่อนำมือถือแบรนด์ ‘เสินหลง’ อีกเครื่องออกจากพื้นที่ของระบบมอบให้กับพันธมิตรสีเขียวตัวใหม่เผื่อไว้ใช้ยามจำเป็น

ระบบ “ไม่ให้”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “โทรศัพท์พังๆ หนึ่งเครื่องแม้ว่าจะออกแบบเอง ราคาไม่เท่าไหร่ แกยังงกอีกเหรอ”

ระบบ “โฮสต์ซื่อบื้อหรือยังไง มันเป็นผู้แข็งแกร่งระดับบ่อน้ำเชียวนะ ลืมไปแล้วเหรอ โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ ‘เสินหลง’ ต่อให้ใส่ดินปืนสิบเท่าของตอนนี้ ยังระเบิดไม่ได้แม้แต่ขนนกเส้นเดียวด้วยซ้ำ ไม่มีทางเปิดการใช้งาน ‘การช่วยเหลือจากพันลี้’ ”

ฟางหนิงตระหนักได้ในทันดี “บ้าเอ๊ย เมื่อพูดถึงเรื่องการใช้กำลัง แกฉลาดมากกว่าใคร ฉันไม่กล้าต่อว่าแกเลย”

เมื่ออัศวิน A กลับมายังค่ายก็เล่าเรื่องนี้ พวกผู้อาวุโสไห่ทั้งสามคนยังคงขมวดคิ้วไม่คลาย

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ผู้อาวุโสสวี่ก็เอ่ยขึ้น “ท่านเทพ อันที่จริงเรื่องนี้เคยมีสัตว์ปีศาจบางตัวมาหาเราแล้ว แต่ถูกเราปฏิเสธไป ไม่ใช่ว่าเราไม่สนใจกับการบูชาพลังจิตมนุษย์ แต่ความจริงที่ว่าเรากำลังทุ่มเทที่จะหล่อเลี้ยง ‘เทพมังกรแท้’ หากกระจัดกระจายไป ถ้าเกิดการพัฒนา ‘เทพมังกรแท้’ ล้มเหลว เราจะเป็นคนผิดทันที ไม่มีใครแบกรับความรับผิดชอบนี้ไหว”

ฟางหนิงแสดงท่าทีเข้าใจ บางทีอาจจะมีวิธีแก้ไข แต่วิธีที่พวกเขาเองต้องคิดได้น่าจะมีอันตรายซ่อนอยู่อย่างแน่นอน

อัศวิน A “อย่างนี้พวกคุณควรเตรียมพร้อม ข้าจะไปหาสหายตัวนั้นอีกครั้งและตามล่างูจงอางล่วงหน้าไปก่อน”

เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้อาวุโสสวี่ก็ดูค่อนข้างลังเล เขามองไปที่ผู้อาวุโสไห่ อีกฝ่ายก็พยักหน้าให้เขา

ผู้อาวุโสสวี่ถึงค่อยเอ่ยขึ้น “ท่านเทพโปรดอยู่ต่อเถอะ มันเป็นเรื่องยากสำหรับท่านที่จะวิ่งไปทั่วทุกสารทิศแบบนี้ ผมขอโทษและรู้สึกผิดจริงๆ หรือเอาแบบนี้ดีกว่า รอจนฆ่างูจงอางได้แล้วเปิดช่องทางกับโลกแห่งความจริงขึ้นใหม่อีกครั้ง พวกเราจะลองถามผู้อาวุโสเฝิงแห่งหอเหวินฮุ่ยดูว่าเขามีวิธีการระดับสูงเพื่อฝึกฝนปณิธานหรือไม่ เราจะเลือกบางอย่างเพื่อสอนให้กับอัจฉริยะประเภทปีศาจ หลีกเลี่ยงไม่ให้พวกมันถูกงูจงอางชักจูง วันหน้าจะทำให้พวกเราลำบากตลอด”

ฟางหนิงฟังแล้วก็พยักหน้า ฝ่ายธรรมย่อมเห็นพ้องกันจริงๆ ด้วย

ระบบ “โฮสต์ดูพอใจมากเลยนะ หรือว่าผู้อาวุโสสวี่คนนี้มีวิธีแก้ปัญหาแบบเดียวกับคุณใช่หรือไม่”

ฟางหนิง “ใช่แล้ว ผู้อาวุโสสวี่คนนี้ไม่ได้ฉลาดไปกว่าฉันสักเท่าไหร่…”

ระบบ “อืม ก็จริง ดูเหมือนว่าไอคิวของโฮสต์จะพอๆ กับผู้อาวุโสพวกนี้ งั้นระบบก็วางใจได้ละ ไม่ต้องห่วงจะถูกคนพวกนั้นหลอก”

ฟางหนิง “วางใจเถอะ แกสบายใจได้เต็มที่ ฉันจะไม่ถูกคนอื่นหลอกแน่ๆ”

……………………………………………………………..

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

Status: Ongoing

จู่ๆ ก็มีดาวตกพุ่งลงมาที่โลก ทำเอาพื้นดินถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย

แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นกลับทำให้ 'ฟางหนิง' หัวโขกกับโต๊ะคอมพิวเตอร์จนสลบไป

ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเขามีระบบ ขณะที่กำลังจะดีใจว่าในที่สุดก็มีขาทองคำมาให้เกาะ

เจ้าระบบนั่นกลับประเมินว่าเขาเป็นโรคขี้เกียจระยะสุดท้าย ปล่อยไว้ไม่มีทางเจริญก้าวหน้า

และทำการยึดครองร่างของเขาซะงั้น!?

...

จากหนุ่มโอตาคุผู้แสนจะขี้เกียจที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ

กลับต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนโฉมตนเองเป็นฮีโร่คอยปราบปรามเหล่าปีศาจร้าย

ปกป้องเมืองที่ตนอยู่อาศัย และฝึกวิทยายุทธ์เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดนิ้วทองคำของระบบ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท