เมื่อผมโดนระบบครองร่าง – บทที่ 160 ฉันเจ๋งอย่างนี้ แกจะทำยังไง

บทที่ 160 ฉันเจ๋งอย่างนี้ แกจะทำยังไง

บทที่ 160 ฉันเจ๋งอย่างนี้ แกจะทำยังไง

มันยังพูดไม่ทันจบ วัตถุสีดำก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แล้วกระแทกหัวของมันเสียงดัง ‘ปัง’

“ไอ้บ้าเอ้ย เจ้ายังจะกล้าปาใส่ข้า! บุกเข้าไป ฆ่ามันซะ กองทัพของพวกมันถูกข้าทำลายแล้ว ไม่มีใครทำร้ายร่างกายพวกเจ้าได้!”

เมื่ออัศวิน A ขว้างเป็นครั้งที่สอง ผู้มีความแข็งแกร่งสูงบางคนถึงได้เห็นชัดว่าสิ่งที่เขาขว้างออกไปเป็นหนังสือสีดำพังๆ เล่มหนึ่ง…

งูจงอางร้องสั่ง กลุ่มสัตว์ปีศาจกระหายเลือดก็ทะยานเข้าชนกำแพง!

ก่อนหน้านี้ฟางหนิงไม่เคยเห็นรูปแบบการโจมตีเมืองในยุคใหม่มาก่อน ในที่สุดวันนี้เขาก็ได้เห็นมัน

เห็นคลื่นสีเหลืองปรากฏขึ้นฉับพลันจากเบื้องหน้าพวกสัตว์ปีศาจ สัตว์ปีศาจกระหายเลือดยังคงกระโจนไปข้างหน้าโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น

จากนั้นฟางหนิงก็มองเห็นหุบเหวมหึมาลึกเกือบหนึ่งร้อยเมตรและกว้างสิบกว่าเมตรราวกับหลุมยุบพลันปรากฏขึ้นระหว่างสัตว์ปีศาจกับกำแพง!

สัตว์ปีศาจกระหายเลือดที่คล่องแคล่วกว่ากระโดดข้ามหุบเหวไปได้ แต่เกือบหนึ่งในสามของพวกมันยังคงขาดเหตุผล สัตว์ปีศาจที่รู้แค่พุ่งชนลูกเดียวก็ถูกลากตกลงไปในหุบเหวยักษ์นั้น!

แน่นอนว่าฟางหนิงรู้ดีนั่นเป็นสัตว์ปีศาจระดับบ่อน้ำ เมื่อพูดตามทางการแล้ว พวกมันคือสัตว์ปีศาจที่เป็นผู้แข็งแกร่งอัจฉริยะระดับ A ซึ่งสูญเสียสติปัญญาไป หลังจากผ่านการฝึกฝนร่างกายมาหลายปี การป้องกันของร่างกายก็แข็งแกร่งไร้เทียมทานจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตกลงไปตายง่ายๆ…

“ฮ่าฮ่า มีปัญญาแค่นี้เองเหรอ ถึงคราวตายของเจ้าแล้ว!”

งูจงอางยังคงสั่งการให้สัตว์ปีศาจเดินหน้าโจมตีต่อไป มันเพิ่งพูดจบ ตัวของของมันก็สั้นลง แต่ “อัศวินหนังสือบิน” สีดำสนิทเล่มนั้นยังคงไม่สนใจการหลบหลีกของมัน ตรงเข้าโจมตีไปที่หัวงูแบนเรียบของมัน…

“เป็นไปไม่ได้ ทำไมข้าถึงหลบไม่พ้น เจ้าใช้ลูกไม้อะไรกันแน่”

ฟางหนิงงุนงงเช่นกันแต่เขารู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะดูการแจ้งเตือนของระบบ ถ้าเกิดระบบต้องการเรียกเขา เขาต้องเตรียมตัวให้พร้อม

ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงระงับความสงสัยไว้ก่อน รอจนกว่าจะสิ้นสุดศึกครั้งนี้ค่อยสอบถาม

งูจงอางตัวนั้นถอยหลังอย่างกะทันหันราวกับต้องการหลบการโจมตีของ ’อัศวินหนังสือบิน’ มันถอยห่างออกไปถึงหนึ่งพันเมตร เมื่อทุกคนมองจากกำแพงก็เห็นเพียงแค่จุดสีดำเล็กๆ เท่านั้น……

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะกังวลว่าคราวนี้อัศวิน A อาจจะโจมตีไม่ได้อีกแล้ว

อย่างไรก็ตามในวินาทีต่อมา เสียงหงุดหงิดโมโหของงูจงอางยังคงดังเข้ามาในหูของทุกคน

“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะโจมตีถูกข้าทุกครั้ง!”

‘โครม!’

“เจ้ารนหาที่ตาย!”

‘ปัง!’

ทุกคนบนกำแพงปกป้องค่ายกลและสกัดการโจมตีของสัตว์ปีศาจไปพลางแอบสงสัย ‘ดูเหมือนว่าอัศวิน A ทำอย่างนี้จะไม่ได้ประโยชน์เลย เขามีจุดประสงค์อะไรกันแน่’

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาพวกเขาก็รู้จุดประสงค์ของอัศวิน A แล้ว งูจงอางดูเหมือนจะถูกยั่วโมโห และดูเหมือนว่ามันกลายเป็นงูงี่เง่าในทันที ขณะที่พวกสัตว์ปีศาจยังไม่บาดเจ็บล้มตายมาก คราวนี้ไม่เหมือนเดิมเพราะมันนำลงมือก่อน!

มันไม่ให้ปีศาจกิ้งก่าสีเขียวที่อยู่ข้างมันตลอดลงมือด้วยซ้ำ และท่าทางของมันต้องการแก้แค้นอัศวิน A กับมือของมันเอง

มันไม่ได้ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังอีกต่อไป แต่เลื้อยเข้าไปที่ใต้กำแพงอย่างว่องไว ใกล้ขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ ห่างจากหุบเหวเพียงสามก้าวและห่างจากกำแพงค่ายไม่ถึงระยะยิงธนู!

ทุกคนเห็นหัวแบนเรียบเจ้าเล่ห์ และลำตัวงูยาวเหยียดที่น่าสะพรึงได้ชัดเจนอีกครั้ง

พวกเขาไม่เคยเห็นผู้แข็งแกร่งระดับบ่อน้ำที่เก่งที่สุดและเข้าใกล้กับระดับทะเลสาบลงมือมาก่อน

ตามคำแถลงอย่างเป็นทางการ ครั้งนี้จะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับ A ที่อยู่จุดสูงสุดและสมบูรณ์แบบลงมือต่อสู้เอง!

“ตอนนี้ข้าจะให้เจ้ามังกรแท้ทำลายงานใหญ่เป็นเทพของข้าได้ประจักษ์ไม้ตายที่แท้จริงของข้าสักหน่อย!! กระบวนท่าที่มังกรแท้ก็ไม่อาจต้านทานได้!

“การอพยพครั้งก่อนข้าวางพิษไร้รูปร่างที่ทำให้สับสน มันทำงานช้าๆ ไม่มีใครระแคะระคาย และยังกำหนดเป้าหมายผู้อ่อนแอที่ต่ำกว่าระดับ C เท่านั้น แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการกับกองทัพของพวกเจ้า

“เดิมทีข้าต้องการใช้กลอุบายล่อเสือออกจากถ้ำและให้เวลาเจ้ามังกรแท้อีกสองวัน รอจนกว่าพิษหัวใจของพวกมันจะทำงานเต็มที่และไม่มียาใดรักษาได้ แต่เจ้าฉลาดพอที่จะล่วงรู้แผนการของข้าก่อน นึกไม่ถึงจะทำให้เจ้าตายเร็วขึ้นสองวัน!”

“ตอนนี้ข้าจะให้เจ้าประจักษ์ถึงคำสาปสังหารที่ข้าฝึกฝนเพื่อจัดการผู้แข็งแกร่งระดับ A! ครั้งนี้เป็นการฆ่าในพริบตา”

คำพูดของงูจงอางดังก้องไปทั่วหุบเขา เฉียวจื่อเจียงที่อยู่บนกำแพงก็หน้าเปลี่ยนสี

เธอเตือนด้วยความกังวล “ทุกคน ระวังตัว! นี่คงเป็นคำสาปสังหารที่มุ่งเป้าดวงวิญญาณโดยเฉพาะ เจ้าอสรพิษตัวนี้จะไม่ต่อสู้กับคนโดยตรง แต่จะใช้วิธีที่ชั่วร้ายที่สุดเท่านั้น!”

งูจงอางเชส “หึๆ เจ้าเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมาก เดาได้เก่งดีนี่ แต่ไม่มีใครป้องกันได้!”

มันหัวเราะเยาะเย้ย ดวงตาของของมันพลันฉายแสงประหลาดสีเขียวจางๆ สองดวง และเมื่อแสงสีเขียวอ่อนสองดวงนี้ปรากฏขึ้นก็พุ่งไปที่ใครบางคนบนกำแพงทันที!

ทุกคนรู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัวและเตรียมพร้อมเต็มที่ในทันที

ในเวลานี้ คนส่วนใหญ่มองไปยังอัศวิน A โดยไม่รู้ตัว สงสัยว่าอัศวินผู้นี้ ท่านเทพมังกรแห่งจิตวิญญาณจะต้านทานคำสาปวิญญาณที่ชั่วร้ายได้หรือไม่

ทว่ามีคนหนึ่งรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากเมื่อพบว่าแสงสีเขียวอ่อนสองดวงพลันส่องไปที่บุคคลที่เธอห่วงใยและคนผู้นั้นดูเหมือนจะไม่รู้ตัว!

“คุณอา ระ…”

ก่อนที่เธอจะเตือนได้ทันก็มีเสียงน่าขนลุกดังขึ้นตามมาทันที “ขับไล่วิญญาณ วาจาศักดิ์สิทธิ์! เฉียวอันผิง ทำลายวิญญาณ!”

หา! ทุกคนเข้าใจว่าเป้าหมายของมันคือการโจมตีอัศวิน A ที่ยั่วโมโหมันเท่านั้น แต่คาดไม่ถึงเป้าหมายจะกลายเป็นเฉียวอันผิงแทน ฉลาดแกมโกงเสียจริง! มันไม่ได้กลายเป็นงูงี่เง่าสินะ

บนกำแพงเมือง เฉียวอันผิงที่กำลังต่อสู้เต็มกำลัง กำลังยิงลำแสงดาบสีแดงเลือดใส่ปีศาจที่พุ่งไปที่กำแพงเพื่อขัดขวางการโจมตีของพวกมันให้มากที่สุด เขาจดจ่อกับการฆ่าศัตรูมากจนไม่รู้ว่าเป้าหมายของแสงเขียวทั้งสองดวงจะเป็นเขา…

สิ้นเสียงของเชส เขาก็หยุดโจมตีทันที สีหน้าของเขาก็ตกใจ นัยน์ตาว่างเปล่า ทั้งตัวก็ล้มลงไปทันที!

ทุกคนตกตะลึงในทันที เฉียวจื่อเจียงน้ำตาไหลคลอเบ้า เธอคิดไว้อยู่แล้วจึงรีบเดินเข้าไปกอดคุณอาแล้วประคองอีกฝ่ายไว้

“คุณอา คุณอาจะต้องไม่เป็นอะไร!”

“อาเป็นทายาทมือสังหารของตระกูลเฉียว มีกลิ่นอายสังหารคุ้มกาย คำสาปมุ่งเป้าจิตวิญญาณเท่านั้นไม่มีทางทำร้ายอาได้!”

ทว่าเฉียวอันผิงดูเหมือนจะไม่ได้ยินที่เธอพร่ำร้อง เขาอยู่ในอ้อมแขนของหลานสาวไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ดวงตาของเขาไม่จับจุด ตัวเขาแน่นิ่งเหมือนกับรูปปั้นราวกับว่าเขากำลังสูญเสียวิญญาณ…

ไม่ว่าเฉียวจื่อเจียงจะตะโกนดังแค่ไหน เขาก็ไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย

“ฮ่าฮ่าฮ่า เขาถูกคำสาปของข้าทำลายดวงวิญญาณแล้ว ต่อจากนี้ไปเขาก็คือคนตายทั้งเป็น! น่ากลัวใช่ไหม! ถึงคราวของเจ้าแล้ว อัศวิน A!”

ที่แท้มันฆ่าเฉียวอันผิงก่อนก็เพื่อทำให้อัศวิน A ตกอยู่ในความกลัวนั่นเอง มันถูกความแค้นบดบังสติปัญญา นี่ไม่ใช่สิ่งที่บอสฉลาดๆ เขาทำกัน เพราะมันทำให้อัศวิน A ระมัดระวังตัวมากขึ้น…

แสงสีเขียวอ่อนสองดวงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่หัวของอัศวิน A!

อัศวิน A หลบวาบว่องไว แต่แสงจะเร็วแค่ไหนกัน แสงนั้นตรึงเป้าหมายที่หัวของเขา!

อัศวิน A ดูเหมือนจะไม่มีทางหลบหนีพ้น

“ขับไล่วิญญาณ วาจาศักดิ์สิทธิ์! อัศวิน A ทำลายวิญญาณ!”

ฟางหนิงเห็นสถานการณ์แล้วก็ตกใจ เฉียวอันผิงตายแล้วเหรอ เขาเป็นหนึ่งในหกผู้นำของสำนักงานสัจธรรมแห่งเสินโจวเชียวนะ ผู้แข็งแกร่งระดับ A ที่ได้รับการฝึกโดยองค์กร

เวลานี้ระบบไม่ได้แข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้มากนัก…

ในเวลานี้ ในใจของเขาตึงเครียดขึ้น แต่เขาพบว่าตัวเองนิ่งเฉยและไม่ได้รับผลกระทบเลย

เขารีบถาม “ระบบ แกยังสบายดีไหม!”

ระบบ “ไม่เป็นไร ชื่อที่มันตะโกนไม่ใช่ชื่อของฉัน…”

ฟางหนิงโล่งใจแล้วถามต่อ “เฉียวอันผิงตายแล้วจริงๆ เหรอ ผู้ชายคนนั้นหยิ่งยโสดูไม่เหมือนคนอายุสั้นเลย…”

ระบบ “เอ๊ะ โฮสต์ เรียนรู้ที่จะสังเกตและวิเคราะห์ลักษณะคนตั้งแต่เมื่อไหร่ เฉียวอันผิงสามดวงจิตเจ็ดวิญญาณ[1]บาดเจ็บสาหัส ไม่ต่างกับคนตายไปแล้วจริงๆ แต่ป้อนยาเสริมพลังวิญญาณให้เขาสองสามเม็ดก็ช่วยชีวิตได้แล้ว ทำไมเฉียวจื่อเจียงถึงได้เสียใจขนาดนั้นล่ะ”

ฟางหนิงโล่งใจเล็กน้อยเพราะเฉียวอันผิงเป็นพันธมิตร เขาจะรู้สึกไม่ดีถ้าเฉียวอันผิงตายจริงๆ

เขาหมดคำจะพูดกับระบบอีกครั้ง “เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่รู้ความสามารถของแก คิดว่าญาติของเธอตายแล้ว การร้องไห้จึงเป็นเรื่องปกติ แกไม่ใช่มนุษย์จะเข้าใจคุณค่าของครอบครัวได้ยังไงกัน”

ระบบ “ฉันไม่สนใจครอบครัวของเธอ แต่ฉันสนใจเงินของเธอ ฉันจำได้แค่ว่าเธอรวยมาก ครั้งแรกที่เราเจอกันเพราะเราฆ่าปีศาจสามตัวของตระกูลไป๋เพื่อช่วยพี่ชายของเธอฟื้นคืนพลัง เธอให้เงินเรา 50 ล้าน เดี๋ยวถ้าช่วยชีวิตอาของเธอแล้ว เธอควรจะให้เงินเราอีกห้าร้อยล้านจริงไหม”

ฟางหนิง “แกนี่มันชั่วร้ายจริงๆ…”

ฟางหนิงพูดอย่างนี้แต่ก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นที่เฉียวอันผิงยังไม่ตาย ดูเหมือนว่าอัศวิน A ที่ถูกแสงสีเขียวสองดวงอย่างมากที่สุดก็แค่ทำให้บาดเจ็บหนัก…

บัดนี้กลุ่มของสัตว์ปีศาจยังคงโจมตีกำแพง ค่ายกลป้องกันบนกำแพงมีลำแสงสว่างขึ้นสกัดกั้นไม่ให้เจ้าพวกนี้โจมตีเข้ามา

โชคดีที่พวกมันไม่มีเหตุผล ไม่เข้าใจจังหวะการโจมตี และยิ่งไม่เข้าใจจุดอ่อนของค่ายกล ไม่เช่นนั้นก็ยากที่จะบอกว่าพวกเขาจะต้านทานพวกมันได้นานแค่ไหน

แต่ในเวลานี้ทุกคนไม่มีใจระวังแนวป้องกันของกำแพง ทุกคนต่างจ้องไปที่อัศวิน A เป็นตาเดียว

พวกเขาคิดว่าเฉียวอันผิงตายแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาเศร้าและเจ็บปวด แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับความเจ็บปวด

ถ้าขืนอัศวิน A ตายอีกคน ผู้อาวุโสไห่ก็แก่เฒ่า แม้ว่าเขาจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับ A แต่พลังของเขาไม่ใช่ใช้กับการโจมตีสังหารได้ ผู้อาวุโสสวี่ก็เช่นเดียวกัน เขายังคงต้องรักษาคนในกองทัพ

ที่นี่ไม่มีนักสู้ระดับ A คนอื่นแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีใครยับยั้งงูจงอางตัวนี้ได้ และในไม่ช้าพวกเขาต้องหมดหวังแน่นอน…

ในเวลานั้น ดินแดนมรดกทั้งหมดจะถูกชาวเทียนจู๋แย่งชิงไป และรากฐานของสำนักงานสัจธรรมจะเสียหายอย่างมาก ในอนาคตจะไม่มีพลังแข็งแกร่งควบคุมสถานการณ์ที่ซับซ้อนของเสินโจว ไม่รู้ว่าต้องเสียสละมากมายเท่าใดถึงจะกอบกู้สถานการณ์ขึ้นมาได้บ้าง

ในเวลานี้เพราะระบบกับฟางหนิงคุยเรื่องไร้สาระกันอยู่ อัศวิน A จึงยืนเหม่อครู่หนึ่ง

ทุกคนที่ได้เห็นแม้ว่าจะผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนานและมีปณิธานที่เข้มแข็ง แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พวกเขาจะรู้สึกหมดแรง!

โชคดีที่ ปัง! เสียงที่คมชัดดังขึ้น ขับไล่ความรู้สึกหมดแรงของพวกเขา อัศวิน A ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร พวกเขายังมีความหวังอยู่ใช่ไหม

“บัดซบ เจ้ายังจะกล้าตีข้าด้วยหนังสือพังๆ เล่มนั้น เจ้ายังมีชีวิตอยู่อีกเหรอ ไม่ถูก! ไปตายซะ ทำไมจู่ๆ ในหัวของข้าถึงสับสน ข้าเอาชื่อลับที่สำนักงานสัจธรรมให้เจ้ามาเป็นชื่อจริง! ข้าเสียพลังไปเปล่าประโยชน์..”

เมื่อทุกคนได้ยิน ใครเป็นคนแรกที่ตั้งชื่อลับนี้ให้อัศวิน A กันนะ ดูเหมือนว่าจะช่วยชีวิตเขาไว้

แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็วิตกกังวลอีกครั้ง

“ขับไล่วิญญาณ วาจาศักดิ์สิทธิ์! ท่านเทพมังกรแห่งจิตวิญญาณ ทำลายวิญญาณ!”

ท่านเทพมังกรแห่งจิตวิญญาณเป็นชื่อของมังกรแท้ทั้งสองตัวที่ท่านมังกรขาวพูดเองกับปาก ครั้งนี้จะไม่เป็นไรใช่ไหม

ฟางหนิงพูดอย่างใจเย็น ชื่อนี้ฉันเป็นคนสร้างเอง…

ฟางหนิงสามารถเห็นรายละเอียดของคู่ต่อสู้ “มันเป็นคำสาปสังหารที่เจ๋งสุดๆ แต่ก็มีข้อจำกัด อยากจะได้ผลต้องใช้แสงสีเขียวประหลาดในดวงตากำหนดเป้าหมายคู่ต่อสู้ในระยะใกล้ และในคำสาปต้องเอ่ยชื่อจริงของอีกฝ่ายถึงจะเป็นผล”

ระบบ “ใช่ ฉันต้องยอมรับโฮสต์ คุณเจ๋งมาก ตั้งชื่อไอดีให้ตัวเองเยอะแยะและยังมองการณ์ไกลจริงๆ ตอนนี้ก็ช่วยฉันได้มาก”

คราวนี้ทุกคนไม่ต้องรอดูว่าอัศวิน A จะเป็นอย่างไร เพราะด้วยเสียง “ปัง” ทำให้ “อัศวินหนังสือบิน” โจมตีหัวงูอีกครั้ง!

“บ้าจริง ชื่อไหนเป็นชื่อของเจ้ากันแน่ ขับไล่วิญญาณ วาจาศักดิ์สิทธิ์! ท่านเทพมังกรขาว ทำลายวิญญาณ!”

ฟางหนิง: ไม่ว่าจะชื่อไหนก็ไม่ใช่…

“ยังมีชื่อสุดท้าย ขับไล่วิญญาณ วาจาศักดิ์สิทธิ์! อัศวินแห่งฉีเฉิง ทำลายวิญญาณ!”

ฟางหนิง: ยังไม่ถูกต้อง…

งูจงอางเชสโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

“ให้ตายเถอะ เจ้าเป็นอัศวินยิ่งใหญ่ไม่ใช่เหรอ ที่แท้เจ้าก็เป็นแค่คนขี้ขลาด! แม้แต่ชื่อจริงยังไม่กล้าใช้ เสียงเพลงที่เล่นก่อนหน้านี้สูงส่งขนาดนั้น วีรบุรุษอะไร อัศวินอะไร ถุย โกหกทั้งเพ!”

ฟางหนิง: ขอโทษที ฉันก็เจ๋งอย่างนี้ ไม่ใช้ชื่อจริง แกจะทำยังไง…

ไม่ใช่เพื่อป้องกันทักษะประหลาดของแกไม่ใช่หรือ ถ้ายุคใหม่ไม่มีสารเลวอย่างแก ฉันจะไม่ใช้สถานะของฟางหนิงหรือไง ตั้งชื่อไอดีมากมายขนาดนั้นให้ตัวเอง ฉันเองก็รำคาญใจเหมือนกัน…

มันยังอยากจะใช้คำสาปสังหารอีก แต่ไม่ได้ออกเสียงอยู่นาน ทุกคนถึงได้สังเกตเห็นร่างกายของมันหดตัวลงโดยที่ไม่รู้ตัว และมันหดตัวเกือบจะมากกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับตอนแรก

ระบบ “เยี่ยมมาก อสรพิษตัวนี้ไม่เพียงแต่จะงี่เง่า แต่ความแข็งแกร่งยังลดลงอย่างมาก ถึงเวลาที่ฉันจะลงมือแล้ว!”

…………………………………………………………..

[1] สามดวงจิตเจ็ดวิญญาณ (三魂七魄) หมายถึง สามดวงจิตคือฟ้า ดินและมนุษย์ เจ็ดวิญญาณคือรัก โลภ โกรธ หลง เศร้า กลัวและดีใจ

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

Status: Ongoing

จู่ๆ ก็มีดาวตกพุ่งลงมาที่โลก ทำเอาพื้นดินถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย

แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นกลับทำให้ 'ฟางหนิง' หัวโขกกับโต๊ะคอมพิวเตอร์จนสลบไป

ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเขามีระบบ ขณะที่กำลังจะดีใจว่าในที่สุดก็มีขาทองคำมาให้เกาะ

เจ้าระบบนั่นกลับประเมินว่าเขาเป็นโรคขี้เกียจระยะสุดท้าย ปล่อยไว้ไม่มีทางเจริญก้าวหน้า

และทำการยึดครองร่างของเขาซะงั้น!?

...

จากหนุ่มโอตาคุผู้แสนจะขี้เกียจที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ

กลับต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนโฉมตนเองเป็นฮีโร่คอยปราบปรามเหล่าปีศาจร้าย

ปกป้องเมืองที่ตนอยู่อาศัย และฝึกวิทยายุทธ์เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดนิ้วทองคำของระบบ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท