บทที่ 167 ถูกหลอกสนิท
บนเวทีฟางหนิงมองทุกคนที่ปรบมือเกรียวกราว ใบหน้าก็สงบนิ่ง ขณะที่ในใจลึกๆ เต็มไปด้วยความภาคภูมิ
ระบบทำตัวเด่นเพื่อเก็บชื่อเสียงเท่านั้น นอกนั้นมันไม่มีความรู้สึกอะไรทั้งนั้น แต่ฟางหนิงแตกต่างออกไป เขาเป็นมนุษย์และตอนนี้เขาได้มาถึงระดับหนึ่งแล้ว ความเพลิดเพลินทางจิตวิญญาณมักจะทำให้คนหลงใหลมากกว่าความเพลิดเพลินทางวัตถุ ไม่เช่นนั้นเขาจะติดเกมและนวนิยายได้อย่างไร แม้แต่อาหารรสเลิศก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
รู้สึกสบายใจที่ได้เสแสร้งต่อหน้าบุคคลสำคัญจากทั่วประเทศ คำโบราณว่าไว้ หากคนเราใช้ชีวิตเสแสร้งไม่เป็นจะต่างอะไรกับปลาเค็ม
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ไม่ว่าเลือกคนไหนในกลุ่มผู้ชมที่อยู่ด้านล่างเวทีขึ้นมา เขาก็ได้แต่แหงนหน้ามองเท่านั้น ทว่าตอนนี้พวกเขาเป็นเหมือนนักเรียนชั้นประถม ส่วนตัวเขาเองเป็นครูใหญ่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฟางหนิงก็รู้สึกฟินสุดๆ อย่าลืมว่าคนส่วนใหญ่แสดงความปรารถนา เพียงแต่บ้างก็ชัดเจน บ้างก็เก็บงำไว้ก็เท่านั้น
คำพูดเมื่อครู่เป็นเพียงคำกล่าวเปิดงานสั้นๆ ยังไม่ถึงอกถึงใจ ฟางหนิงคิดดูแล้วอยากจะพูดต่อ ขณะที่เขากำลังจะอ้าปากพูดก็ต้องอึ้งไป
‘ระบบกำลังพิจารณา…’
‘ระบบกำลังพิจารณา…’
‘ระบบเตรียมออกไปผดุงคุณธรรมแล้ว…’
ฟางหนิงตกตะลึงและรีบห้ามระบบงี่เง่าทันที “ให้ตายเถอะ แกไม่ได้เก็บตัวฝึกฝนอยู่เหรอ คิดจะทำบ้าๆ อะไรอีกเนี่ย”
ระบบ “คุณมัวแต่เสแสร้ง ไม่ได้ดูแผนที่ระบบหรือไง ตอนนี้ด้านล่างเวทีมีสีแดงสามจุด”
ฟางหนิงไม่มีวิธีการโกงแบบหลายเธรดอย่าง ‘จับปลาสองมือ’ และ ‘สองจิตสองใจ’ ย่อมไม่มีเวลาดู…
เขาคิดว่าตอนนี้ตนเองยังอยู่บนเวที ถ้ายืนเหม่อครู่หนึ่งไม่มีปัญหา แต่จะพูดคุยกับระบบต่อไปไม่ได้ เขาจึงหันไปพูดกับตาอ้วนหลิวที่อยู่ข้างๆ “ประธานหลิว ข้าเป็นผู้ฝึกฝน ไม่พูดมากแล้ว ขอส่งต่อเวทีนี้ให้พวกคุณละกัน”
ตาอ้วนหลิวพยักหน้ารับคำ เขาพอใจมากแล้วที่ท่านอัศวินผู้ชอบทำตัวลึกลับและทำอะไรเกินความคาดหมายพูดอะไรที่เข้าท่า
ฟางหนิงเดินลงเวทีแล้วก็มีพนักงานคนหนึ่งพาไปยังที่นั่งวีไอพี ถึงค่อยมีเวลาคุยกับระบบงี่เง่า
ฟางหนิง “ฉันจะดูแผนที่ระบบ แต่แกอย่าวุ่นวายล่ะ ถ้างานเละเทะแกจะไม่ได้เงินเลย”
ระบบไม่พอใจ “ฉันเป็นระบบประเภทที่คิดถึงแต่เงินทองจนลืมคุณธรรมเหรอ ถ้าตอนนี้ปล่อยคนร้ายที่ทำความผิดไป มันจะลดคุณสมบัติผดุงคุณธรรมของฉัน”
“ขอโทษที แกเห็นแก่เงินหลายครั้งแล้ว ฉันลืมไปว่าแกยังมีคุณสมบัติผดุงคุณธรรม” ฟางหนิงพูดพลางเปิดแผนที่ระบบดู พอดูแล้วก็พูดไม่ออก “มีคนกล้ามาขโมยของจริงๆ ด้วย ไม่เห็นชื่อเสียงเกรียงไกรของอัศวิน A อยู่ในสายตา ฉันเพิ่งเริ่มเล่นแผนแสร้งทำเป็นหมูอ่อนแอ แกยังไม่ทันกลายเป็นหมู นึกไม่ถึงก็มีคนมาหาเรื่องถึงที่แล้ว ถ้าแกกลายเป็นหมูจริงๆ จะไปมีประโยชน์อะไร”
ระบบ “เป็นหมูคุณก็เป็นไป ฉันไม่เอาด้วย…”
ฟางหนิงถึงกับพูดไม่ออก เขาคิดดูแล้วก็กำชับ “แกอยากลงมือก็ได้ อย่าลืมระวังตัว อย่าทำให้ฉันมีพิรุธล่ะ”
‘ระบบกำลังพิจารณา…’
‘ระบบกำลังพิจารณา…’
‘ระบบตัดสินใจทำความเข้าใจทักษะใหม่’
การแจ้งเตือนของระบบ
‘ระบบใช้คะแนนประสบการณ์ 1 ล้านคะแนน การแปลงโฉมระดับปรมาจารย์ เข้าใจ ‘ทักษะการพรางตัว’ ระดับต้นได้อย่างรวดเร็ว เอฟเฟกต์ก็คือ ปลอมแปลงกลิ่นอายพลังในระดับต่างๆ ตัวละครที่แกล้งบาดเจ็บควรจะแสดงความรู้สึก
ระบบใช้คะแนนประสบการณ์ 2 ล้านคะแนนเพื่ออัปเกรด ‘ทักษะการพรางตัว’ ระดับต้นเป็นระดับกลาง
ระบบใช้คะแนนประสบการณ์ 5 ล้านคะแนนเพื่ออัปเกรด ‘ทักษะการพรางตัว’ ระดับกลางเป็นระดับสูง
เอฟเฟกต์ปัจจุบัน: เฉพาะศัตรูที่มีระดับสูงกว่าระบบสองระดับเท่านั้นถึงจะเห็นเอฟเฟกต์ ‘ทักษะการพรางตัว’ ของระบบ’
ฟางหนิงพูดไม่ออก “เป็นจริงอย่างที่คิดไว้ ผลค่าประสบการณ์ที่แกจ่ายก็เหมือนกับจ่ายในเกมของฉันด้วย…”
จากนั้นเขาก็เริ่มดูแผนที่ระบบ
แผนที่แสดงจุดสีแดงสามจุดซึ่งยืนอยู่ตามมุมต่างๆ ของสถานที่จัดงาน ดูจากสถานที่จริงในแผนที่แล้วทั้งสามคนสวมชุดสูทสีดำและดูจริงจังมาก แต่สายตาของพวกเขาคอยมองไปรอบๆ
ฟางหนิงไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือเกมด้วยซ้ำ เพียงแค่ดูขนาดของจุดสีแดงก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาเป็นเพียงคนธรรมดา
เขาติดตามระบบผดุงคุณธรรมมานานแล้ว จนตอนนี้เขาสามารถแยกแยะระดับอาชญากรรมของอีกฝ่ายได้
โดยทั่วไปแล้วใครที่ถูกทำเครื่องหมายสีแดง ถ้าไม่ใช่เกิดขึ้นตอนที่ทำความผิด ก็เกิดจากความยึดติด
ระดับที่สีแดงผสมกับสีม่วงและสีดำแสดงถึงความรุนแรงของการกระทำความผิด ตัวที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ฟางหนิงเคยเห็นคือปีศาจแมลงที่เปลี่ยนเป็นสีดำสนิทก่อนที่จะตาย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของนักฆ่า
จุดสีแดงทั้งสามจุดมีสีม่วงปะปน ไม่ถือว่าเป็นระดับการทำความผิดร้ายแรง อย่างมากที่สุดก็แค่ระดับโจรธรรมดา
ดูจากเสื้อผ้าแล้วน่าจะเป็นพวกผู้ติดตามที่แอบแฝงเข้ามาและคงอยากจะฉวยโอกาสขโมยของบางอย่างกลับไป
ทว่าที่นี่มีอัศวิน A ผู้มีชื่อเสียงและยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนมาก ประสิทธิภาพต่ำเกินไป
ในเมื่อวัตถุดิบยาที่นำออกมาวันนี้เป็นสินค้าธรรมดาราคาถูก มิฉะนั้นคงไม่อาจผลิตได้ในเวลาแค่หนึ่งเดือนกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดยังคงเป็นหุบเขาล้ำค่าที่มีพลังชีวิตเข้มข้นและยังมีตระกูลของช่างเทคนิคหนู
อย่างแรกไม่มีทางขโมยไปได้ อย่างหลังหัวหน้าคือราชาหนูภูเขาตัวนั้นเจ๋งกว่ามนุษย์เสียอีก ไม่คิดจะมาขโมยพวกมันจะเป็นการดี
ฟางหนิงค่อนข้างงุนงง แต่ตอนนี้เขาไม่มีข้อมูลใดๆ จึงไม่มีความเห็นอะไร เขาจึงเอ่ยขึ้น “แค่พวกโจรกระจอก แกยังต้องลงมือเองอีกเหรอ ฉันแค่แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไปจับตัวพวกมันก็ได้แล้ว ทำอย่างนี้คงไม่ลดคุณสมบัติผดุงคุณธรรมของแกหรอกมั้ง”
ระบบกล่าว “ไม่ลดก็จริง แต่เสียเปล่าเยอะแน่…”
ฟางหนิงได้ยินการแจ้งเตือนของระบบ
‘ระบบใช้ปราณแท้ปล่อยออกไปข้างนอกเพื่อโจมตีหัวขโมย ได้แก่ เฉินซานขุย เหอซวงเฉียวและหลิวต้าซาน
…
ระบบได้รับคะแนนประสบการณ์ 300 คะแนน
ระบบได้รับคะแนนประสบการณ์ 100 คะแนน
ระบบได้รับคะแนนประสบการณ์ 200 คะแนน
ระบบได้รับปราณแท้เล็กน้อยและชื่่อเสียงอัศวินเล็กน้อย’
ฟางหนิงพูดไม่ออกหลังจากอ่าน “แค่เนื้อยุงเล็กๆ แกก็ยังไม่เว้น…”
ระบบ “สะสมทีละน้อยเดี๋ยวก็เยอะเอง”
…
เฉินซานขุยแสร้งทำเป็นเงยหน้าขึ้นฟังคำพูดของประธานหลิวบนเวที แต่แอบเดินช้าๆ ไปที่มุมหนึ่งของงาน ที่นั่นใกล้กับสวนสมุนไพรกำลังเติบโตเต็มที่ ดอกไม้ตูมช่อหนึ่งที่มีหนามแหลมกำลังชูช่อเข้ามาในงาน
เขาแต่งตัวเป็นบอดี้การ์ด ใบหน้าเคร่งขรึม ไม่มีใครดูออกว่าเขาเป็นผู้ร้าย ก่อนหน้านี้เขาได้รับมอบหมายให้มาที่หุบเขาลึกลับแห่งนี้เพื่อขโมยยาสมุนไพรกลับไป
เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของอัศวิน A มานานแล้ว ในตอนแรกเขาจึงปฏิเสธทันที
ตอนนี้การสื่อสารพัฒนาขึ้นมาก ครึ่งปีมานี้สารพัดกลุ่ม QQ และวีแชททุกประเภท คนวงในได้แอบแพร่ข่าวว่าอย่าไปหากินที่เมืองฉี เพราะนั่นคือการรนหาที่ตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามือของคุณสกปรก ชีวิตของคุณจะตกอยู่ในอันตราย ผ่านทางก็อย่าไปทางนั้นเด็ดขาด
ถ้าตกอยู่ในมือของหน่วยงานรักษาความมั่นคงทั่วไป หลังจากทำตามขั้นตอนยังมีโอกาสมีชีวิตรอด แต่อีกฝ่ายโหดเหี้ยมไร้ความปราณี คนที่ทำความผิดร้ายแรงถูกสังหารทันที อีกทั้งเบื้องหลังก็ดูเหมือนจะไม่ธรรมดา เพราะไม่เคยมีองค์กรใดทำให้เขาลำบากเพราะเรื่องนี้
แต่ผู้ว่าจ้างรายนี้ไม่ใช่แค่ให้ค่าตอบแทนสามล้านเท่านั้น อีกทั้งยังเผยเป็นนัยว่ารู้ร่องรอยของครอบครัวตนเองทั้งหมดเป็นอย่างดี ถ้าเขาปฏิเสธเขาคงจะต้องตาย
ทั้งถูกบังคับและหลอกล่อด้วยผลประโยชน์ เฉินซานขุยก็ยอมจำนนโดยเร็ว เขาคิดว่าในงานใหญ่เช่นนี้ อัศวิน A ที่อยู่ต่อหน้าแขกเหรื่อมากมาย หากเขาแค่หยิบสมุนไพรที่ไร้ค่าก็คงไม่มาเอาเรื่องกับตนเอง ต่อให้เอาเรื่องก็ไม่ถึงกับถูกฆ่า
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขายื่นมือออกไป ทั้งร่างก็ทรุดตัวลงกับพื้น
บ้าเอ๊ย ซวยแล้วจริงๆ หลังจากที่เฉินซานขุยทอดถอนใจแล้วก็รู้สึกโชคดีอีกครั้ง ‘ยังดีที่ในอดีตฉันไม่ได้ทำอะไรที่เลวร้ายเกินไป ไม่ถูกฟาดจนตายก็ถือว่าโชคดีแล้ว’
อีกคนสองคนก็มีชะตากรรมคล้ายกับเขา ไม่นานเขาก็จะเห็นสองพี่น้องที่ลงเรือลำเดียวกัน
…
ระบบ “เอาล่ะ โฮสต์ไปแจ้งเจ้าหน้าที่จับกุมพวกมันได้แล้ว”
ฟางหนิงพูดไม่ออก เขาไม่อาจแสร้งทำได้อีก เขาขี้เกียจเกินกว่าจะขยับตัวจึงเรียกเจิ้งต้าวที่อยู่ข้างๆ และสั่งสองสามคำ…
ผ่านไปครู่หนึ่ง เจิ้งต้าวกลับมาบอกว่าทั้งสามคนถูกจับกุมแล้วและพวกเขาให้การเต็มที่ ไม่ทันที่เจ้าหน้าที่จะได้เอ่ยถาม พวกเขาก็รีบแย่งเล่าจนหมดเปลือกก่อนทันที
ฟางหนิงขอให้เขาเล่าสถานการณ์โดยละเอียด
เจิ้งต้าวรายงานว่า “ทั้งสามคนสารภาพว่าพวกเขาถูกบุคคลลึกลับคนเดียวกันว่าจ้าง ชายคนนั้นได้ให้ค่าจ้างอย่างงามและข่มขู่คุกคามชีวิตของพวกเขา อันที่จริงพวกเขาไม่สนใจเรื่องค่าจ้าง พวกเขารู้ชื่อเสียงของท่านเทพ มาที่นี้เพื่อถวายหัว เพียงแต่คิดว่าไม่ได้ทำผิดใหญ่หลวง อย่างมากที่สุดก็ถูกท่านเทพฟาด หากไม่มาก็จะถูกฆ่าตาย พวกเขาจึงเสี่ยงมาที่นี่”
เมื่อฟางหนิงได้ฟังก็ตื่นตัวทันที “เจิ้งต้าว คุณพาสุนัขเหลืองไปด้วย คุณอ้างว่าที่บ้านมีเรื่อง ออกไปจากที่นี่เงียบๆ ก่อน”
เจิ้งต้าว “ท่านเทพ ร่างกายของท่านยังบาดเจ็บอยู่ กลับไปด้วยกันเถอะ”
ฟางหนิงท่าทางชอบธรรมน่าเกรงขาม “ที่นี่ยังมีคนธรรมดาหลายคนที่อ่อนแอ ในเมื่อข้ารู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติจะไม่สนใจได้ยังไง แต่เราอพยพคนจำนวนมากไม่ได้ง่ายๆ เกรงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังจะเริ่มเคลื่อนไหวก่อน”
เมื่อเจิ้งต้าวได้ฟังก็รู้สึกซาบซึ้งมาก เขาเข้าใจนิสัยของท่านเทพจึงไม่ได้พูดอะไรมาก หลังจากเดินหาอยู่สองสามรอบ เขาก็พบสุนัขเหลืองเซวป้าที่มุมหนึ่งของงาน สุนัขวีไอพีสองสามตัวกำลังห้อมล้อมมัน
เจิ้งต้าวก้มหน้าพูดว่า “อาจารย์เซว มีบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้าน ท่านเทพสั่งให้พวกเรากลับก่อนเวลา”
ทันทีที่สุนัขเหลืองเซวป้าได้ยิน ความเสียดายฉายแวบหนึ่งก็หายไป มันพยักหน้าพลางเอ่ยขึ้น “เอาล่ะ ในเมื่อเป็นคำสั่งท่านเทพ ขอให้ฉันบอกลาหญิงงามในหมู่สุนัขก่อน พวกเราไปกันทันที”
จากนั้นเจิ้งต้าวมองสุนัขเหลืองกับสุนัขวีไอพีสองสามตัวนั้นร่ำลากันอย่างอาลัยอาวรณ์แล้วเชิญพวกมันให้มาเที่ยวที่บ้านสัปดาห์หน้า
โดยเฉพาะสุนัขลาบราดอร์สีขาวเหมือนหิมะตัวหนึ่งอาลัยอาวรณ์กว่าใคร ดวงตาสุนัขส่งความรักให้
“พี่เซว พวกเราต่างเป็นคนบ้านเดียวกัน ตันตันทนรออีกหนึ่งสัปดาห์ไม่ไหว พรุ่งนี้ฉันจะให้เจ้านายพาไปหาพี่ที่บ้าน อย่าปฏิเสธฉันนะ…”
สุนัขเหลืองเซวป้ามองดูสุนัขวีไอพี แววตาที่มองกลับไปเย่อหยิ่ง “ไม่ต้องกังวล ฉันจะไปรับคุณเองเมื่อถึงเวลา พวกคุณไม่ต้องกังวล ทุกคนได้เท่าๆ กัน”
เจิ้งต้าวรู้สึกระอาเมื่อได้ยินคำพูดนี้ อาจารย์เซวป้าเพิ่งฝึกฝน ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ สำเร็จ ปกติมันทำตัวเหมือนสุนัขสุภาพบุรุษ นึกไม่ถึงตอนนี้จะไม่กระโตกกระตาก เปิดฮาเร็มอย่างจริงจังเหรอ
ท่านเทพ ตัวเขาเองและยังมีเจ้าสุนัขดำไป๋หลี่เท่อต่างก็ถูกมันหลอกไปตามๆ กัน…
ฟางหนิงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นตรงนั้น ถ้าหากรู้จะต้องถูกจัดการแน่
เขาเห็นเพียงเจิ้งต้าวออกไปพร้อมกับสุนัขเหลืองถึงค่อยโล่งใจ อัศวิน A มี ‘การช่วยเหลือจากพันลี้’ สามารถล่าถอยได้ทุกเมื่อ ส่วนคนอื่นๆ ก็รู้จักอัศวิน A แค่ผิวเผินไม่ใช่เป้าหมายของผู้อยู่เบื้องหลัง ฉะนั้น เขาไม่ต้องกังวล
…
ในเวลานี้ คนกลุ่มหนึ่งบนหน้าผากำลังมองลงไปยังหุบเขาเบื้องล่าง คนกลุ่มนี้ประกอบด้วยชายสองคนและหญิงหนึ่งคน ทั้งหมดเป็นคนผิวขาวที่มีตำแหน่งสูงสุด
หญิงผิวขาวหลับตาลงคล้ายกับจะสัมผัสอะไรบางอย่าง โดยอีกคนสองคนยืนขนาบข้างซ้ายขวาคอยคุ้มกันเธอ
……………………………………………….