เมื่อผมโดนระบบครองร่าง – บทที่ 176 กระต่ายตื่นตูม

บทที่ 176 กระต่ายตื่นตูม

บทที่ 176 กระต่ายตื่นตูม

ฟางหนิงบอกให้จ้าวอิ๋งเตรียมตัวสักหน่อยแล้วก็ผลักประตูเดินออกไป

แต่พอออกจากห้องแล้ว เขากลับไม่ได้ไปนั่งเล่นที่ห้องรับรองถัดไปและไม่ได้ไปนั่งรอบนรถเบนซ์ที่จอดอยู่ด้านล่าง แต่เลือกที่จะพูดคุยกับระบบ

“ฉันต้องรู้เขารู้เรา เธอไปซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ แอบฟังละกัน เรื่องนี้เธอถนัดอยู่แล้ว”

ระบบ “ฉันถนัดที่ไหนกัน…แต่ไหนแต่ไรฉันเป็นอัศวินตรงไปตรงมา คุณอย่ามาใส่ร้ายฉันสิ”

ฟางหนิง “งั้นแกอยากได้สัตว์เลี้ยงคุณภาพสูงไหม นี่ไม่ใช่การรับพันธมิตรร่วมรบ ถ้าไม่รู้รายละเอียดจะถูกหลอกเอาได้”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ระบบงี่เง่าก็เข้ามาครองร่างของฟางหนิงจนพบพื้นที่หลบซ่อนได้ เห็นได้ชัดว่าสัตว์เลี้ยงคุณภาพสูงมีความสำคัญกับมันมาก สถานที่ซ่อนตัวก็ดีกว่าที่ฟางหนิงต้องการมากทีเดียว ไม่เพียงแต่จะแอบฟังได้ ยังมองเห็นได้ด้วย

ฟางหนิงมองผ่านมุมมองของระบบ ไม่นานก็มองเห็นว่าในสำนักงานของจ้าวอิ๋งเกิดอะไรขึ้น

เห็นเพียงจ้าวอิ๋งนั่งอยู่หน้าโต๊ะพลางเอื้อมมือไปลูบหนูแฮมเตอร์สีขาวราวหิมะ เธอกำลังพูดคุยกับมัน

“เสี่ยวชาง เธอบอกว่าคราวนี้เธอเจอบอสตัวจริง ไม่ใช่หุ่นเชิดนั่นอีกต่อไปงั้นเหรอ”

ประโยคแรกของข่าวที่น่าตื่นตะลึงทำให้ฟางหนิงรู้สึกว่าสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ แม้ว่ามันจะดูไม่สง่างามแต่กลับมีประโยชน์มาก มิน่าใครๆ ก็ชอบแอบฟัง…

ตอนนี้เขาก็เอ่ยกับระบบ “ไม่แปลกใจเลยที่แกบอกว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่า มันเป็นคนแรกที่สามารถมองเห็นมนุษย์กลไกตัวแทนว่าเป็นตัวปลอม”

ระบบ “มองเห็นก็เห็นไปสิ ถึงยังไงถ้าตอนนี้ไม่ชนะก็เผ่นได้… ฉันจะไม่อัปเกรดเจ้ามนุษย์กลไกนั่นอีก ยังต้องเก็บสะสมค่าประสบการณ์ไว้ทำอุปกรณ์อีก”ฟางหนิงพูดไม่ออก “แกหยิ่งทรนง แต่ฉันไม่เย่อหยิ่งเท่าแก เดี๋ยวฉันจะหาโอกาสหลบไปแล้วค่อยปล่อยมนุษย์กลไกตัวแทนออกมา ปล่อยให้พวกเขาเข้าใจผิดต่อไปนึกว่าร่างจริงของฉันซ่อนตัวอีกแล้ว”

เขาดูต่อไปก็เห็นหนูแฮมสเตอร์ตัวนั้นขยับปากไม่กี่ครั้ง แต่กลับไม่เปล่งเสียงออกมา เห็นได้ชัดว่ากำลังแอบส่งเสียงลับให้กับจ้าวอิ๋ง ช่างขี้ขลาดเสียจริง ในห้องทำงานก็ไม่มีคนอื่นและไม่มีกล้องวงจรปิด นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะไม่ยอมอ้าปากพูด ทำให้ระบบที่แอบฟังอยู่ไม่ได้ยินอะไรเลย…เห็นเพียงจ้าวอิ๋งเอ่ยน้ำเสียงไม่พอใจ “เสี่ยวชาง เธออย่าทำตัวขี้ขลาดตาขาวแบบนี้สิ ไม่มีใครแอบฟังเราหรอก บอกฉันมาดีๆ ฉันมีเวลาเรียนวรยุทธ์จากเธอน้อยมาก ฉันยังใช้การส่งเสียงลับไม่คล่องจะใช้ก็ลำบากเกินไป”

ทว่ายังไม่มีเสียงใดเปล่งออกมา หนูแฮมสเตอร์ตัวนั้นยังคงขยับปากแต่ก็ไม่เปล่งเสียง ฟางหนิงจึงอดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบน เจ้าแฮมสเตอร์ รีบทำตามที่เจ้านายของแกสั่ง ขืนแกทำแบบนี้ต่อไป ฉันต้องถามหน่อยระบบอ่านภาษาปากได้หรือไม่

ผ่านไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนจ้าวอิ๋งจะฟังการอีกฝ่ายส่งเสียงจบแล้ว”ไม่เป็นไรๆ แกไม่ต้องกลัวว่าเถ้าแก่จะแอบฟังหรอก เขาไม่มีความคิดอย่างนั้น ก่อนหน้านี้ถ้าแกไม่เตือนฉันเองก็ไม่รู้ หมอนี่วันๆ อยู่บ้านเล่นเกม ยังขี้เกียจจนใช้หุ่นเชิดแทนตัวออกมาทำงาน ฉันนับถือจริงๆ พลังพิเศษของเขามีประโยชน์มาก ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกถึงเลย…”

ฟางหนิงดีใจมากที่จ้าวอิ๋งพูดครั้งนี้ ทำให้ในที่สุดแฮมสเตอร์ก็เปล่งเสียงออกมาแล้ว

มันเป็นน้ำเสียงที่อ่อนนุ่มของวัยเยาว์ เห็นได้ชัดว่าไม่เหมือนกับตัวเองที่เป็นมือเก่า นั่นบ่งบอกได้ว่าเราเล่นเกมมนุษย์หมาป่าด้วยกันไม่ได้ คนอื่นๆ จะคิดว่าเสียงของตัวเองนั้นแก่เกินไป…

หนูแฮมสเตอร์เอ่ยอย่างค่อนข้างจนปัญญา “ฉันบอกให้นะพี่อิ๋ง พี่อย่าใจร้อนเกินไปนัก สมัยนี้อันตรายเกินไป ดูอย่างเถ้าแก่ของพี่มีทักษะการทำอาหารที่ยอดเยี่ยมยังกลัวว่าจะถูกผู้แข็งแกร่งคนนั้นคนนี้คิดถึง ทุกวันใช้หุ่นเชิดออกมาเป็นกันชนกับสิ่งชั่วร้าย ไม่มีใครรู้ว่าตัวจริงของเขาซ่อนอยู่ที่ไหน ช่วงหลายเดือนมานี้ก็เพิ่งจะเผยโฉมออกมาครั้งแรก เขาฉลาดเป็นกรดขนาดไหน”

จ้าวอิ๋งกลอกตา “ฟังน้ำเสียงแล้ว เธออิจฉาเขามากใช่ไหมล่ะ”

หนูแฮมสเตอร์พยักหน้า “ใช่สิ ใช่สิ ฉันต้องอิจฉาเขาแน่นอน เขาหาเงินได้มากมายขนาดนั้น แถมยังนั่งเล่นนอนเล่นได้อย่างสบายใจ ยังไม่ต้องคอยกังวลจะถูกผู้มีอำนาจจับตัวไปกะทันหัน ฉันไม่ไหวแล้ว คุณชายชาง… ไม่ ความสามารถของฉันมีค่ามากกว่าเจ้านายของพี่มาก ถ้าฉันทำตัวโดดเด่นกว่านี้จะตกเป็นเป้าของคนร้าย ฉันยังมีหนทางหนีรอดก็แค่กลัวว่าพี่จะพลอยลำบากไปด้วย”

จ้าวอิ๋งเงยหน้าขึ้นพูดอย่างไม่แยแส “กลัวอะไรล่ะ เทพบุตรของฉันอยู่ที่เมืองฉี เขาสืบสายเลือดมังกรแท้ ชาติตระกูลสูงศักดิ์และพลังแข็งแกร่ง โลกนี้ไม่มีใครเทียบได้ อีกหน่อยพวกเราจะใช้ชีวิตทำงานที่นี่อย่างปลอดภัยสบายใจ ที่นี่ปลอดภัยที่สุดแล้ว”แฮมสเตอร์พยักหน้าหงึกๆ อีกครั้ง “ใช่ๆ พี่อิ๋ง พี่พูดถูกเผงเลย อย่าลืมเรื่องที่ฉันเคยขอร้องพี่ไว้ล่ะ”

จ้าวอิ๋งใบหน้ามั่นใจ “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง ฉันสนิทสนมกับเทพบุตรของฉันมากๆ ถึงตอนนั้นเธอไปกับฉันก็พอ ฉันแค่บอกเขาก็เรียบร้อย”

แต่หนูแฮมสเตอร์กลับลังเล “ช่างเถอะ ถึงยังไงฉันไปขอร้องเถ้าแก่ของพี่เองดีกว่า พี่บอกว่าเขาเป็นคนคุยด้วยง่ายไม่ใช่เหรอ ฉันจะให้ประโยชน์บางอย่างแก่เขาสักหน่อย ให้เขาพาฉันไปพบเทพบุตรของพี่”

น้ำเสียงของจ้าวอิ๋งฟังดูไม่ค่อยพอใจ “แล้วยังไงละ เสี่ยวชางคิดว่าฉันหน้าไม่ใหญ่พองั้นเหรอ”

เสี่ยวชางตอบพลางพยักหน้า “ใช่แล้ว ทักษะการทำอาหารของเถ้าแก่พี่ยอดเยี่ยมมาก นอกจากนี้ยังพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วอีกด้วย แค่ระดับของเขาในตอนนี้เกรงว่าคงไม่มีใครเทียบได้ในโลกนี้ มังกรแท้ให้ความสำคัญเขามาก หน้าเขาใหญ่กว่าที่พี่คิดมาก เขาต้องพูดได้ดีกว่าพี่แน่…”

เมื่อฟางหนิงฟังมาถึงตรงนี้ก็อับจนคำพูดไปหมด เด็กคนนี้ช่างซื่อสัตย์ซะจริง

แฮมสเตอร์ตัวนี้ยังพูดไม่จบ นิ้วมือเรียวยาวของจ้าวอิ๋งก็บิดใบหูเล็กๆ ทั้งสองข้างของมัน

เสี่ยวชางร้องอย่างเจ็บปวด “โอ๊ยๆ หยุดๆ เจ็บนะ อย่าบิดหูฉันสิ ฉันจะไม่พูดแล้วตกลงไหม”

จ้าวอิ๋ง “นั่นก็พอได้ ไม่คุยเล่นกับเธอแล้ว ฉันจะไปแต่งหน้าแต่งตัว เธอจิตใจโลเลผัดวันประกันพรุ่ง เรื่องมาถึงตัวแล้วก็เปลี่ยนใจ ในเมื่อไม่ไว้ใจฉัน งั้นฉันจะโทรหาเถ้าแก่ เธอค่อยไปหาเขา ขอร้องให้เขาพาไปพบละกัน”

เสี่ยวชางน้ำเสียงจริงใจ “งั้นก็ขอบคุณพี่สาว ใช่แล้ว ฉันจะเตือนพี่อย่างหนึ่ง พี่อย่ามัวแต่แต่งหน้าแต่งตัว เถ้าแก่พี่ให้เตรียมตัวออกเดินทางพร้อมกัน ฉันฟังดูแล้วความหมายของเขาไม่ใช่แค่ให้พี่แต่งหน้าแต่งตัวไปเจออีกฝ่าย…”

จ้าวอิ๋งอึ้งไปครู่หนึ่ง ไม่นานเธอก็เข้าใจ “ยุ่งยากจริง ตอนนี้ฉันไม่มีวรยุทธ์ ฉันจะโทรหารองผู้จัดการ ให้เขาจัดเตรียมคนงานกับวัตถุดิบไปด้วย”

ฟางหนิงมองมาถึงตรงนี้ก็ผ่อนคลายลง เจ้าหนูแฮมสเตอร์ตัวนี้มีสองคนซ่อนอยู่ข้างใน คนหนึ่งนั้นแข็งแกร่งกว่าจ้าวอิ๋งไม่รู้เท่าไร แต่ก็เหมือนกับคนในครอบครัวที่ยอมให้อีกฝ่ายกดขี่

ระบบประเมินแนวโน้มความดีความชั่วของพวกเขาได้ไม่ผิดสักนิด

กฎของระบบกำหนดหลักการสำคัญข้อหนึ่งที่ใช้ประเมินบุคคลนั้นชอบธรรมก็คือใช้กำลังเอาเปรียบผู้อื่นหรือไม่

ฟางหนิงยังพบเรื่องสำคัญอีกหนึ่งอย่าง แค่เรื่องเล็กน้อยอย่างการพบอัศวิน A หนูแฮมสเตอร์ตัวนี้ยังลังเลใจ ไหว้วานคนรอบตัว ท่าทางกลัวว่าตัวเองจะถูกปฏิเสธ ถ้าไม่ใช่เพราะมันขี้ขลาดมาก อย่างนั้นก็เป็นเพราะชื่อเสียงของอัศวิน A โด่งดังมาก

ดูท่าเรื่องที่ระบบอยากได้สัตว์เลี้ยงคุณภาพสูงตัวนี้ก็จะง่ายดายมาก

เมื่อแอบมองและฟังจบแล้ว ฟางหนิงก็บอกให้ระบบเข้าไปในห้องรับรองที่อยู่ติดกันแล้วเปิดคอมพิวเตอร์มาเล่นเกม

ไม่นานเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น แน่นอนว่าเป็นจ้าวอิ๋งโทรมา อีกฝ่ายถามว่าเขาอยู่ที่ไหน เธออยากจะพาเจ้าแฮมสเตอร์ตัวนั้นมาคุยด้วย หวังอยากจะให้ฟางหนิงช่วยเหลือ

ฟางหนิงตอบรับอย่างเต็มใจ ไม่นานนักประตูห้องรับรองก็มีเสียง “ก๊อกๆ” ดังขึ้น

ฟางหนิงรู้ว่าจะต้องเป็นแฮมสเตอร์ขี้ขลาดตัวนั้นแน่ เขาไม่ได้ลุกขึ้น เพียงแค่ยื่นมือออกไป ประตูก็เปิดออกเอง

บอกได้เลยว่าฝึก ‘การเปลี่ยนร่างมังกร’ มาจนถึงตอนนี้ มันมีประโยชน์มากจริงๆ พลังจิตของตัวเองประสบความสำเร็จบ้างแล้ว การเปิดประตูจากระยะไกลหรือหยิบของเล็กๆ น้อยๆ สบายมาก

แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ระบบกลับบอกว่าตัวเองเป็นแค่คนธรรมดาระดับเม็ดข้าว เห็นได้ชัดว่าการทำอย่างนี้ไม่ใช่คนธรรมดาจะทำได้

หลังจากประตูเปิดออก หนูแฮมสเตอร์สีขาวราวหิมะก็คลานเข้ามาจากหน้าประตูท่าทางนอบน้อม จากนั้นก็ปีนอย่างคล่องแคล่วขึ้นไปบนโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่ฟางหนิงนั่งแล้วสบตาเขา

“สวัสดี” ฟางหนิงยกมือทักทาย

หนูแฮมสเตอร์มองประเมินเขาอย่างละเอียดตั้งแต่หัวจรดเท้าถึงค่อยเอ่ยตอบ “สวัสดี ฉันชื่อเสี่ยวชาง เป็นเพื่อนของพี่อิ๋ง พี่อิ๋งเพิ่งจะโทรบอกคุณเมื่อครู่”

ฟางหนิง “อืม ฉันรู้แล้ว ผู้จัดการจ้าวเพิ่งจะบอกว่าคุณอยากให้ฉันพาไปพบกับท่านเทพมังกรแห่งจิตวิญญาณ เห็นแก่หน้าของผู้จัดการจ้าวแล้ว เรื่องเล็กน้อยอย่างนี้ไม่ใช่ปัญหาแน่นอน”

ฟางหนิงคิดในใจแน่นอนว่าไม่ใช่ปัญหา ตอนนี้แกก็ได้เจอแล้วไง รีบๆ ก้มหัวคารวะ ฉันจะได้มีเวลาพักผ่อนอีกสองวัน…

เมื่อหนูแฮมสเตอร์ได้ยินก็ดีใจมาก มันพยักหน้า “งั้นเสี่ยวชางขอขอบคุณเถ้าแก่ฟาง ใช่แล้ว ฉันจะเตือนเถ้าแก่ฟางสักหน่อย เมื่อเร็วๆ นี้มีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่าพื้นที่ในฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ไม่ค่อยมั่นคง ค่อนข้างอันตรายกับผู้แข็งแกร่งที่มีระดับ B ลงไป ช่วงนี้คุณอย่าเพิ่งไปทำงานแถวนั้น”

ฟางหนิงได้ฟังก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่ ‘เพื่อนคนหนึ่ง’ ที่พูด เพื่อนคนนั้นก็คือตัวมันเอง

หนังสือเกมบอกว่ามันรับรู้ถึงอันตรายได้ไวมาก แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะสัมผัสถึงอันตรายได้ไกลขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ระบบอยากได้มัน มันมีความสำคัญกับโอกาสรอดชีวิตอย่างเห็นได้ชัด

ฟางหนิงเอ่ยพลางพยักหน้า “อืม ขอบใจคุณมาก แม้มันจะไม่มีประโยชน์เพราะปกติฉันไม่เดินทางไกล”

เมื่อเสี่ยวชางได้ยินก็อึ้งไม่พูดอะไรอยู่นาน

จริงๆ แล้วตอนนี้ ในสมองของเสี่ยวชางมีคนสองคนกำลังสนทนากัน

ไป๋รั่วชางเอ่ยอย่างจนปัญญา “คุณชายชาง คุณดูไอ้คนนี้สิพูดตรงยิ่งกว่าผมอีก…”

คุณชายชางหัวเราะเหอะๆ “เหมือนนายเลย…พวกนายน่าจะเป็นเพื่อนกันได้นะ ฉันรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไม่เป็นอันตราย ไม่ทำร้ายพวกเราหรอก”

หลังจากไป๋รั่วชางได้ฟังก็ตอบว่า “งั้นผมก็วางใจแล้ว เขาก็ชอบอ่านนิยายเหมือนกัน ผมจะคุยเล่นกับเขา ยังไงก็ว่างไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว”

ฟางหนิงจึงเห็นว่าหนูแฮมสเตอร์ตัวนั้นผ่อนคลายลง ไม่อึดอัดอีกต่อไป

เขาได้ยินมันชวนคุย “ได้ยินมาว่าเถ้าแก่ฟางชอบอ่านนิยายมาก ฉันก็ชอบอ่าน ไม่รู้ว่าเคยได้ยินชื่อหนังสือ XXXX ไหม”

ฟางหนิงพยักหน้าตอบ “แน่นอนว่าเคยอ่าน ตอนนี้มันฮิตมากแต่ฉันเริ่มชอบพวกที่จินตนาการเยอะๆ อย่างเช่น XXXXXXX นั่นดีมาก ฉันขอแนะนำให้คุณ”

การประเมินของหนังสือเกมสุดที่รักนั้นยอดเยี่ยม ฟางหนิงรู้ว่าเวลานี้จะต้องเป็น ‘ไป๋รั่วชาง’ ที่ควบคุมร่างนี้ อีกฝ่ายชอบอ่านนิยาย มีส่วนที่คล้ายกับเขามาก

ไม่นานทั้งสองก็คุยกันอย่างออกรส จนกระทั่งจ้าวอิ๋งที่แต่งตัวพิถีพิถันเสร็จแล้วผลักประตูเข้ามาก็เห็นหนึ่งคนกับหนึ่งหนูชี้นั่นนี่ที่คอมพิวเตอร์

“เล่มนี้เขียนได้ดี”

“น่าเบื่อไปหน่อย”

“แต่ก็ยังพอรับได้”

จ้าวอิ๋งเคาะประตูแล้ว แต่ทั้งสองที่กำลังจัดสัมนาเพื่อนหนังสือกันอยู่กลับไม่ได้ยิน เธอจึงผลักประตูเข้ามาเอง

เมื่อเธอเห็นท่าทางนี้ ในใจรู้สึกว่าไม่ค่อยเข้าที นอกจากจะเก็บมันขึ้นมาจากถนน ไม่ง่ายกว่าจะเลี้ยงหนูแฮมสเตอร์ตัวนี้จนโตเป็นผู้ใหญ่ แถมเชื่อฟัง ทำงานเยี่ยม แอ๊บแบ๊วได้และใช้กำลังได้ มันจะถูกเถ้าแก่ลักพาตัวไปงั้นเหรอ

แต่สักพักเธอก็โล่งใจ เธอกระต่ายตื่นตูมไปเอง ตัวเองยังไม่รู้นิสัยของเถ้าแก่คนนี้อีกหรือไง เขาจะมีเวลาเลี้ยงสัตว์ที่ไหนกัน

อย่าเห็นว่าตอนเก็บเจ้าหนูแฮมสเตอร์มามันป่วยใกล้ตาย แต่พอเลี้ยงแล้วถึงรู้ว่ามันจู้จี้เรื่องมาก ที่อยู่ก็ต้องสะอาดสะอ้าน สกปรกนิดหน่อยก็ไม่ได้ อาหารก็ต้องพิถีพิถันและรสชาติอร่อย ไม่อย่างนั้นมันจะนอนเฉยๆ ไม่ฟังคำสั่ง อย่าคาดหวังว่ามันจะเชื่อฟังแต่โดยดี

……………………………………………………..

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

Status: Ongoing

จู่ๆ ก็มีดาวตกพุ่งลงมาที่โลก ทำเอาพื้นดินถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย

แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นกลับทำให้ 'ฟางหนิง' หัวโขกกับโต๊ะคอมพิวเตอร์จนสลบไป

ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเขามีระบบ ขณะที่กำลังจะดีใจว่าในที่สุดก็มีขาทองคำมาให้เกาะ

เจ้าระบบนั่นกลับประเมินว่าเขาเป็นโรคขี้เกียจระยะสุดท้าย ปล่อยไว้ไม่มีทางเจริญก้าวหน้า

และทำการยึดครองร่างของเขาซะงั้น!?

...

จากหนุ่มโอตาคุผู้แสนจะขี้เกียจที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ

กลับต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนโฉมตนเองเป็นฮีโร่คอยปราบปรามเหล่าปีศาจร้าย

ปกป้องเมืองที่ตนอยู่อาศัย และฝึกวิทยายุทธ์เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดนิ้วทองคำของระบบ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท