บทที่ 179 ฉันอยากจะเอาคนคนหนึ่งที่โคตรเจ๋งเข้ามา
ฟางหนิงช่วยให้ระบบได้รับสัตว์เลี้ยงคุณภาพสูงอย่างหนูแฮมสเตอร์หนึ่งตัว ตอนนี้มันกำลังขยันขันแข็งฝึกฝน ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ ความกระตือรือร้นนั้นเหมือนกับเด็กเรียนเก่ง…
ระบบเป็นเด็กเรียนเก่งด้านวรยุทธ์การต่อสู้ที่บดขยี้ทุกสิ่ง ส่วนสุนัขเหลืองเป็นเด็กเรียนเก่งด้านการอ่าน และยังมีเด็กเรียนเก่งอีกคนหนึ่งในด้านการฝึกฝน
สำหรับเจิ้งต้าวนั้นไม่ต้องพูดถึง เขาเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์และเป็นเด็กเรียนเก่งที่มีอีคิวระดับสูงสุด…
เขารายล้อมไปด้วยเด็กเรียนเก่งมากมาย เด็กเรียนห่วยแบบตัวเองก็ไม่มีแรงกดดันอะไรมาก…
เด็กเรียนเก่งเยอะก็ยิ่งดีสิ ตัวเองถึงจะเป็นเด็กเรียนห่วยก็แอบเกียจคร้านต่อไปได้ เพราะที่สุดแล้วเด็กเรียนเก่งก็ต้องรับใช้เด็กเรียนห่วยอยู่ดี
เรื่องไหนที่ไม่เข้าใจและจัดการได้ยากก็โยนให้พวกเด็กเรียนเก่งทำก็ได้แล้ว ส่วนตัวเองแค่เต็มไปด้วยจินตนาการ เล่นสนุกไปเรื่อยๆ ก็พอแล้ว
จริงสิ ยังมีเจ้าสุนัขดำที่เป็นเด็กเรียนห่วยเป็นเพื่อนกัน รอให้พลังของมันฟื้นคืนก็จะกลายเป็นนักสู้มืออาชีพ
น่าเสียดายที่เจ้าอินทรีสวรรค์เพื่อนรักค่อนข้างฉลาดน้อย งานอดิเรกของมันคือโบยบินอย่างอิสระ ตอนนี้ไม่รู้ว่าบินไปถึงไหนแล้ว คาดว่าก็คงเป็นพวกเรียนห่วยเหมือนกัน…
เขาจัดวางตำแหน่งและบทบาทของตัวละครเป็นอย่างดีแล้วก็นึกถึงเรื่องแผ่นดินสั่นสะเทือนกะทันหันเมื่อครู่นี้ เรื่องนี้จะต้องตรวจสอบให้ชัดเจน
เมื่อก่อนต้องใช้หัวสมองมากแต่ตอนนี้เขาไม่ต้องกังวลแล้ว ฟางหนิงเรียกเจิ้งต้าวมาพบให้เขาไปตรวจสอบข่าวสารที่เกี่ยวข้องไม่นานนักเจิ้งต้าวก็กลับมารายงาน เพียงแต่ในน้ำเสียงแฝงความกังวล “ท่านเทพ สำนักสัจธรรมอ้างมันเป็นแค่การเคลื่อนที่ของเปลือกโลกธรรมดาๆ ไม่มีเหตุใดผิดปกติ ไม่จัดเป็นเหตุการณ์พิเศษแต่อย่างใดและไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับหน่วยงานเพื่อติดตาม ข่าวสารออนไลน์บอกว่ามีเพียงหน่วยกิจการพิเศษบางท้องถิ่นที่ถ่ายภาพความเสียหายของสิ่งปลูกสร้างได้ แต่ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
“ผมยังติดต่อองค์กรข่าวกรองใต้ดินบางแห่งเช่นฮัมมิ่งเบิร์ดด้วย ข้อมูลที่พวกเขาให้มานั้นสับสนมากทีเดียว บ้างก็บอกว่ามีสัตว์ประหลาดถือกำเนิดขึ้น บ้างบอกว่ามันเป็นเพียงแผ่นดินไหวธรรมดา และบ้างก็อ้างว่าภูเขาไฟระเบิด แต่กลับไม่มีหลักฐาน จึงไม่มีทางที่จะตรวจสอบยืนยันได้”
ฟางหนิงได้ฟังก็ปวดหัว เขาขี้เกียจที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องประหลาดนี้ นึกถึงที่หนูแฮมสเตอร์เตือนภัยตนเองมาก่อนจึงเรียกคุณชายชางที่กำลังทุ่มเทฝึกฝนมาหาทันที
คุณชายชางหยุดการฝึกฝน เมื่อได้ยินท่านเทพมังกรแห่งจิตวิญญาณสอบถามมันเรื่องนั้น มันก็บอกทุกอย่างที่รู้ในทันที
มันรู้เรื่องวงในอย่างที่คาดจริงๆ
คุณชายชางตอบอย่างเคร่งขรึม “เท่าที่ข้าสัมผัสได้แผ่นดินสั่นไหวน่าจะมาจากเทือกเขาทางตะวันตกเฉียงใต้ ข้าถือกำเนิดในราชวงศ์หนูยักษ์ ตอนที่ขึ้นมาบนโลก ก็พอจะเคยได้ยินมาบ้างเรื่องการวางรากฐานของเผ่าหนูยักษ์ในโลกนี้ ได้ยินมาว่าสามารถพลิกฟ้าพลิกพื้นดิน เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น
เพียงแต่สถานการณ์ภายในโดยละเอียดนั้นมีเพียงคนที่ทำงานเท่านั้นที่รู้ แม้แต่ตัวข้าก็ไม่เคยไปสืบเรื่องนี้ พวกมันน่าจะทำเต็มที่เพื่อปิดข่าว ฉันจึงรู้สึกว่าที่นั่นมีอันตรายซ่อนอยู่”
ฟางหนิงได้ฟังก็รู้สึกกดดันอีกครั้ง สำนักสัจธรรมมีไพ่ตายและข้อมูลภายในที่ซ่อนอยู่ จึงสามารถกำราบยอดฝีมือระดับบ่อน้ำสามคนได้ในคราวเดียว และยังมีการแข่งขันหุ่นยนต์พลังจิตที่ช่วยสนับสนุนกำลังทหารในอนาคต ส่วนคนอื่นๆ ก็ไม่ได้อยู่เฉย มันไม่ใช่เกมที่เล่นได้ด้วยตัวเองคนเดียว
เผ่าหนูยักษ์นั้นมีอิทธิพลมาก ใต้ผืนแผ่นดินทั้งหมดเป็นโลกของพวกมัน ตอนนี้ในที่สุดพวกมันก็เคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ดูท่าตนเองจะนิ่งเฉยไม่ได้แล้ว
ฟางหนิงให้หนูแฮมสเตอร์กลับไปฝึกฝนต่อและกำชับเจิ้งต้าวให้จัดงานเลี้ยงอำลาเพื่อนร่วมงานทั้งสอง พรุ่งนี้จะปล่อยให้พวกเขาออกเดินทางไปฝึกฝน
เขาเลิกคิดที่จะเล่นสนุกเพราะต้องไปทำเรื่องใหญ่อีกเรื่องถึงจะสบายใจได้
…
ภายในห้องอาหารวิลล่าฟาร์มของอัศวิน A เจิ้งต้าวทำหน้าที่ในนามของท่านเทพมังกรแห่งจิตวิญญาณ เขาบอกกับเพื่อนร่วมงานทั้งสองว่า หลังจากงานเลี้ยงจะส่งพวกมันไปฝึกฝนที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อช่วยให้พวกมันฟื้นฟูพลังได้เร็วขึ้น ขออวยพรให้เพื่อนร่วมงานทั้งสองเดินทางโดยสวัสดิภาพ
สุนัขดำไป๋หลี่เท่อได้ยินดังนั้นก็ดีใจจนเนื้อเต้น กระทั่งวางกระดูกชิ้นใหญ่ไม่กินต่อ มันออกแรงวิดพื้นหลายครั้งเพื่อแสดงออกว่ามันตื่นเต้นแค่ไหน
มันย่อมดีใจที่ได้หลุดพ้นจากการเรียน “คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล” ที่เรียนรู้ได้ยากมาก พอเรียนแล้วก็ปวดหัวและอึดอัดไปทั้งตัว เมื่อได้กลับไปสู่วิถีการฝึกฝนแบบเก่าอีกครั้ง มันย่อมต้องดีใจอยู่แล้ว
ตรงกันข้ามกับนักเรียนดีเด่นอย่างสุนัขเหลืองเซวป้า เมื่อได้ยินก็แอบหดหู่ในใจ มันคอตกไม่ดีใจเลยสักนิด
ทุกคนไม่มีใครรู้ว่าการฝึกฝนอย่างหนักเพื่อเพิ่มพลังทำนองนี้ไม่ใช่เรื่องที่สุนัขเหลืองชอบมากที่สุด
การที่ฝึกฝนคัมภีร์ปราณแท้จักรวาลจนก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ประการแรกมันคือเด็กเรียนเก่งที่ชอบเรียนหนังสือ
ประการที่สองคือมันถูกท่านเทพมังกรขาวไร้ยางอายหลอกว่าหนังสือเล่มนี้สามารถเสริมบุคลิกส่วนตัวและมีส่วนช่วยให้หลุดพ้นจากการเป็นโสด แรงจูงใจของมันเพิ่มขึ้นมาก อีกทั้งผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ธรรมดา ความเห็นเชิงบวกที่ได้รับยิ่งทำให้มันฝึกฝนทั้งวันทั้งคืน
ประการที่สามมันไม่เหมือนกับสุนัขดำ แน่นอนว่ามันไม่มีรสนิยมต่ำ
เพียงแต่ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีรสนิยมต่ำ แต่กลอุบายของสุนัขดำคือก้มหัวคารวะ ในสนามรบแม้แต่นักแม่นปืนก็หาไม่เจอ สิ่งที่วิเศษนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ตระกูลขุนนางสุนัขทำมาก่อน…
แม้ว่าสันดานเดิมสุนัขเหลืองเป็นสุนัขที่ดีตัวหนึ่ง ไม่ต้องสงสัยในความจงรักภักดีของมันต่อเจ้านาย แต่จริงๆ แล้วมันไม่ได้มีคุณธรรมสูงส่งจึงเทียบไม่ได้กับคุณชายชาง
อันที่จริงมันไม่ได้ชื่นชอบที่จะฝึกฝนอย่างหนักเพื่อยกระดับความแข็งแกร่งและผดุงคุณธรรม เพียงแค่จงรักภักดีเชื่อฟังคำสั่งของเจ้านาย เจ้านายพูดอะไรมันก็ทำตามทุกประการ
ถ้าตอนนี้ฟางหนิงได้เปิดหนังสือเกมสุดที่รักอ่าน เขาก็จะรู้ว่างานอดิเรกของสุนัขเหลืองเซวป้าก็คือการอ่านหนังสือกับกินข้าวและอ่านหนังสือกับกินข้าวกับสุนัขสาว ช่วยเจ้านายทำงานและรับรางวัล เรื่องฝึกฝนพวกนี้ไม่รู้ว่าอยู่ท้ายๆ ลำดับที่เท่าไหร่…
น่าเสียดายที่ตอนนี้มันกับสุนัขสาวกำลังมีใจให้กัน แต่กลับถูกฟางหนิงส่งไปเก็บตัวฝึกฝนฟื้นฟูพลังที่ดินแดนมรดก
การฝึกฝนครั้งนี้ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ถึงจะได้กลับมาและที่นั่นก็ใช้โทรศัพท์ไม่ได้ เมื่อถึงเวลานั้นต้องเลิกกันแน่ๆ
บอกได้คำเดียวว่าออร่าความโสดของฟางหนิงเจ้านายผู้ไร้ยางอายนั้นแรงมาก…
ภายในงานเลี้ยง ทุกคนต่างทยอยกันเข้ามาแสดงความยินดีกับสุนัขทั้งสองตัว อวยพรให้พวกมันสำเร็จในการฝึกฝนล่วงหน้าและกลับมาในเร็ววัน
จ้าวอิ๋งรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยว่าทำไมหนูแฮมสเตอร์ของตัวเองหลังถูกท่านเทพเรียกตัวไปแล้วไม่ออกมาร่วมงานเลี้ยง มันค่อนข้างแปลก ปกติแล้วเวลาที่เจ้านั่นได้กลิ่นอาหารโอชะ มันจะวิ่งมาเร็วกว่าตัวเองซะอีก…
เธอกระซิบถามพ่อบ้านเจิ้ง พ่อบ้านเจิ้งบอกว่าท่านเทพกำลังถ่ายทอดวิชาชั้นสูงให้มัน อาจต้องเก็บตัวสักสองสามวันและขอให้เธอไม่ต้องห่วง
เหมือนกับว่าจ้าวอิ๋งจะนึกอะไรได้จึงระงับความรู้สึกตื่นเต้นดีใจทันที และร่วมสังสรรค์ดื่มกินไปด้วยกัน
เจิ้งต้าวเป็นคนแบบไหนกัน แค่มองก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร เพียงแต่แอบส่ายหน้า ปกติแล้วท่านเทพไม่ค่อยอยู่บ้าน พอกลับมาบ้านก็เก็บตัวเงียบ
ตอนที่ทุกคนกำลังกินข้าว ระบบกำลังฝึกฝน ด้านฟางหนิงกลับไปที่ ‘เรือนจำพลังมังกร’
ที่นี่ยังมีเมลัมอีกคนที่ยอมตายดีกว่าจะตกเป็นเชลย มันนั่งอยุ่ที่นี่สื่อสารกับเทพเจ้าของตนเองและรับพรจากพลังของเทพเจ้า…
เรื่องใหญ่ที่เขาต้องทำก็เกี่ยวข้องกับหมอนี่
ระบบไม่เคยสนใจใยดีนักโทษในคุกเลย ที่นี่คือถิ่นของเขา หวังให้เจ้าระบบงี่เง่าดูแลคน นั่นก็เป็นแค่เรื่องตลก…
ฟางหนิงมาที่ห้องทำงานพัศดีก็พบว่าแอนเดอร์สันกำลังอ่านหนังสือ
ภายนอกไม่มีการต่อสู้ จอขนาดใหญ่ในห้องทำงานดำสนิท เจ้านี่จะต้องเบื่อมากแน่ๆ
ฟางหนิงตื่นเต้น เรียกหนังสือเกมที่รักมาอ่านข้อมูลของแอนเดอร์สันอีกครั้ง
เขานึกถึงเรื่องที่พลังของคุณชายชางเปลี่ยนแปลงฉับพลันก่อนหน้านี้ ตอนนี้เขาอยากจะดูหน่อยแอนเดอร์สันที่อยู่ในคุกมาหลายวัน มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างหรือไม่
พอดูแล้วข้อมูลของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปอย่างที่คิดจริงๆ
“แอนเดอร์สัน: ไม่มีเพศ งานอดิเรก: ผู้บรรยายทางเทคนิค ผู้อ่านข่าวสาร ผู้สั่งสอนนักโทษ ไม่ทราบอายุที่แน่ชัด สถานะ: พัศดีของ ‘เรือนจำพลังมังกร’ และอดีตรองประธานของสมาคมดุลอำนาจแห่งชาติ”
แนวโน้มความดีและความชั่ว: ชั่วร้ายระดับกลาง”
การประเมินพลัง: ผู้แข็งแกร่งระดับบ่อน้ำ ขนาดโดยละเอียด: สระว่ายน้ำที่มีพรสวรรค์ด้านพลังจิตสูงมาก พลังได้รับการเติมเต็มชั่วคราว มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยหยุดลง”ฟางหนิงนึกถึงข้อมูลครั้งแรกที่พบกับแอนเดอร์สัน เขารู้สึกโล่งใจมากที่งานของตนเองในฐานะหัวหน้าพัศดีไม่เปล่าประโยชน์จำได้ว่าครั้งแรกแอนเดอร์สันไม่มีงานอดิเรก แนวโน้มความดีและความชั่วตอนนั้นคือ ‘ชั่วร้ายสุดขั้ว’
หลังจากอยู่ในคุกมาหลายวัน สันดานชั่วร้ายก็ได้แก้ไขไปมากและยังทำให้เขาค้นพบความสนุกของชีวิตอีกครั้ง
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะตนเองสอนและให้คำแนะนำของได้ถูกต้อง
ตอนนี้แอนเดอร์สันรับรู้ถึงการมาของหัวหน้าพัศดี เขาวางหนังสือลงแล้วใช้พลังจิตสื่อสารแอนเดอร์สัน “ท่านมาพอดี ฉันมีเรื่องยากที่จะรายงานให้ท่านทราบ เมลัมที่ถูกจับเข้ามาเมื่อไม่กี่วันก่อน แม้ว่ามันยอมจำนนต่อหน้า แต่ลับหลังก็แอบอธิษฐานถึงเทพเจ้าของเขาตลอด ฉันปิดกั้นการเชื่อมต่อพลังจิตระหว่างพวกเขาหลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งเขาคอยเชื่อมต่อใหม่อยู่เรื่อย ฉันจึงต้องจับตาดูเขาไว้ตลอดเวลา
“ฉันอยากให้ท่านเทพมังกรลงมือจัดการมันหน่อยเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ฉันรับรู้ได้ว่าคนที่เขาอธิษฐานถึงแข็งแกร่งมาก น่าจะเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ของสวรรค์ที่ไหนสักแห่ง พลังของฉันอ่อนแอจึงไม่อาจตรวจสอบได้ละเอียด” ฟางหนิงไม่ได้ตื่นตระหนก เพราะเมื่ออยู่ในพื้นที่ระบบ ระบบใหญ่ที่สุด…
เขาเอ่ยตอบ “ไม่ต้องห่วงไป วันนี้ที่ฉันมาก็เพราะเขานี่แหละ”
พูดจบ เขาก็เอ่ยกับระบบว่า “เฮ้ ระบบ แกว่างไหม”
ระบบ “ไม่ว่าง”
ฟางหนิง “น่าเสียดาย จริงๆ แล้วมีโอกาสเก็บค่าประสบการณ์เยอะๆ โดยไม่ต้องเปลืองแรง ในเมื่อแกไม่ว่าง งั้นก็ช่างเถอะ”
“ต้องทำยังไงล่ะ ตอนนี้ฉันว่างแล้ว”
ตอนนี้ฟางหนิงเล่าแผนของตนเองให้ระบบงี่เง่าฟัง เมื่อระบบฟังจบแล้ว น้ำเสียงก็ตื่นเต้นยิ่งกว่าเจ้าสุนัขดำก่อนหน้านี้…
หลังจากนั้นเขาก็บอกแอนเดอร์สันว่าไม่ต้องตัดขาดอธิษฐานระหว่างเมลัมกับเทพของเขาอีก ปล่อยให้อีกฝ่ายทำต่อไปตามใจต้องการ
…
ห้องขังหมายเลข 39 ตอนนี้บนผนังแขวนภาพของอินทรีสวรรค์ผู้สง่างามเอาไว้
วิญญาณของเมลัมอยู่ในห้องขังแห่งนี้
ตอนนี้มันนั่งขัดสมาธิบนพื้น ไม่แม้แต่จะมองภาพวาดอินทรีสวรรค์ด้วยซ้ำ ความคิดในใจของมันขึ้นๆ ลงๆ
บอกว่านักโทษทุกคนต้องบูชามันวันละสามครั้งอย่างนั้นหรือ
นกอินทรีที่เผยออยากเป็นเทวรูป สิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อยเช่นนี้คู่ควรที่จะได้รับการบูชาจากข้าตรงไหน
มีเพียงเทพแห่งการสร้างสรรค์ผู้ยิ่งใหญ่หนึ่งเดียวในจักรวาลและอยู่ทุกหนทุกแห่งเท่านั้นที่ข้าจะรับใช้อย่างสุดหัวใจเมลัมหมกมุ่นอยู่กับการนมัสการเทพเจ้าทั้งกายใจ ขณะที่ปากก็สวดพึมพำ”เทพเจ้า ได้โปรดแสดงความเมตตาของท่านเถิด ช่วยศิษย์ผู้เลื่อมใสศรัทธาท่านหลุดพ้นจากขุมนรก…”
“เทพเจ้า ได้โปรดระบายความโกรธแค้นของท่าน ทำลายห้องขังเน่าๆ นี้ให้พินาศ..”“เทพเจ้า ได้โปรดฟังเสียงของผู้ศรัทธา แสดงพลานุภาพของท่านออกมาเถิด…”
ฟางหนิงกับแอนเดอร์สันเฝ้าดูหมอนั่นรนหาที่ตาย เขาเอ่ยถาม “แอนเดอร์สัน แกมาจากตระกูลปีศาจกลืนกินวิญญาณที่มีความรู้บนสวรรค์มากมาย แกพอจะรู้รายละเอียดเรื่องเทพทั้งสามของชาวเทียนจู๋ไหม” แอนเดอร์สัน “สวรรค์กว้างใหญ่ไพศาล มีเผ่าพันธุ์ที่หลากหลาย ฉันไม่ทราบเลย แต่คาดว่า พวกเขาน่าจะเหมือนกับบรรพบุรุษตระกูลไป๋ จุดประสงค์คือแสวงหาการบูชาจากพวกมนุษย์ หวังว่าจะสถาปนาเทพขึ้นในโลกใบนี้ โลกของพวกเราดำรงอยู่มาอย่างยาวนาน ทุกพื้นที่ถูกครอบครองจนเต็ม แต่คราวนี้เราสามารถเข้าสู่โลกใหม่อันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด ผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ทั้งหลายจึงมุ่งเป้ามายังที่แห่งนี้ เทพเจ้าทั้งสามของชาวเทียนจู๋แท้จริงแล้วคือสามผู้ทรงอำนาจใด มันยากที่ฉันจะฟันธงได้”
ฟางหนิงได้ฟังแล้วก็ครุ่นคิด พลันเกิดจินตนาการคาดเดารายละเอียดของอีกฝ่ายครู่หนึ่ง ระบบก็พูดกับเขา “โฮสต์ ฉันอยากจะพาคนหนึ่งที่โคตรเจ๋งเข้ามาข้างใน สถานที่คือ ‘เรือนจำพลังมังกร’ ของคุณ คุณเป็นหัวหน้าพัศดีอยากจะออกไปซ่อนตัวก่อนไหม มันไม่มีอันตรายอะไรหรอก แค่เกรงว่าจะทำให้คุณตกใจ เพราะจิตใจคุณนั้นเปราะบางเกินไป กลัวนั่นกลัวนี่มากเหลือเกิน…”
……………………………………………………..