เมื่อผมโดนระบบครองร่าง – บทที่ 186 พวกเราก็จัดงานแลกเปลี่ยนสมบัติด้วย

บทที่ 186 พวกเราก็จัดงานแลกเปลี่ยนสมบัติด้วย

บทที่ 186 พวกเราก็จัดงานแลกเปลี่ยนสมบัติด้วย

ศิษย์น้องฉีได้ฟังแล้วนัยน์ตาก็เป็นประกาย “ที่แท้ก็แค่ระดับบ่อน้ำ ไม่น่าแข็งแกร่งสักเท่าไร แถมเป็นมังกรที่ไม่เคยพบมาก่อน งั้นก็จับได้… อ้อ ไม่สิ ผู้อาวุโสเหริน มีใครเป็นผู้มีพลังพิเศษอีก”

เหรินรั่วเฟิงได้ยินพลันขมวดคิ้ว ฟังน้ำเสียงของอีกฝ่ายแล้ว ชัดเจนว่าเป็นเพราะได้ยินว่าตอนนี้พี่มังกรไม่แข็งแกร่งนัก คิดอยากจับตัวกลับไปบนภูเขา… มีอย่างที่ไหนกัน! การมีมังกรดีๆ อย่างพี่มังกรอยู่ ช่วยลดเรื่องยุ่งยากปวดหัวไปตั้งเท่าไร ที่สำคัญคือต่อไปจะซื้อยาบำรุงผิวจากที่ไหนกันล่ะ

เขาเคยพบกับทั้งสองเมื่อสามปีก่อน ศิษย์พี่กู่คนนี้มีนามว่ากู่ปู้เหวย นิสัยนอกจากเป็นคนหยิ่งผยอง ไม่ยุ่งเกี่ยวทางโลก ให้ความสำคัญกับการแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อกันทุกเรื่อง และไม่มีความคิดที่จะตอบแทนแผ่นดินสักนิดแล้ว เรื่องอื่นถือว่าไม่มีปัญหาอะไร

แต่ศิษย์น้องฉีคนนี้เป็นหญิงสาวนามว่าฉีเหมย กลับมีนิสัยโลดโผน ชอบเล่นสนุกแปลกใหม่เป็นที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งชอบประลองฝีมือกับผู้แข็งแกร่ง เสาะหาสัตว์ประหลาดหายากทุกชนิด คอยสร้างปัญหาไม่น้อย แต่สำนักงานสัจธรรมก็แอบปกปิดให้มาตลอด

แม้ว่ากู่ปู้เหวยจะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ในเขาเทียนชิง แต่ก็ต้องคอยยอมเธอไม่น้อย ฉะนั้น เขาจึงต้องจับตาดูอีกฝ่าย

สีหน้าของเขาสงบลงอย่างรวดเร็ว นึกถึงสถานที่แห่งหนึ่งก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา จึงพูดต่อไปว่า “ผู้มีพลังพิเศษคนอื่นๆ ไม่เท่าไร เขาเทียนชิงของท่านมีข้อมูลลึกซึ้ง คงจะไม่ใส่ใจ มีเพียงแต่นักปราชญ์ท่านหนึ่ง พระโพธิสัตว์ปีศาจแห่งสมาคมราชาผีใต้ มาจากศาสนาพุทธบนสวรรค์และแยกมาตั้งสำนักใหม่บนโลกนี้ กล่าวกันว่าคนผู้นั้นคือเสี้ยวหนึ่งของจิตวิญญาณของพระโพธิสัตว์แท้ที่จุติมายังโลก มีพลังวิเศษแกร่งกล้า รวมถึงวิชาฟื้นคืนชีพ”

ทันทีที่เขาพูดจบ สีหน้าของฉีเหมยและกู่ปู้เหวยก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

ฉีเหมยลุกขึ้นยืนและพูดด้วยท่าทีเหลือเชื่อ “ฟื้นคืนชีพงั้นหรือ”

เหรินรั่วเฟิงพยักหน้า “ไม่ต้องสงสัย เราเพิ่งพิสูจน์หลักฐานเมื่อปีที่แล้ว วิญญาณของจูซานเม่ยที่ตายไปหลายปีก่อน เดิมทีเธอต้องกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนเพราะกุ่ยชีเจ้านายของเธอตาย แต่พระโพธิสัตว์ทำให้เธอฟื้นคืนชีพ ตอนนี้เป็นวิญญาณผู้พิทักษ์สมาคมราชาผี และเปลี่ยนชื่อเป็นจูหงอิง มีกิริยาเรียบร้อยกว่าคนธรรมดาเสียอีก แน่นอนว่าอายุขัยต้องมากกว่าร้อยปีขึ้นไป ซึ่งเป็นที่น่าอิจฉาอย่างยิ่ง”

ฉีเหมยไม่มีข้อสงสัยอีก อีกฝ่ายยกตัวอย่างจริงเช่นนี้มาแล้ว จะพูดจามั่วซั่วได้ยังไงกัน

เธอมองศิษย์พี่แววตาเป็นประกาย แต่กู่ปู้เหวยกลับสงบลงอย่างรวดเร็ว เอ่ยน้ำเสียงเรียบเฉย “ฟื้นคืนชีพ รวมจิตวิญญาณจากความว่างเปล่า ช่างเก่งกาจจริงๆ ไม่ทราบว่าเขาแกร่งเพียงใด”

เหรินรั่วเฟิงหัวเราะ “เขาผู้นี้เป็นคนสันโดษ ประเมินความแข็งแกร่งเบื้องต้นได้ระดับบ่อน้ำ แต่ระยะนี้ไม่พบร่องรอยของเขา บางทีอาจกำลังสะสมกำลังเตรียมก้าวสู่ระดับทะเลสาบ อย่างไรก็ตาม เขาเป็นถึงจิตวิญญาณของพระโพธิสัตว์ที่จุติมายังโลก ไม่จำเป็นต้องก้าวข้ามสิ่งใด แต่ความแข็งแกร่งของเขาถูกจำกัดด้วยกฎบนโลกใบนี้เท่านั้น”

กู่ปู้เหวยส่ายหน้า “พลังชีวิตบนโลกนี้บางเบาเกินไป เป็นไปไม่ได้ที่เขาคิดจะสะสมพลังเพื่อเลื่อนขึ้นระดับทะเลสาบในเวลาไม่กี่ปี เว้นแต่ความเข้มข้นของพลังชีวิตจะเพิ่มขึ้นกะทันหันในเวลาอันสั้น หรือฝึกวิถีเซียน แต่เสินโจวถูกสำนักงานสัจธรรมของพวกคุณควบคุม นอกจากสร้างเอง ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย”

เหรินรั่วเฟิงพยักหน้า “สหายกู่พูดถูก พลังชีวิตที่นี่ต่างจากดินแดนมรดกสิบเท่าขึ้นไป จะเทียบเคียงกับเขาเทียนชิงของพวกท่านได้อย่างไร พระโพธิสัตว์ปีศาจน่าจะยังอยู่ระดับบ่อน้ำ”

ฉีเหมยพูดแทรกขึ้นมา “ถ้าอย่างนั้นศิษย์พี่จัดการเรื่องของท่านอาจารย์คนเดียวละกัน ช่วยขอผู้อาวุโสเหรินให้ฉันยืมลูกมือสักสองคน ข้ามีธุระกับท่านพระโพธิสัตว์ปีศาจ”

กู่ปู้เหวยส่ายหน้า “ศิษย์น้อง พี่เข้าใจความรู้สึกของเธอดี แต่เราทั้งคู่ต่างมีภารกิจของตนเอง เธอต้องตามหาศิษย์อัจฉริยะบนโลกมนุษย์ ส่วนพี่ต้องรอผู้อาวุโสเหรินเรียกประชุมทุกฝ่ายเพื่อจัดงานแลกเปลี่ยนสมบัติ แม้ว่าเพราะเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นเมื่อปีก่อน อาจารย์ให้เวลาเราหนึ่งปีเต็มเพื่อค้นหาลูกศิษย์ ยังมีเวลาเหลือเฟือ แต่ก็ไม่ควรไปทำเรื่องส่วนตัวก่อน”

ฉีเหมยกัดฟัน จู่ๆ ก็เกิดความคิดหนึ่ง พูดกับเหรินรั่วเฟิง “ในเมื่อจูหงอิงถูกพระโพธิสัตว์ปีศาจเลือก และฟื้นคืนชีพมาเป็นวิญญาณผู้พิทักษ์ น่าจะมีคุณสมบัติสูงใช่ไหม”

เหรินรั่วเฟิงพยักหน้า “ตามบันทึก นางน่าจะมีคุณสมบัติของราชาผี”

ฉีเหมยมองไปที่กู่ปู้เหวย อีกฝ่ายจึงพยักหน้า

เมื่อเหรินรั่วเฟิงได้ยิน หน้าไม่เปลี่ยนสี เพียงแต่ยิ้มเยาะในใจ ‘เหมือนสามปีก่อนไม่เปลี่ยน ราวกับว่าถ้าคนอื่นรู้ที่มาของ “เขาเทียนชิง” ก็จำต้องไปที่นั่น แต่พวกเขาจะรู้หรือไม่ว่าตอนนี้สภาวการณ์เปลี่ยนไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

ผ่านไปอีกสองวัน ในพื้นที่ของระบบ ฟางหนิงกำลังนำลูกน้องฟาร์ม BOSS สร้างดันเจี้ยนส่วนตัวอย่างเมามัน

เวลานี้ระบบเอ่ยปาก “มหาเศรษฐีโฮสต์ หมดเวลาพักของคุณแล้ว… ได้เวลาทำงานแล้ว ค่อยมาเล่นต่อหลังเลิกงานดีกว่า”

ฟางหนิงชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร แม้ว่าโหมดเกมพลังจิตจะใช้หนึ่งคนหนึ่งบัญชี แต่ก็ยังมีโหมดแป้นพิมพ์และเมาส์ปกติ

ฟางหนิง “ท่านเทพ ติดตั้งคอมพิวเตอร์สักเครื่องในห้องทำงานพัศดีของแอนเดอร์สัน ช่วยเปิดอินเทอร์เน็ต ฉันจะให้เขาหาคนช่วยเล่น 24 ชั่วโมงให้ฉัน…”

ระบบ “อืม จะดำเนินการให้ท่านมหาเศรษฐีทันที”

ฟางหนิงไปบอกเรื่องนี้กับแอนเดอร์สัน เขาสัญญาว่าจะทำให้บัญชีเกม “มังกรบินแห่งใต้หล้า” เป็นอันดับหนึ่งในทุกการจัดอันดับ

หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จ ฟางหนิงวางมาดหัวหน้าตรวจการบ้าน เอ่ยถาม “การเก็บตัวในหลายวันมานี้ ท่านเทพมีความก้าวหน้าอย่างไรบ้าง ก้าวสู่ระดับทะเลสาบหรือยัง”

ระบบ “โฮสต์มหาเศรษฐีอย่าใจร้อนไป ต้องเก็บค่าประสบการณ์สิบล้านสร้างกระบี่บิน ส่วนที่เหลือใช้เพิ่มพลังต่อสู้หมดแล้ว คุณดูการแจ้งเตือนก่อนค่อยพูด”

การแจ้งเตือนของระบบ (ระบบใช้ค่าประสบการณ์ไป 15.5 ล้านคะแนน อัปเกรดจากเลเวล 20 เป็นเลเวล 25 เลือดและปราณแท้เพิ่มขึ้น ค่าคุณสมบัติอิสระเพิ่มขึ้นห้าคะแนน

สล็อตความโกรธพื้นฐานเพิ่มขึ้นหนึ่งสล็อต ปัจจุบันมีหกสล็อต บวกอาวุธวิเศษ “กำไลความโกรธ” มีสล็อตความโกรธทั้งหมด 18 สล็อต

‘การแปลงร่างมังกร’ และ ‘คัมภีร์พลังปราณแท้จักรวาล’ ถูกปลดล็อกถึงระดับปรมาจารย์

ระบบใช้ค่าประสบการณ์ 30 ล้านคะแนน เก็บตัวฝึกฝนยกระดับ ‘การแปลงร่างมังกร’ ถึงระดับปรมาจารย์ มีผลลัพธ์ดังนี้

ข้อหนึ่ง ความอิ่มระดับปรมาจารย์ สามารถกินอาหารครั้งเดียวเท่ากับปริมาณอาหารรวมที่จำเป็นสำหรับกิจกรรมหนึ่งปี ไม่จำเป็นต้องกินอาหารภายในหนึ่งปี

ข้อสอง พลังวรยุทธ์ประเภทมังกรทั้งหมดเพิ่มขึ้น และเลเวลวรยุทธ์ปัจจุบันเพิ่มขึ้น 500%

ข้อสาม ‘การแปลงร่างมังกร’ ถูกผสานรวมเข้ากับวรยุทธ์ประเภทมังกรทั้งหมดเสร็จสิ้น ระบบตระหนักรู้ขอบเขตของวิทยายุทธ์พิเศษ “จุติเป็นมังกร” สำเร็จ และไม่ต้องใช้ปราณแท้แปลงร่างเป็นมังกรแท้

ความคืบหน้าในการรวมเนื้อหาวรยุทธ์ประเภทมังกรที่มีอยู่ในระบบเสร็จสมบูรณ์ และระบบได้ตระหนักถึงการเคลื่อนไหววรยุทธ์ประเภทมังกรใหม่ “มังกรคำรามเก้าสวรรค์”

วรยุทธ์ประเภทมังกรคุณสมบัติลมของระบบถึงขีดจำกัดของการฝึกฝนแล้ว ประสิทธิภาพคือ ‘พลังของวรยุทธ์ประเภทมังกรลมเพิ่มขึ้น 100%’

ระบบเริ่มฝึกฝนวรยุทธ์ประเภทมังกรคุณสมบัติสายฟ้า

ระบบเก็บตัวเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ขั้นพื้นฐาน “อัศวินหนังสือบิน” ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับต้น โดยมีคำอธิบายดังนี้

ข้อหนึ่ง ขณะขว้างหนังสือเกม หากเลือกใช้พลังปราณก็จะสามารถกระตุ้นประสิทธิภาพ “ต้องตรงเป้า”

ข้อสอง การโจมตีแต่ละครั้งจะกำหนดส่วนหัวของฝ่ายตรงข้ามโดยอัตโนมัติ เมื่อไม่มีประสิทธิภาพ “ต้องตรงเป้า” อัตราโจมตีถูกเป้าจะสัมพันธ์กับระดับความชำนาญและระดับศิลปะการต่อสู้)

ฟางหนิงชื่นใจอย่างยิ่ง ระบบแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว เขาสบายใจกับการหมกตัวอยู่แต่ในบ้านได้มากขึ้น…

“อืม ไม่เลว เจ้าหนังสือเกมสมบัติสุดที่รัก แสดงความแข็งแกร่งของพ่อแกให้ฉันดูหน่อยสิ ต้องบอกความจริงนะ อย่าไปฟังมัน กุเรื่องสร้างภาพหลอกลวง” ฟางหนิงเอนกายลงบนโซฟาหนังในร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่

หนังสือเกมเล่มนั้นลอยมาตรงหน้าเขา เปิดหนังสืออย่างว่าง่ายและแสดงให้โฮสต์ดู

“ไม่ทราบชื่อ ไม่ทราบเพศ ชอบฝึกวิทยายุทธและฟาร์มปีศาจ อายุครึ่งขวบ สถานะ ‘ระบบ’”

“แนวโน้มความดีความชั่ว ‘ทูตแห่งความยุติธรรม’”

“การประเมินความแข็งแกร่ง ‘ผู้แข็งแกร่งขั้นสูงสุดระดับบ่อน้ำ’ ขนาดโดยละเอียด ‘สระว่ายน้ำสามสระและลึกมาก ความอดทนสูงมาก ความสามารถในการหลบหลีกสูงมาก ความเร็วระดับดีเยี่ยม พลังโจมตีแข็งแกร่ง การป้องกันปานกลางค่อนสูง กระบวนท่าหลากหลาย ความสามารถการหนีเอาตัวรอดสูงมาก ความสามารถการดำรงชีวิตสูงมาก…”

ฟางหนิงดูแล้วค่อนข้างพึงพอใจ เขาครุ่นคิดแล้วให้เจ้าหนังสือเกมสมบัติตรวจสอบข้อมูลของ “ปีศาจงูสี่เศียร” เพื่อเปรียบเทียบ

“ชื่ออชาฮาน เพศผู้ ชอบเทศน์เผยแผ่ศาสนา และบูชาเทพเจ้า ไม่ทราบอายุ สถานะ ‘ทูตลำดับเจ็ดของเทพแห่งการสร้างสรรค์แห่งเทียนจู๋’”

“แนวโน้มความดีความชั่ว ‘ชั่วร้ายระดับกลาง’”

“การประเมินพลัง ‘ผู้แข็งแกร่งระดับทะเลสาบ’ ขนาดโดยละเอียด ‘ทะเลสาบขนาดเล็ก ผู้ศรัทธาบูชาไม่เพียงพอและน้ำตื้นมาก’”

หลังจากเปรียบเทียบแล้ว ฟางหนิงถามว่า “ทะเลสาบขนาดเล็กก็เป็นทะเลสาบเหมือนกัน ถึงยังไงก็ใหญ่กว่าบ่อน้ำ ยังเทียบกับเขาไม่ได้… เมื่อไหร่แกจะถึงระดับทะเลสาบสักทีล่ะ”

ระบบ “ฟาร์มปีศาจระดับบ่อน้ำหลายร้อยตัวในดินแดนมรดกให้หมดน่าจะเพียงพอแล้ว ถ้าต้องการอัปเกรดวรยุทธ์ระดับปรมาจารย์ขึ้นไปอย่างรวดเร็ว จะต้องใช้ค่าประสบการณ์จำนวนมากระดับพันล้าน ไม่เช่นนั้นก็ต้องใช้เวลาฝึกฝนช้าๆ”

ฟางหนิงคำนวณดูแล้วอาจได้รับค่าประสบการณ์หลายพันล้านจากที่นั่น ซึ่งเพียงพอที่จะอัปเกรดได้หลายครั้ง แต่เกรงว่าในอนาคตจะหาปีศาจจำนวนมากแบบนั้นได้ไม่ง่าย ถ้าต้องการอัปเกรดความแข็งแกร่งอย่างรวดเร็วอีก อาจมีโอกาสไม่มากแล้ว ก็ต้องค่อยๆ ฝึกฝนเท่านั้น

โชคดีที่ระบบฝึกฝนตลอดเวลาและยังเป็นแบบมัลติเธรด ในแง่ของความขยันนั้น ไม่มีใครเทียบได้ และถ้าฝึกไปทีละขั้นก็น่าจะเร่งไปอยู่ระดับแนวหน้าได้

ฟางหนิงพยักหน้า “ในเมื่อยังไม่มีหวังจะอัปเกรดอย่างรวดเร็วในช่วงนี้ เช่นนั้นก็เสริมความแข็งแกร่งรอบด้านละกัน สร้างอุปกรณ์เจ๋งที่สุดและขยายคอนเนกชั่น ยังมีอะไรที่อัปเกรดความแข็งแกร่งได้อีก ฉันลองคิดดู…”

ขณะพูด ฟางหนิงเห็น QQ สว่างขึ้น เจิ้งต้าวส่งข้อความมา เขากดดูในทันที

เจิ้งต้าว “ท่านเทพ สำนักงานสัจธรรมเพิ่งส่งหนังสือแจ้งว่า ในวันที่ 22 เดือนกุมภาพันธ์ ‘เขาเทียนชิง’ ลึกลับจะจัด ‘งานแลกเปลี่ยนสมบัติ’ ที่ฐานบัญชาการสำนักงานสัจธรรม และต่อไปเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 ของทุกเดือนจะมีเวลาสามวันแลกเปลี่ยนสมบัติ โดยจะทำต่อเนื่องหนึ่งปี หน่วยงานสนับสนุนระดับสองขึ้นไปทั้งหมดมีสิทธิ์เข้าร่วม ซึ่งสมบัติที่พวกเขาจัดเตรียมไว้ให้และสมบัติที่พวกเขาต้องการอยู่ในเอกสารแนบแล้ว”

ทันทีที่ฟางหนิงได้ยินก็ตื่นเต้น ‘งานแลกเปลี่ยนสมบัติ’ เข้าใจง่ายจริงๆ ในโลกของมนุษย์ธรรมดาก็มีงานทำนองนี้ เช่น ไข่มุกและหินโมรา หยกและมรกต ภาพเขียนโบราณ ต้องใช้เงินทองมากมาย แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการอัปเกรดความแข็งแกร่งของตัวเองเลย

เขาพูดกับระบบทันที “โอกาสที่เราจะร่ำรวยและอัปเกรดความแข็งแกร่งมาถึงแล้ว ระบบแกสะสมสมบัติไว้ไม่น้อยใช่ไหม”

ระบบ “มีแค่ไม่กี่อย่าง ส่วนใหญ่ยังเป็นวัสดุ ชิ้นที่ดีที่สุดคือคทาอัญมณีที่แขวนอยู่บนเพดานในมิติ แต่ยังไม่รู้วิธีใช้”

ฟางหนิงเปิดเอกสารแนบแล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แกลองดูสมบัติพวกนี้ที่เขาเทียนชิงเสนอสิ พอจะสร้างสิ่งที่มีสมรรถนะคล้ายกันออกมาได้ไหม”

หลังจากนั้นไม่นาน ระบบกวาดตามองคร่าวๆ ก็พูดว่า “อืม ตอนนี้พวกเขาได้จัดเตรียมยา อาวุธวิเศษ กระดานค่ายกล วรยุทธ์ เป็นต้น … ยาส่วนใหญ่ชกลั่นออกมาให้มีคุณสมบัติเดียวกันได้ ส่วนอาวุธวิเศษ อาวุธบางชิ้นต้องรอฉันเข้าใจการหลอมอาวุธก่อนถึงจะทำได้ แต่บางชิ้นสามารถหล่อด้วยทักษะการหล่อระดับปรมาจารย์ เพียงแต่ขาดวัสดุ ไม่อาจสร้างกระดานค่ายกลได้ ส่วนวรยุทธ์ ฉันเป็นแต่ศิลปะการต่อสู้ของมนุษย์ มีเพียงสามวรยุทธ์ขั้นสูงไม่vk0นำไปแลกเปลี่ยนได้”

ฟางหนิงเอ่ยทันที “หล่อได้เท่าไหนเท่านั้น ถึงเวลาดูราคาของพวกเขา เราขายตามพวกเขา นี่เป็นเวลาดีที่สุดที่จะรวบรวมวัสดุ หลังจากครั้งนี้ เราจะคุ้นเคยกับกระบวนการ และสร้างชื่อให้ตัวเอง ต่อไปวันหน้าเราก็เลียนแบบพวกเขา จัดงานแลกเปลี่ยนสมบัติตระกูลมังกรทุกสามปี”

ระบบ “เอาล่ะ ฉันจะเริ่มหล่อตั้งแต่ตอนนี้ จริงสิ งั้นคุณก็ไปฝึก “อัศวินหนังสือบิน” ศิลปะการต่อสู้นี้เป็นวิชาพื้นฐาน คุณน่าจะสามารถเรียนรู้ได้เร็วหน่อย…”

จากนั้นฟางหนิงก็เห็นหนังสือเล่มบางอยู่ในมือ เมื่อเขาพลิกดูผ่านๆ ก็จำได้ทั้งหมด ง่ายจริงๆ ด้วย ก็แค่เทคนิคการขว้างปาเท่านั้น

ทันใดนั้นเขาก็หัวแล่นเกิดความคิด “ฉันเข้าใจแล้วล่ะ”

ระบบรู้สึกประหลาดใจ “ฉันรู้ว่าคุณหัวสมองดีมาก แต่ไม่ควรเร็วขนาดนี้หรือเปล่า”

ฟางหนิง “ถ้าแกไม่เชื่อ ตั้งเป้ายิงรูปคนให้ฉันสิ ฉันจะทำให้ดู”

พอพูดจบ ระบบก็ตั้งเป้ายิงรูปคนที่ถนนเล็กหน้าประตูอินเทอร์เน็ตคาเฟ่

ฟางหนิงกอดหนังสือเกมสมบัติเดินออกไปสามสิบเมตรแล้วพูดกับระบบ “แกจับตาดูให้ดีล่ะ…”

ระบบ “ฉันจะคอยดูว่าคุณจะยิงหัวเป้านี้ยังไง…”

ฟางหนิงกระซิบกับหนังสือเกม จากนั้นก็ไม่ได้ทำท่าขว้างปาแต่อย่างใด เพียงแค่ใช้มือเดียวประคองมันแล้วออกคำสั่ง “ขอให้ที่รักปราบศัตรู”

“ฟิ้ว” หนังสือเกมเล่มนั้นบินออกไปทันทีที่ได้ยินคำสั่ง กระแทกเข้ากับหัวของเป้ายิงรูปคนอย่างจังจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

ระบบ “…”

ฟางหนิง “เป็นไงบ้าง ถือว่าฉันเรียนได้แล้วยัง”

ระบบ “ทำไมตอนฉันใช้หนังสือพังๆ ถึงไม่ว่านอนสอนง่ายแบบนี้บ้าง ใช้แทนอิฐได้เท่านั้น แต่มันกลับกลายเป็นขีปนาวุธเมื่ออยู่ในมือของคุณ…”

ฟางหนิงหัวเราะ ‘ฮ่าๆ’ “ความเคารพเป็นเรื่องของทั้งสองฝ่าย แกยังต้องเรียนรู้… ฉันคุยกับมันแล้ว เพียงแกใช้คาถาของฉัน มันก็จะพุ่งเข้าใส่หัวคนโดยอัตโนมัติ แต่สำหรับคนที่แข็งแกร่งเกินไปนั้น ก็ยังต้องใช้พลังปราณของท่านเทพ”

ระบบ “อ้อ ค่อยยังชั่ว ฉันคิดว่าหนังสือพังๆ นี่ก็ไม่เก่งสักเท่าไร… ไม่มีทางเก่งไปกว่าฉันหรอก”

……………………………………………………………

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

Status: Ongoing

จู่ๆ ก็มีดาวตกพุ่งลงมาที่โลก ทำเอาพื้นดินถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย

แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นกลับทำให้ 'ฟางหนิง' หัวโขกกับโต๊ะคอมพิวเตอร์จนสลบไป

ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเขามีระบบ ขณะที่กำลังจะดีใจว่าในที่สุดก็มีขาทองคำมาให้เกาะ

เจ้าระบบนั่นกลับประเมินว่าเขาเป็นโรคขี้เกียจระยะสุดท้าย ปล่อยไว้ไม่มีทางเจริญก้าวหน้า

และทำการยึดครองร่างของเขาซะงั้น!?

...

จากหนุ่มโอตาคุผู้แสนจะขี้เกียจที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ

กลับต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนโฉมตนเองเป็นฮีโร่คอยปราบปรามเหล่าปีศาจร้าย

ปกป้องเมืองที่ตนอยู่อาศัย และฝึกวิทยายุทธ์เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดนิ้วทองคำของระบบ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท