เมื่อผมโดนระบบครองร่าง – บทที่ 181 ราวกับดินแดนแห่งเทพ

บทที่ 181 ราวกับดินแดนแห่งเทพ

บทที่ 181 ราวกับดินแดนแห่งเทพ

ตอนนี้ฟางหนิงอิ่มอร่อยกับอาหารเลิศรส แถมยังมีหญิงงามคอยทอดสายตามาเรื่อยๆ แต่จู่ๆ การแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นในหัว

(ระบบใช้ค่าประสบการณ์ 30 ล้านแต้มเพื่อขยายพื้นที่ของระบบ ปัจจุบันความยาวจากตะวันออกถึงตะวันตก 150 เมตร เหนือจรดใต้ยาว 100 เมตรและความสูง 15 เมตร

ระบบใช้ค่าประสบการณ์ 100,000 แต้มเพื่อย้ายอาคารที่มีอยู่เดิม)

ฟางหนิงฟังถึงตรงนี้ก็นึกถึงเกมผู้จัดการทีมฟุตบอลที่เคยเล่น ตอนนี้พื้นที่ของระบบจะต้องใหญ่กว่าสนามฟุตบอลหนึ่งสนามแล้วแน่ๆ แต่ก็ยังไม่ถึงสองสนาม

ระบบเอ่ย “ตอนนี้ทำเสร็จแล้ว โฮสต์ คุณเข้ามาได้ ฉันยังไม่ได้ให้ไอ้หมอนั่นเข้ามา คุณยังมีเวลาดูอาคารที่ฉันเพิ่งจะปรับปรุงสักหน่อย ช่วยประเมินให้ฉันหน่อย พวกมันสวยงามและเรียบร้อยมากไหม”

เมื่อฟางหนิงได้ยินในใจก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง รู้สึกค่อนข้างตื่นเต้นนิดหน่อย อยากเห็นบ้านใหม่ของเขาที่อยู่มาแล้วกว่าครึ่งปี ตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นยังไงบ้าง…

ถ้าไม่จำเป็นล่ะก็ ระบบ ไม่มีทางยอมเสียค่าประสบการณ์เพื่อที่จะก่อสร้างอาคารใหญ่โตให้เขาหรอก เขาเองก็รู้สึกมาตลอดว่าพื้นที่ของระบบนั้นไม่ค่อยเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่กับเขาที่อยู่มานาน ขอแค่มีอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ เรื่องอื่นก็แค่จิ๊บจ๊อย…

พลังจิตของฟางหนิงเข้าไปในพื้นที่ของระบบ พอเห็นแล้ว แม่เจ้า ระเบียบเรียบร้อยก็ใช่อยู่ แต่ระบบยังคงถือเอาการใช้งานเป็นหลัก…

แรกเริ่มเดิมทีพื้นที่ของระบบเป็นเพียงพื้นที่ว่างเปล่า เนื้อที่ไม่กว้างใหญ่ มองปราดเดียวก็เห็นทุกมุมแล้ว ต่อมาเพราะทำความดี ระบบถึงค่อยให้เขาเห็นว่ายังมีโรงตีเหล็กอยู่

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมโดยสิ้นเชิง เพราะได้รับความไว้วางใจจากระบบสูงมาก จึงไม่ปิดกั้นอาคารใดๆ ในพื้นที่กับฟางหนิงอีกต่อไป

ขณะนี้เขากำลังลอยอยู่ด้านบนสุดของพื้นที่ของระบบพลางมองลงไปด้านล่าง

ตอนนี้พื้นที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุดและกินพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดก็คือ ‘เรือนจำพลังมังกร’ นั่นเอง

เห็นมันตั้งอยู่โดดเด่นและกินพื้นที่กว่าครึ่ง

ทั้งสามด้านของเรือนจำ ทั้งด้านทิศเหนือ ทิศตะวันตกและทิศตะวันออกตั้งติดกับขอบเขตพื้นที่ในปัจจุบัน กำแพงหินภูเขาไฟล้อมทั้งสามด้านสร้างอยู่ตรงขอบเขตโดยชิดเข้ามาทางด้านใน

ขณะที่กำแพงทิศใต้ถูกสร้างในพื้นที่กว้างสามในสี่ของแนวทิศเหนือใต้…

แต่ยังนำประตูไม้บานเก่านั่นมาติดบนกำแพงด้านใต้ เมื่อเห็นดังนั้น ฟางหนิงก็ถึงกับพูดไม่ออก เรือนจำขยายออกไปใหญ่โตขนาดนี้ แต่ระบบยังไม่ยอมเปลี่ยนเป็นประตูที่อลังการกว่านี้…

ฟางหนิงยังคงอยากจะเปลี่ยนประตูหินออบซิเดียนพูดได้บานนั้น แต่ถูกระบบบอกว่าจะต้องนำไปใช้ทำอุปกรณ์มิติในตำนาน

ด้านใต้ของประตูไม้บานเล็กคือทางเดินหินกรวดเรียบเกลี้ยงและเป็นระเบียบจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก เชื่อมต่อทั่วทั้งพื้นที่ของระบบ มันแยกเรือนจำออกจากอาคารอื่นโดยสิ้นเชิง

พวกอาคารเรียงเป็นระเบียบเรียบร้อยตามแนวด้านใต้ของถนนเล็ก

ในบรรดาอาคารที่ใช้งานนั้น พื้นที่ใหญ่ที่สุดตั้งอยู่ด้านตะวันออกสุดของถนนสายเล็กก็คือกลุ่มโกดังที่ก่อขึ้นจากหิน ดูเหมือนว่าด้านบนจะติดป้ายต่างๆ แน่นอนว่าที่นี่คือพื้นที่รักษาความสดของระบบที่นับได้ว่าสำคัญที่สุด

เมื่อมองกลุ่มอาคารขนาดใหญ่ แน่นอนว่าฟางหนิงต้องมองหาว่าที่อยู่ประจำของเขาอย่างอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของระบบอยู่ตรงไหน ถ้ามันไม่มีอยู่แล้ว เขาต้องร้องไห้ตายแน่ๆ…

ยังโชคดีที่ไม่นานเขาก็พบว่าอินเทอร์เน็ตคาเฟ่สถานที่โปรดปรานตั้งอยู่ใจกลางของทางเดินหินกรวด และอยู่ตรงข้ามกับประตูไม้บานเล็กนั่นพอดี…

แต่ฟางหนิงก็ถึงกับพูดไม่ออก ไอ้หมอนี่ยังคงนึกถึงการใช้งานเป็นอันดับหนึ่งจริงๆ เห็นได้ชัดว่ามันอยากให้ตัวเองเดินไปยังเรือนจำได้ใกล้ๆ

ความคิดใช้ได้ก็จริง แต่ใครกันจะชอบตั้งบ้านตรงข้ามกับประตูเรือนจำล่ะ ถ้าวันหนึ่งเข้าผิดประตูไปเข้าเรือนจำขึ้นมา…

แม้ว่าฟางหนิงจะรู้สึกจนใจ แต่เพราะอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ยังอยู่เหมือนเดิม เรื่องอื่นก็ไม่สำคัญ

ฟางหนิงขี้เกียจที่จะดูอาคารอื่นๆ แล้ว จึงฝืนใจชื่นชม “หลังจากแกปรับปรุงแล้ว ดูสวยงามเรียบร้อยขึ้นมากเลย รสนิยมความงามของแกดีมาก มิน่าภาพวาดนกอินทรีสวรรค์แลดูเหมือนจริงมาก ฉันดูเสร็จแล้ว รีบทำงานซะเถอะ…”

ระบบ “งั้นคุณไปซ่อนตัวในโรงตีเหล็กก่อน ฉันวางทหารเทพทั้งหมดให้คุณเรียบร้อยแล้ว”

ฟางหนิงหลบเข้าไปในโรงตีเหล็กทันที อาวุธเทพทรงพลังน่าเกรงขามอยู่ในโรงตีเหล็กแล้วจริงๆ…

“ฉันซ่อนตัวเรียบร้อยแล้ว แกเริ่มเลยเถอะ”

ฟางหนิงเพิ่งพูดจบ พลังจิตก็รับรู้ได้ถึงวัตถุที่ทรงพลังอันยิ่งใหญ่และรุนแรงเข้ามาในพื้นที่ของระบบ!

เขายื่นหน้าออกไปมอง ว้าว คราวนี้ระบบเอาใจใส่จริงๆ…

ตอนนี้พื้นที่มีความสูงเพียง 15 เมตร เขาเห็นเพียงด้านบนเรือนจำพลังมังกรมีงูที่น่าสะพรึงกลัวยาวกว่าร้อยเมตรนอนตะแคงขดตัวซ้อนกันเป็นชั้นๆ จนกลายเป็นวงกลม

นี่ยังไม่นับสารพัดสิ่งประหลาดลี้ลับ เช่น ภูตผีปีศาจและยักษ์ร้อยรัดบนลำตัวงูตัวนั้น กระแสลมเย็นเยียบพัดมาเป็นระลอก กลิ่นอายปีศาจน่าขนลุก ถ้าหากเป็นเวลาปกติ ไม่ว่าเลือกตัวไหนออกมาก็เป็นวายร้ายตัวสำคัญในภาพยนตร์สยองขวัญทั้งนั้น…อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้เขาตกใจกลัวได้ง่ายมาก

บนร่างงูนั้นยังมีแขนอีกมากมาย แต่ดูเหมือนว่าจะมีเพียงแขนหนึ่งที่ถือสิ่งของสีเขียวไว้ เพียงแต่ด้านบนมีอะไรบางอย่างแปลกประหลาดและน่าสยดสยองพันเกี่ยว เขาจึงไม่กล้ามองให้ชัด…

ฟางหนิงถืออาวุธเทพปกป้องตัวเอง ยังต้านทานได้ เขาแอบมองร่างของงูอย่างกล้าๆ กลัวๆ จากนั้นก็เห็นหัวคนร้ายกาจน่าสะพรึงสี่หัวบนร่างงู

โอ้โห นี่มันรูปร่างประหลาดอะไรกัน ปีศาจตนไหนมาเยือนบ้านของฉันงั้นเหรอ

ฟางหนิงระงับความตื่นเต้นแล้วถึงค่อยเอ่ยขึ้น “ระบบ ไอ้เจ้าพิลึกสยดสยองตัวนี้ คือเทพที่เจ้าเมลัมนั่นบูชาทุกวันงั้นเหรอ ดูแล้วไม่ค่อยเหมือนนะ”

ระบบ “มันจะใช่เทพหรือไม่ ฉันไม่สนใจหรอก ในเมื่อมันเข้ามาในพื้นที่ระบบของฉันแล้ว มันเป็นเทพก็ต้องขดตัวอยู่ดี ว่าแต่โฮสต์สนใจผิดจุดแล้ว คุณเห็นแค่ว่ามันประหลาดและน่ากลัว ไม่สังเกตเห็นแขนหนึ่งของมันกำลังถือคทาสีเขียวเล่มยาวๆ อยู่งั้นเหรอ”

ตอนนี้สายตาของฟางหนิงจึงมองไปทางแขนของมัน แต่เดิมเห็นเพียงว่าแขนของมันถือสิ่งของสีเขียวอยู่ นึกไม่ถึงมันคือคทาที่ยาวจนเกือบเท่าลำตัวงู

คทานี้กำลังถูกสัตว์ประหลาดพวกนั้นเลื้อยพัน เมื่อกี้เขาไม่กล้าสังเกตถี่ถ้วนจึงไม่ทันเห็น

ตอนนี้เขาทำใจกล้า มองโดยละเอียดก็เห็นเพียงคทาอัญมณีสีเขียวมรกตทั้งด้ามใสราวกับคริสตัลสะท้อนแสงแวววาว

หลังจากฟางหนิงเห็นก็เอ่ย “ระบบ ไม่ใช่ว่าฉันสนใจไม่ถูกจุดนะ นอกจากแกแล้ว คนปกติที่ไหนกันจะไปสนใจของรักของสัตว์ประหลาดก่อนล่ะ…ต้องพิจารณาก่อนว่าไอ้เจ้านี่มันอันตรายหรือเปล่า”

ระบบ “งั้นคุณไม่ต้องพิจารณาเรื่องนี้หรอก ตอนนี้มันไม่อันตรายเลยสักนิด ฉันกดมันไว้แล้ว คุณไม่ต้องกลัวแล้ว จิตใจคุณจะได้ไม่ตกใจจนเกิดปัญหาจนเกิดเรื่องปวดหัวอีก”

ต่อจากนั้นฟางหนิงก็เห็นว่าสัตว์ประหลาดลำตัวงูสี่หัวน่าสยอดสยองพลันตัวเล็กลงอย่างรวดเร็ว และคทาอัญมณีสีเขียวมรกตก็โดดเด่นขึ้นมาทันที มันพาดยาวเต็มพื้นที่ของระบบ แทบจะวางไม่ลง

มันยาวมากจริงๆ มิน่าระบบต้องขยายพื้นที่ของระบบและปรับแก้คุกของระบบ…เป็นเพราะสถานที่เล็กๆ ไม่สามารถใส่มันลงไปได้

ฟางหนิง “ยาวอะไรขนาดนี้ แกต้องหาวิธีย่อส่วนมันก่อนถึงจะใช้งานได้”

ระบบ “นั่นเป็นเหตุผลที่แอนเดอร์สันต้องไปสอบปากคำมัน”

บัดนี้ภายในเรือนจำพลังมังกรมีนักโทษกว่า 30 คนที่เกิดความรู้สึกตกใจขึ้นมา เหตุการณ์สั้นๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ทำให้พวกที่เคยเป็นผู้แข็งแกร่งชั่วร้ายต่างมองตกตะลึงอ้าปากค้าง

“เมื่อกี้คืออะไรน่ะ รูปร่างใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้ พลังของมันยังลึกลับและแข็งแกร่ง ราวกับราชาปีศาจที่จุติมาบนโลก”

“น่าจะเป็นเทพแห่งความชั่วร้ายที่น่าสะพรึงกลัวจากที่ไหนสักแห่ง”

“แต่ทำไมจู่ๆ มันก็หายไปแล้วล่ะ หรือจะไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง พวกเราจะถูกมันกินไหม”

“นั่นน่ะสิ ไม่มีความเคลื่อนไหวสักนิด ผิดปกติมากเหลือเกิน”

เวลานี้เสียงของแอนเดอร์สันก็ดังขึ้น “กลัวอะไรกัน เงียบหน่อย ตอนนี้ฉันจะให้พวกแกดูว่าเทพแห่งความชั่วร้ายที่น่าสยดสยองนั่นอยู่ที่ไหน”

พร้อมกับที่แอนเดอร์สันแสดงความสามารถด้านพลังจิตใช้เขตแดนจิตใจลึกลับ ถ่ายทอดพลังจิตไปยังนักโทษทุกคน ทันใดนั้นนักโทษทุกคนก็ตกอยู่ในความเงียบ ความเงียบเข้าปกคลุมเรือนจำพลังมังกรที่ขยายใหม่ อีกครั้ง

ข้างห้องขังหมายเลข 39 ที่เคยเงียบกริบก็มีห้องขังหมายเลข 40 เพิ่มขึ้นมา…

ภายในห้องขังมีเทพสี่หัวผู้ชั่วร้ายนอนอยู่ เพียงแต่เมื่อเทียบกับรูปร่างก่อนหน้านี้หดเหลือไม่ถึงหนึ่งในร้อย ตอนนี้ถึงแม้ว่ามันยังคงดูอัปลักษณ์น่ากลัว แต่ตอนนี้มันไม่ได้มีพลังของยักษ์ใหญ่อย่างเมื่อครู่แล้ว…

พวกคนชั่วที่ถูกขังที่นี่และยังไม่ถูกระบบสังหารทันทีย่อมเป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงทีเดียว

พวกเขาถูกขังไว้ที่นี่ เมื่อถูกแอนเดอร์สันสั่งสอนโดยมีความกดดันสูง อันที่จริงแล้วส่วนใหญ่ปากบอกว่ายอมภักดีแต่ใจไม่เป็นเช่นนั้น

พวกเขาคิดไปเองว่าเมื่อโตขึ้นจะต้องโตจนใหญ่ยักษ์ เพียงแต่โชคไม่เข้าข้าง จึงถูกฝ่ายธรรมะโค่นเอาได้…

ตอนนี้หลายคนยังแอบมีความคิดว่าจะกลืนความอัปยศอดสูและแบกรับภาระหนัก เตรียมตัวที่สักวันจะเติบโต และหนีออกจากเรือนจำแห่งนี้…

แต่ตอนนี้พวกเข้านั้นเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว แม้ว่าจะเติบโตขึ้นก็ไม่อาจหนีรอดไปจากเรือนจำแห่งนี้ได้

เพราะเจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์ใหญ่เมื่อครู่นี้ มันเป็นพลังสูงสุดในใจของคนชั่วอย่างพวกเขา…

แอนเดอร์สันถ่ายทอดเขตแดนจิตใจลึกลับ เพื่อที่จะข่มขวัญคนชั่วที่ยากจะสั่งสอนพวกนี้ เขารู้สึกพึงพอใจ เพียงแต่สำหรับเขานั้น นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นพลังอันสุดยอดที่แท้จริงในเรือนจำแห่งนี้…

ทันทีที่เทพแห่งความชั่วร้ายร่างงูสี่หัวปรากฏตัวขึ้น เขาก็รับรู้ได้ว่าพลังของมันแข็งแกร่งมากจนคาดเดาไม่ถูก ห่างชั้นกับมาตรฐานของผู้แข็งแกร่งระดับบ่อน้ำธรรมดาๆ เกรงว่าจะมีพลังถึงระดับ S เลยทีเดียว

แต่อีกฝ่ายคือเทพองค์ใดกันแน่ที่แสดงวิธีลึกลับมายังโลกใบนี้ เขายังคงไม่รู้เลย

แต่เขายืนยันได้ว่ามันเพิ่งมายังโลกนี้ได้ไม่นาน อย่างน้อยก็ไม่เกินสองสามเดือน

มิเช่นนั้นผู้แข็งแกร่งเช่นนี้จะต้องอยู่ในสายตาของพวกสมาคมรักษาดุลอำนาจโลกอย่างแน่นอน ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้

กฎของโลกนั้นเข้มงวดเป็นโลกด้านเทคโนโลยี เข้ากันไม่ได้กับกฎของสวรรค์ที่อยู่ในสภาวะการเปลี่ยนแปลงที่เชื่องช้า การมาถึงของพลังจิตไม่ต้องพูดเยอะ พลังถูกจำกัดด้วยร่างกายของโฮสต์ เมื่อต่อสู้แล้ววิญญาณจะบาดเจ็บอย่างหนัก

การมาจุติของร่างเดิมจะต้องสูญเสียพลังอย่างมหาศาล แต่เจ้านี่เพิ่งมาถึงได้ไม่นานกลับฟื้นฟูพลังได้จนถึงระดับปัจจุบัน จุดนี้ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่

เพราะเมลัมสวดภาวนามาก่อน เขาจึงมีความคิดคาดเดาใหม่

บางทีนี่อาจเป็นจุดที่น่ากลัวของการฝึกฝนของเทพเจ้า ขอแค่มีผู้ศรัทธาจำนวนมากในโลกนี้ ผู้จุติจากสวรรค์ ถ้าเป็นเทพองค์หนึ่งที่ผู้ศรัทธาเคารพบูชา ก็จะสามารถซึมซับพลังจิตมนุษย์ของผู้ศรัทธาได้อย่างรวดเร็วจนกระทั่งถึงขีดจำกัดสูงสุดของพลังร่างกายที่กฎของโลกนี้อนุญาต

อย่างที่ใครๆ ก็รู้ ตราบใดที่ความเข้มข้นของพลังชีวิตยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พลังร่างกายสูงสุดตามกฎจะเพิ่มขึ้นอีกครั้งและพลังของผู้จุติจะเพิ่มขึ้นไปอีก

ไม่น่าแปลกใจที่บรรพบุรุษตระกูลไป๋จะใช้วิธีลับ หลังจากที่มาจุติยังโลกนี้ก็ มุ่งมั่นที่จะเดินเส้นทางสถาปนาเทพก่อน

น่าเสียดายที่ผู้แข็งแกร่งที่มาจุติคนใหม่ไม่รู้ว่ากลืนกินพลังจิตมนุษย์ของผู้ศรัทธาไปมากแค่ไหนถึงได้สามารถฟื้นฟูพลังได้ถึงขนาดนี้ แต่ตอนนี้กลับเดินเข้ามาในนรกแห่งนี้…

แอนเดอร์สันย่อมรู้ดีกฎเกณฑ์ในพื้นที่แห่งนี้แข็งแกร่งเพียงใด อย่างน้อยเขาไม่มีทางต่อต้านได้ ถึงได้เลือกอย่างชาญฉลาดที่จะภักดี

ตอนนี้กดผู้จุติของเทพเจ้าที่มีพลังสูงส่งจนอยากจะคาดเดาไว้ ไม่อาจแสดงพิษสงได้ เหมือนกับการเก็บสิ่งของไร้ค่า ทำให้เขาเข้าใจพื้นที่ลึกลับแห่งนี้มากขึ้นไปอีกขั้น

ดูเหมือนว่าพื้นที่นี้น่าจะสร้างระบบของตัวเอง คล้ายกับโลกแห่งหนึ่งที่สมบูรณ์แบบ

เมื่อเทียบกับจักรวาลไร้ขอบเขตที่โลกภายนอกอยู่ แม้ว่าพื้นที่ของที่นี่ จะเทียบไม่ได้แม้แต่เศษฝุ่น แต่กฎเกณฑ์นั้นก็เด็ดขาดและเข้มงวดไม่แพ้กัน ไม่อนุญาตให้ทำผิดแม้แต่น้อย เว้นแต่กฎเกณฑ์จะเปลี่ยนไปตามความคิดริเริ่มของตัวเอง ไม่งั้นก็ไม่มีใครทำลายมันได้ และไม่สามารถก้าวข้ามกฎเกณฑ์ได้

ฉะนั้น เมื่อผู้จุติของเทพเจ้าที่น่าสยดสยองนี้มาถึงก็เหมือนกับภายนอก มันจะต้องถูกควบคุมด้วยกฎเกณฑ์ของที่นี่ทันที ต่อต้านไม่ได้และทำลายไม่ได้ แม้แต่คำเดียวก็พูดไม่ได้ ทำได้เพียงปล่อยให้ตัวเองถูกจับโดยไม่ต่อสู้ขัดขืน

ถ้าอยู่ข้างนอก ต่อให้เป็นฝ่ายปราชัยในการต่อสู้ บางทีมันยังมีโอกาสที่จะพูดทำนอง “เป็นไปไม่ได้”

แต่ที่แห่งนี้ไม่อาจพูดอะไรทำนองนั้นได้เลย ถึงจะแสดงให้เห็นถึงพลังของกฎเกณฑ์ที่นี่ไม่อาจสั่นคลอนได้

แม้ว่ามังกรวัยเยาว์จะแลดูอ่อนแอ แต่ที่จริงแล้วเขาคือผู้คุมกฎแต่เพียงผู้เดียวในที่แห่งนี้ ที่นี่ เขาคือเทพที่แท้จริงเพียงผู้เดียว

แอนเดอร์สันคิดไปต่างๆ นานา ในใจมีความหวาดกลัวเพิ่มขึ้น

ขณะนี้เองภายในห้องขังหมายเลข 40 ชายสี่เศียรนั่งห่อเหี่ยวบนพื้น วิญญาณไม่อาจเคลื่อนไหวได้แม้แต่น้อย มีแค่ส่วนหัวที่หันได้ ตอนนี้ในใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดผวาและงงงัน ยังคงไม่อยากจะเชื่อ

เป็นไปได้ยังไง พื้นที่เล็กๆ แห่งนี้ แม้แต่ร่างกายแท้จริงของข้ายังแทบจะรองรับไม่ได้ แต่ทำไมถึงมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดเช่นนี้อยู่ล่ะ

เทพเจ้าประทานของล้ำค่าที่ช่วยปกป้องร่างและแสดงร่างเดิมโดยตรง เหลือเชื่อข้าไม่สามารถควบคุมได้ พลังเทพถูกช่วงชิงไปแล้ว ไม่อาจแสดงอภินิหารใดๆ ได้เลย…

มัน มันคล้ายกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากเข้าสู่แดนแห่งเทพเท่านั้น…

หรือว่านาม ‘เรือนจำพลังมังกร’ จะไม่ได้เรียกผิด ที่นี่เป็นเรือนจำที่เทพองค์ใดองค์หนึ่งสร้างขึ้นจริงๆ ใช่ไหม

ไอ้ทอม เจ้าสมควรตาย ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะหลอกข้า ข้าจะต้องส่งสารไปถึงเทพเจ้าสังหารมันซะ พร้อมกันนั้นอย่าส่งใครมาช่วยข้าอีก…

ไม่สิ ข้าไม่อาจแบบนั้นกับมันได้ ตอนนี้ข้าต้องฝากให้มันดูแลร่างของข้า ร่างกายมีพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เทพเจ้าประทานให้ เมื่อมีโอกาสแล้วระเบิดวิญญาณของตัวเอง ข้ายังมีโอกาสที่จะรวมกับจิตวิญญาณอีกครั้งในร่างที่ฝึกฝนมาได้…

ตอนนี้ฟางหนิงลอยอยู่ในพื้นที่ของระบบ มองประเมินคทาอัญมณีตั้งแต่หัวจรดเท้า และส่งเสียง “จุ๊ๆ” อย่างชื่นชม ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น ของยาวร้อยเมตรนี่จะขายได้สักเท่าไรนะ

เมื่อครู่มีการเคลื่อนไหวน้อยมาก ทำให้เขาไม่รู้ สักนิดเดียวว่าเหตุการณ์ที่ขึ้นอย่างเงียบเชียบเมื่อครู่จะทำให้ทั้งสองผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้ ตกตะลึงพรึงเพริดแค่ไหนกัน

คนอยู่ในเหตุการณ์มักจะมองเห็นไม่ชัด เขากับระบบตีกันไปตีกันมาจนกลายเป็นความเคยชิน ระบบทำอะไรกับตัวเขามากไม่ได้ อย่างมากก็แค่ตัดอินเทอร์เน็ตและไฟฟ้า แต่ไม่เคยใช้กฎที่แท้จริงมากดดันเขา

เขาไม่รู้เลยว่า ในสายตาของผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ภายใต้กฎเกณฑ์ที่ระบบกำหนดในพื้นที่แห่งนี้คล้ายกับโลกอันสมบูรณ์แบบ เฉกเช่นเดียวกับดินแดนแห่งเทพ…

……………………………………………………..

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

Status: Ongoing

จู่ๆ ก็มีดาวตกพุ่งลงมาที่โลก ทำเอาพื้นดินถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย

แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นกลับทำให้ 'ฟางหนิง' หัวโขกกับโต๊ะคอมพิวเตอร์จนสลบไป

ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเขามีระบบ ขณะที่กำลังจะดีใจว่าในที่สุดก็มีขาทองคำมาให้เกาะ

เจ้าระบบนั่นกลับประเมินว่าเขาเป็นโรคขี้เกียจระยะสุดท้าย ปล่อยไว้ไม่มีทางเจริญก้าวหน้า

และทำการยึดครองร่างของเขาซะงั้น!?

...

จากหนุ่มโอตาคุผู้แสนจะขี้เกียจที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ

กลับต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนโฉมตนเองเป็นฮีโร่คอยปราบปรามเหล่าปีศาจร้าย

ปกป้องเมืองที่ตนอยู่อาศัย และฝึกวิทยายุทธ์เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดนิ้วทองคำของระบบ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท