เมื่อผมโดนระบบครองร่าง – บทที่ 202 กลิ่นอายสังหารของข้า คนธรรมดาล้วนรู้

บทที่ 202 กลิ่นอายสังหารของข้า คนธรรมดาล้วนรู้

บทที่ 202 กลิ่นอายสังหารของข้า คนธรรมดาล้วนรู้!

“ข้าจะกินจากทางใต้ไปทางเหนือ แล้วก็กินจากทางเหนือไปทางใต้ ข้าจะกินจากทางตะวันออกไปทางตะวันตก แล้วก็กินจากทางตะวันตกไปทางตะวันออก ข้าต้องการให้ผู้คนมอบของอร่อยๆ ให้ข้าเมื่อเห็นข้า…”

เสียงผู้หญิงอันคมชัดและไพเราะล่องลอยอยู่กลางอากาศ

ที่มาของเสียงผู้หญิงคือหนอนผีเสื้อตัวใหญ่เท่าฝ่ามือตัวหนึ่ง มันลอยอยู่กลางอากาศ บินไปทางเหนือ ชูศีรษะสีเขียวอวบอ้วนขึ้นสูงและร้องเพลง

ข้างกายมันมีกลุ่มคนที่ทำอะไรไม่ถูกติดตามอยู่

จูหงอิงติดตามอยู่ทางซ้าย ผู้อาวุโสกุ่ยต้าติดตามอยู่ทางขวา

เฉียวจื่อเจียงอยู่ข้างหน้า นั่งอยู่บนปุยฝ้ายสีขาวก้อนใหญ่ ราวกับกำลังนำทางให้หนอนผีเสื้อตัวใหญ่

เธอเพิ่งได้รับแจ้งว่า ราชาผีจะกลับชาติมาเกิดเป็นวิญญาณหนอนที่ทรงพลัง

เพราะเคยมีปฏิสัมพันธ์กับราชาผี จึงถูกส่งมาอย่างเร่งด่วน หลังจากมาถึง เธอก็ประหลาดใจทันที จะมีคนที่แข็งแกร่งเช่นนั้นอยู่ได้อย่างไร

โชคดีที่อีกฝ่ายดูเงอะงะเล็กน้อย ในหัวดูเหมือนจะมีเพียงคำว่า ‘กิน’ เธอจึงใช้คำพูดเพื่อสงบสติอีกฝ่าย

เมื่อเธอมาถึง วิญญาณหนอนตัวนี้เกิดมาได้เพียงแค่สองชั่วโมงกว่าเท่านั้น ทรัพย์สินของราชาผีกำลังจะถูกสูบจนหมด ไม่ใช่ว่าราชาผีไม่มีเงิน แต่อาหารปกติไม่อาจเติมเต็มความอยากอาหารของมันได้

ได้ยินว่าตอนแรกที่ปรากฎตัว มันยืนยันว่าจะย่างแม่แมลงกิน พระโพธิสัตว์ปีศาจกลับชาติมาเกิดบนไข่แมลง กลายเป็นหนอนผีเสื้อตัวหนึ่ง และยังบอกอีกว่าแม่แมลงของมันก็คือแม่ของมัน มึงถึงยอมเลิกรา แต่แล้วก็ครื้นเครงขึ้น ต้องการของอร่อยๆ ปริมาณมาก

ผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเช่นนี้ ราชาผีคงไม่กล้ารุกราน โดยเฉพาะเมื่อมีแนวโน้มว่าอีกฝ่ายจะกลายเป็นฝ่ายตน…

พวกเขาเริ่มเตรียมงานเลี้ยงทันที แต่หนอนผีเสื้อตัวนี้พิถีพิถันเรื่องรสชาติมาก ความหมายของคำว่า ‘อร่อย’ อยู่ที่ปากของมัน ต้องเป็นอาหารที่มีปราณกำเนิดและอร่อย หากอร่อยมากพอ ความต้องการในปราณกำเนิดก็อาจลดลงบ้าง…

เฉียวจื่อเจียงคิดไปคิดมา สถานที่ที่สามารถใช้ต้นทุนต่ำสุดเพื่อทำให้หนอนผีเสื้อผู้ทรงพลังพึงพอใจได้ มีเพียงเสินโจวเท่านั้น

ฟางหนิงกับเทพแห่งระบบอิ่มเอมใจมากในงานแลกเปลี่ยนสมบัติ ยาเม็ดที่กลั่นจากสมุนไพรปราณกำเนิด สามารถแลกเปลี่ยนกับสมุนไพรปราณกำเนิดคุณภาพสูงได้หลายสิบรายการ ธุรกิจดำเนินไปได้ด้วยดี แต่กลับไม่รู้ว่ารังเก่าของเขากำลังถูกคิดแค้น

ผ่านไปพักหนึ่ง เจิ้งต้าวได้รับข่าวก่อนว่า มีผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานปรากฏตัวขึ้นที่ร้านอาหารตระกูลฟาง โดยไม่หลบซ่อนแต่อย่างใด จึงไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร ขออัศวินมานั่งบัญชาการด้วยเถิด

หลังจากเขาเห็น สีหน้าก็เปลี่ยนไป จากนั้นกระซิบสองสามประโยคกับอัศวิน A ที่อยู่ข้างๆ แล้วจู่ๆ อีกฝ่ายก็ลุกขึ้นยืน

“อะไรนะ มีคนกล้าอวดดีที่ร้านขององค์จักรพรรดิ…ของข้าเหรอ?!”

พูดจบเขาก็ ‘ฟุบ’ กลายร่างเป็นมังกรเขียว และบินออกจากห้องโถงไปทันที

นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้คนส่วนใหญ่ได้เห็นมังกรตัวเป็นๆ จึงตกตะลึงในทันที ดวงตาเบิกกว้าง และมองไปทางทิศที่อัศวิน A บินหายไป

แต่ผู้คนจำนวนมากได้ยินสิ่งที่อัศวิน A พูดชัดเจน จึงพากันวิพากษ์วิจารณ์ทันที คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่อยู่ ดังนั้นจึงสามารถพูดคุยกันได้ตามใจ

“หรือว่ากู่ปู้เหวยที่หายตัวไปก่อนหน้านี้จะเป็นคนทำ ไม่คิดว่าเขาเทียนชิงจะมาแก้แค้นเร็วขนาดนี้…”

“ร้านขององค์จักรพรรดิเหรอ น่าจะเป็นร้านที่พ่อครัวฟางเปิดที่เมืองฉี ฉันเคยไปกิน คุณภาพดีที่สุดในโลกจริงๆ ได้ยินว่าอัศวิน A ไปกินข้าวที่นั่นเป็นระยะๆ ไปกินทีสองสามวัน และต้องกินวัตถุดิบระดับสูงในร้านจนหมดถึงจะพอ เขาไม่เคยไปกินข้าวที่อื่นเลย”

“โหดเหี้ยมจริงๆ นี่เป็นการทุบชามข้าวของท่าเทพมังกรแห่งจิตวิญญาณ คาดว่าคงต้องการจับพ่อครัวฟางไปที่เขาเทียนชิง บีบให้เขาขึ้นไปบนเขาเพื่อตกหลุมพราง…”

ด้านนอกป่าทึบใต้ภูเขาสูงไร้ชื่อทางตะวันออกเฉียงใต้ กู่ปู้เหวยที่ยังคงนั่งสมาธิอยู่จู่ๆ ก็ลืมตาขึ้น แววตาสงสัยเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปทางเมฆลอยที่ขอบฟ้า แล้วหลับตาอีกครั้ง

แท้จริงแล้วผู้แข็งแกร่งระดับทะเลสาบนั้นน่ากลัวมาก ขอเพียงมีคนเอ่ยถึงชื่อเขาในที่สาธารณะที่มีผู้คนมากมาย เขาก็สามารถรู้สึกได้…

ในเวลานี้ งานแลกเปลี่ยนสมบัติยุติแล้ว เพราะผู้แข็งแกร่งมากมาย เช่น ราชาเทียนจิง เจ้าสำนักหม่า ประมุขหลิน หัวหน้าสงฆ์มากมายแห่งสมาคมพุทธ และเจ้าสำนักมากมายแห่งลัทธิเต๋าตามไปทีละคนๆ ไปมุงดูการปะทะกันของอัศวิน A กับเขาเทียนชิง…

นี่เป็นการปะทะกันครั้งแรกระหว่างกองกำลังอันทรงอิทธิพลสองกลุ่ม พวกเขาต้องไปเพื่อเพิ่มพูนความรู้ การต่อสู้ระหว่างผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานนี้ เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับพวกเขา

เหมือนกับประเทศล้าหลังที่มักจะจัดคณะไปเยือนประเทศมหาอำนาจเป็นครั้งคราว ไม่ว่าจะศึกษาจริงหรือไม่ มีมาดไว้ก่อน…

ภายในห้องอาหารของร้านอาหารตระกูลฟาง หนอนผีเสื้อขนาดเท่าฝ่ามือตัวหนึ่งกำลังนอนอยู่บนโต๊ะในห้องโถงใหญ่ และกินล้างกินผลาญ พวกพนักงานในร้านต่างหน้าซีดเผือด

เดิมทีเฉียวจื่อเจียงอยากให้หนอนผีเสื้อตัวนี้เข้าห้องส่วนตัว ผลคือหนอนผีเสื้อตัวนี้บินเข้าห้องอาหาร หลังจากได้กลิ่นอาหารอร่อยๆ มันก็หาที่นั่งว่างทันทีและนอนบนโต๊ะ ขอให้พนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟทันที

ขาหมูหอมๆ ถูกยกมาเสิร์ฟ ซึ่งใส่สมุนไพรเพียงเล็กน้อยในการต้ม และหนอนผีเสื้อขนาดเท่าฝ่ามือก็อ้าปากกว้าง และกลืนขาหมูลงไปในคำเดียว

พนักงานเหล่านี้ไม่ได้โง่เขลา ความอยากอาหารของอัศวินคนนั้นไม่น้อยไปกว่าหนอนผีเสื้อตัวนี้เลย กินก็ไม่ได้ช้าไปกว่ามัน แต่พวกเขาไม่กลัวอัศวินคนนั้น เพราะอัศวินเป็นคน และหน้าตาหล่อเหลา…

พวกแขกที่กำลังรับประทานในห้องโถงใหญ่ บางคนรีบออกไป แต่บางคนที่ใจกล้าก็ยังยืนมุงดูอยู่

“ความอยากอาหารสุดยอดมาก! เทียบกับอัศวินแห่งเมืองฉีของพวกเราคนนั้นแล้วก็ไม่เลว”

“มันเป็นสัตว์ประหลาดประเภทไหนกัน บน ‘ฟอรั่มสัตว์ประหลาด’ มีหนังสือภาพออกมาแล้วเหรอ”

“ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน รีบถ่ายรูปแล้วโพสต์บนฟอรั่มเร็ว ทำคะแนนหน่อย ไม่ต้องแชร์ไปที่เว่ยป๋อ มันจะถูกลบในไม่กี่วินาที”

แสงแฟลชมือถือสว่างขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าจากกลุ่มคนที่ไม่กลัวตาย

ไม่รู้ว่าหนอนผีเสื้อตัวนี้หมกมุ่นอยู่กับอาหารรสเลิศ หรือไม่สนใจผู้คนรอบตัวที่กำลังถ่ายรูป มันมัวแต่เลียจานจนสะอาด

หน่วยกิจการพิเศษเมืองฉีวางแนวล้อมด้านนอกประตูแล้ว แต่พวกเขาไม่กล้าเคลื่อนย้ายคนที่เข้าไป และไม่ได้ทำการกวาดล้างครั้งใหญ่ข้างนอก เกรงว่าหากเคลื่อนไหวมากเกินไป จะไปกระตุ้นอารมณ์ตอนกินข้าวของผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานผู้นั้น

ร้านอาหารตระกูลฟางทั้งร้านเงียบสนิท ไม่มีรถขับผ่านแม้แต่คันเดียว แล้วก็ไม่มีใครส่งเสียงดังเช่นกัน

พวกเขาได้รับเวลาหลังจากแจ้งเหตุน้อยเกินไป ตั้งแต่เฉียวจื่อเจียงส่งข้อความมา มีเวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้น พวกเขาเพิ่งนำกำลังพลมาถึง หนอนผีเสื้อตัวนั้นก็บินเข้าไปในร้านอาหารแล้ว สามารถทำสิ่งเหล่านี่ได้ คงได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี

ผ่านไปครู่หนึ่ง ยกเว้นเฉียวจื่อเจียง สำนักงานสัจธรรมสามคน เหรินรั่วเฟิง หงอวิ๋นเจียว ผู้อาวุโสสวี่ก็มาถึง พวกเขาเพียงแค่มุงดูอยู่ด้านนอกประตู ไม่ได้ก้าวเข้าไปในร้านอาหาร

เฉียวอันผิงได้รับบาดเจ็บที่ร่างกาย จึงไม่ได้ให้เขารีบมา

ผู้อาวุโสไห่กำลังจัดการปัญหาที่ตามมาอยู่ที่ดินแดนมรดก เคลียร์พื้นที่ และเตรียมปลูกสมุนไพรที่ท่านเทพมังกรแห่งจิตวิญญาณนำไปอีกครั้ง ผู้อาวุุโสเฝิงนั่งบัญชาการอยู่ที่บ้านเกิด

ในเวลานี้เอง พระธรรมราชาเทียนจิง เจ้าสำนักหม่าและผู้แข็งแกร่งอีกมากมายก็รีบมายังร้านอาหารตระกูลฟางก่อนกำหนด ขณะเดียวกันพวกเขาก็สัมผัสได้ถึงลมปราณอันแข็งแกร่งของหนอนผีเสื้อขนาดเท่าฝ่ามือที่อยู่ข้างในตัวนั้น แต่ละคนยืนนิ่ง ตัวสั่น พลังลมปราณที่แข็งแกร่งเช่นนี้ พวกเขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกในชีวิต…

ในเวลาเดียวกันทุกคนก็สงสัยเล็กน้อย ปกติอัศวิน A ควรจะมาถึงก่อน แล้วเหตุใดเขาจึงยังมาไม่ถึง เป็นไปได้ไหมว่าถูกคนดักซุ่มโจมตีระหว่างทาง

เหรินรั่วเฟิงไม่สนใจคนที่มุงดูกันอย่างคึกคักเหล่านั้น เขาเพียงแค่จ้องมองหนอนผีเสื้อตัวใหญ่ข้างใน และขมวดคิ้วแน่น เครือข่ายเทียนลั่วไม่ตอบสนอง แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ พลังลมปราณของสัตว์ประหลาดตัวนี้แข็งแกร่งจริงๆ ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่ากู่ปู้เหวยมาก

เขาคาดว่า แม้จะใช้ ‘หัตถ์เทพเจ้าเทียนหลัว’ ก็ไม่สามารถหยุดยั้งอีกฝ่ายได้

หรือว่าผู้แข็งแกร่งชั้นยอดต่างก็สามารถปิดกั้นการตอบสนองของเครือข่ายเทียนลั่วได้

จู่ๆ หงอวิ๋นเจียวที่อยู่ข้างๆ ก็พูดกับเขาว่า “คุณวางแผนจะทำอย่างไร ต้องขอให้ผู้อำนวยการลงมือหรือไม่”

เหรินรั่วเฟิงส่ายหน้า “ราคาลงมือของผู้อำนวยการสูงเกินไป ดูว่าขีดจำกัดความอยากอาหารของสัตว์ประหลาดที่ทำให้โลกตะลึงตัวนี้อยู่ตรงไหนก่อน ค่อยวางแผน ดูจากข้อมูลที่จื่อเจียงส่งมาก่อนหน้านี้ ยังพออธิบายสาเหตุได้บ้าง ไม่เหมือนสัตว์ประหลาดกระหายเลือด”

ผู้อาวุโสสวี่ลูบคางอยู่ข้างๆ เขารู้สึกว่าหนอนผีเสื้อตัวใหญ่ข้างในนั้น จากพฤติกรรม ดูเหมือนเด็กที่ยังไม่ได้รับการศึกษามากนัก บางทีเขาอาจจะสั่งสอนได้ หากสามารถเปลี่ยนมันเป็นสมาชิกของสำนักงานสัจธรรมได้ก็คงดี…

ผ่านไปพักหนึ่ง เหล่าผู้แข็งแกร่งที่มึงดูหนอนผีเสื้อตัวใหญ่กินอาหารผ่านหน้าต่างกระจกด้านนอกร้าน จู่ๆ หัวใจก็บีบแน่น พวกเขาเพียงแค่รู้สึกว่ากลิ่นอายสังหารอันรุนแรงถูกส่งมา!

เฉียวอันผิงก็ไม่สามารถปล่อยกลิ่นอายสังหารที่รุนแรงเช่นนี้ได้

“กลิ่นอายสังหารรุนแรงมาก!” ในบรรดาแขกธรรมดาที่กำลังถ่ายรูปอยู่ในร้านอาหาร หลายคนวางโทรศัพท์ลงและตกตะลึงขึ้นมา

“เบาเสียงหน่อย อย่ายั่วยุสัตว์ประหลาดตัวนั้น”

มีคนสงสัย “พวกคุณรู้สึกถึงกลิ่นอายสังหารได้อย่างไร ฉันไม่รู้สึกอะไรเลย พวกคุณก็ไม่ใช่ผู้ฝึกฝนไม่ใช่เหรอ”

“ตั้งใจฟังเพลงประกอบ…” มีคนเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี

ที่แท้ในเวลานี้เอง จากนอกร้านที่เงียบสงบมาก จู่ๆ เสียงเพลงเฮฟวีเมทัล ‘ตูม…ตูม…ตูม’ ก็ดังขึ้น เหมือนกับเสียงของสัตว์ประหลาดที่ชั่วร้ายใกล้เข้ามา กลิ่นอายสังหารรุนแรงมากจริงๆ!

มังกรเขียวพุ่งลงมาจากฟ้า หัวมังกรขนาดใหญ่โผล่เข้าไปในประตูร้าน มองดูรอบๆ เป็นสัตว์ประหลาดชั่วร้ายจริงๆ!

เมื่อแขกทุกคนในห้องโถงใหญ่ของร้านอาหารเห็นภาพนี้ก็พากันถ่ายรูปไม่หยุดและหัวเราะ หนอนผีเสื้อตัวใหญ่จะสะดุดตาเท่ามังกรเขียวได้อย่างไร!

คนที่ข่าวสารว่องไวบางคนรู้ว่า นี่เป็นร่างจริงของอัศวินคนนั้น

วินาทีต่อมา มังกรเขียวตัวนั้นก็หายไป ภายใต้หมอกสีขาว อัศวิน A ปรากฏตัวขึ้น

หลังจากปรากฏตัวขึ้น เขาก็ได้ยินว่ามีคนพูดถึงเขาทันที

“ท่านเทพ โปรดอย่าบุ่มบ่าม หนอนผีเสื้อข้างในนั้น ตัวไม่ใหญ่ แต่พลังลมปราณแข็งแกร่งมาก เกินขีดจำกัดพลังของแต่ละคนในโลกนี้ โปรดอย่าได้วู่วาม”

เขาไม่ได้หันไปมอง เพียงแค่เดินไปข้างหน้าต่อ และพูดว่า “ข้าผดุงคุณธรรมทุกวัน ข้าจะรังแกผู้อ่อนแอและหวาดกลัวผู้แข็งแกร่งได้อย่างไร เมื่อเผชิญหน้ากัน แม้ว่าศัตรูจะแข็งแกร่ง และรู้แก่ใจว่าสู้ไม่ได้ ก็ต้องชักดาบออกมา และเผชิญหน้าอย่างไม่เกรง”

เหรินรั่วเฟิงได้ยินอีกฝ่ายตอบกลับ นัยน์ตาก็ซับซ้อน แต่ไหนแต่ไรเขาคิดว่าอัศวิน A เพียงแค่เดินตามเส้นทางที่ถูกต้องเพื่อเพิ่มพลัง ไม่เคยคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมีจิตใจที่เสียสละไม่เกรงกลัวสิ่งใดเช่นนี้เชียวหรือ

หรือว่าเขาเข้าใจผิดจริงๆ ในบรรดาผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเหล่านี้ ยังมีคนกล้าเพิกเฉยอันตรายใดๆ เพื่อเต๋าในใจ!

ผู้แข็งแกร่งมากมายเฝ้าดูอยู่ด้านนอกร้าน และมองไปทางอัศวิน A ที่เดินเข้าไปในร้านด้วยนัยน์ตาซับซ้อนเช่นเดียวกัน พวกเขาเข้าใจว่า อีกฝ่ายกำลังรับความเสี่ยงแบบไหน

นั่นคือผู้แข็งแกร่งที่เกินขีดจำกัดพลังของแต่ละคนในโลกปัจจุบัน จากมาตรฐานการประเมินพลังของตระกูลมังกรของพวกเขา น่าจะเหนือกว่าระดับทะเลสาบสูงสุด…

บางทีอัศวิน A อาจจะแข็งแกร่งมากก่อนหน้านี้ แต่ในสายตาของผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ ตอนนี้เขาเป็นเพียงจุดสูงสุดของระดับบ่อน้ำ ยังห่างจากระดับทะเลสาบอีกไกลโข หนอนผีเสื้อตัวนั้นดูไม่ธรรมดา แต่หากยั่วโทสะอีกฝ่าย เป็นไปได้มากที่มันจะสามารถกลืนมังกรเขียวลงไปได้ในคำเดียว!

ในความคิดอันซับซ้อนของทุกคน อัศวิน A ที่เดินเข้าไปในร้านอาหารตระกูลฟางท่ามกลางเพลงประกอบยืนอยู่ตรงหน้าหนอนผีเสื้อตัวใหญ่แล้ว เขาโบกมือ พนักงานที่กำลังผลัดกันเสิร์ฟอาหารเหล่านั้นก็ถอยกลับไปทีละคนอย่างโล่งอก

“ทำไมไม่มีอาหารอร่อยๆ แล้ว รีบไปนำมาเสิร์ฟอีก…” หนอนผีเสื้อตัวใหญ่ตัวนั้นไม่แม้แต่จะมองอัศวิน A เพียงแค่เร่งรัดพนักงานที่หลบอยู่ข้างๆ เหล่านั้น

อัศวิน A เอ่ยเสียงเรียบ “ท่านจะกินข้าวก็กินข้าว เหตุใดไม่ลดพลังลมปราณของท่านลง จงใจและตั้งใจอวดเช่นนี้ กลัวว่าใต้หล้าจะไม่วุ่นวายหรือ”

ผู้แข็งแกร่งทุกคนที่อยู่ด้านนอกร้านได้ยินก็ตกตะลึง พี่ใหญ่ เพลงประกอบแนวเฮฟวีเมทัลที่คุณเปิดเมื่อครู่นี้ ไม่ต่างจากเจ้าหนอนที่หยิ่งผยองข้างในร้านเลย…

อย่างน้อยคนธรรมดาก็สัมผัสกลิ่นอายผู้แข็งแกร่งของมันไม่ได้ ทว่ากลิ่นอายสังหารของคุณแม้แต่คนธรรมดาก็สัมผัสได้!

………………………………………………………….

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

Status: Ongoing

จู่ๆ ก็มีดาวตกพุ่งลงมาที่โลก ทำเอาพื้นดินถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย

แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นกลับทำให้ 'ฟางหนิง' หัวโขกกับโต๊ะคอมพิวเตอร์จนสลบไป

ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเขามีระบบ ขณะที่กำลังจะดีใจว่าในที่สุดก็มีขาทองคำมาให้เกาะ

เจ้าระบบนั่นกลับประเมินว่าเขาเป็นโรคขี้เกียจระยะสุดท้าย ปล่อยไว้ไม่มีทางเจริญก้าวหน้า

และทำการยึดครองร่างของเขาซะงั้น!?

...

จากหนุ่มโอตาคุผู้แสนจะขี้เกียจที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ

กลับต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนโฉมตนเองเป็นฮีโร่คอยปราบปรามเหล่าปีศาจร้าย

ปกป้องเมืองที่ตนอยู่อาศัย และฝึกวิทยายุทธ์เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดนิ้วทองคำของระบบ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท