เมื่อผมโดนระบบครองร่าง – บทที่ 207 ขอแค่ไม่แพ้ก็พอแล้ว

บทที่ 207 ขอแค่ไม่แพ้ก็พอแล้ว

บทที่ 207 ขอแค่ไม่แพ้ก็พอแล้ว

ฟางหนิงพูดอย่างภาคภูมิใจ “ระบบ แกอย่าอวดฉลาดไปหน่อยเลย ฉันอัญเชิญมังกรเทพแท้ออกมาบดขยี้แกได้โดยไม่ต้องขยับนิ้วด้วยซ้ำ”

ระบบเปิดปากและพูดว่า “โอ้ ท่านมหาเศรษฐี อย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนคุณไว้ก่อน ถ้าคุณเรียกมังกรเทพแท้ออกมา ฉันไม่สามารถควบคุมมันได้หรอกนะ และถ้าคุณควบคุมไม่ได้ในระหว่างการครองร่างมันจะฆ่าชาวเสินโจวทุกคนที่คุกคามเผ่าพันธุ์ของมันทันทีโดยเรียงตามรายชื่อขนาดของภัยคุกคาม ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่มีภัยคุกคามต่อมัน”

ฟางหนิงรู้สึกงุนงง “แกเตือนสิ่งที่เปล่าประโยชน์แบบนี้ทำไมกัน? ถ้ามันจะฆ่าก็ให้มันฆ่าไปสิ ไม่เห็นเป็นอะไร?”

ระบบ: “ภรรยาและแม่ยายปีศาจงูของคุณก็อยู่ในรายชื่อนั้นด้วย…”

ฟางหนิงตกตะลึง “เป็นไปได้ยังไง? ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามังกรฆ่างูด้วย? พวกมันเป็นตระกูลเดียวกันไม่ใช่เหรอ?”

ระบบ “มังกรที่ฉันพัฒนานั้นแน่นอนว่าไม่เหมือนกับตระกูลมังกรที่แท้จริง พวกมันมีสติสัมปชัญญะ แต่มังกรเทพแท้ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต เป็นแค่เทวรูปศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของพวกคุณชาวเสินโจวเท่านั้น เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษบูชาเพื่อสืบสานเผ่าพันธุ์ ซึ่งความคิดของมันง่ายมาก ใครก็ตามที่แย่งชิงดินแดนของคนเสินโจวไปจะต้องถูกทำลาย ส่วนความคิดเรื่องการอยู่ร่วมกันของมันมีไม่มากเท่าพวกคุณหรอก”

ฟางหนิงพูดอย่างเหลืออด “เอาละ ฉันจะรอให้การฝึก ‘การเปลี่ยนร่างมังกร’ เสร็จสิ้นก่อน ค่อยเรียกมันออกมาก็แล้วกัน”

ขณะที่ฟางหนิงกำลังพูดคุยกับระบบอยู่นั้น หนอนยักษ์ที่อยู่ด้านข้างเขาพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ มาราธอนกินอาหารเป็นเวลาห้าวันห้าคืนในที่สุดก็จบลง

ระบบร้องเตือน “ดูเหมือนว่าหนอนตัวนั้นจะคิดอุบายอะไรอยู่หรือเปล่า?”

จากนั้นฟางหนิงก็สังเกตเห็นการแสดงออกของอีกฝ่ายจึงเกิดสงสัยในทันที ‘เจ้านี่อยู่ในฝ่ายชอบธรรม เป็นไปได้ไหมว่าความดีและความชั่วของตัวละครนี้ยังคงถูกซ่อนเอาไว้?’

หนอนกระแอม ‘ไอ’ สองที ก่อนจะเท้าขาหน้าไว้ที่สะโพกแล้วพูดว่า “เฮ้ ท่านมังกรยักษ์ฟ้า ดูท่านจะใจดีใช้ได้เลยนะเนี่ย อุตส่าห์เอาอาหารชั้นดีมาให้ข้าตั้งสองจาน ก่อนหน้านี้เรื่องที่ท่านต่อว่าข้ากลางสาธารณะ ข้าไม่ถือสาหรอก เพียงแต่ท่านจะต้องปรับแต่งเพลงให้ข้าหนึ่งพันเพลงและทุกๆ เพลงก็จะต้องนำอาหารแสนอร่อยออกมาเสิร์ฟด้วย”

จากนั้นฟางหนิงก็รู้สึกปลงตก เจ้านี่กำลังคิดจะแก้แค้นใช่หรือเปล่า?

เขาเอ่ย “โอ้ เจ้ายังชอบร้องเพลงอยู่สินะ? ดูๆ แล้วมือนี้ที่เจ้ากินน่าไม่เกิน 30 ล้าน ข้าจะจ่ายส่วนต่างอีก 30 ล้านให้ ส่วนเจ้าก็เอาเงินที่เหลือนี้กลับไปที่สมาคมราชาผีแล้วให้พวกเขาหามืออาชีพมาปรับแต่งเพลงให้เจ้าก็แล้วกัน ข้าไม่ค่อยรู้เรื่องเพลงสมัยใหม่นัก อีกเดี๋ยวข้าต้องออกจากประเทศไปทำธุระต่อด้วย”

ระบบร้องเตือน “เฮ้ ท่านมหาเศรษฐีคุณคำนวณผิดแล้ว สำนักงานสัจธรรมจะให้พวกเรา 300 ล้าน ก่อนหน้านี้สัญญากันว่าจะแบ่งให้มัน 30% ซึ่งก็ควรจะเป็น 90 ล้าน พอหักลบแล้วเราต้องจ่ายอีก 60 ล้านไม่ใช่เหรอ…ฉันกลับคำไม่ได้หรอกนะ มันผิดสัญญา”

ฟางหนิง “ไร้สาระ ใครว่าฉันยังไม่หัก? ไม่งั้นเปอร์เซ็นต์แบ่งของฉันจะออกมา 100 ล้านได้ยังไง…แล้วก็ส่วนที่ฉันแบ่งไว้ 30% ของมันก็แค่หักจาก 200 ล้านของแก ดังนั้นก็ 60 ล้านพอดีเป๊ะหายห่วง”

ระบบ “…คุณนี่ชำนาญในการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของกฎเกณฑ์จริงๆ แต่ฉันก็ชอบนะ”

หนอนยักษ์ไม่ได้ล่วงรู้แผนการของชายไร้ยางอายทั้งสอง มันเพียงตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ‘นี่เจ้าต้องการไล่ให้ข้าไปอย่างนั้นเหรอ?’

ฟางหนิงเอ่ยอย่างจริงจัง “อืม ข้าจะไปเข้าร่วมการแข่งขัน การรับมือกับคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยากถือเป็นเรื่องสำคัญ จนถึงตอนนั้นข้าคงไม่มีเวลาดูแลเจ้า แต่ตอนนี้คงให้แม่หนอนพ่อหนอนดูแลเจ้าไปก่อน”

เมื่อได้ยินคำพูดนั้นหนอนยักษ์จึงลุกขึ้นยืนด้วยความกังวลเล็กน้อย ถึงอย่างไรคนผู้นี้ก็ยอมลดตัวลงร่วมกินกับเขา แถมอีกฝ่ายก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส

มันเอ่ยถามด้วยความกังวล “ท่านมังกรเทพ ดูจากสภาพที่บาดเจ็บสาหัสในตอนนี้ จนถึงตอนนั้นท่านจะไม่ตายใช่ไหม?”

ฟางหนิงหยิบบัตร ATM ใบหนึ่งออกมาวางไว้บนโต๊ะ พูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล นักปราชญ์ในหมู่มนุษย์เคยพูดเอาไว้ดีเยี่ยม นักรบที่แท้จริงย่อมกล้าที่จะเผชิญกับชีวิตอันทรหด กล้าเผชิญหน้ากับเลือดที่โชกโชน แม้ข้าบาดเจ็บหนัก แต่ข้าจะไม่หนีจากความท้าทาย”

หนอนยักษ์มองไปยังร่างกำยำของอีกฝ่ายที่ยืนตระหง่านอยู่ พลางพูดไม่ออกครู่หนึ่ง…

เดิมทีมันต้องการแสดงความแข็งแกร่งที่เพิ่งฟื้นคืนมาข่มอีกฝ่ายให้หวาดกลัวเพื่อกู้คืนใบหน้าที่เสียไป

แต่หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็เข้าใจในทันที ถึงพละกำลังของมันจะกลับมาเต็มเปี่ยมแต่คนผู้นี้ย่อมไม่มีวันยอมศิโรราบต่อใคร มังกรแท้ที่มันเคยเห็นล้วนหยิ่งยโสแต่ส่วนใหญ่ล้วนทะนงในความแข็งแกร่งของตัวเอง มีเพียงมังกรตัวนี้เท่านั้นที่หยิ่งยโสอย่างแท้จริง

เมื่อฟางหนิงเห็นท่าทางตกใจของหนอนยักษ์ตัวนี้ก็รู้สึกสุขใจ ไม่แปลกใจเลยจริงๆ ที่ทุกคนชอบแกล้งมัน จากนั้นเขาก็พูดขึ้นเสียงเบา “เอาล่ะ ข้าจะแจ้งให้สมาคมราชาผีมารับตัวเจ้า การ์ดใบนี้เจ้าเอาไปใช้ก่อน ไว้ข้าจะให้พ่อบ้านโอนให้อีก 30 ล้าน จงจำไว้ว่าต่อจากนี้ไปถ้าจะอยู่บนโลกนี้ต้องหาเลี้ยงตัวเองให้ได้”

หลังจากพูดจบ ฟางหนิงก็ขอให้ระบบกลับคืนสู่ร่างของเขา พลางเหยียบกระบี่บินตามมาด้วยเสียง ‘พรึ่บ’ แล้วบินข้ามประเทศไป…

บัดนี้เหลือเพียงหนอนยักษ์ที่เฝ้ามองแผ่นหลังที่หายวับไป

มันดูว่างเปล่ามาก…หลังจากมองอาหารที่ทยอยเสิร์ฟไปมา มันก็หมดความอยากอาหารลงชั่วครู่

หลังจากนั้นไม่นานสมาคมราชาผีก็มาถึง ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในโซนที่นั่งวิไอพีแล้วหยิบมันขึ้นมา

ท่าทางของมันดูเซื่องซึมพลางกรุ่นโกรธที่ต้องตามกลุ่มคนมาใหม่ออกไป

กุ่ยเอ้อร์ความคิดว่องไวเอ่ยถามในทันทีว่า “ท่านหัวหน้าหนอน ท่านกำลังคิดอะไรอยู่?”

ขณะที่เหม่อลอย หนอนยักษ์พลางเอ่ยเสียงเรียบ “โอ้ เมื่อกี้ข้าได้ยินมังกรยักษ์ตัวนั้นบอกว่ามันกำลังจะไปแข่งอะไรสักอย่าง ข้าขอตามไปดูที่นั่นหน่อยได้ไหม?”

หลังจากฟางหนิงตอบกลับอีเมล์ท้าชิงก่อนหน้านี้ เขาก็ได้เวลาและสถานที่สำหรับการแข่งขัน ตอนนี้เหลือเพียงข้ามไปยังเกาะเล็กๆ เกาะสุดท้ายของมหาสมุทรแปซิฟิก วันนี้ตอนสองทุ่ม ยังเหลือเวลาอีกหกชั่วโมงซึ่งเพียงพอมากโข

ในอีเมล์ตอบกลับของอีกฝ่าย ระบุว่าสำนักงานสหพันธ์นานาชาติเพิ่งได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมในเรื่องนี้ ทั้งประเทศใหญ่ๆ หลายแห่งก็ได้เริ่มให้การสนับสนุนการแข่งขันผู้มีพลังเหนือธรรมชาติในระดับที่แตกต่างกัน

ภายในเวลาห้าวันเหล่าเศรษฐีและผู้ทรงอิทธิพลจำนวนมากจากทั่วโลกต่างได้รับเชิญให้เข้าร่วมรับชม นอกจากนี้ยังรวมถึงผู้เล่นที่แข็งแกร่งมากหน้าหลายตาที่มีค่าตัวสูงขึ้นด้วย

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ระบบก็เกิดความประหม่า หลังจากนั้นเพียง 10 นาทีก็มาถึงเกาะเล็กๆ ทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อเงยหน้าขึ้นพลันพบว่าพื้นที่แห่งนี้ยังคงเหมือนกับครั้งก่อนที่เขาเคยมาเยือนไม่ผิดเพี้ยน

ระบบยังคงตั้งใจควบคุมความเร็วของช่วงบินเพียงกลัวว่าจะบินเฉี่ยวหัวใครเข้าซึ่งเร็วกว่ากระบี่บินของเซวเฟิงอยู่มาก

“จากประสบการณ์ในคราวที่แล้ว พวกเราต้องค้นหาทางเข้าสนามมิติที่ซุกซ่อนอยู่ซะก่อน” ฟางหนิงกล่าว

ขณะที่เขากำลังพูดระบบก็ควบคุมร่างกายของเขา ‘ฟิ้ว’ จากนั้นเขาก็โผล่มาที่ชายหาด ฝ่ามือเอื้อมหยิบปูตัวใหญ่ตัวหนึ่งขึ้นมา ปูตัวนี้มีสีฟ้าแดงเหลือบส้ม กระดองอวบอิ่มชนิดที่ว่าหากหนอนยักษ์ได้เห็นคงเป็นอันอยากจับมาย่างกินแน่นอน

“ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะท่านมังกร คลื่นพลังของท่านแสนเข้มข้นขนาดนี้ ทั้งปราณมังกรก็น่าเกรงขาม ข้าน้อยคงสู้ไม่ไหวหรอก จะเปิดประตูให้เดี๋ยวนี้แหละขอรับ…”

หลังจากที่ปูตัวใหญ่พูดจบ มันก็หายวับไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นประตูข้ามมิติเปล่งส่องแสงระยิบระยับก็ปรากฏขึ้น

“ว้าว ความจำของระบบยังดีเลิศไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ ฉันเพิ่งนึกออกว่าคราวก่อนเจ้านี่เคยพูดเอาไว้ว่ามันพยายามจะกลายเป็นปู”

ประเทศกุ่ยฟาง ณ แท่นบูชาสูงสักแห่งกลางป่า

ในเวลานี้ใต้แท่นบูชาที่ยกพื้นสูงแห่งนั้น มีเหล่าชายจมูกโตดวงตาบุ๋มลึกในท่วงท่าหมดสติและถูกมัดเอาไว้

โดยมีชายชราสวมผ้ากระสอบคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนแท่นบูชา

“นายท่าน ยังเหลือเวลาอีกสี่ชั่วโมงในการต่อสู้กับอัศวิน A ท่านจะไปตอนนี้เลยหรือไม่ขอรับ?” ด้านข้างเขามีชายวัยกลางคนเอ่ยถามขึ้น

“อืม พวกเจ้าจำเรื่องที่ข้าพูดได้ใช่ไหม?”

“พวกข้าน้อยจำที่ท่านพูดได้ขึ้นใจ ในระหว่างพิธีสังเวยเลือดจะต้องแน่ใจว่าคนเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่เพื่อให้ได้มาซึ่งเลือดที่สดใหม่ที่สุดลงสู่ในบ่อ การแข่งขันเริ่มขึ้นตอนสองทุ่ม เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราจะเริ่มสังเวยเลือดในทันที รับรองได้ว่าในการต่อสู้พลังของท่านราชครูจะไร้ขีดจำกัดแน่นอนขอรับ”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายชราทันที จากนั้นเขาก็ส่ายหัวและพูดว่า “น่าเสียดาย ที่นี่มีเหยื่อสังเวยน้อยเกินไปหน่อย ท้ายที่สุดมันก็เป็นเพียงพื้นที่อันหนาวเหน็บและแม้ว่าพื้นที่จะไม่ได้เล็กแต่ประชากรก็ยังมีน้อยเกินไป หากวันหนึ่งได้เข้าสู่ทางตอนใต้ของเสินโจวสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นย่านที่เจริญรุ่งเรืองใดๆ ย่อมมีเหยื่อสังเวยมากกว่าที่นี่ถึงสิบเท่า แต่ในตอนนี้ที่นั่นอันตรายเกินไปและท่านราชครูคงไม่มีทางไปที่นั่นแน่ คงจะดีไม่น้อยหากประเทศเล็กๆ ที่มีคนคลักถูกเชื้อเชิญมาที่นี่บ้าง”

“รอให้นายท่านสังหารมังกรเทพที่วิญญาณบาดเจ็บสาหัสในครั้งนี้ได้ก่อนเถอะ เมื่อชื่อเสียงประโคมโด่งดัง สิ่งที่วาดฝันเอาไว้จะกลายเป็นจริงอย่างแน่นอน ดูเหมือนประเทศเล็กๆ บางแห่งทางตอนใต้ของเสินโจวจะมีประชากรจำนวนมากทีเดียว” ชายวัยกลางคนพูดอย่างปลื้มใจ

ชายชราลูบเคราของเขาพลางพูดด้วยความภาคภูมิใจ “การจะฆ่าเขานั้นย่อมเป็นไม่ได้ ท้ายที่สุดเขาก็เป็นมังกรแท้ ขอแค่ไม่แพ้ก็พอแล้ว ข้าเชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้นสหายร่วมทางที่นั่นจะเปิดทางให้กับราชครู”

ชายวัยกลางคนพยักหน้า “ด้วยการสังเวยเลือดของพวกเราที่นี่ ท่านราชครูจะต้องได้เปรียบอย่างแน่นอนขอรับ”

ชายชรายิ้มเล็กน้อย “ดีมาก หลังจากชัยชนะของราชครู พวกเจ้าคงฆ่าคนพวกนั้นอย่าให้เหลือรอดอีก เมื่อถึงตอนนั้นราชครูจะมอบทวีความแข็งแกร่งให้แก่พวกเจ้า”

ชายวัยกลางคนรีบก้มลงขอบคุณ “ข้าน้อยขออวยชัยให้ท่านราชครูได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ จากนี้ข้าน้อยต้องช่วยจับผู้คนได้มากขึ้นอย่างแน่นอนขอรับ”

…………

กาลเวลาเคลื่อนคล้อย จวบจนถึงเวลา 19:50 น.

อัศวิน A กำลังยืนอยู่บนสะพานลอยด้านข้างของสนามประลองทรงกลมที่ได้รับการปรับปรุงขึ้นใหม่ ทั้งฟางหนิงก็มองดูจากมุมมองของระบบอย่างชำนาญ ครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อน อัฒจันทร์ด้านล่างว่างเปล่ามีเพียงบางที่นั่งใกล้ทางออกเท่านั้นที่เต็มไปด้วยผู้คน มองไปแวบแรกมีเพียงหกเจ็ดร้อยคนเท่านั้น

นี่น่ะเหรอผู้ชมจำนวนมากที่เชิญมา? แค่ไม่กี่ร้อยคน?

ในเวลานี้พนักงานคนหนึ่งได้อธิบายขึ้น “นายท่านอย่าได้แปลกใจ อันที่จริงจำนวนตั๋วที่ขายในครั้งนี้นับเป็นห้าเท่าของครั้งที่แล้ว โดยมีผู้ชม 4 หมื่นคนที่ซื้อตั๋วเพื่อเข้าพื้นที่การแข่งขันเพื่อรับชม ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่เป็น 5 เท่าของครั้งที่แล้ว ซึ่งราคาเต็มอยู่ที่ 100 ล้านเหรียญ ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดอยู่ที่ด้านนอกสนามประลองทรงกลมเพื่อดูการถ่ายทอดสดบนจอใหญ่หลังจากการแข่งขันเริ่มขึ้น”

นี่คงตื่นกลัวกันสินะ…ผู้ชมหลักที่นี่ไม่ว่าจะร่ำรวยหรือมีชื่อเสียง ทุกคนต่างคำนึงถึงชีวิตของตัวเองมากกว่าสิ่งอื่นใด ท้ายที่สุดตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ในอนาคตความเป็นไปได้ที่จะอายุยืนก็มีมาก

ฟางหนิงเข้าใจดี สุดท้ายแล้วการจัดการแข่งขันแบบนี้ค่อนข้างยุ่งยาก หากไม่เกิดข้อผิดพลาดก็ถือเป็นเรื่องดี แต่หากเกิดใครจะกล้านั่งหมอบลงดู? คาดว่าต่อไปสถานที่แห่งนี้คงใช้เป็นสถานที่สำหรับผู้เล่นระดับอ่างน้ำเท่านั้น

เมื่อถึงเวลาสองทุ่ม อัศวิน A ก็เดินเข้าไปในเวทีทรงกลมอย่างมั่นคง ขณะนั้นเองก็เห็นคู่ต่อสู้ของเขา อีกฝ่ายเป็นชายชราผู้สวมชุดผ้ากระสอบ…ราชครู

ไม่มีพิธีกรในเวที พวกเขาได้ยินเพียงเสียงจากหน้าจอขนาดใหญ่ด้านนอกเท่านั้น

“สวัสดีท่านผู้ชมผู้ฟังทุกท่าน ในตอนนี้การถ่ายทอดสดที่ท่านกำลังได้รับชมอยู่นั้นคือการแข่งขันระหว่างราชาอันดับมืดคนปัจจุบันมังกรเทพแห่งบูรพาทิศและยอดมนุษย์ราชครูแห่งประเทศกุ่ยฟาง! การแข่งขันในรอบแรกมังกรเทพเอาชนะคู่ต่อสู้อย่างหนานคุนผู้ยิ่งใหญ่ด้วยวิชากระบี่สวรรค์อันน่าทึ่ง วันนี้เป็นการปรากฏตัวครั้งที่สองของเขา พวกเราหวังว่าเขาจะแสดงความรุ่งโรจน์ออกมาได้ไม่แพ้ครั้งแรก!”

“แม้ว่าชื่อเสียงของราชครูแห่งประเทศกุ่ยฟางจะไม่ได้ประจักษ์มากนักแต่ก็ถือว่าดีมากทีเดียว หลังจากได้รับคัมภีร์วิวรณ์บนทุ่งหญ้า ความแข็งแกร่งของเขาก็พุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว หลังจากสังหารทหารกบฏที่ติดอาวุธด้วยตัวเอง เขาก็ทะลวงขึ้นสู่ผู้แข่งแกร่งระดับ A จากข้อมูลการประเมินพลังที่เสินโจวเพิ่งปล่อยออกมาล่าสุด ตระกูลมังกรทะลวงถึงระดับบ่อน้ำซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันกับความแข็งแกร่งของมังกรเทพแห่งบูรพาทิศ เชื่อเหลือเกินว่าการแข่งขันในครั้งนี้จะต้องเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดเลือดพล่านและน่าตื่นตาเต้นใจอย่างแน่นอน!”

ด้านนอกสนามประลองทรงกลมมีลานกว้างเปิดโล่ง ในเวลานี้จัตุรัสเต็มไปด้วยที่นั่งสำรองหลายแถวทอดยาวออกไปสุดลูกหูลูกตา ไม่อาจมองเพียงปราดเดียวได้

พนักงานไม่ได้พูดโกหก ในเวลานี้เกือบทุกที่นั่งในจัตุรัสเต็มไปด้วยผู้คนและทุกคนต่างก็แหงนมองดูหน้าจอขนาดใหญ่เบื้องหน้าพวกเขาด้วยความตื่นเต้น

ที่นั่งเหล่านี้กระจายเป็นแถวขนาด 40X20 มีหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่แยกกันที่ด้านหน้าของแต่ละแถว ซึ่งกำลังออกอากาศการแนะนำตัวก่อนการแข่งขันของเจ้าบ้าน

ทางด้านตะวันออกของจัตุรัสใหญ่บรรจุที่นั่งจำนวน 3 หมื่นถึง 4 หมื่นคน ดูจากรูปร่างหน้าตา เสื้อผ้าและการสนทนาแล้ว พวกเขาทั้งหมดดูเหมือนจะเป็นชาวเสินโจว

พวกเขามีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งแต่ละคนส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ที่มีอิทธิพล คนดังและคนรวยจากทั่วโลก ชื่อเสียงของอัศวิน A นั้นยิ่งใหญ่ ไม่ว่าในประเทศที่มั่งคั่งหรือต่ำต้อยทุกคนต่างก็รู้จัก

ตอนนี้สำนักงานสัจธรรมได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแข่งขันผู้มีพลังเหนือธรรมชาติแล้ว พวกเขาจึงสามารถไปต่างประเทศเพื่อชมการแข่งขันที่คล้ายคลึงกันได้อย่างยุติธรรม

ตามที่ผู้จัดงานประกาศ การแข่งขันในครั้งดึงดูดผู้ชมได้มากกว่าครั้งที่แล้วด้วยจำนวนคนถึง 4 หมื่นคน ลองจินตนาการว่าจัตุรัสแห่งนี้ต้องใหญ่แค่ไหนถึงจะรองรับคนทั้งหมดได้

ชาวเสินโจวหลายคนโห่ร้องพร้อมกันทันทีเมื่อเห็นอัศวิน A ปรากฏตัวบนสนามประลอง สำหรับคนส่วนใหญ่แล้วพวกเขาเคยได้ยินเพียงชื่อเสียงของมังกรเทพเท่านั้น แทบไม่มีใครได้เห็นด้วยตาของตนเองเลย ซึ่งทำได้เพียงรับชมผ่านวิดีโอข่าวกรองเท่านั้น

บางคนที่รู้เบื้องลึกไม่ได้ส่งเสียงเชียร์ แต่กลับมีความกังวลเล็กน้อย

“ท่านมังกรเทพแข่งขันทั้งที่บาดเจ็บอยู่ ไม่รู้ว่าเขาจะถอนตัวโดยไม่ได้รับบาดเจ็บได้หรือเปล่า” ใครบางคนพูดอย่างเป็นห่วง

“ถอนตัวไม่น่าเป็นปัญหา พวกเราได้ตรวจสอบแล้วว่าราชครูผู้นั้นไม่ใช่ผู้เล่นที่มีพลังปะทุรุนแรงอะไร แต่หากไม่ไหวจริงๆ ก็แค่ประกาศยอมแพ้ให้ทันเวลา”

“ท่านมังกรเทพจะยอมรับความพ่ายแพ้ต่อหน้าผู้คนนับแสนได้ยังไง เขาทำได้เพียงต่อสู้จนถึงที่สุดเท่านั้น การต่อสู้ครั้งนี้น่าเป็นห่วงนัก ดังคำโบราณที่ว่าไม้แข็งย่อมหักง่าย”

ในเวลานี้อีกทิศทางหนึ่งไม่ไกลจากจัตุรัส กลุ่มชายผิวคล้ำและคนร่างเตี้ยกำลังรวมตัวกันมองไปยังสถานที่ที่ชาวเสินโจวรวมตัวกันอยู่

คนเหล่านี้คือชาวเจียวจื่อ พวกเขามีความสัมพันธ์อันดีกับชาวเทียนจู๋ ไม่มีการบุกเบิกสู้ยุคใหม่มีเพียงความร่วมมืออันลึกซึ้ง นั่นก็คือมองว่าเสินโจวเป็นศัตรูมาโดยตลอด

ก่อนหน้านี้เขาได้ยินข่าวจากอีกฝ่ายมาว่าวิญญาณของท่านมังกรเทพได้รับบาดเจ็บสาหัส ในขณะที่ได้ยินผู้คนชาวเสินโจวโห่ร้องอยู่ที่นั่น ใบหน้าของทุกคนก็ผุดรอยยิ้มเหยียดหยาม

“มังกรเทพแห่งบูรพาทิศอะไรกัน รนหาที่ตายแท้ๆ อีกไม่นานก็ได้รู้กัน” พวกเขาซุบซิบเสียงเบา จากนั้นทุกคนก็จ้องไปที่หน้าจอขนาดใหญ่ โดยหวังว่าฉากที่พวกเขาคาดหวังจะปรากฏ

……………………………………………….

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

Status: Ongoing

จู่ๆ ก็มีดาวตกพุ่งลงมาที่โลก ทำเอาพื้นดินถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย

แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นกลับทำให้ 'ฟางหนิง' หัวโขกกับโต๊ะคอมพิวเตอร์จนสลบไป

ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเขามีระบบ ขณะที่กำลังจะดีใจว่าในที่สุดก็มีขาทองคำมาให้เกาะ

เจ้าระบบนั่นกลับประเมินว่าเขาเป็นโรคขี้เกียจระยะสุดท้าย ปล่อยไว้ไม่มีทางเจริญก้าวหน้า

และทำการยึดครองร่างของเขาซะงั้น!?

...

จากหนุ่มโอตาคุผู้แสนจะขี้เกียจที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ

กลับต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนโฉมตนเองเป็นฮีโร่คอยปราบปรามเหล่าปีศาจร้าย

ปกป้องเมืองที่ตนอยู่อาศัย และฝึกวิทยายุทธ์เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดนิ้วทองคำของระบบ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท