บทที่ 204 เสียบพวกมันให้ตายเหมือนเสียบไม้ถังหูลู่
ฟางหนิงเลือดลมสูบฉีดเต็มที่ เมื่อครู่โชว์สุดอลังการในร้านอาหารตระกูลฟางของระบบประสบความสำเร็จจนเรียกสีหน้าตกตะลึงของฝูงชนได้เป็นอย่างดี ตอนนี้ถึงตาเขาแล้วที่จะทำการแสดงโชว์เล็กๆ น้อยๆ บ้าง
เขามาที่ห้องควบคุมโล่งแจ้งแสนโกโรโกโสที่เพิ่งได้รับการซ่อมแซมเพียงเบื้องต้น ก่อนจะขอให้ยามหน้าประตูประสานให้ผู้อาวุโสไห่ทราบว่าเขากำลังมีเรื่องด่วน
หลังจากการต่อสู้ครั้งก่อน แม้ตัวตนของท่านมังกรจะได้รับสิทธิพิเศษขั้นพื้นฐานไปนานแล้ว แต่ฟางหนิงไม่ใช่ระบบ เขารู้กาลเทศะและจะไม่ผลีผลามเข้าไปในสถานที่ที่เป็นส่วนตัวของคนอื่น
ผู้อาวุโสไห่ง่วนอยู่กับการสั่งการให้ทุกคนจัดค่ายกลป้องกันรูปแบบใหม่ แต่เมื่อเขาได้ยินการมาเยือนของท่านมังกร เขาก็วางงานสำคัญลงทันทีแล้วไปทักทายอีกฝ่ายที่ด้านนอกประตูด้วยตัวเอง
เขาได้รับรายงานด่วนจากสำนักงานใหญ่ของสำนักงานสัจธรรมแห่งเสินโจวแล้ว จึงรู้ว่าท่านมังกรเข้าปราบปีศาจแมลงที่ทรงพลังซึ่งเพิ่งจุติลงมาจากอาณาจักรเบื้องบนด้วยจิตวิญญาณอันหาญกล้าโชติช่วงของกระบี่อย่างไม่เกรงกลัวใดๆ อีกครั้งแล้วที่อีกฝ่ายได้ช่วยเสินโจวขจัดภัยร้ายที่ซุกซ่อนอยู่ อย่างน้อยมันก็ช่วยสำนักงานสัจธรรมประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มาก…
ผู้อาวุโสไห่ถอนหายใจในใจ ยังไงซะเบื้องบนก็เป็นคนฉลาด กลยุทธ์ที่ตั้งไว้ก่อนหน้าในตอนนี้ได้สำแดงอิทธิฤทธิ์ออกมาอย่างยิ่งใหญ่ ผู้จุติฝ่ายธรรมที่รวมกันเป็นหนึ่งนี้จะช่วยแบ่งเบาภาระพวกเขาและลดความโกลาหลในเสินโจวไปได้มากทีเดียว
ยุคใหม่ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงของมัน หากยังยึดติดอยู่กับวิถีเดิมๆ ก็จะถูกกำจัด จริงๆ แล้วผู้อาวุโสเหล่านี้มีความเข้าใจในเรื่องนี้ดีเป็นที่สุด
เขาต้อนรับอัศวิน A เข้ามาในห้องรับแขก ทันใดนั้นก็ได้ยินข่าวดีอีกเรื่อง…
“อะไรนะ? นายท่านได้เกลี้ยกล่อมให้หนอนเขียวยักษ์ตัวนี้ช่วยพวกเรากำจัดกลุ่มสัตว์ปีศาจบ้าเลือดในดินแดนมรดกงั้นเหรอขอรับ?” ผู้อาวุโสไห่รู้สึกตื่นเต้นมากหลังจากได้ยินความตั้งใจของฟางหนิง ใบหน้าเหี่ยวย่นพลันสั่นเทา
ว่ากันตามตรง เมื่อถึงช่วงปลายปีเขามักกังวลเกี่ยวกับการรุกรานของสัตว์ปีศาจ
พวกมันคือสัตว์ปีศาจระดับบ่อน้ำหลายร้อยตัว เขาไม่รู้ว่าต้องใช้กำลังคนและทรัพยากรมากเท่าไรถึงจะสยบมันได้ ทุกๆ ปลายปีพวกมันจะแห่แหนกันมา เมื่อมุ่งเน้นฝึกฝนกองกำลังนั่นหมายความว่าการพัฒนาเมืองก็จะชะลอตัวลงลิ่ว ทั้งนี้สิ่งต่างๆ ย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสียเสมอ
เขารู้ดีว่าตราบใดที่ต้นกำเนิดของสัตว์ปีศาจบ้าเลือดยังคงอยู่ การฝึกฝนก็จะยังเป็นสิ่งที่จำเป็น ความช่วยเหลือของนายท่านมังกรในครั้งนี้เป็นการกำจัดต้นตอใหญ่ซึ่งเท่ากับช่วยลดความรุนแรงของสนามรบ เหมือนสำนวนที่ว่าให้ถ่านกลางหิมะช่วยเหลือคนคับขันได้ทันท่วงที ด้วยวิธีนี้สนามรบก็จะควบคุมได้ง่ายขึ้นแล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น หนอนเขียวยักษ์ก็เชิดหน้าขึ้นสูง ทำท่าทางเฉยเมยโดยไม่พูดอะไรสักคำ
จนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่เข้าใจ มังกรผู้ชอบธรรมตัวนี้ทำอาชีพอะไรถึงจะได้เงินมากมายขนาดนี้? แต่ใครจะสนใจกันล่ะ ดูจากบทสนทนาเมื่อครู่แล้ว ชายผู้นี้เป็นคนดีไม่น่าทนงตนมากนักหรอก…
ฟางหนิงแสร้งทำเป็นพูดซึ้ง “เป็นเช่นนั้น หาได้ยากที่เทพหนอนตนนี้จะเข้าใจถึงความชอบธรรมและยอมรับคำชักชวนจากข้าให้ร่วมกำจัดสัตว์ปีศาจบ้าเลือดเหล่านั้นไปพร้อมกัน”
ผู้อาวุโสไห่เอ่ยปากตอบรับคำโต “เอาละๆ ผมจะส่งทหารช่างไปให้เดี๋ยวนี้ ท่านเพียงเลือกสถานที่เปิดโล่งในการขุดคูน้ำที่ตรงและลึกก็พอ ตราบใดที่กลุ่มสัตว์ปีศาจบ้าเลือดถูกกำจัด รางวัลก็จะตกเป็นของท่านและเทพหนอนทันที”
เมื่อหนอนยักษ์ได้ยินคำพูดนั้น ดวงตาพลันเปล่งประกายในทันใด โอ้ ที่แท้มันก็คือวิธีการหาเงินนี่เอง เช่นนั้นก็ง่ายดายนัก หลังจากที่ข้าฟื้นฟูพลังแล้วก็สามารถออกบินเดี่ยวได้…ชายคนนี้เป็นผู้ชอบธรรมทั้งแท่ง เขาจะต้องเป็นคนแข็งกร้าวอย่างแน่นอน ฉะนั้นข้าจะไม่ทำเป็นเล่นกับเขา
ฟางหนิงพยักหน้า “งั้นดีเลย รบกวนท่านผู้อาวุโสไห่ด้วย”
หลังจากจบเรื่องนี้ เขาก็เข้าไปในห้องรับรองหนึ่งภายใต้การแนะนำของเจ้าหน้าที่ ก่อนจะส่งมอบร่างให้กับระบบเพื่อทำการฝึกปราณและไปทำงานในพื้นที่ระบบด้วยตัวเอง
หนอนยักษ์กลอกตาไปมาแต่มันไม่กล้าห่างจากอัศวิน A แม้ครึ่งก้าว มันสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่อันตรายในป่าโดยรอบ ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าหากจะอยู่เคียงข้างเจ้าโง่เง่าสองตัวนี้เพื่อความปลอดภัย หรืออีกนัยก็คือแต่ไหนแต่ไรตัวมันไม่เคยเห็นว่าอีกฝ่ายจะกลัวอะไรเลย
…
ผ่านไปกว่าสิบวัน อัศวิน A ก็ได้รับแจ้งว่าการก่อสร้างเสร็จสิ้นแล้ว เขาจึงพาหนอนยักษ์ไปยังพื้นที่ภูเขารกร้างว่างเปล่าแห่งหนึ่ง
เมื่อไปถึงก็พบว่าที่แห่งนี้มีการขุดคูหินขนาดใหญ่มีลักษณะยาวตรงลึก 20 เมตร กว้าง 5 เมตรและยาว 2,000 เมตรตามคำขอของฟางหนิง พร้อมด้วยหลุมรูปตัว V ที่ถูกขุดหน้าคูหินซึ่งมีความลึกใกล้เคียงกัน เมื่อรวมกันแล้วจึงกลายเป็นคูหินที่มีโครงสร้างรูปตัว Y เหมือนกับมุมมองภาพตัดขวางของรูปกรวย เพียงแต่ไม่ได้เอาไว้บรรจุน้ำทว่าเป็นสัตว์ปีศาจอันธพาล
นอกคูน้ำหิน ทีมก่อสร้างขนาดใหญ่เกือบ 10,000 คนกำลังรวมตัวกัน ในขณะเดียวกันก็มีอุปกรณ์วิศวกรรมขนาดใหญ่วางเรียงรายอยู่ด้วย
อุปกรณ์ทางวิศวกรรมเหล่านี้ไม่ใช่รถขุดและรถดันดินแต่อย่างใด ทว่ามีความคล้ายคลึงกับหุ่นยนต์พลังจิตที่ฟางหนิงเคยเห็นมาก่อนหน้านี้มาก เว้นแต่ว่าพวกมันมีมือและเท้าที่มากกว่าและไม่มีการติดตั้งอาวุธ มีเพียงอุปกรณ์ทางวิศวกรรมต่างๆ เท่านั้น
ตามคำขอของฟางหนิง แน่นอนว่าทีมก่อสร้างของสำนักงานสัจธรรมจะไม่ขุดคูน้ำบนพื้นหญ้า แม้ว่ามันจะง่ายกว่ามากแต่น้ำก็จะถูกขุดออกมาด้วย ซึ่งมีเพียงพื้นที่ภูเขาเท่านั้นที่จะดำเนินการก่อสร้างแล้วไม่เกิดปัญหานี้
การขุดภูเขายากขึ้นเป็นทวีคูณ ในสมัยก่อนเป็นไปไม่ได้เลยที่จะก่อสร้างงานระดับนี้ให้เสร็จสิ้นภายในสิบวัน แต่ในตอนนี้กลับทำได้รวดเร็วมาก…
ในยุคสมัยใหม่เกิดวิกฤตมากมายแต่สำหรับความสามารถของมนุษย์ในการเปลี่ยนแปลงธรรมชาติก็ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไม่น้อยหน้าเช่นกัน อย่างน้อยๆ ก็อุปกรณ์ทางวิศวกรรมเหล่านี้ที่ส่วนใหญ่แล้วละเมิดหลักการทางกลศาสตร์จึงไม่สามารถผลิตขึ้นได้ในสมัยก่อน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฟางหนิงก็พอใจมาก หากเขาไม่ร่วมมือกับสำนักงานสัจธรรม ความคิดเพ้อฝันของเขาก็อาจยังเป็นเพียงฝันเฟื่องและคงไม่สามารถทำตามคำขอของระบบได้
หากจะให้อัศวิน A ขุดคูน้ำนี้ด้วยตัวเองก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะขุดคูน้ำนี้ให้เสร็จภายในหนึ่งปีหรือครึ่งปี นี่ถือเป็นผลประโยชน์ที่เกิดจากการร่วมมือกัน ต่างฝ่ายต่างได้สิ่งที่ตนต้องการ
เขาให้กำลังใจหัวหน้าทีมวิศวกร จากนั้นก็บอกให้อีกฝ่ายเตรียมอพยพทันทีเพราะอีกเดี๋ยวพื้นที่แห่งนี้จะอันตรายมาก
หัวหน้าทีมกล่าวว่า “นายท่าน ท่านต้องการให้เราส่งคนไปช่วยท่านกำจัดสัตว์ปีศาจพวกนี้หรือไม่?”
ฟางหนิงต้องการที่จะปฏิเสธโดยถนอมน้ำใจ “ไม่จำเป็นหรอก หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินหรือเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ข้าคนเดียวล่าถอยจะคล่องตัวกว่า ถ้ามีคนมากเกินไปอาจมีคนบาดเจ็บล้มตายโดยไม่จำเป็น”
เมื่อได้ยินหัวหน้าทีมก็รู้สึกซาบซึ้งใจมาก “ท่านช่างมีเมตตาจริงๆ พวกเราจะอพยพเดี๋ยวนี้ โปรดระวังความปลอดภัยของท่านด้วย”
ฟางหนิงโบกมือและพูดว่า “เอาละ เดินทางระวังกันด้วย หลังเรื่องนี้จบ ข้าจะไปขอความดีความชอบจากผู้อาวุโสไห่ให้พวกเจ้าเอง”
หัวหน้าทีมรีบเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะสั่งให้ทุกคนเตรียมพร้อมอพยพในทันที พวกเขาไม่ใช่คนงานก่อสร้างธรรมดา ทุกคนได้รับการฝึกทหารทุกวัน ดังนั้นพวกเขาจึงดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ไม่นานเครื่องจักรก่อสร้างรูปมนุษย์ขนาดใหญ่ก็เริ่มเคลื่อนที่และอพยพออกไป
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ หนอนยักษ์ก็เข้าใจวิธีการของอีกฝ่าย เขาอาศัยคลื่นพลังของตัวเองในการไล่ต้อนกลุ่มสัตว์ปีศาจให้หลงมาติดกับดัก จากนั้นก็จะกำจัดพวกมันด้วยพละกำลังทั้งหมด
แม้ว่ามันจะสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตเข้มข้นในที่แห่งนี้ เพียงกลัวว่าสัตว์ปีศาจที่กำเนิดขึ้นมานี้อาจทรงพลังมาก อย่างน้อยก็คงไม่แย่ไปกว่าตัวล่าสุด ชายคนนี้มีทักษะแบบนี้ด้วยเหรอ? นี่เป็นแค่คูน้ำและมันก็ไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของกับดักอันทรงพลังแต่อย่างใดเลย
เมื่ออัศวิน A ก้าวขึ้นไปบนกระบี่บิน ยิ่งเขาขี่มันค้นหากลุ่มสัตว์ปีศาจมากรอบเท่าไร หนอนยักษ์ก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น
“มีมากมายเหลือเกิน…ไม่สิ มันเป็นแค่กลุ่มหมูป่า ข้าหนอนยักษ์ย่อมกำจัดพวกมันได้อยู่แล้ว ข้าจะเก็บโบนัสเอง ดังนั้นเจ้าไม่ต้องแบ่งหรอก…” หนอนยักษ์ที่นอนขดอยู่บนไหล่ของอัศวิน A เมื่อมองเห็นเม่นหลายร้อยตัวด้านล่าง มันก็เริ่มตัวสั่นสะท้านและตระหนักได้ทันทีว่าครอบครัวของมันอาจจะถูกเปิดโปง จึงรีบแสร้งทำเป็นใจดีสู้เสือ
อัศวิน A “จริงเหรอ? ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็กำจัดพวกมันซะตอนนี้ ข้ายุติธรรมเป็นที่สุด ตราบใดที่เจ้ากำจัดพวกมันได้ โบนัสก็จะตกเป็นของเจ้า ข้าคนนี้จะไม่เอาอะไรเลย”
หนอนยักษ์ส่ายหัว แสร้งทำเป็นเย่อหยิ่งและพูดว่า “โอ้ เจ้าพวกนี้สกปรกเกินไป ข้าไม่อยากทำให้มือแปดเปื้อน เจ้าลงมือเถอะ ข้าแค่ไม่อยากให้พวกมันตื่นกลัว…”
อัศวิน A “ถ้าอย่างนั้นนั้นเจ้าแค่แผ่คลื่นพลังไล่ต้อนพวกมันลงไปในหลุมลึกนั่น แล้วบังคับพวกมันให้วิ่งไปตามคูก็พอ…”
นอนยักษ์มองไปที่กระบี่บินสีเขียวใต้เท้าของอีกฝ่าย พลางกลอกตาแล้วพูดว่า “ข้าเข้าใจแล้ว แต่กระบี่ของเจ้าก็ทรงพลังมากนี่? เจ้าสามารถเสียบพวกมันทั้งหมดให้ตายเหมือนเสียบไม้ถังหูลู่ได้หรือเปล่า?”
อัศวิน A พูดอย่างเฉยเมย “สิ่งนี้ทำจากวัสดุในท้องถิ่นคุณภาพสูงและได้รับการขัดเกลาด้วยวิธีลับของตระกูลมังกร มันทรงพลังมาก”
หนอนยักษ์ถามด้วยความสงสัย “ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าตระกูลมังกรของพวกเจ้าสามารถขัดเกลากระบี่บินได้ด้วย ดูเหมือนว่านอกจากจะเก็บสะสมแล้วพวกเจ้าก็ไม่ได้ใช้มันเลย…”
ระบบพูดกับฟางหนิง “เจ้านี้ดูเหมือนจะรู้รายละเอียดของมังกรในอาณาจักรเบื้องบน อย่างไรก็ตามมันก็เคยเป็นผู้แข่งแกร่งแห่งเทียนหู มันอาจมีภูมิหลังที่ลึกลับ คุณไปหลอกมันซะ…”
ฟางหนิง “เรื่องขี้ปะติ๋ว ตัวกินจุสมองตื้นแบบนี้หลอกง่ายที่สุดแล้ว”
ฟางหนิงเข้าประจำตำแหน่งกลับไปที่ร่างของตัวเอง กระบี่บินยังคงอยู่ในการควบคุมของเธรดระบบในการจัดการ เขาไม่จำเป็นต้องทำอะไร
จากนั้นเขาก็พูดกับหนอนยักษ์ว่า “วิธีลับในการปรับแต่งกระบี่บินนี้ได้รับการพัฒนาหลังจากที่ข้ามาถึง โดยทำงานร่วมกับเทคโนโลยีของมนุษย์ในโลกนี้และใช้เวลานับไม่ถ้วนในการวิจัย เจ้าเพิ่งจุติลงมา ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เจ้าจะไม่รู้”
จากนั้นหนอนยักษ์ก็ตระหนักได้ในทันที “เป็นเช่นนั้นเอง เจ้าเป็นผู้ได้รับอาณัติแห่งสวรรค์โดยแท้ เกิดในตระกูลมังกรไม่พอยังแข็งแกร่งกว่าข้าอีก แถมไม่นึกเลยว่าจะบรรลุเป้าหมายได้ก่อนเวลาด้วย…”
ฟางหนิงแสร้งทำเป็นปกติและกล่าวว่า “ข้ารักษาวิถีอันชอบธรรม ทำหน้าที่อย่างกล้าหาญซื่อตรง เพราะงั้นข้าถึงได้รับอาณัติจากสวรรค์ไงล่ะ”
หนอนยักษ์ไม่ปฏิเสธ แต่กลับตอบเห็นด้วยแทน “จริงดังนั้น ดูเหมือนว่าโลกนี้จะต้อนรับคนดีสินะ ครั้นที่โลกนี้ถูกค้นพบในช่วงแรกๆ ตระกูลที่มีอำนาจทั้งหมดในอาณาจักรเบื้องบนได้เลือกกำลังคนถ่ายทอดอาณัติแห่งสวรรค์ลงมาจุติ แต่ข้าได้ยินมาว่าเกือบทั้งหมดล้มเหลว หากให้เดาพวกที่ล้มเหลวก็คงจะเป็นคนเลว…จึงไม่ได้รับการต้อนรับ”
เมื่อฟางหนิงได้ยินสิ่งนี้ แม้ว่าเจ้านี่จะเป็นตัวกินจุสมองตื้นแต่มันก็รู้ข้อมูลภายในค่อนข้างมาก ถึงอย่างไรมันก็เป็นลูกหลานที่แท้จริงของตระกูลผู้มีอำนาจ ไม่เหมือนตัวปลอมอย่างเขา…
หัวใจของเขาเต้นรัว จากนั้นก็เอ่ยโพล่งขึ้นมา “จริงๆ แล้ว ข้าก็เกือบจะล้มเหลว หลังจากที่ข้ามาถึงความทรงจำเกือบทั้งหมดของข้าก็หายไป ข้าเพิ่งตื่นขึ้นมาเมื่อประมาณครึ่งปีก่อนจึงกลับมาฝึกฝนใหม่อีกครั้ง”
“นั่นเป็นเรื่องปกติ โชคดีที่ข้าไม่ฟังพ่อ ข้ารู้ว่าการมาเร็วไปคงไม่ดีนัก จึงเลือกที่จะมาในร่างเดิมของข้าในตอนนี้ แต่ร่างกายของข้าก็ยังถูกทำลาย เหลือเพียงดวงจิตที่สมบูรณ์…”
หลังจากได้ยินคำพูดของฟางหนิง หนอนยักษ์ก็ไม่ได้สงสัยแต่อย่างใดกลับรู้สึกขอบคุณ พร่ำได้เพียงครึ่งประโยค มันก็ตระหนักได้ว่ามันกำลังจะเปิดเผยความลับอีกครั้ง ดังนั้นมันจึงกลอกตาอย่างรวดเร็ว “แต่ส่วนใหญ่ พลังของข้ายังคงถูกเก็บรักษาไว้ ไม่มีใครในโลกนี้เป็นศัตรูของข้า…รวมถึงเจ้าด้วย เมื่อครู่ข้าไม่ได้กลัวเจ้าหรอกนะ แต่เป็นพ่อข้าต่างหากที่บอกเอาไว้ว่าข้าเอาชนะคนดีไม่ได้”
ฟางหนิงพูดไม่ออก ‘หึหึ อันที่จริง ยิ่งคนๆ นี้เน้นบางสิ่งมากเท่าไร มันก็เอ่อล้นออกมาเท่านั้น…’
ฟางหนิงยังคงต้องการขุดหาข้อมูลต่อไป ทว่ากลับมีคนคนหนึ่งเริ่มหมดความอดทน
ระบบ “คุณหลอกล่อมามากพอแล้ว ปล่อยให้มันเริ่มทำงานสักที พอไปถึงกลุ่มสัตว์ปีศาจ คนงานก่อสร้างก็ถูกอพยพออกไปหมดแล้ว คงเป็นการดีกว่าหากไม่รีรอ”
ฟางหนิงรู้ดีว่าเขาไม่สามารถเอาชนะระบบที่กระตือรือร้นจะฆ่าสัตว์ปีศาจได้ ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างเหนื่อยหน่ายว่า “เจ้าระบบงี่เง่าที่ไม่เข้าใจภาพรวมเอ๊ย…เอาเถอะ ไว้ฉันค่อยขุดหาข้อมูลหลังจากที่แกกำจัดปีศาจเสร็จแล้วก็ได้”
…
ในช่วงเวลาสั้นๆ มวลอากาศพิศวงก็ได้ก่อตัวขึ้นในดินแดนมรดกแห่งนี้ ไม่นานบนพื้นที่กว่า 100,000 ตารางกิโลเมตรในเขตภายนอกก็เกิดเหตุหมาป่าวิ่งกรู ฝุ่นปลิวว่อนและนกบินแตกรัง
อัศวิน A ก้าวขึ้นไปบนกระบี่บินตามหลังกลุ่มเม่น ยืมคลื่นพลังอันแรงกล้าของหนอนยักษ์เพื่อไล่ต้อนสัตว์ปีศาจที่บ้าระห่ำและทำได้เพียงทำตามสัญชาตญาณเหล่านี้ไปยังหลุมลึกนั่น
เมื่อเห็นว่าเส้นทางของพวกมันถูกกำหนดไว้แล้ว เขาจึงออกไล่ต้อนสัตว์ปีศาจอีกกลุ่มหนึ่ง ครั้งนี้เป็นกลุ่มกิ้งก่าบ้าเลือด…
ตามมาด้วยปีศาจงูอีกกลุ่มหนึ่ง…
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยอื่นๆ อีกประปราย แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะไล่ต้อนพวกมันที่กระจัดกระจายกันเป็นกลุ่มๆ ประสิทธิภาพของเขายังต่ำเกินไป ในตอนนี้ระบบยังไม่ได้เข้าจัดการ
ฟางหนิงนับอย่างถี่ถ้วน จำนวนเคลื่อนไหวทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 500 ตัว หากตัวหนึ่งคิดเป็น 10 ล้าน เท่ากับว่าเขาจะได้ประสบการณ์ประมาณ 5 พันล้าน ระบบน่าจะสามารถทะลุไปถึงระดับทะเลสาบได้ในคราวเดียว ทะลวงถึงจุดสูงสุดของพลังในโลกแห่งความจริงได้อีกครั้ง
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีสิ เขาจะได้ไม่ต้องกังวลกับตัวเอง หลังจากทำงานหนักดูเหมือนว่าคงจะได้พักสักที…
สัตว์ปีศาจทั้งสามกลุ่มนี้เคลื่อนเร็วบ้างช้าบ้างและบางตัวก็กระจัดกระจายออกจากฝูง การกำจัดปีศาจจึงเป็นหน้าที่ของระบบ มีเพียงพลังการคำนวณและความอดทนที่เหนือมนุษย์เท่านั้นที่จะสามารถควบคุมพวกมันได้อย่างแม่นยำ
ฟางหนิงคิดว่าหากเป็นคนอื่นมีเพียง 30% เท่านั้นที่จะสามารถทำได้สำเร็จ ในขณะที่ระบบสามารถเข้าใกล้ได้เกือบ 100% ในระยะที่ถึงจุดหมายเกือบพร้อมกัน
เมื่ออัศวิน A เห็นว่าสัตว์ปีศาจทั้งหมดได้เข้าไปในหลุมแล้ว เขาจึงพูดกับหนอนยักษ์ที่อยู่บนไหล่ของเขา “เอาละ เจ้าลองเคลื่อนตัวไปอีกที ตรวจดูให้แน่ใจว่าพวกมันจะไม่กระโดดไปมาแล้วไปหลบที่ด้านข้างซะ”
หนอนยักษ์วางขาหน้าทั้งสองข้างไว้ที่สะโพกแล้วโต้กลับ “ข้าไม่จำเป็นต้องหลบ แม้ว่าเจ้าจะเป็นมังกรฟ้าตัวยักษ์ แต่กำลังของเจ้าอ่อนแอกว่าข้ามากโข เจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอก!”
หลังจากพูดจบ จู่ๆ มันก็รวบรวมแรงผลักดันจากบนลงล่าง พุ่งตัวเข้าหากลุ่มสัตว์ปีศาจที่กระจัดกระจายอยู่ในหลุมลึก
คลื่นพลังของมหาอำนาจได้บังคับให้สัตว์ปีศาจเหล่าให้นี้ทำตามสัญชาตญาณโดยสมบูรณ์ พวกมันกรูเข้าหาทางออกเดียวที่อยู่ด้านหน้าเหมือนกระแสน้ำ สัตว์ปีศาจหนึ่งตัวมีความกว้างสองหรือสามเมตร เมื่อเทียบกับคูน้ำลึกที่กว้างห้าเมตรแล้ว สามารถรองรับได้เพียงตัวเดียวเท่านั้นที่จะผ่านออกไปได้อย่างรวดเร็ว
ดังนั้นพวกมันจึงถูกบังคับให้ต่อแถวตอนลึกเรียงยาว ไม่สามารถกระโดดขึ้นได้และไม่สามารถวิ่งไปที่อื่นได้ เพราะคลื่นพลังของผู้แข็งแกร่งคนนั้นได้แผ่ซ่านไปทั่วท้องฟ้าและบริเวณโดยรอบแล้ว แต่ทางเดินข้างหน้าพวกเขากลับว่างเปล่า…
หากเป็นสัตว์ร้ายธรรมดาจากนอกโลก พวกมันย่อมตรวจจับการมีอยู่ของกับดักได้ แต่บัดนี้พวกมันได้สูญสิ้นความสามารถในการไตร่ตรองไปเสียแล้ว
“เอาล่ะ โอกาสมาแล้ว ข้าจะเริ่มสังหารปีศาจเดี๋ยวนี้!” อัศวิน A พูดอย่างเฉยเมยแล้วหายตัวไปเหลือเพียงหนอนเขียวยักษ์
มันคิดอย่างว่างเปล่า ดูเหมือนตอนนี้มันเองก็เป็นปีศาจเหมือนกัน…หรือมันควรจะซ่อนตัวก่อนดี?
……………………………………………….