บทที่ 39 สระบัวขาว
บนแท่นหินที่ยื่นออกมากลางอากาศ เสิ่นเทียนตกใจจนเหงื่อท่วมทั้งตัว
บ้าจริง เกือบเอาชีวิตของตนเองไปทิ้งแล้ว
ที่เสิ่นเทียนกระโดดหน้าผาอย่างกะทันหัน ไม่ได้เป็นเพราะการตัดสินใจที่วู่วาม
อันที่จริงเขาอยากกระโดดหน้าผามาสักพักแล้ว
แน่นอน ไม่ใช่รนหาที่ตาย
แต่เป็นเพราะเสิ่นเทียนเห็นภาพโชคลิขิตเหนือศีรษะของเสี่ยวหลิงเซียน และมันก็อยู่ตรงใต้หน้าผาแห่งนี้
ตามหลัก ถ้าหากเสิ่นเทียนไม่ปรากฏตัว
เสี่ยวหลิงเซียนถูกผู้จริงแท้เฮยเสวี่ยลักพาตัวไป และผลสุดท้ายคือการตกลงมาจากหน้าผา
ส่วนตกลงมาระหว่างการดิ้นรนเอาตัวรอดหรือหลังจากถูกย่ำยีจึงฆ่าตัวตาย อันนี้ไม่รู้ได้
แต่ตำแหน่งที่ตกลงมาจากหน้าผาคือแท่งหินตรงนี้อย่างแน่นอน
เนื่องจากเสิ่นเทียนเข้ามามีส่วนร่วม จึงส่งผลให้เสี่ยวหลิงเซียนถูกช่วย
เสี่ยวหลิงเซียนที่ได้รับการช่วยเหลือ ย่อมไม่มีทางไร้สมองจนกระโดดหน้าผาลงมาเอง
ในเมื่อเสี่ยวหลิงเซียนไม่กระโดดหน้าผา ถ้าอย่างนั้นเสิ่นเทียนจึงต้องลงมือเอง
ปัญหาคือกุ้ยกงกงและฉินเกาคอยคุ้มกันอยู่ด้านข้าง
จู่ๆ เสิ่นเทียนจะกระโดดลงหน้าผาเลยก็คงไม่ได้หรอกกระมัง!
เรื่องนี้หาข้ออ้างยาก!
สิ่งที่คาดไม่ถึงคือโชคดีที่เสี่ยวหลิงเซียนสั่งให้เสิ่นเทียนยืนยันความบริสุทธิ์ด้วยการกระโดดหน้าผา
โอกาสที่ดีเช่นนี้ เสิ่นเทียนจะปล่อยผ่านได้อย่างไร
มันต้องกระโดดลงไปอย่างไม่ลังเลอยู่แล้ว!
เสิ่นเทียนวิเคราะห์ภาพโชคลิขิตอย่างละเอียด ตำแหน่งและทิศทางที่เสี่ยวหลิงเซียนตกลงมาจากหน้าผา
จากนั้นกระโดดลงมาอย่างไม่ลังเล สัมผัสประสบการณ์ที่เหมือนได้โบยบิน
แต่ในระหว่างนั้นเกิดข้อผิดพลาดเล็กน้อย
เสิ่นเทียนคิดว่าตกลงมาจากหน้าผาตามวิถีของเสี่ยวหลิงเซียนต้องไม่มีปัญหาแน่นอน
ทว่าเขามองข้ามความอับโชคที่อยู่เหนือศีรษะของตนเอง
หลังจากที่กระโดดลงไป เขาชนใส่ต้นสนที่ตรงขอบหน้าผาอย่างจัง
ไม่เพียงแต่ชนจนมึนหัวไปหมด ยังทำให้ตำแหน่งที่เขาตกลงไปคลาดเคลื่อน
คลาดเคลื่อนจากแท่นหินออกไปไกลกว่าสามเมตร
ทำให้เขาตกใจกลัวจนเกือบขวัญหาย!
คนร่วงอยู่ด้านหน้า วิญญาณลอยตามอยู่ด้านหลัง เกือบจะไม่รอดแล้ว
หากไม่ได้เป็นเพราะจิ่วเอ๋อร์ออกแรงผลักเขาในช่วงที่คับขันนั้น
ตอนนี้เสิ่นเทียนคงจะกลายเป็นเศษชิ้นเนื้อไปแล้ว
“ผิดแผน ผิดแผนอย่างแรง!”
“เรียบง่ายถึงจะเป็นวิถีของราชาอย่างที่คิด อย่างน้อยก่อนที่วงรัศมีเหนือศีรษะจะกลายเป็นสีเขียว จะทำอะไรส่งเดชไม่ได้!”
นอนอยู่บนแท่นหินที่ยื่นออกมาจากหน้าผา เสิ่นเทียนสรุปบทเรียนที่ได้รับด้วยความหวาดผวา
แอบสาบานในใจว่าครั้งหน้าจะไม่ทำอะไรวู่วามอีก
……
ขณะนี้เอง เสี่ยวหลิงเซียนและคนอื่นหาเชือกปีนลงมาได้แล้ว
“องค์ชาย ท่านเป็นอะไรหรือไม่!”
กุ้ยกงกงประคองเสิ่นเทียนลุกขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
ส่วนเสี่ยวหลิงเซียนกำหมัดแน่น กลิ่นอายเทพธิดาที่เคยทำให้ผู้ชายมากมายลุ่มหลงหายไปหมด
กลับกันนางในตอนนี้เหมือนกับสะใภ้ที่โดนรังแกยิ่งนัก
สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าตอนนี้นางอยากร้องไห้มากเพียงใด!
“สารเลว เจ้ากระโดดลงมาจริงหรือ!”
“ข้าไม่ให้เจ้ารับผิดชอบ พอใจหรือยัง!”
เสิ่นเทียนหันหน้าหนี ไม่กล้าเผชิญหน้าเสี่ยวหลิงเซียน
เพราะตอนนี้สีหน้าของยัยนี่เต็มไปด้วยความไม่พอใจเสียเหลือเกิน
คิดว่าถ้ามอบลูกประคำให้เสี่ยวหลิงเซียน ใช้เวลาไม่กี่วันก็คงกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว
เสิ่นเทียนก็ไม่รู้เพราะอะไร รู้สึกเหมือนตนเองกลายเป็นผู้ชายสารเลว
ทั้งที่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลย!
“อ่ะแฮ่มๆ เอ่อ พวกเรามาดูถ้ำเซียนแห่งนี้กันดีกว่า!”
เขาเปลี่ยนบทสนทนาไปดื้อๆ แล้วเดินไปทางถ้ำเซียน
ถ้ำเซียนแห่งนี้ถูกล็อคด้วยประตูสัมฤทธิ์ที่สูงประมาณสิบฟุต ด้านเหนือของประตูมีป้ายที่ทำจากเหล็กดำแขวนอยู่
บนป้าย มีตัวอักษรที่ประณีตสวยงามขนาดใหญ่สี่คำ—ถ้ำเซียนวารีสวรรค์
“ถ้ำเซียนวารีสวรรค์? ไม่มีบันทึกที่เกี่ยวข้องในตำราของวังหลวง”
กุ้ยกงกงกล่าว “องค์ชายระวัง ถ้ำเซียนของผู้บำเพ็ญเซียนอาจจะมีอันตราย”
เสิ่นเทียนพยักหน้า ไม่ต้องให้กุ้ยกงกงบอกเขาก็รู้
อย่างไรเสีย เขาเองเพิ่งเกือบจะตกลงไปเป็นซากติดพื้นเมื่อสักครู่นี้เอง
เดินไปถึงหน้าประตูอย่างเชื่องช้า กลับเห็นบนประตูสัมฤทธิ์มีรอยฝ่ามือที่ลึกลงไปเป็นหลุม
เสิ่นเทียนยื่นมือซ้ายของตนเองออกไปวางลงบนรอยฝ่ามือ ออกแรงเล็กน้อย
ทันใดนั้น ปลายนิ้วมือทั้งห้าของเขามีความรู้สึกเจ็บเหมือนโดนอะไรแทง
……
เลือดห้าหยดไหลออกมาจากปลายนิ้ว ถูกประตูสัมฤทธิ์ดูดซับเข้าไป
หลังจากดูดซับเลือด ประตูไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
เป็นอย่างที่คิด โชคลิขิตบางอย่างก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวบุคคลเช่นนั้นหรือ
เสิ่นเทียนกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “ดูเหมือนประตูสัมฤทธิ์นี่เป็นบททดสอบ เลือดของข้าใช้ไม่ได้”
กุ้ยกงกงและฉินเกาหันไปสบตากัน จากนั้นก็ก้าวออกมาลองดูเช่นกัน
แต่ผลลัพธ์ที่ได้เหมือนกับเสิ่นเทียน ประตูสัมฤทธิ์ยังคงไม่ขยับ
“แม่นางหลิงเอ๋อร์ ตอนนี้เหลือแต่เจ้าแล้ว”
เสิ่นเทียนยิ้มเล็กน้อย พูดกับเสี่ยวหลิงเซียน
ฮึ่ม!
เสี่ยวหลิงเซียนเหลือบมองเสิ่นเทียนด้วยสายตาที่งอนแวบหนึ่ง จากนั้นเดินไปที่ประตูสัมฤทธิ์
สูดหายใจเข้าลึกๆ เสี่ยวหลิงเซียนกดมือของตนเองลงในรอยฝ่ามือ
เลือดห้าหยดไหลออกมาจากปลายนิ้วของนาง ถูกประตูสัมฤทธิ์ดูดซับเข้าไป
ทันใดนั้น ประตูสัมฤทธิ์ระเบิดแสงที่เจิดจรัสออกมา
ครืดๆ โครม…
ประตูสัมฤทธิ์ที่สูงนับสิบฟุตเปิดขึ้นในทันใด
มีเส้นทางที่ทอดยาวสายหนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
“ดูเหมือนแม่นางหลิงเอ๋อร์ถึงจะเป็นผู้มีวาสนากับถ้ำเซียนแห่งนี้!”
เสิ่นเทียนยิ้มเล็กน้อย ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ในที่สุดก็ให้เสี่ยวหลิงเซียนเปิดประตูถ้ำเซียนแห่งนี้จนได้
เช่นนี้แล้ว หลังจากที่เสี่ยวหลิงเซียนได้รับโชคลิขิตของนาง
วงรัศมีแห่งโชคที่อยู่เหนือศีรษะของตนเองก็ควรจะเปลี่ยนไปด้วยแล้วกระมัง!
คนทั้งกลุ่มเดินเข้าไปในถ้ำด้วยความระมัดระวัง
สามารถมองออกได้เลยว่าถ้ำแห่งนี้ถูกทิ้งให้รกร้างมานานพอสมควร สองข้างทางของถ้ำมีเชิงเทียนเรียงเป็นแถว ด้านบนเต็มไปด้วยฝุ่น
หลังจากเข้าประตูสัมฤทธิ์ คนทั้งกลุ่มเดินตามเส้นทางของถ้ำเข้าไปด้านใน เดินตามเส้นทางไปข้างหน้าประมาณร้อยเมตร
ทางด้านหน้าสว่างขึ้นมาในทันใด มีหุบเขาเล็กที่เป็นพื้นที่โล่งกว้างปรากฏขึ้นต่อหน้าสายตาทุกคน
ในหุบเขาเล็กแห่งนี้มีพลังวิญญาณที่อุดมสมบูรณ์
ต้นหญ้าและดอกไม้นานาชนิดส่งกลิ่นหอมเตะจมูก
ใจกลางของหุบเขา ถึงขั้นมีการขุดสระน้ำที่มีขนาดความกว้างเกือบหนึ่งไร่
ด้านในเป็นดอกบัววิญญาณทั้งบ่อ ตอนนี้ดอกกำลังบาน ส่งกลิ่นหอมที่สดชื่นออกมา
“นั่นดอกบัวขาวบริสุทธิ์ เป็นวัตถุดิบสมุนไพรล้ำค่าที่สามารถนำมาใช้หลอม ‘แก่นพลังทองบุกเบิก’ ”
มองดูดอกบัวขาวในสระ กุ้ยกงกงอดไม่ได้ที่จะอุทาน
ดอกบัวขาวบริสุทธิ์เป็นโอสถวิญญาณที่ล้ำค่ามาก เป็นที่นิยมระดับกลางในโลกบำเพ็ญเซียน
ถึงเป็นดอกบัวขาวบริสุทธิ์ระดับหนึ่งทั่วไปที่สุดก็สามารถขายออกไปในราคาสูงถึงศิลาวิญญาณพันก้อน
และดอกบัวขาวบริสุทธิ์ทั้งสระนี้ มองแค่แวบเดียวก็นับได้ถึงหนึ่งร้อยดอกขึ้นไป
ในบรรดาดอกบัวทั้งหมด เสิ่นเทียนสังเกตเห็นมีดอกบัวขาวบริสุทธิ์ระดับสามหลายดอก
มูลค่าของดอกบัวขาวบริสุทธิ์ระดับสาม อย่างน้อยก็อยู่ที่ศิลาวิญญาณหนึ่งแสนก้อน
เฉพาะมูลค่าของดอกบัวขาวบริสุทธิ์บ่อนี้ก็ไม่สามารถประเมินได้แล้ว
ขณะมองดูดอกบัวขาวบริสุทธิ์ที่เต็มบ่อ เสี่ยวหลิงเซียนอดไม่ได้ที่จะเอามือปิดปากของตนเอง
ดอกบัวขาวบริสุทธิ์มากมายเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีระดับสองและสาม
ถ้าหากขายออกไปทั้งหมด จะได้เงินมามากเพียงใด!
นี่เป็นความมั่งคั่งที่เสี่ยวหลิงเซียนไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการ
นึกถึงตรงนี้ เสี่ยวหลิงเซียนเหลือบมองเสิ่นเทียนด้วยความกังวลแวบหนึ่ง
ความมั่นคั่งก้อนโตเช่นนี้ถูกตนเองเห็น เขาคงจะไม่ฆ่าคนปิดปากหรอกกระมัง!
สำหรับผู้บำเพ็ญเซียน ทรัพยากรสำหรับการบำเพ็ญสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
สถานที่ที่เต็มไปด้วยต้นหญ้าและดอกไม้ล้ำค่าบวกกับดอกบัวขาวทั้งสระแห่งนี้ อย่างน้อยก็มีมูลค่าสูงถึงศิลาวิญญาณหนึ่งล้านก้อน
ความมั่งคั่งมหาศาลเช่นนี้อยู่ต่อหน้า มีผู้คนมากมายถึงขั้นสามารถทำร้ายพ่อแม่และเพื่อนพี่น้อง
เกิดมาในครอบครัวที่ฐานะยากจน และล้มลุกคลุกคลานอยู่ในสวนหมื่นวิญญาณที่มีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกันมานานหลายปี
เสี่ยวหลิงเซียนมีความเข้าใจเกี่ยวกับจิตใจมนุษย์ที่ดินแดนบำเพ็ญเซียนที่สกปรกโสมมมานานแล้ว
หากเปลี่ยนเป็นผู้บำเพ็ญเซียนส่วนใหญ่ ได้เจอโชคลิขิตอันประเสริฐเช่นนี้
มีความเป็นไปได้ที่จะฆ่าทุกคนที่รู้เรื่องเพื่อปกปิดความลับ!
หมอนี่สามารถต้านทานสิ่งล่อใจเช่นนี้ได้หรือไม่
ชั่วขณะนั้น เสี่ยวหลิงเซียนเริ่มเกิดความกังวล
………………………………………………