บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน – บทที่ 90 ป้ายคำสั่งนี้ ยังกินได้ด้วยหรือ

บทที่ 90 ป้ายคำสั่งนี้ ยังกินได้ด้วยหรือ

บทที่ 90 ป้ายคำสั่งนี้ ยังกินได้ด้วยหรือ
บุรุษร่างสูงใหญ่แบกกระบี่หนักกลางอากาศ กวาดสายตามองทุกคนในตำหนักไร้พรมแดนอย่างเย็นชา สายตาเขามองตัวจางอวิ๋นซีช้าๆ ก่อนจะเผยความตกใจเสี้ยวหนึ่ง

“ไม่นึกเลยว่าจะเป็นแก่นรากมหาอัสนีเทพกำเนิดฟ้าหยินหยางปัญจธาตุ หายากมาก แต่จื่อหยาง เจ้าแพ้ให้กับระดับแก่นพลังทองคนเดียวรึ ดูท่ากระบี่ของเจ้ายังไม่แกร่งพอ ยังไม่เร็วพอ”

บุรุษมองผู้สูงศักดิ์จื่อหยาง ไม่ได้มีเผยประกายคมกริบ และไม่มีอำนาจคุกคามเย็นชา แค่เอ่ยเรียบๆ เช่นนั้นกลับทำให้ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางตัวสั่นไปทั้งตัว

บุรุษเอ่ยอย่างเฉยชา “ช่างเถอะ กลับฝ่ายครั้งนี้มาหาข้าที่ภูเขาข้างหลังด้วย”

เมื่อสิ้นเสียง ใบหน้าผู้สูงศักดิ์จื่อหยางที่เดิมทีโดนอัสนีเทพธาตุทองลำดับเจ็ดผ่าจนดำ ตอนนี้ดำยิ่งกว่าเดิมอีก

กำชับผู้สูงศักดิ์จื่อหยางเสร็จ บุรุษร่างสูงใหญ่ก็กวาดสายตามองทุกคนอีกครั้งก่อนจะอึ้งไป เพราะเขาเห็นคนคุ้นตาในกลุ่มคนนั้น นั่นมันไอ้เด็กดวงซวย!

“เหลียนเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าแอบหนีออกมาอีกแล้ว กระถางนั่น…”

หลังเห็นกระถางบนหัวหลี่เหลียนเอ๋อร์ชัดเจนแล้ว ทุกคนสังเกตเห็นชัดเจนว่าบุรุษร่างสูงใหญ่แกว่งไปมา จากนั้นอำนาจคุกคามในตำหนักไร้พรมแดนพลันแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก “เหลียนเอ๋อร์เจ้า!”

หลี่เหลียนเอ๋อร์หน้าแดงเล็กน้อย รีบเอากระถางลงมาซ่อนไว้ข้างหลัง

“ไม่เห็น ท่านพ่อไม่เห็น ท่านพ่อไม่เห็น”

บุรุษร่างสูงใหญ่สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดอย่างเฉยชา “ใครคือเสิ่นเทียน ก้าวออกมา”

เสิ่นเทียนตกใจก่อนถอยไปข้างหลังหนึ่งก้าวอย่างสง่างาม ตอนนี้คนโง่สิจะก้าวออกไป!

จางอวิ๋นซีเงยหน้ามองบุรุษกลางอากาศพลางเอ่ยว่า “อาจารย์อาธารนิรันดร์ เสิ่นเทียนคือบุตรศักดิ์สิทธิ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้ว ท่านเป็นผู้อาวุโสระดับหลอมรวมเทพ แต่กลับสร้างความลำบากให้บุตรศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายข้า หากเรื่องนี้แพร่งพรายไปคงไม่เหมาะสมกระมัง!”

ร่างแปลงดวงจิตของหลี่ชางหลันหัวเราะเยาะ “ข้าเคยสนใจความคิดคนอื่นด้วยรึ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับฝ่ายข้าเป็นมิตรกันมาตลอด ในเมื่อเขาเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ปัจจุบันของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พวกเจ้า ข้าก็จะพาเขากลับแดนเทวาดาวประกายพรึก สั่งสอนเขาสุดตัวแทนศิษย์พี่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์สักระยะแล้วค่อยส่งคืนแล้วกัน”

……..

คำพูดของหลี่ชางหลันบ้าอำนาจอย่างยิ่ง แม้จะมาจากแดนเทวา แต่กลับไม่ให้ที่ยืนสตรีศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อย่างจางอวิ๋นซีสักเท่าไร

ทันใดนั้นจางอวิ๋นซีมีสีหน้ามืดทึมลงเล็กน้อย “หรือก็คือ อาจารย์อาธารนิรันดร์จะไม่ไว้หน้าตรงนี้ใช่หรือไม่”

หลี่ชางหลันแค่นยิ้มอย่างเย็นชา “สำหรับข้าแล้วพูดได้ เจ้ายังขาดประสบการณ์อีกเยอะ”

เมื่อเขาเอ่ยจบก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นกลางอากาศอีก

“อ้อ? ศิษย์น้องรองพูดได้ เช่นนั้นข้าล่ะพูดได้หรือไม่”

เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น มวลอากาศพลันเปิดเป็นช่องหนึ่ง ก่อนนักพรตชราดั่งเซียนจะเดินออกมาช้าๆ

ใบหน้าของเขาประดับรอยยิ้มเจิดจรัส เพียงแต่ตอนที่กวาดสายตามองเสิ่นเทียนจะมีสีหน้าสงสัยเล็กน้อย

ตอนที่เห็นคนคนนี้ ร่างแปลงดวงจิตของผู้สูงศักดิ์กระบี่ธารนิรันดร์กลางอากาศแกว่งไกวอีกครั้งอย่างชัดเจน เขาสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนว่า “ที่แท้ก็ศิษย์พี่บัวมรกต แค่กๆ ช่วงนี้สบายดีหรือไม่”

นักพรตชรามองหลี่ชางหลันพลางใคร่ครวญแวบหนึ่งก่อนพูดยิ้มๆ “ไม่ค่อยดีเท่าไร ยากจนน่ะ!”

หลี่ชางหลันเหมือนสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ใบหน้าพลันเปลี่ยนสี ก่อนจะม้วนป้ายคำสั่งผู้สูงศักดิ์กระบี่ยิงออกไปไกล

นักพรตชรายิ้มแบบมีแผนในใจอยู่แล้ว “ไม่ได้เจอกันหลายร้อยปี ศิษย์น้องแมลงสาบเจ้ายังระวังเหมือนเดิมเลย แต่ศิษย์น้องแมลงสาบไม่รู้หรอก! ว่าเจ้าหนูเสิ่นเทียนคือศิษย์คนสุดท้ายที่ศิษย์พี่ถูกใจ เจ้าบอกว่าจะพาไปก็พาไปเลย นั่นอาจจะไม่ไว้หน้าศิษย์พี่เกินไปหน่อยกระมัง!

ลงมือกับศิษย์ที่รักของศิษย์พี่ แถมยังไม่ชดใช้อะไรอีก

ศิษย์น้องแมลงสาบ เจ้าคิดว่าเจ้าออกไปได้รึ”

……

ทันทีที่เอ่ยจบ ร่างของนักพรตชราพลันกลายเป็นเปลวไฟสีมรกตกลุ่มหนึ่ง

เปลวไฟนั้นเหมือนดาวตกดวงหนึ่ง ลากผ่านมวลอากาศพุ่งตามป้ายคำสั่งผู้สูงศักดิ์กระบี่กับจื่อหยางไป

หลี่ชางหลันมีสีหน้าจริงจังเล็กน้อย กระบี่ยาวข้างหลังออกจากฝักทันที เพียงชั่วพริบตาเดียว ก็ส่งลำแสงกระบี่ทำลายล้างจากมวลอากาศเป็นพันเป็นหมื่นสายพุ่งไปยังนักพรตชรา ราวกับแม่น้ำใหญ่ไหลทะลัก

นี่ก็คือเคล็ดกระบี่สูงสุดที่หายสาบสูญไปของแดนเทวาดาวประกายพรึก…ปราณกระบี่ธารนิรันดร์ไร้พรมแดน!

เมื่อสำแดงวิชานี้ บนฟ้าทั้งพระราชวังอาณาจักรต้าเหยียนพลันถูกประกายกระบี่ปกคลุม เหมือนกับจู่ๆ มีสายฝนดาวตกในยามกลางวันฟ้าใส

พอเห็นอานุภาพวิถีกระบี่เช่นนี้แล้ว นัยน์ตาจางอวิ๋นซีเต็มไปด้วยความตกตะลึงและเฝ้าใฝ่หา นี่สิกำลังรบแท้จริงของผู้แข็งแกร่งระดับหลอมรวมเทพ นางในตอนนี้ยังห่างชั้นไม่อาจเทียบได้เลย

ข้ายังแข็งแกร่งไม่พอ!

นักพรตชราเห็นลำแสงกระบี่ทำลายล้างที่แทบจะไร้ขีดจำกัดพุ่งมาแล้ว นัยน์ตาเขาไร้ซึ่งความเกรงกลัวใดๆ

“อภินิหารคบเพลิง…ปากเขมือบแปดทิศ!”

เขาคำรามลากยาว เปลวเพลิงมรกตกลุ่มนั้นพลันกลายเป็นปากใหญ่สีมรกตเขมือบไปทางปราณกระบี่

กระบี่ยาวที่แทบจะไร้ที่สิ้นสุดเหมือนกับลำแสงเทพทำลายฟ้าสีเงินพุ่งเข้าใส่กลางปากมรกตเปลวเพลิงมหึมานั้น แต่ไม่ว่าปราณกระบี่จะยิงเข้าปากใหญ่นั่นมากเท่าไรก็จะถูกปากใหญ่เพลิงประหลาดมหึมานั้นเขมือบไปหมด

ปากใหญ่เพลิงพิลึกพุ่งเข้ามาไม่ได้ชะลอลงเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเร็วขึ้นเรื่อยๆ

……

“ฉู่หลงเหอ ถ้าตัวจริงข้าอยู่นี่ จะต้องทำมหาสงครามกับเจ้าแน่!”

เสียงเย็นชาดังมาจากป้ายผู้สูงศักดิ์กระบี่ แต่กลับมีความกระหืดกระหอบไม่ชัดเจนเลย

แม้ผู้สูงศักดิ์กระบี่ธารนิรันดร์หลี่ชางหลันจะท่องแดนบูรพามาหลายปี แต่ก็ได้แค่โจมตีไม่ป้องกัน ได้แต่บุกไม่ถอย ทว่าศึกในวันนี้ เขาไม่มีทางสู้เจ้าคนหน้าด้านนี่ได้จริงๆ

เพราะในป้ายคำสั่งผู้สูงศักดิ์กระบี่นี้เป็นเพียงร่างแยกของเขา

ร่างแยกของเขาถ้ารับมือกับผู้แข็งแกร่งระดับหลอมรวมเทพธรรมดา ก็ยังมีความมั่นใจเหลือๆ ปัญหาคือตาแก่บัวมรกตนี่แม้จะหน้าด้าน แต่ก็แข็งแกร่งอย่างยิ่ง

ถ้าเป็นร่างจริงก็จะแข็งชนแข็ง หลี่ชางหลันยังมีความมั่นใจจะสู้ได้อยู่

ร่างแยกล่ะ

คงจะถูกเจ้าบัวมรกตเหยียบย่ำ ขายหน้าต่อหน้าทุกคน!

แม้ร่างจริงจะรังแกร่างแยก ต่อให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตขายหน้ากว่านี้ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเลย!

ที่สำคัญกว่านั้นคือในช่วงที่ผู้บำเพ็ญระดับหลอมรวมเทพฝึกบำเพ็ญ ร่างแปลงดวงจิตก็เป็นหนึ่งในการเชื่อมต่อที่สำคัญมาก

ถ้าเกิดร่างแปลงดวงจิตบาดเจ็บสาหัส พลังปราณของผู้แข็งแกร่งระดับหลอมรวมเทพจะบาดเจ็บหนักเพราะเหตุนี้ได้

และเพราะแบบนี้เอง ปกติหลี่ชางหลันจะสวมป้ายคำสั่งผู้สูงศักดิ์กระบี่นี้เอง

สถานการณ์ครั้งนี้พิเศษ เขาถึงได้ให้ผู้สูงศักดิ์จื่อหยางยืมใช้ ถ้าผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตเอาป้ายคำสั่งผู้สูงศักดิ์กระบี่ไป ถ้าเจ้านี่จับตัวร่างแปลงดวงจิตเขาไปขู่รีดไถละจะทำอย่างไร

เรื่องแบบนี้คนอื่นทำไม่ลง แต่ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตกลับทำได้โดยไม่รู้สึกกดดันใดๆ เลย!

……..

พอคิดถึงตรงนี้ ร่างแยกของหลี่ชางหลันพลันกลายเป็นลำแสงกระบี่สายหนึ่ง เขาหนีไปด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิมอีกหลายส่วน

น่าเสียดายที่แม้ร่างแยกเขาจะรวดเร็ว แต่ปากใหญ่เปลวเพลิงสีมรกตนั้นตามมาเร็วกว่า

“ฮ่าๆๆ อย่าหนีเลย ยอมมาอยู่ในปากศิษย์พี่ดีๆ เถอะ!”

ปากใหญ่สีมรกตพลันขยายใหญ่ขึ้นร้อยเท่าท่ามกลางเสียงหัวเราะมีความสุข

เหมือนกับหลุมดำยักษ์เขมือบลำแสงปราณกระบี่ทั้งหมด ป้ายคำสั่งผู้สูงศักดิ์กระบี่รวมถึงผู้สูงศักดิ์จื่อหยางเข้าไปทั้งหมด จากนั้นบอลเพลิงสีมรกตยักษ์ลูกนั้นเริ่มบิดรูป ขยับยึกยือไปมาไม่หยุด

ปัง!

หลายลมหายใจต่อมา ร่างคนเปลือยเปล่าสวมแค่กางเกงชั้นในก็พุ่งออกมาจากบอลเพลิงสีมรกต เปลวเพลิงระเบิดออก ยิงเขาออกไปไกลหลายร้อยจั้ง

จากนั้นร่างคนนั้นก็ห่อหุ้มอยู่ในแสงสว่างสีม่วงมหึมาก่อนจะหนีไปไกลโดยไม่หันกลับมามองเลย ทางด้านเปลวเพลิงสีมรกตลอยกลับมากลางตำหนักไร้พรมแดนแล้วกลายเป็นนักพรตชราลงพื้นมาเนิบๆ

ในมือเขามีแหวนเก็บของเพิ่มมาวงหนึ่ง มือขวายังคว้าป้ายคำสั่งสีทองทุกส่วนอีกชิ้น

“เจ้าหนูแมลงสาบหลี่นี่ร่ำรวยจริงๆ ไม่อยากเชื่อว่าจะใช้ทองคำเตรียมเซียนมาเซ่นไหว้ร่างแปลง”

เอ่ยจบ เขาก็มองป้ายคำสั่งนั้นด้วยเจตนาไม่ดี “ตอนนี้มันกลับมาเป็นของข้าแล้ว”

พูดจบเขาก็หัวเราะเหอะๆ ก่อนอ้าปากกว้างกัดป้ายคำสั่ง

กึก~

นักพรตชรานั้นกัดมุมป้ายคำสั่งไปท่ามกลางสายตาสงสัยของทุกคน

เห็นดังนั้น เสิ่นเทียนยังตกตะลึง

บ้าเอ๊ย ป้ายคำสั่งผู้สูงศักดิ์กระบี่นี่…กินได้ด้วยหรือ!

เหมือนได้เปิดประตูโลกใหม่เลย

……………………

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

Status: Ongoing

เพราะความสามารถพิเศษหลังข้ามมิติมา ทำให้เสิ่นเทียนกลายเป็นบุคคลนำโชคผู้เป็นที่ต้อนรับที่สุดในโลกบำเพ็ญเซียน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท