บทที่ 119 ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์เป็นที่รักของหมู่ชน
ฟางฉางพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านอาจารย์ ศิษย์ไม่คัดกฎฝ่ายเราได้หรือไม่ เปลี่ยนเป็นวิธีลงโทษอย่างอื่นได้หรือไม่”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กล่าว “ห้าพันจบ”
ฟางฉางปากกระตุก “อาจารย์ ข้า…”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ใดๆ “แปดพันจบ”
ฟางฉางรีบพูด “อาจารย์ ข้าจะบอกว่าข้าไม่ได้จะแย้งการลงโทษของท่านเลย ห้าพันจบ ห้าพันจบก็พอแล้ว”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะมองเสิ่นเทียนอย่างเรียบนิ่ง “เทียนเอ๋อร์ ช่วงนี้การฝึกฝนเป็นอย่างไรบ้าง”
เสิ่นเทียนโค้งตัวเล็กน้อย “ขอบคุณที่อาจารย์เป็นห่วง วันนี้ศิษย์เพิ่งทะลวงถึงระดับสร้างฐาน”
เขาเพิ่งพูดจบ พลันเกิดคลื่นลูกใหญ่รอบๆ ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์
อะไรนะ พลังบำเพ็ญของศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์เพิ่งจะถึงระดับสร้างฐานเองหรือ
พลังบำเพ็ญเช่นนี้ มีสิทธิ์อะไรถึงได้เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์
มีสิทธิ์อะไรที่จะให้ศิษย์คนอื่นๆ ยอมรับทั้งต่อเหตุผลและความสามารถ
เวลานี้ ศิษย์ทุกคนใต้ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ต่างกระซิบกระซาบกัน
เสิ่นเทียนเผยอมุมปากเล็กน้อยกับตรงนี้ ภายในใจมีความสุขอย่างยิ่ง
ประท้วงสิ จะให้ดีที่สุดคือศิษย์สายตรงทั้งหมดร่วมกันลงนามประท้วงต่อเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์
เช่นนี้บางทีอาจจะกดดันให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อนุญาตให้เสิ่นเทียนลาออกจากฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์ก็ได้
เสิ่นเทียนกำลังขบคิดอย่างถี่ถ้วนในใจ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กลับยืนกลางอากาศด้วยความโอหัง และเอ่ยเรียบๆ ว่า
“ดีมาก เทียนเอ๋อร์ แม้เจ้าจะตระหนักรู้วิถีแห่งหยินหยาง ระดับพลังบำเพ็ญลึกล้ำและยาวไกลยากจะคาดเดา แต่ยังต้องรักษารากฐานเอาไว้ เล่าลือว่าในยุคบรรพกาลมีปรัชญาเมธีเผ่ามนุษย์คนหนึ่งได้รับสืบทอดดวงชะตาแห่งสวรรค์ ตระหนักรู้มหามรรค เช้าตรู่ผูกแก่นพลังทอง ยามเย็นก็บรรลุเซียน!
อาจารย์หวังว่าเจ้าจะทะลวงสู่จุดสูงสุดอย่างมหาจักรพรรดิบรรพกาล รวมฐานรากมรรคสูงสุด ในอนาคตนำพาฝ่ายเราให้ยิ่งใหญ่ขึ้น”
คำพูดของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ทำให้ศิษย์สายตรงทุกคนเหมือนมีความคิดบางอย่าง จึงพากันสนทนาอย่างร้อนแรงกว่าเดิม
“บ้าจริง นำพาฝ่ายเรายิ่งใหญ่ขึ้นรึ ฟังจากความหมายของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว ดูน่าตกใจนิดๆ นะ!”
“บุตรศักดิ์สิทธิ์รุ่นก่อนทำได้มากสุดแค่พยายามฝึกบำเพ็ญ ไม่ให้ขายหน้าฝ่ายเราเท่านั้นเอง”
“ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ท่านนี้มีพรสวรรค์สูงเพียงใดกัน ถึงทำให้ท่านเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์คิดว่าเขามีคุณสมบัติจะนำฝ่ายเราให้ยิ่งใหญ่ขึ้น”
“พูดต่อหน้าพวกเรากันเยอะเช่นนี้ ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์คงมีหวังพาฝ่ายเรายิ่งใหญ่ขึ้นจริงๆ”
“ถ้าความหมายนี้ไม่ได้มีอะไรผิดพลาด ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์คนนี้จะเป็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ในภายภาคหน้าหรือไม่”
“เช้าตรู่ผูกแก่นพลังทอง ยามเย็นบรรลุเซียน ยุคบรรพกาลมีเรื่องบ้าเช่นนี้อยู่จริงรึ”
“ฟังจากความหมายของท่านเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว หรือว่าศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่จะเป็นคนแบบนั้นกัน”
“ดังนั้นศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์จึงสร้างรากฐานที่แกร่งที่สุดในโลกรึ”
“อยากรู้จริงๆ ว่าโอรสสวรรค์แห่งยุคที่สร้างรากฐานได้แกร่งที่สุดจะแข็งแกร่งเพียงใดกัน!”
“พวกเจ้าคิดว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เพิ่งทะลวงระดับสร้างฐาน จะเอาชนะผู้แข็งแกร่งระดับแก่นพลังทองได้หรือไม่”
“ในเมื่อเป็นฐานรากมรรคของมหาจักรพรรดิสูงสุดจะต้องอยู่เหนือข้อพิพาทใดๆ แน่ ข้าว่าน่าจะสู้ระดับดวงจิตดรุณได้!”
“อืม ตอนบุตรศักดิ์สิทธิ์เผชิญหน้ากับศิษย์พี่ฟางฉางก็เหมือนจะไม่แยแสลงมือเองด้วยซ้ำ ใช้แค่มหาตราเวทก็ชนะแล้ว”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น บุตรศักดิ์สิทธิ์จะต้องแกร่งกว่าศิษย์พี่ฟางฉางไปไกลมาก สู้กับระดับดวงจิตดรุณอะไรนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย!”
“ถึงจะน่าเหลือเชื่อ แต่หากพรสวรรค์ของบุตรศักดิ์สิทธิ์แกร่งอย่างมหาจักรพรรดิบรรพกาลจริงๆ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นะ ถึงอย่างไรปรัชญาเมธีบรรพกาลก็ผูกแก่นพลังทองตอนเช้าตรู่ ยามเย็นบรรลุเซียนสวรรค์ ฟังดูแล้วยากกว่าระดับสร้างฐานสู้กับระดับดวงจิตดรุณเลย”
“บุตรศักดิ์สิทธิ์สุดยอดนัก ไม่ใช่แค่หน้าตาราวกับเซียนลงมาเยือนเท่านั้น แต่ยังมีพรสวรรค์สูงสุดเช่นนี้ด้วย”
“สร้างฐานสู้ดวงจิตดรุณ น่าอิจฉาสตรีศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ได้คู่ชีวิตเช่นนี้ต้องรู้สึกปลอดภัยมากแน่!”
……
ใช่ บอกเจ้าว่าได้ ไม่ว่าเจ้าจะได้หรือไม่ได้มันก็ต้องได้
คำพูดไม่กี่คำสั้นๆ ของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ทำให้เปลี่ยนเรื่องสนทนาไปแล้ว
หลังจากที่ศิษย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พวกนี้คิดเองเออเองและพูดคุยกันแล้ว ก็มั่นใจว่าเสิ่นเทียนในระดับสร้างฐานสู้กับระดับดวงจิตดรุณได้
เสิ่นเทียนได้ฟังแล้วอยากจะหัวเราะ ‘พวกเจ้ากำลังล้อข้าเล่นอยู่รึ เช่นนั้นมันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน! ให้ข้าในระดับสร้างฐานสู้กับดวงจิตดรุณ รอเมื่อข้าถึงระดับแก่นพลังทองแล้วจะให้ไปสู้กับราชาเซียนอีกหรือไม่?
น่าขำจริงๆ ข้าในตอนนี้อย่างมากสุดก็สู้ได้แค่ระดับแก่นพลังทองช่วงปลายเท่านั้น!’
เสิ่นเทียนไม่ได้ลำพองใจหรือดีใจกับความเลื่อมใสของทุกคนแม้แต่น้อย
ตรงกันข้าม เขารู้สึกถึงลางร้ายแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
เดิมทีเขาเป็นไก่อ่อนระดับสร้างฐานตัวเล็กๆ อยู่สบายๆ จากนี้หากมีคนคิดร้ายกับข้าจริงๆ อาจจะส่งระดับแก่นพลังทองมา ถ้าอย่างนั้น เขาจะใช้ชุดเกราะแรดดำผนวกกับค้อนม่วงทองกำเนิดฟ้าลุย
ทว่านับจากวันนี้ไปเกรงว่าทุกคนคงรู้ว่าเขาเสิ่นเทียนประสบความสำเร็จฐานรากมรรคสูงสุด มีกำลังรบไร้พ่าย ถ้าจากนี้มีคนจะลงมือกับเขาอีก ต่อให้ไม่ส่งคนระดับหลอมรวมเทพมา ก็ต้องเป็นระดับดวงจิตดรุณที่โดดเด่น!
ถึงตอนนั้นเขาจะฟาร์มเงียบๆ ได้อย่างไร จะขายผ้าเอาหน้ารอดอย่างสงบในโลกบำเพ็ญเซียนต่อไปได้อย่างไร
อาจารย์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ ตาแก่บ้านี่จะใช้ไม่ได้เกินไปแล้ว ท่านไม่มีความดีในใจเลยรึ!
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่รู้เสียงบ่นในใจของเสิ่นเทียน เขาเอ่ยขึ้นว่า
“นอกจากนี้วันนี้ข้าขอประกาศข่าวสำคัญอีกเรื่อง นั่นคือเสิ่นเทียนบุตรศักดิ์สิทธิ์ของฝ่ายเราได้ชี้แนะฉินอวิ๋นตี๋ศิษย์สูงสุดของยอดเขาบัวทองคำให้ปรับแก้วิธีการผลิตยันต์ระเบิดอัสนีให้ดีขึ้น
ด้วยเหตุนี้ฝ่ายเราจึงผลิตยันต์ระเบิดอัสนีรูปแบบใหม่ออกมา มีอานุภาพรุนแรงกว่ายันต์ระเบิดอัสนีปกติหลายเท่า และราคายังแค่ครึ่งเดียวของราคายันต์ระเบิดอัสนีแบบก่อน ช่วงนี้มีสิทธิพิเศษลดราคาให้สองส่วน หากทุกคนต้องการ พรุ่งนี้ก็เริ่มไปซื้อได้ที่ยอดเขาบัวทองคำ”
…….
ถ้าบอกว่าคำพูดของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก่อนหน้านี้เป็นการปาหินยักษ์ก้อนหนึ่งลงสระน้ำ
เช่นนั้นตอนนี้ ข่าวของยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางก็เหมือนกับปาระเบิดนิวเคลียร์อีกลูกลงไปในสระน้ำนั้น
เวลานี้ ศิษย์ทุกคนนอกยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์พากันคึกคัก เสียงสนทนาทำให้บรรยากาศเร่าร้อนขึ้นมา
“บ้าน่า อานุภาพแรงกว่ายันต์ระเบิดอัสนีปกติหลายเท่าเลยรึ นั่นไม่ใช่เท่ากับผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานลงมือสุดกำลังหรอกรึ”
“มียันต์ระเบิดอัสนีเช่นนี้อยู่จริงๆ หรือ ราคายังแค่ครึ่งหนึ่งของราคาตลาดอีก รวมกับลดราคาสองส่วน จะไม่เท่ากับลดราคาหกส่วนเลยหรือ”
“ถ้ายันต์ระเบิดอัสนีของแดนศักดิ์สิทธิ์เราถูกขนาดนั้น ภายภาคหน้าออกไปฝึกฝนล่าสัตว์อสูรก็จะปลอดภัยขึ้นมากแล้ว”
“บุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่มีพรสวรรค์เลิศล้ำจริงๆ ศิษย์พี่อวิ๋นตี๋ศึกษามาตั้งหลายปียังได้แค่เพิ่มอานุภาพไปอีกไม่กี่ส่วน บุตรศักดิ์สิทธิ์เพิ่งเข้ามา ฝ่ายเราก็ช่วยศิษย์พี่อวิ๋นตี๋เพิ่มอานุภาพของยันต์ระเบิดอัสนีได้หลายเท่าแล้ว”
“ดูท่าท่านเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์คงพูดไม่ผิดจริงๆ ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์จะต้องเป็นมหาจักรพรรดิสูงสุดในตำนานอย่างแน่นอน!”
“ใครเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เกี่ยวกับพวกเรามากนักหรอก แต่ปรับแก้ยันต์ระเบิดอัสนีได้นี่มีประโยชน์เต็มๆ!”
“ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์สุดยอดไปเลย ไม่ใช่แค่หน้าตาหล่อเหลา แต่ยังชาญฉลาดเช่นนี้ด้วย!”
“อิจฉาศิษย์พี่หญิงอวิ๋นซีจัง ได้เปรียบจากบัญญัติบรรพชนแท้ๆ!”
“ศิษย์พี่รับตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไม่ต้องละอายใจเลย!”
“สนับสนุนศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์อายุยืนหมื่นๆ ปี!”
หากก่อนหน้านี้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์บอกว่าเสิ่นเทียนมีพรสวรรค์สูงสุด ยังทำได้แค่ให้ทุกคนตกใจและฝืนใจยอมรับเสิ่นเทียนละก็ เช่นนั้นตอนนี้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เปิดเผยข่าวยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางอย่างเป็นทางการ ก็ทำให้ท่าทีของทุกคนเร่าร้อนขึ้นมา
ถึงอย่างไรต่อให้บุตรศักดิ์สิทธิ์มีพรสวรรค์สูงกว่านี้ พลังบำเพ็ญแกร่งกว่านี้ ก็มีผลประโยชน์กับศิษย์ธรรมดาไม่มาก
แต่เจ้าลดต้นทุนการฝึกฝนล่าสัตว์อสูรลง ทำให้ลูกศิษย์มีอาวุธติดมือดีกว่าเดิม เช่นนั้นเวลาพวกลูกศิษย์ออกไปหาประสบการณ์ข้างนอกก็จะปลอดภัยกว่าเดิม ฝึกฝนได้ดีกว่าเดิม
ถ้าเช่นนั้น ถึงแม้บุตรศักดิ์สิทธิ์คนนี้จะไม่มีพลังบำเพ็ญใดๆ เลยแล้วจะอย่างไร?
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้ที่ได้ใจมวลประชาก็ได้ครองใต้หล้า เป็นเช่นนี้เสมอมา!
……
ตอนนี้เสิ่นเทียนอึ้งไปแล้ว
เขารู้สึกว่าตัวเองยังไม่ได้ทำอะไรเลย เหตุใดถึงเหมือนกลายเป็นไอดอลของทุกคนไปแล้ว
เวลานี้ลุงกุ้ยหัวเราะแล้ว
องค์ชายเพิ่งรับฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์ ก็ได้รับการสนับสนุนจากศิษย์พี่ศิษย์น้องเยอะเช่นนี้แล้ว ดีจริงๆ!
ฝ่ายผู้อาวุโสบัวมรกตถึงกับตะลึงงัน
เขาเพิ่งมาถึงยอดเขาบัวทองคำก็ได้ยินข่าวใหญ่ที่ศิษย์น้องรองประกาศ
อะไรนะ เจ้าหนูนี่เพิ่งเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ปรับแก้ยันต์ระเบิดอัสนีให้ดีขึ้นได้รึ
เวรแล้ว เช่นนั้นแดนศักดิ์สิทธิ์จะแบ่งเงินให้เขาเท่าไร!
นี่เขาพลาดอะไรไปหรือไม่
……………………………………………….