บทที่ 150 ชุดผู้หญิงก็เพิ่มดวงชะตาได้ด้วยหรือ
ชุดผู้หญิงนี้คือของในกล่องหินสามกล่องในถ้ำเซียนวารีสวรรค์
ตอนแรกกล่องหินสามกล่องนั้น ในกล่องแรกมีแหวนเวหา ในนั้นมีศิลาวิญญาณล้านก้อนกับกล่องใหญ่ใบหนึ่ง
ในกล่องที่สามมีน้ำมวลหนักปฐมกาลลำดับที่สิบเอ็ดในรายนามน้ำแท้ มีน้ำหนักน่าสะพรึงยิ่ง และมีส่วนช่วยเสิ่นเทียนอย่างมาก
และในกล่องที่สองก็คือเกราะนักรบวารีเทพของสตรีสีฟ้าอ่อนชุดนี้ กับแส้หนังสีฟ้าอ่อนอีกอัน
แส้หนังนั้นอยู่ในระดับสูงยิ่ง แม้เสิ่นเทียนจะบรรลุถึงระดับสร้างฐานแล้วก็ยังหยดโลหิตเป็นนายมันไม่ได้ แต่ระดับของเกราะนักรบสีฟ้าอ่อนก็ยังอยู่ในระดับสมบัติวิญญาณ เป็นสมบัติวิญญาณระดับสูงสุดและหายาก
กระทั่งการป้องกันของมันยังอยู่เหนือกว่าหมวกเกราะเต่าดำสมบัติวิญญาณระดับสูง ถ้าสวมเกราะนักรบชุดนี้ ก็น่าจะเพิ่มทักษะในการเอาตัวรอดได้สูงมาก
ปัญหาคือเสิ่นเทียนเป็นชายหนุ่มทั้งแท่ง เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ จะไปสวมชุดผู้หญิงได้อย่างไร!
นี่ถ้ามีใครเห็นเข้าแล้วแพร่งพรายออกไป เขาจะอยู่อย่างไรในฝ่ายเซียนแดนบูรพาแห่งนี้ บางทีเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์หรือผู้อาวุโสพวกนั้นอาจจะคิดว่าตนทำให้เสียเกียรติแดนศักดิ์สิทธิ์จนยอมสิ้นมนุษยธรรมเลยก็ได้
เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนอดหนาวสั่นมิได้
ไม่ได้ ข้าไม่ใช่ชายแต่งหญิง!
จะทำเรื่องเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด!
ถึงตายก็ไม่ใส่!
เพิ่งเกิดความคิดนี้ขึ้นก็พบว่ามีสายฟ้าสายหนึ่งถูกมารดาเถาลวี่จีโจมตีใส่แตกกระจาย เศษสายฟ้าพลันกระจายไปทั่วทั้งหุบเขาหมอกลับแล และที่บังเอิญคือมีอีกหลายสายยิงมาทางเสิ่นเทียนอีกครั้ง
เสิ่นเทียนพลันสงสัยในชีวิตแล้ว
ข้าสงสัยว่าวงรัศมีสีเขียวเหนือศีรษะข้าเป็นของปลอม
เห็นๆ อยู่ว่าไม่ใช่วงรัศมีสีดำแล้ว เหตุใดยังซวยเช่นนี้อีก
บึ้ม~!
สายฟ้าหลายสายยิงใส่พื้นดินใกล้ๆ เสิ่นเทียน จากนั้นแผ่กระจายอย่างรวดเร็วบนพื้น
เสิ่นเทียนรู้สึกได้ชัดเจนว่าสายฟ้าทรงพลังแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเขาทีละสาย สายฟ้านั้นรุนแรงถึงตายได้!
เสิ่นเทียนโคจรคัมภีร์คบเพลิงกับเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมเต็มที่ พยายามกินพลังงานอัสนีเทพพวกนี้สุดชีวิต
ต้นกำเนิดอัสนีเทพกำเนิดฟ้าตรงระหว่างคิ้วเขาเหมือนเจอของบำรุงชิ้นใหญ่ จึงหลอมรวมกับสายฟ้าอย่างบ้าคลั่งและสว่างไสวยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ทว่าแม้จะกลืนกินสายฟ้าเคราะห์สวรรค์สุดชีวิต แต่ก็ยังไม่อาจสลายพลังงานเคราะห์สวรรค์ได้ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเคราะห์ภัยเลื่อนเป็นผู้อริยะของระดับฝ่าด่านเคราะห์
เสิ่นเทียนรู้สึกว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานเขาได้กลายเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์หันแน่
ทันใดนั้นเอง มารดาเถาลวี่จีบนฟ้าตะโกนด้วยความโกรธ “บัดซบ! ไม่อยากเชื่อว่าจะไม่ใช่สี่สิบเก้าเคราะห์สวรรค์ แต่เป็นหกสิบเก้าเคราะห์สวรรค์!”
ใช่ มารดาเถาลวี่จีมีคุณสมบัติน่าตื่นตกใจในฟ้าดิน กำลังรบเหนือกว่าผู้ฝึกบำเพ็ญจุดสูงสุดระดับหลอมรวมเทพธรรมดาไปไกลมาก
ด้วยเหตุนี้กฎแห่งสวรรค์จึงรู้สึกได้ เคราะห์ภัยเลื่อนเป็นผู้อริยะของนางจึงไม่ได้มีเพียงสี่ธาตุ แต่เป็นเคราะห์สวรรค์หกสิบเก้าที่แกร่งยิ่งกว่า!
ยามนี้นางต้านเคราะห์อัสนีทอง ไฟ ไม้และน้ำแล้ว สายที่ห้าคืออัสนีธาตุดิน
สายฟ้าธาตุดินลำดับห้านี้กลายเป็นกิเลนน่ากลัวสูงหลายร้อยจั้งตัวหนึ่ง มีอานุภาพมากกว่าอัสนีเทพก่อนหน้านี้หลายเท่า
เกล็ดกิเลนทุกชิ้นของมันดูสมจริงอย่างยิ่ง ขยับประกายแสงวาววับ มองไม่ออกเลยว่าเป็นร่างแปลงสายฟ้า ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้อยู่ในเคราะห์สวรรค์ ถึงขั้นอาจมีคนมากมายคิดว่าเป็นสัตว์เทพลงมาเยือนจริงๆ
“ไม่นึกเลยว่าเคราะห์สวรรค์หกสิบเก้าจะแกร่งกว่าสี่ธาตุก่อนหน้าเช่นนี้ สวรรค์ไม่ยุติธรรม!”
ดวงตางามของมารดาเถาลวี่จีเย็นชาเล็กน้อย เถายักษ์สีมรกตเริ่มตวัดโจมตีใส่กิเลนตัวนั้นอย่างบ้าคลั่ง
ต้องบอกว่ากิเลนร่างแปลงจากอัสนีเทพลำดับห้านี้มีกำลังรบของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์แท้จริง แข็งแกร่งยิ่ง เกรงว่าต่อให้เป็นผู้อริยะเผ่ามนุษย์ที่อ่อนแอบางส่วนเจอกับสายฟ้านี้ ก็คงจะพ่ายแพ้ตายตกไปในเวลาครึ่งเค่อ
แต่เถากลืนกินเซียนก็สมกับเป็นพฤกษาวิญญาณยอดเยี่ยมแห่งยุคลำดับเก้าในรายนามไม้วิญญาณ สายเลือดพรสวรรค์และกำลังรบของนางเหนือกว่าสามัญทุกอย่าง ประกอบกับในปัญจธาตุ ธาตุไม้เหนือกว่าธาตุดิน ดังนั้นมารดาเถาลวี่จีจึงทำสงครามโลหิตกับกิเลนนั้นอย่างสูสี
เถายักษ์ถูกกิเลนกัดขาดไปทีละต้น ของเหลวสีขาวขุ่นสาดลงบนหุบเขาราวกับหยาดฝน
เสิ่นเทียนดูดซับบางส่วนมาเงียบๆ อาการบาดเจ็บจึงฟื้นฟูอย่างรวดเร็วมาก ของเหลวพวกนี้เป็นยาลับเยียวยาระดับสูงสุด มีมูลค่าประเมินไม่ได้
แต่มารดาเถาลวี่จีเองก็ไม่เสียเปรียบ นางเอาแส้ฟาดกิเลนธาตุดินลำดับห้าใหญ่ ทุกครั้งที่ฟาดไปจะมีสายฟ้าสีทองแตกกระจายไปตกใส่พื้นไม่หยุด และสิ่งที่ทำให้เสิ่นเทียนจนปัญญาคือ อัสนีเทพกิเลนธาตุดินลำดับห้านี่มีการเหนี่ยวนำสายฟ้าต่อพื้นดินแกร่งเสียจนไร้เหตุผล
สายฟ้าตกมาข้างๆ ทีละสาย ผ่าเขาเสียจนชักแหงกๆ ตอนนี้เส้นผมมีประกายสายฟ้าลอยขึ้นมา เขารู้สึกได้ว่าตนใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว
ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแน่
ทันใดนั้นเอง มารดาเถาลวี่จีก็โจมตีออกไปอย่างแรง แทงเข้าไปในคอหอยของกิเลน
ต้นเถาหลักพันจั้งตวัดโดยพลัน ตัดคอกิเลนนั้นขาดสะบั้นก่อนจะตกลงไปทางหุบเขา
กิเลนสายฟ้าส่งเสียงร้องโอดครวญ ขาหน้ากลายเป็นทวนเทพปักใส่เถาหลักยักษ์ของมารดาเถาลวี่จี
บึ้ม~!
ร่างหลักเถากลืนกินเซียนยักษ์พังทลายลง เกิดเป็นรอยแผลน่าสะพรึงแทบจะตัดกึ่งกลางเถากลืนกินเซียนขาด ส่วนหัวของกิเลนนั้นก็กลายเป็นฝนสายฟ้าสีทองตกกระหน่ำใส่หุบเขา
ตอนนี้เสิ่นเทียนอึ้งไปแล้ว ‘ปีศาจตายแต่จิตใจข้าไม่ตาย!’
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลานุภาพน่าสะพรึงของสายฟ้าพวกนั้นบนฟ้าแล้ว เสิ่นเทียนกัดฟัน
ช่วยไม่ได้แล้ว!
เขาสวมเกราะนักรบสีฟ้าอ่อนทันที ก่อนจะเร่งรัดสุดกำลัง
พริบตาเดียวก็ปรากฏม่านแสงสีฟ้าอ่อนขึ้นตรงหน้าเสิ่นเทียน ตอนนี้เขาสวมเกราะนักรบสีฟ้าอ่อน สวมหน้ากากขนหงส์ยืนขึ้นด้วยความคล่องแคล่ว
ตอนนี้เขาซ้อนการป้องกันไว้หนาสุด มือถือโล่เต่าดำอันเป็นสมบัติวิญญาณระดับกลาง
โล่เต่าดำยันม่านแสงไว้ เป็นปราการแรกต้านระลอกคลื่นสายฟ้า ก็พอจะฝืนต้านไว้ได้
ต่อมาก็ใช้เกราะเต่าดำน้ำมวลหนักที่รวมขึ้นจากเคล็ดห้าอัสนีฟ้าเที่ยงธรรมเป็นปราการป้องกันสายฟ้าที่สอง ถัดเข้าข้างในไปอีกเป็นเกราะนักรบวารีเทพอันเป็นสมบัติวิญญาณระดับสูงสุด เปล่งแสงสว่างจ้า ต้านอัสนีเทพจำนวนมากไว้
ถ้าการป้องกันสามชั้นถูกทะลวงเข้ามา ก็ยังมีหมวกเกราะเต่าดำอันเป็นสมบัติวิญญาณระดับสูงเป็นการป้องกันที่สี่
กล่าวได้ว่าทั้งโลกบำเพ็ญเซียนคงจะหาผู้ฝึกบำเพ็ญที่บ้าสวมเกราะหลายชั้นเช่นนี้ได้ไม่กี่คน เพราะพลังวิญญาณของผู้ฝึกบำเพ็ญมีจำกัด ใครจะใช้ทั้งหมดในการป้องกัน
มิหนำซ้ำสมบัติวิญญาณประเภทป้องกันยังไม่ใช่ของที่ไร้ค่าเลย
ควรรู้ไว้ว่าอุปกรณ์ประเภทป้องกันในระดับเดียวกันใช้วัตถุดิบเยอะ แพงยิ่งกว่าอาวุธอีก!
ที่บ้านต้องมีเหมืองแร่ถึงจะเสริมการป้องกันทั้งหมด
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เสิ่นเทียนทะลวงอุปสรรคในใจได้แล้ว สวมเกราะนักรบแล้ว
ตอนนี้เขาเสริมการป้องกันอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่สุด มีความมั่นใจในการเผชิญหน้ากับเคราะห์อัสนีแล้ว!
ทว่าสิ่งที่เหนือความคาดหมายของเขาคือ อัสนีเทพสีทองที่กระหน่ำลงมานั้นไม่ได้ตกข้างกายเขา อัสนีเทพธาตุดินลำดับห้าส่วนใหญ่จะตกห่างจากเสิ่นเทียนไปหลายจั้ง มีน้อยมากที่เข้าใกล้เสิ่นเทียน
อานุภาพจากสายฟ้าแตกกระเซ็นนั่นไม่มีแรงกดดันเลย!
เวลานี้ เขาคิดว่าตนสวมชุดผู้หญิงอย่างเสียเปล่าแล้ว ขณะเดียวกันเขายังรู้สึกสบายไปทั้งตัว ลอยล่องเหมือนจะเป็นเซียน
แม่ง สวมชุดผู้หญิงสบายเช่นนี้เลยรึ
เสิ่นเทียนนิ่งอึ้งไป!
ไม่ใช่สิ ไม่ใช่แบบนี้!
เสิ่นเทียนตั้งสติกลับมาได้ เขาไม่ได้เพิ่งเคยรู้สึกลอยล่องจะเป็นเซียนเช่นนี้เป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ตอนที่ดวงชะตาเพิ่มขึ้น เขาก็รู้สึกเช่นนี้มาก่อน
เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนจึงรีบหยิบกระจกออกมาจากอกเสื้อ
มองวงรัศมีบนศีรษะตนในกระจกก่อนจะชะงักงันไปทันที
ไม่ใช่แล้ว!
ก่อนหน้านี้ข้าทำนายโชคลิขิตให้คนอื่น ไม่ใช่ว่ายกระดับวงรัศมีเป็นสีเขียวเข้มหรือ
เหตุใดตอนนี้ถึงกลายเป็นสีเขียวมรกตล่ะ เหตุใดดวงชะตาข้าถึงลดลงอย่างน่าประหลาด
ทันใดนั้นเสิ่นเทียนก็คิดขึ้นมาได้ ตนฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิงบรรลุแล้ว ในโลกบำเพ็ญเซียนเป็นที่รู้กันว่าคัมภีร์คบเพลิงเป็นวิชาต้องสาป ผู้ฝึกฝนจะถูกสาปให้ดวงซวยยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนหน้านี้เสิ่นเทียนก็เห็นวงรัศมีสีดำเหนือศีรษะผู้อาวุโสบัวมรกตก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่วันนี้เขาเชื่อเรื่องเล่านี้ราวๆ เจ็ดแปดส่วนแล้ว
ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีคำอธิบายแล้วว่าเหตุใดดวงชะตาเขาถึงลดลง
มิน่าเห็นๆ อยู่ว่าข้าอยากกลับเมือง แต่ดันมาในหุบเขาและยังถูกบีบให้นั่งยองในพุ่มไม้อย่างน่าประหลาด ที่แท้ก็โดนวิชาหลอมกายคบเพลิงทำร้าย วงรัศมีสีเขียวไม่พออีกแล้ว
…..
แต่ดวงชะตาลดลงเป็นเพียงหนึ่งในสาเหตุที่เสิ่นเทียนสงสัย
สิ่งที่ทำให้เขาตกใจระคนสงสัยคือตอนนี้วงรัศมีสีเขียวมรกตเหนือศีรษะเขากำลังเปลี่ยนไป วงรัศมีสีเขียวมรกตนั้นสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานก็กลับมาเป็นสีเขียวเข้ม
กระทั่งยังเข้มกว่าก่อนหน้านี้ เรียกได้ว่าสีเขียวแก่เลยด้วยซ้ำ เต็มไปด้วยพลังชีวิตไร้ขีดจำกัด
ฝึกฝนคัมภีร์คบเพลิงดวงชะตาลด ข้าเข้าใจได้ แต่เหตุใดดวงชะตาถึงเพิ่มขึ้นล่ะ
หรือว่าสวมชุดผู้หญิงจะเพิ่มดวงชะตาได้?
………………………