บทที่ 183 ผู้สรรเสริญนามแท้จริงของข้า ซื้อยันต์อัสนีได้ส่วนลดสี่ส่วน
เกิดแสงสว่างขึ้นกลางวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ เสาเทพสิบต้นดูดอานุภาพหลงของอัสนีเทพกำเนิดฟ้าที่หลงเหลือกระจัดกระจายจนหมด
ตรงหน้าเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ปรากฏปราการสายฟ้าสีทองขึ้นมา ขวางกุมอัสนีมหาศาลเอาไว้ได้ทั้งหมด
สิ่งที่ควรค่าเอ่ยถึงคือก่อนหน้านี้ตอนที่ต้านกุมอัสนีปลายนิ้ว ปราการสายฟ้าที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์วางไว้ถูกตีแตก
ทว่าตอนนี้ที่เผชิญหน้ากับกุมอัสนีที่แกร่งกว่า ปราการสายฟ้าที่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์วางไว้กลับไม่เกิดรอยแตกร้าวใดๆ เลย จนพลังทั้งหมดสลายไปแล้ว ในที่สุดสายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็สงบลง น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้น
“ไม่เลวๆ กระบวนท่าเมื่อครู่พอใช้ได้ ด้อยกว่าตอนอาจารย์อยู่ระดับสร้างฐานเล็กน้อยเท่านั้น แต่เทียนเอ๋อร์จำเอาไว้นะ อย่าพอใจในตัวเอง ต้องรู้ว่าแดนบูรพาแห่งนี้เหนือคนยังมีคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า ถึงเจ้าจะไร้พ่ายในระดับสร้างฐาน แต่ศัตรูไม่สนใจว่าเจ้าอยู่ระดับพลังใด
เมื่อก่อนฝ่ายเราก็มีผู้อาวุโสท่านหนึ่งไร้พ่ายในระดับหลอมรวมเทพ แต่กลับถูกกลุ่มผู้อริยะปิดล้อมโจมตี ปรากฏว่าต้านไว้สุดกำลังแล้วก็ยังสิ้นพลังบำเพ็ญทั้งหมด ได้แต่เริ่มฝึกหลอมกายจากศูนย์ ดังนั้นเทียนเอ๋อร์เจ้าต้องจำไว้ให้ดี ก่อนที่จะเติบโตขึ้นอย่างแท้จริงนั้น จะต้องถ่อมตัวไว้ อย่าโอหังเด็ดขาด”
เมื่อได้ฟังคำพูดของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้ว เสิ่นเทียนอดจิตตกนิดๆ มิได้ บุตรแห่งดวงชะตาวงรัศมีสีทองพวกนี้เติมบัตรทรูจริงๆ
ข้าทุ่มสุดตัวแล้ว กระทั่งผสานพลังจากสิ่งมหัศจรรย์สามชนิด ทั้งยังมีจักรพรรดิ…เกราะนักรบหุบเหวมังกรเสริมพลัง
ไม่นึกเลยว่าก็ยังไม่แกร่งเท่าอาจารย์ตอนอยู่ระดับสร้างฐาน โลกนี้น้ำลึกมากจริงๆ จะต้องทำอะไรเงียบๆ ไว้
เสิ่นเทียนสูดลมหายใจเข้าลึก “สิ่งที่อาจารย์สอนมาก็ใช่ แต่ว่า…กลุ่มผู้อริยะปิดล้อมโจมตีรึ ผู้อริยะพวกนั้นหน้าด้านอะไรเช่นนี้ หรือว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เราไม่ล้างแค้นกัน”
สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์สั่นไหวเบาๆ เขาถอนหายใจ “จะล้างแค้นอย่างไร ตอนที่ผู้อริยะเจ็ดคนนั้นปิดล้อมโจมตีก็จงใจเก็บกลิ่นอายพลังอำพรางตัวตน ระวังกันมาก และที่สำคัญกว่านั้นคือศิษย์พี่คนนั้นยังระเบิดร่างเทพตัวเองสำแดงวิชาลับสังหารทุกคนเพื่อให้สหายหนีไปได้”
เดี๋ยว…รอเดี๋ยวก่อนๆๆ~!
ตามหลักแล้ว ตรงนี้ไม่ควรจะเป็นบทที่แดนศักดิ์สิทธิ์อื่นรังแกหรือกดขี่แดนเทพสวรรค์ที่ตกต่ำหรือ
เมื่อก่อนแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นกลัวโอรสสวรรค์ของฝ่ายเราจึงถูกผู้อริยะทำลายพลังบำเพ็ญ ต่อมาพลิกฟ้า ทวงความยุติธรรมให้ผู้อาวุโสที่ต้องคับอกคับใจ!
เหตุใดเจ้าอยู่ระดับหลอมรวมเทพถูกกลุ่มผู้อริยะปิดล้อมโจมตีถึงระเบิดกายเทพสำแดงวิชาลับฆ่าผู้อริยะเจ็ดคนเพื่อให้สหายหนีไปล่ะ ตัวเจ้าล่ะ
ต้องรู้ไว้ว่านั่นคือผู้อริยะระดับฝ่าด่านเคราะห์เจ็ดคน เป็นผู้ฝึกบำเพ็ญที่แกร่งที่สุดที่สัมผัสพบชายขอบของวิถีเซียนแล้ว
อย่าคิดว่าอัจฉริยะที่ฆ่าศัตรูข้ามระดับพลังได้จะเจ๋ง ผู้ฝึกบำเพ็ญที่เป็นผู้อริยะได้ ตอนหนุ่มๆ ใครบ้างไม่ใช่อัจฉริยะที่สังหารศัตรูข้ามระดับพลังได้
ใช้ระดับพลังหลอมรวมเทพข้ามระดับไปสังหารผู้อริยะ ระดับความยากเหนือกว่าใช้ระดับแก่นพลังทองสังหารระดับดวงจิตดรุณไปไกลมาก มิหนำซ้ำยังเป็นหนึ่งต่อเจ็ด!
พรสวรรค์ของผู้อาวุโสคนนี้น่าตกใจและเปล่าเปลี่ยวเหลือเกิน ถ้าเติบโตขึ้นมาได้อย่างแท้จริงจะมีไม่ไหวหรือ
แต่เปลี่ยนมุมมองคิดดูแล้ว แม้แต่โอรสสวรรค์น่ากลัวเช่นนี้ยังถูกทำให้พิการ ระดับน้ำของทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ในโลกบำเพ็ญเซียนแดนบูรพาคงไม่ได้ลึกธรรมดาๆ แล้ว!
จากนี้ข้าจะต้องระวังให้มากกว่านี้จริงๆ!
ไม่ผูกวาสนาดีกับคนก็ต้องถอนรากถอนโคน จะประมาทไม่ได้!
เมื่อเห็นเสิ่นเทียนเหมือนจะเข้าใจในความลำบากใจของตนแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็พยักหน้าอย่างพอใจ
“แต่เทียนเอ๋อร์เจ้าไม่ต้องกังวล เจ้าคือบุตรแห่งสวรรค์ มีมหาดวงชะตามากับตัวโดยกำเนิด ปกติเจอเรื่องร้ายจะกลายเป็นดี เอาล่ะ กลับไปฝึกฝนเงียบๆ เตรียมการฝึกซ้อมเถอะ!”
เสิ่นเทียนพยักหน้า ก่อนออกจากวิหารเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยความเหม่อลอยเล็กน้อย ขี่ปืนปทุมฆาตเทพบินกลับยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ตามสัญชาตญาณ
สารภาพตามตรง ตอนนี้เขาเหนื่อยมาก ไม่ใช่เพราะเพิ่งเค้นท่าใหญ่ๆ จนพลังในร่างกายหมดเกลี้ยง แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือคำพูดนั้นของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ทำให้ความรู้สึกปลอดภัยในใจเขาน้อยลงยิ่งกว่าเดิม
แม้แต่ผู้อาวุโสโอรสสวรรค์ระดับหลอมรวมเทพที่หนึ่งสู้เจ็ดได้ยังถูกปิดล้อมโจมตี จากตรงนี้จะเห็นได้ว่าโลกนี้ไม่เป็นมิตรกับผู้มีวงรัศมีสีดำมากเพียงใด
ไม่ได้ รู้สึกว่าสีเขียวอมแดงยังไม่ปลอดภัย!
……
ขณะครุ่นคิดอยู่นั้น เสิ่นเทียนบินผ่านยอดเขาวิญญาณของลูกศิษย์เทพสวรรค์ทีละลูก เกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรบนตัวเขาดึงดูดความสนใจและเสียงพูดคุยของศิษย์มากมาย
“เฮ้ย! เกราะนักรบบ้ามาก มีปรากฏการณ์สัตว์เทพอัสนีกำเนิดฟ้าติดมาด้วย ไม่ธรรมดาเกินไปแล้ว!”
“เกราะนักรบองอาจห้าวหาญเช่นนี้ ทั้งใต้หล้าคงมีเพียงศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์คนเดียวที่คู่ควร เทพสงครามลงมายังโลกจริงๆ!”
“ขอพูดได้หรือไม่ อะไรคือบุตรศักดิ์สิทธิ์คู่ควรกับเกราะนักรบ ต้องบอกว่ามีเพียงเกราะนักรบชุดนี้เท่านั้นที่พอจะคู่ควรกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ได้!”
“ก็ใช่ บุตรศักดิ์สิทธิ์เพิ่งเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์มาไม่กี่วันก็ประดิษฐ์ยันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางได้ ทั้งยังรักษาศิษย์พี่ใหญ่หายดีได้อีก”
“ได้ยินว่าเมื่อวานทางเมืองหมอกลับแลที่ผู้อริยะอสูรเซ่นไหว้โลหิต ก็ได้บุตรศักดิ์สิทธิ์เรานี่แหละเป็นคนจัดการให้!”
“สวรรค์ แม้แต่ผู้อริยะอสูรเซ่นไหว้โลหิต บุตรศักดิ์สิทธิ์ยังจัดการได้ หรือเขาจะเป็นผู้อริยะแล้ว”
“พูดอะไรไร้สาระอยู่ได้ ให้ข้าได้ชื่นชมใบหน้าอันหล่อเหลาเป็นเอกแห่งยุคของศิษย์พี่เงียบๆ ไม่ได้รึไง”
“คนพึ่งอาภรณ์ม้าพึ่งอาน ศิษย์พี่สวมเกราะนักรบชุดนี้แล้ว…ไม่ไหว ข้าจะเป็นลมแล้ว!”
ชั่วขณะที่ทุกคนกำลังสนทนากันก็มีบุรุษชุดคลุมดำแบกกระบี่ออกมาอย่างลึกลับ “ทุกท่าน แซ่หลี่มีข่าว เป็นข่าวใหม่ล่าสุด นับจากวันพรุ่งนี้ ศิษย์ระดับสร้างฐานจะซื้อยันต์ระเบิดอัสนีได้ที่ยอดเขาบัวทองคำโดยมีส่วนลดให้สามส่วน
แน่นอน จำกัดเพียงศิษย์ที่จะเข้าร่วมการฝึกซ้อมในสนามรบบรรพกาลในอีกสิบวันให้หลังเท่านั้น ทั้งยังจำกัดให้ซื้อเพียงสิบแผ่น
นอกจากนี้ยังได้ยินข่าวไม่เป็นทางการมาอีกว่า ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ได้ก่อตั้งกลุ่มสวรรค์พิทักษ์ขึ้นแล้ว ตอนนี้กลุ่มสวรรค์พิทักษ์กำลังรับสมัครคน อีกทั้งยังมีเมล็ดพันธุ์เซียนหลายคนเข้าร่วมกลุ่มนี้แล้ว
กระทั่งศิษย์น้องฉินอวิ๋นตี๋ซึ่งเป็นผู้ศึกษายันต์ระเบิดอัสนีหยินหยางอีกคนยังอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ได้ยินมาว่าถ้าผ่านการทดสอบได้เข้ากลุ่มนี้ สรรเสริญชื่อเสียงโด่งดังของศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์ ก็จะได้รับการปกป้องจากศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์”
“อะไรนะ เจ้าถามว่ามีบุตรศักดิ์สิทธิ์ปกป้องจะมีประโยชน์อะไรรึ มีประโยชน์แน่นอน! ซื้อยันต์ระเบิดอัสนีได้ส่วนลดสี่ส่วนนี่พอหรือไม่!
ไม่ต้องรีบ แซ่หลี่รู้ว่าศิษย์พี่ศิษย์น้องทุกท่านรีบร้อน จึงได้ขอใบสมัครมาให้ทุกคนแล้ว ศิษย์พี่ศิษย์น้องที่อยากเข้ากลุ่มสวรรค์พิทักษ์อย่าได้พลาดเชียว!”
…….
ณ ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ หินตระหนักรู้
เสิ่นเทียนนั่งขัดสมาธิพลางวนลูกประคำเก้าโอรส
เขากำลังนั่งสมาธิฟื้นพลังฤทธิ์ที่เสียไปพร้อมๆ กับฟังรายงานของทุกคน
ตรงหน้าเขาเป็นพวกซ่งฟู่กุ้ย หลิวไท่อี่ และกุ้ยกงกงที่มีสีหน้าเต็มไปด้วยความลำพองใจ
ทุกคนมองเสิ่นเทียนในชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์หุบเหวมังกรพลางรู้สึกว่าบนหน้าติดแสงไปด้วย ทรงอำนาจมากจริงๆ
และที่สำคัญกว่านั้นคือได้ฟังฉินอวิ๋นตี๋แนะนำว่านี่คือเกราะนักรบสมัยเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์หนุ่มๆ
เกราะนักรบที่แม้แต่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ยังเคยใช้เองยังส่งต่อให้องค์ชาย
วัตถุประสงค์ของมรดกชิ้นนี้เด่นชัดมาก
ตอนนี้ใบหน้าแก่ชราของกุ้ยกงกงยิ้มจนเกิดรอยย่นชัดเจน
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ให้ความสำคัญกับองค์ชายเช่นนี้ หากพระสนมหลานในแดนปรโลกรู้เข้าจะต้องยิ้มร่าไปทั่วแดนปรโลกแน่นอน
เถ้าแก่ซ่งพูดด้วยความเคารพ “ท่านปรมาจารย์สวรรค์บุตรศักดิ์สิทธิ์ ในไม่กี่วันมานี้ศิษย์พี่หลี่อวิ๋นเฟิงแห่งยอดเขาโอฬารอยากจะเข้ากลุ่มด้วย พวกเราคิดว่ากลุ่มต้องใหญ่ขึ้น ต้องเสริมความแกร่งในด้านการหาข่าวกรองและโน้มนำ ไม่ทราบว่าท่านปรมาจารย์สวรรค์คิดว่าจะให้โอกาสศิษย์พี่หลี่หรือไม่”
หลี่อวิ๋นเฟิงหรือ
พอได้ยินชื่อนี้ เสิ่นเทียนก็ครุ่นคิด
เจ้าผู้รอบรู้ที่ปิดปากดั่งขวดนั่นหรือ ผู้จริงแท้ปาปารัสซี่ปากโป้งนั่นน่ะหรือ
อืม ในด้านนี้ก็ใช้ได้จริงๆ
นี่คือคนที่มีความสามารถ จะต้องดึงเข้ามา!
อย่างน้อยก็รับประกันได้ว่าจากนี้เขา…จะไม่พูดมั่วอีก
………………………………..……..