ผู้พิทักษ์รัติกาลแห่งต้าฟง – บทที่ 114 แสวงหาผลประโยชน์ในเวลาเดียวกัน

บทที่ 114 แสวงหาผลประโยชน์ในเวลาเดียวกัน

บทที่ 114 แสวงหาผลประโยชน์ในเวลาเดียวกัน
เมื่อข้อความนี้ถูกส่งออกไป ไม่กี่วินาทีต่อมา คนที่ตอบกลับเป็นคนแรกก็คือหมายเลขสอง ‘จักรพรรดิหยวนจิ่งถูกลอบสังหารแล้วหรือ’

…ไม่ใช่ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าน้องชาย สองสามประโยคไม่ออกจากหัวข้อที่จักรพรรดิหยวนจิ่งขึ้นสวรรค์เลย เขากินข้าวสารของเจ้าหรือขโมยเงินของเจ้า

สวี่ชีอันติดฉลากวัยรุ่นขี้โมโหให้ ‘หมายเลขสอง’ ในใจ

วัยรุ่นขี้โมโหเวอร์ชันโบราณ

‘เก้า: เมื่อวานเมืองชั้นในกับเมืองชั้นนอกถูกปิดผนึก ห้ามประชาชนทุกคนเข้าออก ข้าจึงคิดว่าเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ’

นักบวชเต๋าจินเหลียนยังคงซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลวง และรักษาอาการบาดเจ็บอย่างเงียบๆ

สวี่ชีอันเก็บข้อความ และเขียนเพียงแค่ครึ่งเดียว หมายเลขหนึ่งที่เฝ้าหน้าจอตามปกติชิงโอ้อวดก่อน และโยนความจริงที่ทำให้เหล่าผู้ครอบครองชิ้นส่วนหนังสือปฐพีตกตะลึง

‘หนึ่ง: ซังผอถูกระเบิด วัดหย่งเจิ้นซานเหอถูกทำลาย ของที่ถูกผนึกไว้ในซังผอหายไป’

ข่าวที่น่าทึ่งเช่นนี้แลกมากับความเงียบ

กลุ่มแชทหนังสือปฐพีตกอยู่ในความเงียบงันไปสามนาที ไม่มีใครส่งข้อความ และไม่มีใครแสดงความตกใจออกมา

‘สอง: เจ้าว่าอะไรนะ ซังผอถูกระเบิดหรือ วัดหย่งเจิ้นซานเหอถูกทำลายแล้วหรือ หมายเลขหนึ่ง เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้ล้อพวกข้าเล่น’

หมายเลขสองตอบสนองเช่นนี้ย่อมมีเหตุผล นี่ก็เหมือนกับจักรพรรดิหยวนจิ่งถูกสังหารโดนคนธรรมดาคนหนึ่งที่บุกเข้าไปในพระราชวังเพียงลำพัง

มันไม่น่าเชื่อ

มันก็แค่การหารือของขันที เรื่องไร้สาระ

หมายเลขสี่ก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน เขารู้ดีกว่าหมายเลขสองว่าซังผอเป็นสถานที่อย่างไร และรู้ว่าการคุ้มกันของที่นั่นแน่นหนาเพียงใด

แต่หมายเลขหนึ่งคงไม่พูดจาซี้ซั้ว

‘สี่: หมายเลขสาม เรื่องที่เจ้าอยากพูดคือเรื่องนี้ใช่หรือไม่’

‘สาม: ใช่ ซังผอถูกทำลาย สิ่งที่ถูกปิดผนึกอยู่ใต้วัดหย่งเจิ้นซานเหอก็หายไป’

ด้วยการรับรองของหมายเลขสาม แม้ว่าจะไม่น่าเชื่อ แต่นี่ก็เป็นความจริงที่เกือบจะแน่นอน

หมายเลขหนึ่งกับหมายเลขสามอยู่ที่เมืองหลวง พวกเรารู้เรื่องในเมืองหลวงต้าฟ่งดีที่สุด

‘เก้า: เป็นข่าวที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ มีเบาะแสที่เกี่ยวข้องหรือไม่ หมายเลขหนึ่ง’

น่าสนใจ นักบวชเต๋าจินเหลียนไม่ถามข้าที่เป็นหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล แต่ถามหมายเลขหนึ่งโดยตรง นี่ก็อธิบายแล้วไม่ใช่หรือว่า เขาคิดว่าในความลับระดับสูงเช่นนี้ หมายเลขหนึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะรู้เบาะแสที่เกี่ยวข้องมากกว่าข้า แต่การพูดออกมาเช่นนี้ก็ประมาทเกินไป…จงใจหรือ หรือเพราะผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ซังผอถูกระเบิดมากเกินไป ทำให้เขาไตร่ตรองไม่รอบคอบพอ

‘หนึ่ง: คดีนี้ถูกมอบให้ที่ทำการหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล กรมอาญากับที่ว่าการเมืองจัดการ ข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงข้าไม่รู้’

ทุกคนในกลุ่มแชทหนังสือปฐพีปิดความรู้สึกผิดหวังไว้ไม่อยู่ หมายเลขหนึ่งที่มีตำแหน่งสูงมากในราชสำนักก็ไม่รู้รายละเอียดเฉพาะเจาะจง เช่นนั้นหมายเลขสามก็คงไม่รู้เช่นกัน

‘สาม: ช่างบังเอิญนัก สำนักของพวกเรารู้ความลับมากมายผ่านช่องทางที่เกี่ยวข้อง น่าจะลำดับบริบทของคดีให้ได้คร่าวๆ’

หมายเลขสามรู้หรือ

หมายเลขสามรู้!

เมื่อสักครู่นี้เขาพูดว่าเป็นข้อมูลที่รู้ผ่านช่องทางที่เกี่ยวข้อง ดูเหมือนสำนักอวิ๋นลู่จะมีสายลับมากมายแทรกซึมอยู่ในที่ทำการปกครองแต่ละแห่งในเมืองหลวง

เมื่อเห็นหมายเลขสามพูดเช่นนี้ หมายเลขห้าที่เดิมไม่ค่อยสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงต้าฟ่ง เวลานี้ก็กระโดดออกมาผสมโรงเช่นกัน

‘ห้า: หมายเลขสาม มือของสำนักพวกเจ้ายืดไกลเกินเอื้อมเล็กน้อย เรื่องที่หมายเลขหนึ่งไม่รู้ สำนักกลับรู้ จะว่าไปแล้ว ในสำนักเจ้าอยู่ตำแหน่งอะไร’

นักเรียนธรรมดาๆ จะรู้ความลับที่สำคัญเช่นนี้ได้จริงๆ หรือ

‘สาม: ข้ามีวิธีของข้า’

สวี่ชีอันไม่อธิบาย ความสำคัญของการฝากข้อความคือ คนที่ยิ่งฉลาดยิ่งคิดมากเกินไปได้ง่าย

พวกเขาไม่เพียงสงสัยตัวตนของนักเรียนธรรมดาๆ อย่างหมายเลขสามเท่านั้น แต่ยังสงสัยว่าหมายเลขสามมีตัวตนอื่นอีกหรือไม่ ภายใต้สถานการณ์ที่ขาดพยานผู้แข็งแกร่ง ยิ่งคิดกลับจะยิ่งวุ่นวาย

อืม หมายเลขหนึ่งคือปัญหา เขาหรือนางหลอกล่อไม่เก่งขนาดนั้น ไม่สำคัญแล้ว ข้ากับหมายเลขหนึ่งจะไม่ปะทะกันชั่วคราว อีกทั้งข้าก็รู้ตัวตนของเขาหรือนางมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเช่นกัน อย่างน้อยก็กำหนดขอบเขตได้

‘สาม: เช่นนั้นพวกเจ้าจะใช้อะไรมาแลกกับข้อมูลของข้าล่ะ’

เมื่อเห็นประโยคนี้ ทุกคนก็รู้สึกแปลกๆ ในใจ และรู้สึกอธิบายไม่ถูก หนี้ที่ติดก็มากขึ้นเรื่อยๆ

หากหมายเลขสามทำธุรกิจ เขาจะต้องเป็นพ่อค้าที่ประสบความสำเร็จแน่นอน…หมายเลขสี่ถอนหายใจ และตอบกลับว่า ‘ระยะนี้ข้าหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝน ไม่ได้รับข้อมูลที่มีค่าเลย ข้าขอติดหนี้ไปก่อน’

‘สอง: ข้ายุ่งอยู่กับการปราบปรามโจร อืม รอข้ารู้อำนาจที่ควบคุมหมู่บ้านต่างๆ อยู่เบื้องหลังในอวิ๋นโจวแน่ชัดก่อน ข้าจึงจะชำระหนี้ของหมายเลขสามได้’

เมื่อพูดถึงตรงนี้ หมายเลขสองก็รู้สึกเศร้ากับการเป็นหนี้ที่อธิบายไม่ได้ของตัวเอง

‘ห้า: เมื่อเร็วๆ นี้ข้ามีข้อมูลสำคัญ แต่ข้อมูลนี้จะเปิดเผยตัวตนของข้า’

‘สี่: อืม เจ้าเป็นคนของซินเจียงตอนใต้สินะ’

‘หนึ่ง: น่าจะเป็นขุนนางในเผ่าพันธุ์กู่บางเผ่า’

‘สอง: ดูเหมือนจะชอบทำสงครามนิดหน่อยอีกด้วย’

‘ห้า: …พวก พวกเจ้ารู้หรือ’

นี่ไม่ชัดเจนอีกหรือ เจ้ารู้ประวัติศาสตร์ของอาณาจักรหมื่นปีศาจเป็นอย่างดี แทนตัวเองว่าข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า และก่อนหน้านี้เจ้าก็เปิดเผยเองว่า ตำแหน่งของพ่อเจ้าค่อนข้างสูง! ดูเหมือนหมายเลขห้าจะไม่ค่อยฉลาดสักเท่าไหร่…ระดับเดียวกับแม่นางไฉ่เว่ยของข้า…สวี่ชีอันคาดเดาในใจ

เขาให้คำจำกัดความบุคคลในกลุ่มแชทหนังสือปฐพีในใจอีกครั้ง

หมายเลขหนึ่งมีตำแหน่งภายในราชสำนัก เป็นสัตว์ประหลาดคลั่งที่ชอบเฝ้าหน้าจอ

หมายเลขสองเป็นวัยรุ่นขี้โมโหแต่ฉลาดมาก ในวันนั้นก็เป็นเขาหรือนางที่หยั่งเชิงตนกับหมายเลขหนึ่งในพิธีบวงสรวงบรรพบุรุษ

หมายเลขสี่มีสัมพันธไมตรีที่ไม่เลวกับผู้นำเต๋านิกายมนุษย์ เคยเป็นขุนนางในราชสำนัก ตอนนี้เร่ร่อนไปทั่วโลก

หมายเลขห้าเป็นสตรี คนของเผ่าพันธุ์กู่ในซินเจียงตอนใต้ ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่

หมายเลขหกคือหลู่จื้อเซินเวอร์ชันต้าฟ่ง ระดับการฝึกสูงมาก

หมายเลขเจ็ดหลบหนีไปแล้ว ชิ้นส่วนหนังสือปฐพีจึงอยู่ในมือของหมายเลขสอง และความสัมพันธ์ของหมายเลขสองกับหมายเลขเจ็ดก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน

หมายเลขแปดปิดตาย ดำน้ำนานมาก

หมายเลขเก้าคือนักบวชเต๋าจินเหลียนผู้ก่อตั้งพรรคฟ้าดิน เฒ่าเหรียญปากผี

หมายเลขห้าปิดตัวเองไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งข้อความมาว่า ‘เอาเถอะ ข้าเป็นคนของเผ่าพันธุ์กู่ในซินเจียงตอนใต้ผู้สง่าผ่าเผยและซื่อตรง ข้ามีข้อมูลสำคัญจะบอก หมายเลขสาม ข้าจะใช้ข้อมูลนี้แลกเปลี่ยนคดีซังผอกับเจ้า’

‘เก้า: หมายเลขห้า อาการบาดเจ็บของข้ายังไม่หายสนิท หากเจ้าอยากพูด ให้ทุกคนตกลงกันเป็นเอกฉันท์ก่อน เป็นหนี้เจ้าหนึ่่งข้อมูลหรือเงินที่มีค่าเท่ากัน’

ทุกคนในพรรคฟ้าดินเงียบไปครู่หนึ่ง และตกลงเป็นหนี้ข้อมูลหมายเลขห้า

‘ห้า: เทพเจ้ากู่เริ่มฟื้นตัวแล้ว’

เทพเจ้ากู่หรือ การมีอยู่ที่เหนือกว่าระดับ ผู้บุกเบิกระบบหมอผีหรือ สวี่ชีอันตกตะลึง แม้ว่าจะรู้ความจริงเกี่ยวกับการมีอยู่จริงๆ ของ ‘สิ่งศักดิ์สิทธิ์’ เล็กน้อยผ่านข้อมูลภายในพรรคฟ้าดินฟรีๆ

แต่เขาก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อ

กลุ่มแชทหนังสือปฐพีไม่มีใครพูดอะไรนานมาก ดูเหมือนข้อมูลนี้จะทำให้ทุกคนตกใจไม่น้อยไปกว่าซังผอถูกระเบิด

‘ห้า: เมื่อวานนี้ กลิ่นอายของเทพเจ้ากู่ในจี๋ยวนเอ่อล้นออกมา กู่ระดับต่ำที่ถูกเลี้ยงดูในหมู่บ้านทั้งหมดตายกะทันหัน กู่ระดับสูงก็บ้าคลั่งโจมตีคนในตระกูล กู่เจ้าชะตาของข้าก็เกือบจะสูญเสียการควบคุม พ่อของข้าบอกว่า หลังจากผ่านไปหลายพันปี ในที่สุดเทพเจ้ากู่ก็ฟื้นตัวแล้ว แต่นี่ไม่ใช่เรื่องดี’

‘สอง: ไม่ใช่เรื่องดีหรือ’

‘ห้า: อืม เทพเจ้ากู่เป็นต้นตอของความวุ่นวาย การกลืนกินกับการสืบพันธุ์ฝังลึกอยู่ในสัญชาตญาณ หากมันฟื้นตัว สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในซินเจียงตอนใต้จะกลายเป็นเป้าหมายในการสืบพันธุ์และการกลืนกินของมัน มันจะเปลี่ยนทั้งจิ่วโจวเป็นโลกที่มีเพียงกู่เท่านั้น! ดังนั้นเผ่าพันธุ์กู่ของพวกข้าจึงกำลังรวบรวมผู้แข็งแกร่ง และวางแผนจะแอบเข้าไปในจี๋ยวนในสองสามวันนี้ เพื่อตรวจสอบสถานการณ์’

พระเจ้า ยังมีเรื่องแบบนี้อีกหรือ เทพเจ้ากู่เป็นสิ่งมีชีวิตแบบนี้หรือ

สวี่ชีอันตกใจ เขาไม่ได้นึกถึงภาพหนวด มารสีเงินหรือของอย่างอื่นเลย เขาถูกความชั่วร้ายของเทพเจ้ากู่ทำให้ตกใจจริงๆ ใช่!

สวี่ชีอันต้องการรู้ข้อมูลอื่นๆ ของเทพเจ้ากู่อย่างเร่งด่วน แต่ไม่มีใครถาม

‘เก้า: นี่เป็นข้อมูลที่ทำให้ตกใจจริงๆ’

‘สาม: นักบวชเต๋า สาเหตุที่เทพเจ้ากู่หลับใหล เป็นเพราะถูกผนึกใช่หรือไม่’

สวี่ชีอันเริ่มซักถามข้อมูลของเทพเจ้ากู่

‘เก้า: ข้าไม่รู้ เทพเจ้ากู่อยู่มายาวนานมาก ก่อนที่มนุษย์จะเรียนรู้การใช้ตัวหนังสือ มันก็ดำรงอยู่แล้ว เจ้าถามหมายเลขห้าได้ แต่อาศัยแค่เรื่องเทพเจ้ากู่ฟื้นตัว เกรงว่ามูลค่าก็มากกว่าคดีซังผอของเจ้าแล้ว’

มูลค่ามากกว่าคดีซังผอของข้าอีกหรือ สวี่ชีอันไม่ยอมรับในใจ

‘ห้า: ฮ่าๆ หมายเลขสาม หากเจ้าต้องการรู้ข้อมูลอื่นๆ ของเทพกู่เจ้าก็สามารถเลือกแลกเปลี่ยนกับข้าได้’

‘สาม: เจ้าต้องการอะไร’

‘ห้า: พี่ชายของข้ายังไม่แต่งงาน ได้ยินว่าพระมเหสีในอ๋องสยบแดนเหนือเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของโลก ข้าอยากให้นางมาเป็นพี่สะใภ้ของข้า’

เจ้ากำลังฝันกลางวันอยู่…หากมีความสามารถนี้ข้าเผด็จศึกเองไม่ดีกว่าหรือ ทำไมต้องสละสาวงามให้พี่ชายของเจ้าด้วย…สวี่ชีอันตอบกลับว่า ‘พระมเหสีคนเดียวคงไม่พอ องค์หญิงใหญ่ก็เป็นสาวงามเช่นกัน และยังมีราชครูแห่งต้าฟ่งของพวกเราอีก ข้าจะห่อส่งไปให้เจ้าด้วย’

‘ห้า: ดีๆ!’

‘หนึ่ง: หากเป็นเพียงเรื่องไร้สาระ เช่นนั้นข้าต้องการพักผ่อน ขอพวกเจ้าทั้งสองคนปิดปากเงียบด้วย’

หมายเลขหนึ่งกระโดดออกมาขัดจังหวะหัวข้อ

หมายเลขห้าไม่เอะอะแล้ว เพราะนางก็อยากรู้เรื่องคดีซังผอ จึงส่งข้อความมาว่า ‘ข้ารู้เพียงแค่เทพเจ้ากู่เป็นที่มาของระบบหมอผี และเป็นที่มาของกู่ทั้งหมดในโลก’

เมื่อเห็นหมายเลขห้าส่งข้อความเสร็จ สวี่ชีอันก็เลือกคำ และเริ่มแบ่งปันสถานการณ์ของคดีซังผอที่ตัวเองรู้

‘สิ่งที่ถูกผนึกอยู่ใต้ซังผออาจจะเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์ปีศาจ ปัจจุบันขุนนางของต้าฟ่งยืนยันเบื้องต้นแล้วว่า พลังที่ระเบิดซังผอเป็นไปได้มากว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจทางเหนือหรือเศษเดนที่เหลือของอาณาจักรหมื่นปีศาจ’

สวี่ชีอันไม่กลัวว่าการเปิดเผยข้อมูลจะทำให้คนอื่นเดาตัวตนของเขาออก

เพราะตอนนั้นขุนนางที่เข้าประชุมในห้องประชุมมีเยอะมาก กรมอาญา ที่ว่าการเมืองกับหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลก็อยู่ในนั้น ช่องทางที่สำนักอวิ๋นลู่ได้รับข้อมูลไม่จำเป็นต้องเป็นที่ทำการหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล

‘เผ่าพันธุ์ปีศาจหรือ จะเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์ปีศาจได้อย่างไร ทำไมเผ่าพันธุ์ปีศาจต้องระเบิดสิ่งที่ถูกปิดผนึกอยู่ใต้ซังผอ’ ทุกคนในพรรคฟ้าดินสับสน

แต่พวกเขาก็ตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือเบื้องหลังที่เกี่ยวข้องกับเบื้องหลังของคดีซังผอไม่ธรรมดาแน่นอน

หากอยากแก้ทุกอย่างนี้ มีเพียงหาให้พบว่าสิ่งที่ถูกผนึกอยู่ใต้ซังผอคืออะไรเท่านั้น

‘หนึ่ง: เป็นไปไม่ได้ การคุ้มกันของซังผอแน่นหนามาก แม้แต่ผู้แข็งแกร่งที่มีตำแหน่งระดับสูงก็ไม่อาจแอบเข้าไปได้ แล้วเผ่าพันธุ์ปีศาจจะระเบิดซังผอได้อย่างไร ดินปืนมาจากไหน’

‘สาม: เรื่องนี้ ราชสำนักตรวจสอบจนแน่ชัดแล้ว เหมืองดินประสิวถูกค้นพบในภูเขาต้าหวงภายในเขตมณฑลไท่กัง แต่ถูกเก็บไปจนเกลี้ยงแล้ว และผู้ที่เก็บไปก็คือเผ่าพันธุ์ปีศาจ หมายเลขหนึ่ง ช่องข้อมูลของเจ้าไม่ทำงานแล้ว นอกจากนี้ ไส้ศึกที่สมรู้ร่วมคิดกับเผ่าพันธุ์ปีศาจก็พบแล้ว เป็นโจวชื่อสวงหัวหน้ากองร้อยขององครักษ์คุ้มกันส่วนพระองค์ แต่เขาพาลูกเมียหนีไปแล้ว’

‘หนึ่ง: เช่นนั้นเบาะแสนี้ก็ตัดออก’

‘สาม: อืม ไม่จำเป็น หลังจากนี้ไม่นาน ราชสำนักจะออกหมายจับแน่นอน ไม่ว่าโจวชื่อสวงจะออกจากต้าฟ่งหรือซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย พวกเจ้าคิดว่าเขาจะไปซ่อนที่ไหน’

หมายเลขสองชิงตอบเป็นคนแรก ‘ยังต้องบอกอีกหรือ อวิ๋นโจวแน่นอน’

สถานการณ์ในอวิ๋นโจว ไม่มีใครในหนังสือปฐพีกับพรรคฟ้าดินรู้ดีไปกว่าเขาหรือนางแล้ว

เมื่อถึงตรงนี้ เป้าหมายของสวี่ชีอันก็บรรลุแล้ว เขาต้องการใช้โอกาสนี้เปิดหัวข้อ เพื่อให้หมายเลขสองช่วยเขาสังเกตอวิ๋นโจว และดูว่าจะจับนายกองโจวได้หรือไม่

แต่จากบุคลิกของเขา เขาเป็นคนที่ไม่น่าจะสนใจนักโทษหลบหนีนัก เพราะรักชาติหรือ เหตุผลนี้ไร้สาระเกินไป

‘หนึ่ง: หมายเลขสอง เจ้าค่อนข้างมีอำนาจในอวิ๋นโจว ช่วยข้าสังเกตโจวชื่อสวงหน่อยได้หรือไม่’

ทำได้ดีมาก…สวี่ชีอันมีชีวิตชีวาขึ้น

ในความคิดของหมายเลขหนึ่ง หมายเลขสองดูน่าจะเชื่อถือได้มากกว่าทางการ

‘สอง: ข้าปฏิเสธที่จะช่วยเจ้า’

‘หนึ่ง: ข้าจะให้ค่าตอบแทน’

‘สอง: ไม่ ข้าปฏิเสธที่จะช่วยเจ้า!’

หมายเลขหนึ่งไม่พูดอะไรอีก ในกลุ่มหนังสือปฐพีตกอยู่ในความเงียบไปชั่วขณะ

ดูเหมือนความสัมพันธ์ของหมายเลขหนึ่งกับหมายเลขสองจะไม่ดีนัก…คนอื่นๆ ก็ไม่พยายามเกลี้ยกล่อมเช่นกัน…เป็นเพราะก่อนที่ข้าจะเข้าร่วม พวกเขาสองคนเคยปะทะกันหรือขัดแย้งกันหรือ เอ่อ…แบบนี้ไม่ได้การล่ะ หากหมายเลขสองไม่ช่วย อวิ๋นโจวใหญ่ขนาดนั้น จะค้นหาโจวชื่อสวงเจอได้อย่างไร ข้าควรจะออกหน้า แบบนี้ก็จะทั้งขายน้ำใจให้หมายเลขหนึ่งได้ และยังเก็บ ‘หนี้’ ของหมายเลขสองคืนได้อีก ลงทุนน้อยแต่ได้มาก!

สวี่ชีอันส่งข้อความ ‘หมายเลขสอง หากเจ้าช่วยข้าสังเกตโจวชื่อสวงจะถือว่าเจ้าคืนหนี้ข้าครั้งก่อน ส่วนหมายเลขหนึ่ง ข้าขอโทษ เจ้าติดหนี้น้ำใจข้า พวกเจ้าสองคนคิดว่าอย่างไร’

……………………………………………

ผู้พิทักษ์รัติกาลแห่งต้าฟง

ผู้พิทักษ์รัติกาลแห่งต้าฟง

Status: Ongoing

สวี่ชีอัน อดีตนายตำรวจรุ่นใหม่ตัดสินใจลาออกจากอาชีพข้าราชการเพื่อออกไปทำธุรกิจของตัวเอง แต่ดันต้องมาจบชีวิตลงด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องขัง ในร่างของใครอีกคน…

หลังจากทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เขาตระหนักได้ว่าตัวเองกลับมาเกิดใหม่ในร่างของทหารหนุ่มที่กำลังต้องโทษ และถูกคุมขังเพื่อรอการลงทัณฑ์!

แม้ว่าเขาจะยังมึนงงกับเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่ความจริงที่ว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากในการใช้ชีวิตที่สองซึ่งพระเจ้าเมตตาประทานให้ ผลักดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง…

ภายในคุกหลวง สวี่ชีอันต้องงัดเอาทุกกลยุทธ์ในการสืบสวนและไขคดี เพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติครั้งใหญ่นี้ให้ได้!

และนับตั้งแต่ที่ข้ามเวลามา สวี่ชีอันต้องเผชิญกับวิกฤติต่างๆ ต้องอาศัยความสามารถในการไขคดีและการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม รวมถึงโชคดีที่มักจะเข้ามาได้ถูกจังหวะเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า…

แต่เดิมจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ในยุคโบราณแห่งนี้ของเขาคือการปกป้องตัวเอง และใช้ชีวิตสบายๆ แบบเศรษฐีในยุคสังคมศักดินาที่ไร้ซึ่งคำว่าสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนำพาให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับอำนาจขององค์กรลับ และความลับของราชวงศ์ต้าฟ่งที่อาจมีเพียงคนผู้เดียวที่กุมความลับนี้เอาไว้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท