บทที่ 120 แต่งกลอนสด
เหล่าองครักษ์หันกลับมามองด้วยสายตาคมกริบ แล้วเดินหน้าต่อ
หน้าต่างของรถม้าที่ปักอักษร ‘ชิ่ง’ เปิดออก มือขาวผ่องดุจหยกเลิกม่านขึ้น สวี่ชีอันมองเห็นคางเรียวขาวดุจหิมะขององค์หญิงใหญ่ ริมฝีปากเล็กแดงระเรื่อขยับขึ้น “ตามมา”
ในใจเขาปลื้มปีติ ขณะที่กำลังจะควบม้าเข้าไปใกล้ หางตาก็เหลือบเห็นหน้าต่างรถม้าคันที่สี่ถูกผลักออก ใบหน้าสวยอวบอิ่ม งามหยาดเยิ้มน่าหลงใหลชะโงกออกมา
นางจ้องมองสวี่ชีอัน สายตาทั้งสองสบประสาน มุมปากของนางยกขึ้น จากนั้นก็ปิดหน้าต่างลง
นั่นหรือองค์หญิงรอง โอ้…พระธิดาขององค์จักรพรรดิช่างงดงามเสียจริง สวี่ชีอันถอนสายตากลับ แล้วเปรียบเทียบองค์หญิงทั้งสองอยู่ในใจเงียบๆ
ถ้าให้คิดถึงความงามของสาวๆ อันหลากหลาย อาจคิดจนนอนไม่หลับ แต่ถ้าดันทุรังคิดจะวัดระดับความงามมันช่างเปล่าประโยชน์
เพราะทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับรสนิยม
แม้ผู้ชายมากมายจะบอกว่าชอบพี่สาวถุงน่องดำบ้างล่ะ สาวน้อยในชุดเครื่องแบบบ้างล่ะ…รสนิยมกว้างขวาง ภราดรภาพไร้ขอบเขต แต่ถึงอย่างไรต่อให้เป็นพวกบ้ากามเช่นนี้ พวกเขาก็นิยมชมชอบในความงามเช่นเดียวกัน
สวี่ชีอันไม่ได้ประเมินว่าองค์หญิงใหญ่กับองค์หญิงรองผู้ใดงดงามกว่า เฉพาะจากความประทับใจที่สององค์หญิงมอบให้ องค์หญิงใหญ่เป็นประเภทเยือกเย็นราวกับดอกบัวบนภูเขาหิมะ
รู้ทั้งรู้ว่านางสูงส่งสง่างาม ละมุนละไมสุภาพเรียบร้อย แต่ดันอดคิดลวนลามนางไม่ได้ และมองดูท่าทีเอียงอายและขวยเขินของนาง
ส่วนองค์หญิงรอง สวี่ชีอันไม่ได้พบปะบ่อยนัก ทว่าจากที่สบตาเมื่อครู่ สวี่ชีอันก็วาดภาพในหัวให้นางอยู่ในกางเกงขาสั้นจู๋ห่อหุ้มบั้นท้ายอันงอนงามและกลมกลึง เสื้อกล้ามสีขาวพันธนาการทรวงอกอันสะโอดสะอง ขาเรียวขาวดุจหิมะสวมรองเท้าผ้าใบสีขาว โยกย้ายอย่างเต็มที่อยู่บนฟลอร์เต้นรำ พร้อมกับผมลอนเป็นคลื่นที่ปลิวสยาย
หากอยู่ในยุคของเขา คงเป็นราชินีแห่งไนต์คลับได้สบายๆ
ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น หญิงสาวที่รักในการเที่ยวไนต์คลับมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ง่าย ทว่าอย่างไรเสียองค์หญิงรองก็เป็นคนยุคโบราณ สวี่ชีอันจึงไม่กล้ายืนยันในจุดนี้
…
เหล่าองค์ชายและองค์หญิงมีพระประสงค์จะออกไปร่วมเสวยกระยาหารและทำกิจกรรมข้างนอก โดยเลือกสถานที่เป็นทะเลสาบขนาดเล็กทัศนียภาพงดงามที่อยู่ในเขตพระราชฐาน
ริมทะเลสาบปลูกต้นสนซีดาร์และต้นสนมังกรเขียวชอุ่มตลอดปี รวมถึงทุ่งดอกไม้ที่ค่อยๆ โรยราไปทีละดอกๆ ในตอนนี้ คาดว่าทัศนียภาพจะต้องงดงามยิ่งขึ้นในฤดูใบไม้ผลิปีถัดไป
วันนี้แสงตะวันอบอุ่น ไร้สายลมพัดโบก ช่างเป็นวันที่เหมาะแก่การอาบแดดเหลือเกิน
ริมทะเลสาบมีแท่นสี่เหลี่ยมอยู่ เหล่าข้าหลวงช่วยกันขนย้ายโต๊ะยาว จุดกำยานไม้จันทน์ อาหารเลิศรสอันประณีตถูกนำออกมาจากกล่องใส่อาหารที่วางซ้อนกัน
สวี่ชีอันผูกม้าไว้กับต้นไม้ แล้วตามหลังองค์หญิงใหญ่โดยไม่ปริปากพูด โดยมีนางกำนัลสองคนคอยยกชายกระโปรงให้นาง
มวยผมขององค์หญิงใหญ่ถูกรวบอย่างเรียบง่ายดูสบาย ปักด้วยปิ่นทองระย้าอันล้ำค่า ปลายพู่ไหมสีทองประดับด้วยไข่มุกกลมวาว ยามเยื้องย่างพู่ระย้าจะแกว่งไกวไปมา ช่างงดงามเสียจริง
ทั้งคู่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กัน ทว่าสวี่ชีอันก็เดินตามหลังนางทำหน้าที่เป็นทหารรักษาพระองค์ไปตามปกติ
ส่วนองค์ชายและองค์หญิงองค์อื่นก็เสด็จลงมาจากรถม้าอันโอ่อ่าเช่นกัน สวี่ชีอันกวาดสายตามอง รูปโฉมไม่ด้อยกว่ากันเลย องค์รัชทายาทสวมชุดพิธีการสีขาวปักลายงูหลาม มัดผมด้วยรัดเกล้าสีทอง รูปงามยิ่งนัก
อันที่จริงรูปลักษณ์ของเหล่าองค์ชายล้วนไม่ชวนให้สนใจ รวมถึงองค์รัชทายาทด้วย ถึงจะหล่อเหลาเพียงใดก็ไม่ได้รูปงามเช่นสวี่ฉือจิ้วเจ้าน้องชายผู้นั้น
ในบรรดาองค์หญิงทั้งสี่ องค์หญิงใหญ่และองค์หญิงรองรูปโฉมงดงาม โดดเด่นที่สุด
ยามประทับบนพระที่นั่ง ไม่รู้ว่าองค์หญิงรองตั้งใจหรือเผลอไปแย่งพระที่นั่งที่ควรจะเป็นองค์หญิงใหญ่กันแน่
ไม่มีผู้ใดตำหนิ ราวกับว่าเหล่าองค์ชายและองค์หญิงต่างชินชา แสร้งทำเมินเฉยไปเสีย
ส่วนองค์หญิงใหญ่ก็ไม่ได้ประทับในพระที่นั่งขององค์หญิงรอง แต่เลือกประทับห่างจากนางไปหนึ่งช่วงโต๊ะ
ความสัมพันธ์ขององค์หญิงใหญ่กับองค์หญิงรองไม่ลงรอยกัน? สวี่ชีอันจดจำรายละเอียดนี้ไว้
องค์รัชทายาทกวาดพระเนตรมองเหล่าพี่น้องที่ล้อมรอบ พร้อมตรัส “พวกเราไม่ได้ออกมาเที่ยวเล่นกันระยะหนึ่งแล้วนะ”
เหล่าองค์ชายต่างคล้อยตาม เหล่าองค์หญิงก็อมยิ้มบางๆ
สายตาของสวี่ชีอันทอดมองทะเลสาบ เขามองเงาดำที่แฉลบผ่านอยู่ในทะเลสาบขนาดเล็ก ไม่รู้ว่าเลี้ยงสิ่งใดเอาไว้
องค์รัชทายาทรับบทเป็นสีจิว[1]บนโต๊ะอาหารทำหน้าที่เปิดประเด็นสนทนาและเป็นพิธีกรงานเลี้ยง
การละเล่นในวงสุราในงานเลี้ยงทั้งหมดทั้งมวลก็มีอยู่ไม่กี่อย่าง แต่การละเล่นชั้นสูงนั้นมีน้อยยิ่งกว่า คนที่นั่งอยู่ที่นี่ล้วนเป็นผู้มีสกุลรุนชาติ จะให้มาเล่นทายนิ้วโยนเต๋าก็ดูไม่เข้าที จึงต้องเล่นเพียงการละเล่นชั้นสูง
การละเล่นชั้นสูงมีหลายรูปแบบ นอกเหนือจากการละเล่นชั้นสูงเช่นการแต่งกลอนสด อักษรประพันธ์กลอนก็ถือเป็นการละเล่นที่ค่อนข้างยากในบรรดาการละเล่นชั้นสูงเช่นกัน
องค์รัชทายาทเปิดหัวข้อด้วยคำว่า ‘ธารา’ คำแรกก็ต้องขึ้นต้นด้วยธารา
ในบทกลอนขององค์ชายรองคำที่สองก็ต้องเป็นคำว่า ‘ธารา’ เป็นต้น
ณ ที่แห่งนี้มีองค์ชายมากกว่าองค์หญิง เมื่อสิ้นสุดรอบแรก องค์ชายเจ็ดคิดจนหัวแทบแตกก็นึกถึงกลอนที่ลงท้ายด้วยคำว่า ‘ธารา’ ไม่ออก จึงถูกลงโทษให้ดื่มเหล้าหนึ่งจอก
องค์ชายแปดสิ้นพระชนม์เมื่อไม่กี่ปีก่อน
องค์ชายเก้ารับผิดชอบเล่นอักษรประพันธ์กลอนนี้ต่อ ขึ้นต้นคำแรกด้วยคำว่า ‘ธารา’ เฉกเช่นองค์รัชทายาท
เมื่อถึงตาองค์หญิงรอง ดวงตาดอกท้อวาวใสของนางเบิกกว้าง นัยน์ตาสีดำสดใสกลอกไปมา มือเล็กของนางตบประสาน แล้วเอ่ยด้วยเสียงเริงร่า “ใช่แล้ว เงาบางเบาเคลื่อนเฉียงอยู่ในธาราใสตื้น”
แสงตะวันสดใสสาดส่องบนร่างของนางที่สวมชุดฝ่ายในสีแดงสวยสด ประโคมสวมเครื่องประดับอันวิจิตรและสลับซับซ้อน หากเป็นหญิงสาวสามัญชนคงไม่อาจจัดระเบียบเครื่องแต่งกายอันโอ่อ่าจนเข้าขั้นไร้รสนิยมเช่นนี้ได้
ทว่าพอเปลี่ยนเป็นนาง กลับกลายเป็นแต้มต่อแทน
ความสูงศักดิ์ขององค์หญิงใหญ่ฝังอยู่ในกระดูก องค์หญิงรองเป็นเหมือนกับนกคีรีบูนที่งามวิจิตรและสง่าเลิศล้ำ ไม่ว่าจะแต่งตัวโอ่อ่าอย่างไรก็มีแต่จะทวีความงดงามของนาง ทว่าหากแต่งตัวด้วยชุดธรรมดาเกรงว่าองค์หญิงรองคงเทียบองค์หญิงใหญ่ไม่ติด
องค์รัชทายาทยิ้มพร้อมตรัส “กลอนบทนี้ข้าเคยได้ยินมาก่อน สำนักสังคีตเป็นผู้เผยแพร่ คล้ายจะประพันธ์โดยบัณฑิตคนหนึ่งจากอำเภอฉางเล่อ ได้รับการยกย่องจากซื่อหลินว่าเป็นบทประพันธ์ความงามของดอกเหมยที่ยอดเยี่ยมที่สุดและเป็นเลิศแห่งยุค”
องค์ชายสามผู้มีบุคลิกสง่างามประดุจปัญญาชนตรัสประเมิน “น่าเสียดาย งานประพันธ์อันงามล้ำน่าทึ่งนี้กลับมอบให้คณิกา ช่างสูญเปล่าเสียจริง”
เรื่องราวความรักของอัจฉริยบุรุษกับคณิกาผู้เลื่องลือแพร่หลายกว้างขวางและได้รับความนิยมอย่างมากตามท้องตลาด ทว่าแท้จริงไม่เป็นที่น่ากล่าวขวัญเสียเท่าไร โดยเฉพาะในสายตาของเชื้อพระวงศ์
องค์ชายสามเป็นปัญญาชน ด้วยประการฉะนี้จึงจงเกลียดจงชังเข้ากระดูกดำ
สูญเปล่าเสียที่ไหน ตอนที่คณิกาฝูเซียงได้รับบทกลอนนี้ค่าตัวก็พุ่งพรวดพราด ก้าวกระโดดจนกลายเป็นดาวเด่นชั้นยอดแห่งต้าฟ่ง ส่วนข้าก็ถือโอกาสนี้ผูกสัมพันธ์ฉันมิตรกับนาง ได้ประโยชน์ทั้งคู่เห็นๆ!
สวี่ชีอันไม่พอใจลึกๆ
การละเล่นในวงสุราดำเนินต่อไป เมื่อถึงตาองค์หญิงใหญ่ก็เผชิญโจทย์ยากเช่นเดียวกับองค์ชายเจ็ด
คำกลอนที่ลงท้ายด้วยคำว่าธาราหายากยิ่ง แม้องค์หญิงใหญ่จะเป็นพหูสูตมากความสามารถ ทว่าไม่ได้ศึกษาคำกลอนอย่างลึกซึ้ง ปลายคิ้วอันละเอียดอ่อนขมวดขึ้นเล็กน้อยพร้อมบ่นพึมพำไร้เสียง
เมื่อเห็นเช่นนี้องค์หญิงรองจึงยิ้มกริ่ม “ฮว๋ายชิ่งผู้เป็นอัจฉริยสตรีอันดับหนึ่งในเมืองหลวงของเรา คำกลอนแค่นี้ คงจะไม่คณนามือหรอกกระมัง”
ที่จริงองค์หญิงรองก็ร้ายกาจใช่เล่น…ต่อไปนี้จะเรียกเจ้าว่ายายตัวร้ายแล้วกัน! สวี่ชีอันพูดในใจ
อันที่จริงสำหรับผู้ชายทั้งหลายความร้ายกาจแต่พอดีกลับยิ่งน่าดึงดูด แน่นอนว่าสวี่ชีอันไม่ใช่ผู้ชายประเภทนั้น
เหล่าองค์ชายและองค์หญิงทรงมองพร้อมซ่อนแฝงรอยยิ้ม ความปราดเปรื่องขององค์หญิงใหญ่โดดเด่นกดทับเหล่าพี่น้อง แม้จะเป็นเพียงสตรีก็ทำให้ผู้คนอิจฉาได้เช่นกัน
ทุกคนต่างยินดี หากสามารถกำราบนางในด้านที่นางชำนาญที่สุดได้สำเร็จ
องค์หญิงใหญ่ไม่ยี่หระต่อสายตาเยาะหยันของบรรดาพี่น้อง นางเอียงศีรษะเล็กน้อย จ้องมองสวี่ชีอันข้างกายอย่างผ่อนคลาย
…เจ้ามองอะไร
สวี่ชีอันทอดถอนใจอยู่ในหัว สิ่งหนึ่งที่องค์หญิงใหญ่ทำได้คือ พอรู้ว่าข้ามีธุระต้องพบนางทีไร ธุระของข้าเอาไว้ก่อน แต่ค่าตอบแทนของนางขอเก็บล่วงหน้า
ฮว๋ายชิ่งมองเขาไปทำไม
องค์หญิงรองจ้ององค์หญิงใหญ่ไม่วางตา รอแค่นางส่ายหน้ายอมแพ้ ตนก็จะลุกขึ้นมาชี้หน้านาง ‘ฮ่า ในที่สุดเจ้าก็ยอมรับแล้วสิว่าตนเป็นหอกเงินหัวเคลือบขี้ผึ้ง[2]!’
ใครจะรู้ว่าฮว๋ายชิ่งจะไม่ลนลานแม้แต่น้อย ซ้ำยังยักคิ้วหลิ่วตากับฆ้องทองแดง
องค์ชายและองค์หญิงพระองค์อื่นก็สังเกตเห็นจุดนี้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่มีพระองค์ใดคิดวาดฉากในหัวเป็นตุเป็นตะเช่นองค์หญิงรอง
“หลังเมามายเหตุไฉนท้องนภาลอยในธารา!” สวี่ชีอันบ่นพึมพำอยู่ชั่วขณะ ท่องกลอนด้วยเสียงที่เบาราวกับยุงครวญ
เขาใช้สมองอย่างรวดเร็ว กลอนที่ลงท้ายด้วยธารา เขาคิดออกเพียงวรรคนี้วรรคเดียว
องค์หญิงใหญ่พยักหน้าเล็กน้อย แล้วตรัสเสียงก้อง “หลังเมามายเหตุไฉนท้องนภาลอยในธารา”
องค์หญิงรองตะลึงงัน ตามมาด้วยความผิดหวังที่พรั่งพรู ฮว๋ายชิ่งพี่สาวน่ารำคาญคนนี้ยังมีลูกไม้อยู่สินะ
องค์ชายพระองค์อื่นทรงขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วทอดพระเนตรไปทางองค์ชายสาม องค์ชายสามส่ายหน้า “ฮว๋ายชิ่ง ไฉนพี่สามจึงไม่เคยได้ยินกลอนบทนี้มาก่อน”
องค์หญิงใหญ่ยิ้มบางๆ “นี่เป็นกลอนที่แต่งขึ้นมาใหม่เพคะ”
องค์หญิงรองพลันกระตือรือร้นขึ้นมา พร้อมตรัสเสียงหวาน “โอ๊ะๆ เล่นลูกไม้หน้าไม่อาย เสกสรรปั้นแต่งประโยคหลอกลวงพวกเรา ลงโทษดื่มสุราสามจอก”
“แต่งกลอนสดย่อมได้เช่นกัน” องค์รัชทายาทหัวเราะขึ้น “แต่ว่าเจ้าต้องแต่งกลอนให้สมบูรณ์เสียก่อนนะฮว๋ายชิ่ง”
องค์ชายสามพยักหน้า “พี่ใหญ่พูดถูก”
องค์หญิงใหญ่หันหน้ามองสวี่ชีอันอีกครั้งราวกับกำลังบอกว่า ‘เป็นหน้าที่เจ้าแล้ว’
………………………………………
[1] คนที่มีหน้าที่เป็นผู้ดำเนินงานในงานเลี้ยงสมัยโบราณ
[2] หอกเงินหัวเคลือบขี้ผึ้ง อุปมาว่าภายนอกดูดีแต่ความเป็นจริงไม่มีประโยชน์ คล้ายสำนวนไทยว่า ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง หรือ สวยแต่รูปจูบไม่หอม