ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 569 เขาไม่แตะต้องเธอแล้ว
นอนไม่หลับทั้งคืน
เช้าของวันรุ่งขึ้น เส้นหมี่รู้สึกมึนหัว
แต่ เธอยังไม่ลุกขึ้น และก็ไม่ลืมตาขึ้น แกล้งทำเป็นนอนหลับอยู่บนเตียง คือรอดูท่าทีของคนข้างๆ
ถ้าเป็นในตอนปกติ หลังจากที่คนคนนี้ตื่นแล้ว ไม่ว่าเธอจะตื่นหรือไม่ตื่น? เขาก็จะกอดเธอ หอมเธอ ถึงจะปล่อยเธอออก แล้วตัวเองก็ลุกขึ้นไป
งั้นเช้าวันนี้ล่ะ?
เส้นหมี่กลั้นหายใจและรอ
ผลคือ สิ่งที่ทำให้เธอต้องผิดหวังคือ หลังจากที่คนคนนี้ตื่นแล้ว คือไม่มีท่าทีรีรอ เขาก็เปิดผ้าห่มลุกลงจากเตียงไป
หลังจากนั้น จนกระทั่งเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าจะออกจากบ้าน เธอก็ไม่รู้สึกเลยว่าเขากลับมามองดูเธอที่ข้างเตียงแม้แต่น้อย
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เส้นหมี่ได้ยินเสียงประตูปิดลง ดวงตาทั้งสองข้างที่แดงกล่ำอยู่แล้วนั้น ก็ค่อยๆ ลืมขึ้นมาภายในห้องที่เงียบสนิท
เข้าเดือนสิบสองแล้ว อากาศเหน็บหนาวเข้ากระดูก แต่ในเวลานี้ จิตใจของเส้นหมี่ กลับรู้สึกหนาวเหน็บเสียยิ่งกว่าลานหิมะด้านนอกอีก แม้แต่เลือดในร่างกายก็ดูเหมือนจะแข็งตัวอยู่แล้ว
เธอไม่รู้ว่านอนอยู่บนเตียงนานเท่าไหร่
“น้องหนู? น้องหนู?”
ทันใดนั้น ด้านนอกก็มีเสียงทุบประตู “ปังปังปัง”
เส้นหมี่ได้ยินแล้ว ก็รีบเช็ดคราบน้ำตาบนหน้าออก จากนั้นก็ปีนลงจากเตียง
“แม่? ทำไมตื่นเช้าจังคะ?”
เธอมองดูภารานินที่อยู่นอกประตูอย่างประหลาดใจ ค่อนข้างงงว่าคุณแม่ยายเสียสติของเธอ ทำไมมาเคาะประตูเธออยู่แต่เช้าตรู่
ผลคือ ภารานินกลับจับมือเธอไว้แน่น: “ซุปไก่ ฉันก็อยากกิน”
ซุปไก่?
เธอหมายถึงซุปไก่เมื่อคืนที่ตุ๋นให้แสงดาวเหรอ? แต่เมื่อคืนเธอไม่ใช่กินไปแล้วเหรอ?
เส้นหมี่อดกลั้นขำไม่ได้: “แม่ ซุปไก่เมื่อคืนเรากินหมดแล้วนะ แม่อยากกิน หนูไปซื้อใหม่ แล้วค่อยทำให้แม่กินนะคะ”
“มี ผู้หญิงใจร้ายคนนั้น……..เขาเอาไปแอบไว้ ฉันเห็นแล้ว เขาไม่ให้ฉันกิน เขาเป็นคนไม่ดี!”
แม่ยายที่สมองไม่ปกติ กอดมือเธอไว้ ยังไม่ทันพูดถึงสองประโยค เมล็ดถั่วในดวงตาดวงโตก็กะพริบขึ้นลงทันที
เส้นหมี่ถึงกับปวดหัวเลยทีเดียว
ทำได้เพียงแค่รีบใส่เสื้อผ้า จากนั้นก็ไปหาแสงดาวพร้อมกันกับเธอ
แต่คิดไม่ถึงว่า เมื่อเธอมาถึงที่แสงดาวแล้ว ผู้หญิงคนนี้ เอาซุปไก่หม้อหนึ่งแอบซ่อนไว้ในห้องจริงๆ
“แสงดาว พี่ทำอะไรน่ะ? ซุปไก่เยอะขนาดนี้ พี่เอามันแอบไว้ทำไม? พี่กินหมดเหรอ?”
“อย่ามายุ่ง เธอตุ๋นให้ฉันเอง ฉันกินไม่หมด ก็เป็นเรื่องของฉัน” ผู้หญิงคนนี้ ไม่ยินยอมแม้แต่น้อย
ตื่นเช้ามา เส้นหมี่จะบ้าตายเพราะผู้หญิงสองคนนี้
เดิมทีที่อารมณ์ไม่ดีค่อยดีอยู่แล้ว เจอแบบนี้ จิตใจของเธอก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น
แต่ไม่มีทางเลือก สุดท้ายทำได้แค่ขับรถไปซูเปอร์มาร์เก็ตแต่เช้า ซื้อไก่ดำกลับมาตุ๋นไว้ เธอถึงจะเตรียมตัวไปบริษัท
“แม่ ซุปไก่ตุ๋นไว้ให้เสร็จแล้วนะคะ เดี๋ยวให้พี่ภาตกมาให้แม่กินนะคะ อย่าวิ่งเพ่นพ่านล่ะ”
“อืม”
ในที่สุดภารานินก็ดีใจ นั่งยองและพยักหน้าอย่างเชื่อฟังอยู่ข้างเตา
เส้นหมี่ก็ออกจากบ้านไป
ณใจกลางเมือง หิรัญชากรุ๊ป
“ผู้อำนวยการเส้นหมี่ ทำไมคุณเพิ่งมาล่ะ? เมื่อสักครู่นิวยอรค์จีคิวกรุ๊ป โทรศัพท์มา บอกว่าอยากคุยเรื่องร่วมงานกันผ่านวิดีโอคอล ผลคือคุณไม่มา เขาเลยโทรไปหาทางท่านประธานโดยตรงแล้ว”
ใครก็คิดไม่ถึง เส้นหมี่เพิ่งจะมาถึงบริษัท ษาเลขานุการของเธอก็บอกข่าวไม่ดีนี้กับเธอ
นิวยอร์คจีคิวกรุ๊ป ก็คือตอนที่เส้นหมี่หารือแก้ไขปัญหาที่ดินผืนนั้นกับเหล่าพวกผู้บริหารระดับสูงในห้องประชุมท่านประธานครั้งก่อน เอ่ยถึงกลุ่มบริษัทปลอดภาษี แผนงานนี้ ตอนนี้ก็มอบหมายมาให้เธอรับผิดชอบโดยตรงแล้ว
แต่ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่กำลังลังเลใจอยู่เหรอ? ทำไมจู่ๆ ถึงวิดีโอคอลมาคุยเรื่องร่วมงานกันล่ะ?
เส้นหมี่ค่อนข้างร้อนใจ หลังจากนั่งลงแล้วก็หยิบโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานขึ้น
“ฮัลโหล? พี่……… ประธานแสนรัก ขอโทษค่ะ ฉันเพิ่งมาถึงบริษัท ฉันได้ยินว่า จีคิวกรุ๊ป ได้โทรศัพท์ไปหาคุณทางนั้นแล้วใช่ไหม? ฉันอยากถามว่า เขาพูดอะไรกับคุณบ้าง?”
“คุณยังกล้าถามคำถามนี้? ในฐานะผู้อำนวยการแผนกปฏิบัติการ ปล่อยให้ลูกค้าของคุณโทรศัพท์มาหาฉันโดยตรง คุณมัวทำอะไรอยู่? นี่คือสิ่งที่คุณทำ?!”
ไม่มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อย
ถึงขนาดที่ ไม่มีแม้แต่ความเคารพและมารยาทเบื้องต้นที่ผู้บังคับบัญชาคนหนึ่งควรจะมีแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา
ผู้ชายคนนี้หลังจากรับสายโทรศัพท์แล้ว เต็มไปด้วยความไม่คุ้นเคยและดุดันราวกับว่าเปลี่ยนเป็นคนละคน
ตอนนั้นน้ำตาของเส้นหมี่ก็ไหลพรั่งพรูออกมา
นี่คือสิ่งที่เธอต้องการจะทำงานอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?
นี่ไม่ใช่เพราะเขาบีบคั้นเธอให้มาทำงานที่นี่เหรอ?
เส้นหมี่รู้สึกเสียใจมากจริงๆ เสียใจจนถึงขั้นจะโยนโทรศัพท์ทิ้ง จากนั้นออกไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น!
แต่ การอบรมสั่งสอนของเธอ จรรยาบรรณวิชาชีพของเธอ ทำให้เธอทำพฤติกรรมแบบนี้ไม่ได้
ดังนั้นเมื่อตอนสุดท้าย เธอก็ได้แต่อดทนอดกลั้นความเจ็บปวดอันเหลือทนในใจเอาไว้ พูดด้วยเสียงต่ำว่า : “ขอโทษค่ะ ที่ฉันทำเรื่องนี้ได้ไม่ดี ฉันจะจัดการให้เรียบร้อยค่ะ”
จากนั้นเธอก็วางสายไป
ผู้ชายชั้นบนที่กำลังจับโทรศัพท์อยู่: “………..”
สักไม่กี่วินาที ก็ถึงจะเห็นว่าเขาโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะเสียงดัง “ปัง”
เค ที่ตอนนี้ก็กำลังอยู่ในห้องทำงาน หลังจากที่มองเห็นฉากนี้ เขาลังเลอยู่สักครู่ เกลี้ยกล่อมว่า : “ท่านประธาน ท่าน…….. เข้มงวดกับคุณนายมากเกินไปไหมครับ? เธอเพิ่งมาทำงานที่บริษัทได้ไม่กี่วัน ท่านทำแบบนี้……….”