“อากิยามะ เป็นแบบนี้มันคุ้มจริงๆหรอคะ? เธอไม่มีวันเป็นของคุณ ชั่วชีวิตนี้ไม่มีวันเลย”
“……”
เหมือนในใจมีรอยแผลเดิมอยู่นับไม่ถ้วนอยู่แล้ว และก็ถูกคนมากรีดทับลงไปอีก คณาธิปที่นั่งอยู่ตรงนั้นที่กำลังกินขนมปังอยู่ก็หยุดกินลง
นี่เป็นความจริงที่โหดร้าย
ทุกๆครั้งที่คิดถึง หรือว่าทุกๆครั้งที่เห็น เขาก็ให้ปวดร้าวใจ
แต่ว่านั่นจะเป็นไรไปล่ะ?
ถ้าให้เทียบกับเมื่อก่อนที่เธอถือเอาเขาเป็นเหมือนศัตรู ไม่ยอมพูดกับเขา ไม่ยอมมองเขา เขารู้สึกว่าวิธีการแบบนี้ในตอนนี้มันดีกว่าไหนๆ
ดีจนเขาที่นั่งอยู่ตรงนี้รู้สึกมีความสุข
คณาธิปเริ่มกินอีกครั้ง และครั้งนี้อารมณ์ของเขาได้สงบมากยิ่งขึ้น
“ไม่มีอะไรคุ้มหรือไม่คุ้มหรอกนะ แม่ของเธอประคบประหงมเลี้ยงดูผมตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่วันนี้ผมก็คือคนในครอบครัวของเธอ คือพี่ชายของเธอ ทุกสิ่งที่ผมทำให้เธอมันคุ้มค่าทั้งนั้น”
“เอาเถอะ”
โชกิ โดโมโตะได้ยินคำพูดซื่อตรงกินใจ เลยทำได้แค่พูดตอบรับ
คนทั้งสองกำลังนั่งอยู่ เสียงโทรศัพท์ของคณาธิปก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล?”
“คุณธิป แย่แล้วครับ เกิดเรื่องแล้ว! ทางคุณแสนรักรู้ว่าคุณเส้นหมี่และลูกสาวอยู่ที่เจแปนแล้วครับ!!”
ไพบูลย์โทรมา เขาได้ยินเสียงของเขาก็ให้รีบบอกข่าวร้ายกับเขาทันที
คณาธิปหน้าถอดสี
“เขารู้ได้ไง? คุณบอกเขาหรอ?”
“เปล่าครับ เปล่า ผมจะกล้าพูดที่ไหน เป็นเจ้าเด็กคนนั้นที่โทรมาที่เดอะวิวซี เฮ้อ คุณธิป ทางพวกคุณดูแลเด็กยังไงกันเนี่ย ตอนนี้จะทำไงล่ะ? ทางคุณแสนรักบอกจะต้องเห็นเด็กในพรุ่งนี้ แล้วต้องการถามอาการของคุณเส้นหมี่ด้วย แล้วนี่จะทำไงกันดี?”
ไพบูลย์ร้อนรนพูดรัวๆผ่านสาย
เรื่องนี้เกิดขึ้นกระทันจนรับมือไม่ทันจริงๆ!
แผนการที่วางไว้เดิมทีนั้นดีทุกอย่าง ทางเส้นหมี่ถ้ารักษาเสร็จก็จะกลับไป หลังจากนั้นค่อยหาโอกาสกลับไปที่เดอะวิวซีทางไพบูลย์ก็เตรียมการไว้ดีแล้ว
แต่ทำไมถึงถูกแค่เจ้าเด็กตัวเล็กมาทำพังเอาได้?!!
“รินจังหรอ? คุณหมายถึงรินจังหรอ?”
คณาธิปได้ยินชื่อนี้ก็ให้ตกใจเหมือนกัน
เจ้าเด็กคนนั้นจะโทรกลับไปที่ต่างประเทศได้ยังไง?
อีกอย่างก็โทรหาพ่อของเธอซะด้วย เธอเอาเบอร์มาจากไหน เธอโทรเบอร์ทางไกลระหว่างประเทศเป็นหรอ?
อีกอย่างที่โรงเหล้าก็มีพิมแสงดูอยู่ไม่ใช่หรอ? ทำไมเธอให้เด็กโทรศัพท์ล่ะ? นี่เธอดูแลเด็กยังไงกันนะ?
คณาธิปทั้งตื่นตระหนกทั้งโกรธ ไม่มีกระจิตกระใจที่จะนั่งกินต่อ เขากดสายทิ้ง แล้วลุกขึ้นยืนเดินออกจากโรงพยาบาลทันที
ยี่สิบนาทีผ่านไปก็มาที่โรงเหล้าของถนนสายนึง
“พิมแสง! พิมแสง!!”
คณาธิปที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยไฟโทสะ พอมาถึงที่นี่ก็ตะโกนเรียกชื่อขึ้นโดยไม่สนคนข้างๆที่นอนหลับอยู่
ในเวลานี้พิมแสงก็กำลังหลับอยู่
ชั่วเวลานี้ที่เส้นหมี่อยู่โรงพยาบาลเธอเป็นคนดูแลเด็ก ในเวลานี้เธอกำลังนอนอยู่เป็นเพื่อนเด็กแน่
ได้ยินเสียงผู้ชายตะโกนเรียก……..
พิมแสงลุกขึ้นจากเตียง พลางสวมรองเท้าแบบเหยียบส้นเดินออกมา “มีอะไรหรอคะพี่ธิป?”
“ยังมาถามพี่อีก? พี่ต้องถามเธอมากกว่ามั้งว่าเธอดูแลเด็กยังไง? เธอรู้มั้ยว่าวันนี้เด็กนั่นทำอะไรลงไป ห้ะ?”
ในที่สุดคณาธิปก็ได้เห็นเธอ ความโกรธก็ให้ถลันเข้ามา เขาไต่ถามเธอด้วยเสียงที่เข้มงวด
พิมแสงมึนงง
เธอเป็นอะไรไปหรอ เธอดูแลเด็กได้ดีนินา มีปัญหาตรงไหนหรอ?
พิมแสงถูกเขาด่าอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็ให้รู้สึกโกรธ “หนูไปทำอะไรหรอคะ พี่วิ่งมาด่าคนอื่นดึกดื่นแบบนี้ คณาธิป พี่อย่าคิดว่าพี่เอาตัวฉันมา จ่ายเงินให้ฉันเยอะแล้วจะมาขึ้นเสียงใส่ฉัน ฉันไม่ใช่คนใช้ของพี่นะคะ!”
คณาธิป “……..”
จ้องมองที่ผู้หญิงคนนี้ เขาอดกลั้นอยู่สักพักจึงสงบสติลง
“พี่ขึ้นเสียงใส่เธอไม่ใช่ว่าไม่มีสาเหตุนะ เมื่อกี้พี่ได้รับข่าวมาว่าแสนรักรู้เรื่องว่าเจ้าเด็กนี่อยู่ที่นี่แล้ว เห็นบอกว่าเธอโทรศัพท์หาเขา เธอไม่รู้เรื่องนี้หรอ?”
“ห๊ะ?”
ตอนนี้พิมแสงงงงตาแตก
เธอ…..ไม่รู้เรื่องจริงๆ
ก้อนแป้งน้อยนี่ได้โทรหาพ่อของเธอเมื่อไหร่กันเนี่ย?
สมองของเธอยุ่งเหยิง
แต่หลังจากที่เธอคิดไตร่ตรองไปถึงเมื่อตอนกลางวัน เธอก็ให้คิดไปถึงตอนที่เธอออกมาอย่างกระโดดโลดเต้นบอกว่าตัวเองได้”ส่งจดหมาย”ให้แดดดี๊แล้ว
แล้วก็ช่วงกลางคืน เธอหาเธออยู่สักพักก็หาไม่เจอ
นึกมาถึงตอนนี้พิมแสงใบหน้าซีดเซียว
“หนู….หนูไม่ทันได้ระวัง หนู……”
“……”
จ้องมองผู้หญิงที่เอ่ยปากพูดท่าทางเต็มไปด้วยความลุกลี้ลุกลน คณาธิปก็เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง
ทันใดนั้นเขาก็ให้รู้สึกเยือกเย็นไปทั่วสาระพลาง
“พี่ธิป แล้ว….ตอนนี้จะทำยังไงกันดี? หนูไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะคะ หนูไม่รู้ว่าเจ้าเด็กคนนี้…..นี่ถ้าถูกพ่อของเขารู้ว่าสองคนแม่ลูกอยู่ที่นี่ก็แย่เลยน่ะสิ”
พิมแสงเชื่อว่าเรื่องมันต้องเป็นแบบนี้ เลยร้อนรนเหมือนมดที่ถูกไฟทำลายรัง
คณาธิปก็ไม่ต่างกัน
แต่ตอนนี้พวกเขาร้อนรนไปก็ไม่มีประโยชน์ เรื่องมาถึงจุดที่ย้อนกลับไปแก้อะไรไม่ได้แล้ว ถ้าต้องการทำให้ผู้ชายคนนั้นไม่เกิดข้อสงสัย ทางเดียวที่ทำได้คือทำตามที่เขาขอ