Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 903

ตอนที่ 903

ตอนที่ 903 อานุภาพมารโดดเด่นในโลกา
เคร้ง!

หลินสวินก้าวไปข้างหน้า พลังหมัดเปล่งประกายราวม้าห้อกดอัดห้วงอากาศ ประจันกับกระบี่มรรคลายสนที่ฟาดฟันลงมานั้นตรงๆ เสียงกึกก้องสะเทือนหูดังออกมา

ท่ามกลางรัศมีเทพแผ่พุ่ง พลังของกระบี่มรรคลายสนถูกกระแทกให้สลายอย่างรุนแรง

“พลังแข็งแกร่งนัก!”

มู่เจี้ยนถิงดวงตาแข็งหดรัด

ในขณะเดียวกันเบื้องหลังของหลินสวินก็ปรากฏเงามายาของสัตว์เทพฟู่ซี่สูงราวสิบกว่าจั้งตัวหนึ่ง กระแทกใส่กระบองยาวอสนีที่ฟันมาจากอีกด้านหนึ่งประดุจเคลื่อนผลักสุริยันจันทรา

โครม!

ฟ้าดินสั่นสะเทือนราวภูเขาไฟระเบิด กระบองอสนีถูกกระแทกจนส่งเสียงหึ่งๆ ส่วนเหลยเชียนจวินชาที่ง่ามมือ เลือดลมแปรปรวนไปหนึ่งระลอก

เขาตื่นตะลึงอยู่บ้างเช่นกัน เมื่อได้ประลองกับหลินสวินเข้าจริง เขาถึงพบว่าพลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าที่ตนคาดการณ์ไว้มากนัก!

ฆ่า!

ชุดนักพรตของมู่เจี้ยนถิงกระพือไปมา ท่วงท่าดุดันถึงที่สุดดุจกระบี่ กระบี่มรรคลายสนของเขาอบอวลไปด้วยพลังมรรคหยินหยาง เมื่อฟันออกไปครั้งหนึ่ง ปราณกระบี่ก็ปรากฏสีขาวดำ แล้วแปรสภาพเป็นภาพมังกรพยัคฆ์กลมเกลียว หยินหยางร่วมผสาน น่าหวั่นกลัวไม่มีที่สิ้นสุด

สวบๆๆๆ!

เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ปราณกระบี่ขาวดำแน่นขนัดสานกันไปมาทั้งแนวตั้งแนวนอน ปกคลุมทั่วทุกสารทิศราวตาข่ายกระบี่เปล่งประกายผืนหนึ่ง

นี่ก็คือฝีมือของบุคคลแห่งยุค เหยียบย่างในปลายยอดระดับกระบวนแปรจุติ เหนือชั้นกว่าคนรุ่นเดียวกันไปไกล สะดุดตาหาใดเทียบ

หลินสวินไม่กริ่งเกรง เงาร่างพุ่งไปข้างหน้าไม่ได้หลบหนี ผมสีดำพลิ้วไสว โคจรความเร้นลับแห่งเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์และมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร ประจันหน้ากับกระบี่ตรงๆ

ชั่วขณะหนึ่งห้วงอากาศแถบนี้ระเบิดแหลก ดุจบรรพตเทพบรรพกาลชนกัน ส่งเสียงโครมครามราวอสนีบาต

ปรากฏการณ์แปลกประหลาดน่าครั่นคร้ามนานาชนิดบังเกิดขึ้นดุจกระแสธาร รัศมีเทพเปล่งประกายทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี

เพียงครู่เดียวทั้งสองก็ประมือกันหลายสิบครั้ง

ในที่สุดมู่เจี้ยนถิงก็ถูกซัดสะเทือน มังกรที่แปรสภาพจากพลังหมัดสายหนึ่งทะยานฟ้า กระแทกตัวเขาให้กระเด็น ทรมานจนแทบกระอักเลือด

‘ทำไมเจ้าหมอนี่ถึงแข็งแกร่งปานนี้’

ในใจมู่เจี้ยนถิงฉงนอยู่บ้าง

เขาจับตามองการต่อสู้ของหลินสวินมาตั้งแต่ตอนอยู่ที่หอวสันตสารท กระทั่งเริ่มเข้าร่วมการทดสอบถกมรรคห้าด่าน เขาก็มองหลินสวินเป็นคู่แข็งคนสำคัญเช่นกัน ไม่เคยกล้าชะล่าใจ

แต่ก็ยังคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะน่ากลัวปานนี้!

ตูม!

อีกด้านหนึ่งเหลยเชียนจวินถือกระบองยาวอสนีฟาดกระแทก กวาดล้างจักรวาล สังหารปัญจธาตุ ทรงพลังแข็งกร้าวถึงที่สุด

เพียงแต่ไม่นานนักเขาก็ถูกพลังหมัดซัดให้ถอยไป หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ในใจยิ่งระแวดระวังและหนักอึ้ง

ทั้งสองมองหน้ากันครั้งหนึ่ง ล้วนดูความฉงนในใจของอีกฝ่ายออก จากนั้นทั้งสองก็ออกโจมตีอีกครั้ง สำแดงอานุภาพทั้งหมดของตนโดยไม่ได้นัดหมาย

ด้วยการลองเชิงสั้นๆ พวกเขาก็เข้าใจถ่องแท้แล้วว่า ในสถานการณ์หนึ่งต่อหนึ่งพวกเขาทั้งสองล้วนไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวิน

มีเพียงร่วมกันลงมือด้วยพลังทั้งหมดเท่านั้น จึงอาจจะกำราบหลินสวินได้!

ตูม!

ชั่วขณะหนึ่งที่นี่ก็เกิดเสียงโครมครามไม่ว่างเว้นราวภูผาถล่มทะเลหวีดร้อง การเคลื่อนไหวน่าหวั่นกลัวนั้นไม่นานก็ทำให้ผู้แข็งแกร่งมากมายสนใจ

“ดูสิ! พวกมู่เจี้ยนถิงกำลังต่อกรเทพมารหลินด้วยกัน” มีคนสูดหายใจเย็น สีหน้าตื่นตระหนก

นี่ย่อมเรียกได้ว่าศึกไร้เทียมทาน เป็นการห้ำหั่นระหว่างบุคคลแห่งยุค พบเห็นได้ยากยิ่งในโลก

“นี่เทพมารหลินไปก่อเรื่องอะไรอีก ถึงได้ยั่วให้บุคคลแห่งยุคสองคนต่อกรกับเขาตอนนี้ คู่แค้นของเขามีมากไปแล้วกระมัง”

ทั้งยังมีผู้แข็งแกร่งมากมายงงงวย ทำใจเชื่อได้ยาก

ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างดูออกว่า เมื่อมาอยู่เบื้องหน้าต้นโคมสำริดมรรคโบราณ เทพมารหลินจะต้องถูกโจมตีอย่างยากจะคาดเดาได้

แต่ก็ยังคิดไม่ถึงอยู่ดีว่านอกจากบุคคลแห่งยุคอย่างพวกอวี่หลิงคง ซาหลิวฉาน จงหลีอู๋จี้ ชิงเหลียนเอ๋อร์ และจั๋วขวงหลันแล้ว แม้แต่มู่เจี้ยนถิงและเหลยเชียนจวินยังร่วมกันลงมือกับเขาด้วย!

นี่ก็มีคู่แค้นมากไปกระมัง

“หึ! หากเทพมารหลินเป็นผู้สืบทอดสำนักเก่าแก่สักแห่ง บุคคลแห่งยุคเหล่านั้นจะกล้ารังแกเขาเช่นนี้หรือ หายนะที่เทพมารหลินก่ออะไรกัน ข้าว่าเจ้าพวกนั้นหมายจะชิงศุภโชคและสมบัติอริยะที่อยู่กับตัวเขามากกว่า!”

ทั้งมีคนเรียกร้องความยุติธรรมแทนหลินสวิน ขุ่นเคืองไม่สงบ

……

ตอนนี้บนต้นโคมสำริดมรรคโบราณให้กำเนิดศุภโชคหลายชิ้น บ้างถูกช่วงชิง บ้างหนีหายไร้ร่องรอยราวมีฤทธิ์เดช

แต่เหล่าผู้หล้าไม่ได้ยอมแพ้ เพราะบนต้นโคมสำริดมรรคโบราณต้นนี้ยังมีดอกตูมสำริดมากมายที่ยังไม่บาน

พวกเขากำลังรออยู่

เพียงแต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นศึกใหญ่ที่เรียกได้ว่าหายากในใต้หล้าเช่นนี้ในตอนนี้

มีผู้แข็งแกร่งตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้น และสังเกตเห็นการประลองนี้

…….

โครม!

การต่อสู้ยิ่งดุเดือด รังสีใสสว่างพวยพุ่งทั่วกายหลินสวิน โอหังแข็งกร้าวถึงที่สุด แม้เผชิญหน้ากับการโจมตีประกบของบุคคลแห่งยุคสองคน เขาก็ไม่เคยถอย แต่เลือกประจันหน้า

เขาในตอนนี้ประหนึ่งเทพมารองค์หนึ่ง เงาร่างไร้ราคี ก้าวเท้าเหยียบย่างดารา แสงประกายฉายออกมารอบตัวราวสุริยันเคลื่อน

ส่วนมู่เจี้ยนถิงและเหลยเชียนจวินก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน ทั้งสองล้วนสำแดงพลังต่อสู้ที่ล้ำเกินรุ่นเดียวกันไปไกล ทั้งครอบครองวิชามรรคโบราณ คนหนึ่งดังจ้าวกระบี่สูงศักดิ์ อีกคนหนึ่งดุจอสนีเทพองค์หนึ่ง แม้ท่าทางต่างกัน แต่ล้วนเรียกได้ว่าน่าหวาดหวั่น

เคร้ง!

กระบี่ฟันมาจากทางตะวันออก รังสีคมไร้เทียมทานระเบิดออก เพียงแต่ไม่ทันเข้าใกล้กลับถูกหลินสวินกระแทกหมัดหนึ่งใส่จนกระเจิดกระเจิง ละอองแสงปลิวว่อน จนมู่เจี้ยนถิงจำต้องหลบหนี

“กำราบนภาเลือน!”

เหลยเชียนจวินตะโกน กระบองฟาดฟันฟ้า อสนีร่ายรำบ้าคลั่ง มีอานุภาพกำราบทั่วสารทิศ พุ่งโจมตีเข้ามา

ดวงตาหลินสวินฉายแววเหี้ยมเกรียม อาจหาญหาใดเทียบ เข้าประมือกับอีกฝ่าย พลังหมัดกระแทกออกไป มีพลังที่ใครก็ไม่อาจเทียบได้

ระหว่างทั้งสองแสงพุ่งขึ้นเหนือเมฆา คลื่นพลังไหวกระเพื่อม ลมแรงและแสงธรรมพลันพัดโหม บดขยี้ห้วงอากาศให้ทรุดลง เห็นได้ว่าน่าพรั่นพรึงขนาดไหน

ในระหว่างนี้มู่เจี้ยนถิงใช้เจตกระบี่จู่โจมสังหาร ร่วมมือกับเหลยเชียนจวินได้อย่างเข้าขายิ่งนัก

การประลองนี้อันตรายถึงที่สุด วิชามรรคทำลายล้างราวน้ำหลาก รังสีเทพมืดฟ้ามัวดินพาให้จิตใจสั่นสะท้าน

“กำราบนภาแปร!”

เหลยเชียนจวินแผดเสียงแล้วพุ่งออกมาอีกครั้ง ร่างกำยำของเขาอบอวลไปด้วยสายฟ้างดงามแสบตา กระบองในมือบรรจุสายฟ้านับหมื่นพันราวอสนีเคราะห์มาเยือน

หลินสวินใช้พลังหมัดประจันหน้ากับเขา พลังหมัดของเขาผสมผสานปริศนาทุกอย่างของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ บรรจุท่วงทำนองแห่งมรรคธาตุน้ำ ปรากฏเป็นอานุภาพสะเทือนสวรรค์สะท้านฟ้าสะเทือนดิน ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้

เกิดเสียงดังปึง การโจมตีนี้ของเหลยเชียนจวินถูกสลายลงไปอีกครั้ง และตอนนี้หลินสวินพุ่งจู่โจมไปยังมู่เจี้ยนถิงซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งอย่างแข็งกร้าวถึงที่สุด

เหลยเชียนจวินแววตาเย็นเยียบ หว่างคิ้วปรากฏความอึมครึม ต่อสู้มาถึงตอนนี้ ไม่เพียงไม่อาจกำราบหลินสวินได้ ขนาดจะกดดันคู่ต่อสู้ยังทำไม่ได้ นี่ทำให้ในระหว่างที่เขารู้สึกหนักอึ้ง ก็รู้สึกโกรธเคืองอย่างบอกไม่ถูกเช่นกัน

เป็นบุคคลแห่งยุคเช่นกัน เดิมทีเขากับมู่เจี้ยนถิงร่วมมือกันก็น่าขายหน้าพอแล้ว แต่ต่อให้อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ยังไม่อาจเอาชนะหลินสวินได้ นี่ช่างเป็นความอับอาย

“กำราบนภาสลาย!”

เขาคำรามดาลเดือด มือถือกระบองยาวเคลื่อนไปจู่โจมอีกครั้งจนฟ้าดินสั่นสะท้านเพราะการโจมตีนี้

ร่างกำยำของเขาปรากฏลวดลายอสนีลึกลับเปล่งประกายลายแล้วลายเล่า นั่นเป็นนัยเร้นลับมหามรรคอสนีบาตที่แท้จริง ทันทีที่สำแดงออกมาก็เกิดแสงอสนีนับหมื่น

ท่ามกลางความคลุมเครือ เสียงสายฟ้าฟาดราวทวยเทพคำรนสั่นสะท้านไปเก้าชั้นฟ้า สภาพอากาศรอบทิศพลันแปรผัน

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการโจมตีน่าครั่นคร้ามหาใดเทียบนี้ ประทับปริศนาวิชาลับสูงสุด ส่งผลให้ห้วงอากาศสั่นสะท้านยุ่งเหยิง ถูกสายอสนีผ่าทำลาย

“น่าจะทำแบบนี้ตั้งนานแล้ว!”

กลับเห็นว่ามุมปากของหลินสวินยกขึ้น ตั้งท่าต่อสู้เหนือห้วงอากาศ ผสานพลังหมัดเก้าชนิดของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์เป็นหมัดเดียวพุ่งออกไป

ที่เหนือความคาดหมายคือหมัดนี้ดูว่างเปล่าและเรียบง่าย ไม่เจือกลิ่นอายใดแม้สักนิด แต่ทันทีที่โจมตีออกไป ห้วงอากาศที่อยู่ใกล้กันพลันทรุดลง แตกระแหงแผ่ขยายออกไป เหมือนไม่อาจรับพลังที่อยู่ในหมัดนี้ได้

เหล่าผู้กล้าตื่นตระหนก สูดลมหายใจเย็นยะเยือก ศีรษะชาหนึบ การฆ่าฟันของบุคคลแห่งยุคเช่นนี้ช่างพาให้ผู้อื่นสิ้นหวัง เมื่อมาถึงขีดสูงสุดในระดับกระบวนแปรจุติแล้ว คนอื่นๆ จะเป็นคู่ต่อสู้ได้อย่างไร เข้าไปก็ต้องตาย!

ตึง!

พลังหมัดกับกระบองยาวกระทบกัน ครู่ต่อมาทุกคนก็เห็นว่าเหลยเฉียนจวินถูกซัดกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง เงาร่างโซซัดโซเซกลางอากาศ สีหน้าซีดเผือด

มาดูหลินสวิน กลับเหมือนไม่เป็นอะไร ถือโอกาสนี้พุ่งกระโจนออกไป หมายจะใช้โอกาสนี้กำราบเหลยเชียนจวินในการโจมตีเดียว

“เทพมารหลินนี่เย้ยฟ้าหรืออย่างไร!”

ผู้แข็งแกร่งมากมายตะลึงอ้าปากค้าง

ถูกผู้กล้าแห่งยุคสองคนประกบโจมตี กลับไม่ได้ถูกกำราบ ซ้ำยังเป็นฝ่ายจู่โจมกลับ บดขยี้เหลยเชียนจวินอย่างแข็งกร้าว หมายจะสังหารเขา

นี่น่าตกตะลึงเมื่อได้พบเห็น พาให้ผู้คนไม่อาจคาดคิดได้อย่างไม่ต้องสงสัย

ชิ้ง!

เพียงแต่ไม่ทันที่หลินสวินจะโจมตีออกไป มู่เจี้ยนถิงก็เคลื่อนมาจากอีกด้านหนึ่งก่อนแล้ว ดาบโบราณลายสนปล่อยไอขาวดำหยินหยาง แผ่รังสีน่าพรั่นพรึงออกมา

“ผ่าหยินหยาง!”

ตูม!

เจตกระบี่ดุจห้อทะยานยาวร้อยจั้ง ผ่าห้วงอากาศออกเป็นช่องว่างน่าตระหนก ฟันตรงไปยังศีรษะหลินสวิน

หลินสวินหันกาย ซัดประทับปี้อั้นออกไป ดุจดั่งคีรีเทพตกลงมาจากฟากฟ้า มีสัตว์เทพสั่งการอยู่ด้านบน มองหยันลงมายังโลกา

เปรี๊ยะๆ!

เจตกระบี่สีขาวดำนั้นแหลมคมและไร้เทียมทานปานไหน ตอนนี้กลับถูกประทับปี้อั้นกำราบทลายจนสิ้น

พร้อมกันนั้นหลินสวินก้าวออกไปก้าวหนึ่ง ชือน้ำแข็งสีขาวโพลนทะยานฟ้า แกว่งหางครั้งเดียวมู่เจี้ยนถิงก็ถูกกระแทกจนกระเด็นไปอย่างรุนแรงเสียงดังโครม

เหล่าผู้กล้าสั่นสะท้าน ทุกคนสีหน้าอึ้งงัน ใจเต้นระรัว พวกเขาคาดเดาได้ว่าเทพมารหลินน่ากลัวนัก แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะน่ากลัวขนาดนี้

อย่างไรเรียกอานุภาพมารโดดเด่นในโลกา

ก็เช่นนี้อย่างไรเล่า!

แผ่พุ่งกระจายออกไปไร้เทียมทาน ไม่อาจถูกกดทับ ผู้อื่นกลับถูกเขาเล่นงานทีละคนๆ หาญกล้าอหังการถึงที่สุด

มู่เจี้ยนถิงกับเหลยเชียนจวินหาใช่คนธรรมดา แม้แต่ในหมู่บุคคลแห่งยุคก็เรียกได้ว่าเป็นพวกชั้นยอด แข็งแกร่งกว่าพวกซาหลิวฉานเสียอีก

หากเป็นไปตามปกติ พวกเขาคนเดียวก็สามารถซัดคนทั้งระดับได้ ในระดับกระบวนแปรจุติแทบจะไม่มีศัตรู

แต่ตอนนี้พวกเขาสองคนร่วมกันโจมตี ทว่ากลับถูกตีพ่าย!

ไกลออกไปมู่เจี้ยนถิงสภาพยับเยิน แขนเลือดไหล หน้าอกแทบป่นปี้ สีหน้าซีดเผือด เลือดลมทั้งกายแปรปรวน อยากจะกระอักเลือด

ส่วนอีกด้านหนึ่งเหลยเชียนจวินก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน ง่ามมือที่จับกระบองยาวชาหนึบ เมื่อกี้หากไม่ใช่มู่เจี้ยนถิงช่วยไว้ทันเวลา เช่นนั้นผลลัพธ์คงไม่กล้าคาดเดา

สีหน้าของทั้งสองคนล้วนแปรเปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง พวกเขาพอจะตัดสินได้แล้วว่า เทพมารหลิน… เกรงว่าจะเหยียบย่างเข้าไปในมกุฎมรรคาแล้ว ไม่เช่นนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะมีพลานุภาพเย้ยฟ้าเช่นนี้!

ตูม!

หลินสวินไม่ให้โอกาสพวกเขาได้หายใจหายคอ พุ่งไปข้างหน้าทันใด แสงเรืองสว่างทั้งร่างส่งเสียงอึกทึก ทำให้อานุภาพของเขาทะลุเมฆา แน่นขนัดไปทั่วฟ้าดิน ท่าทางไม่มีละเว้น แข็งกร้าวหาใดเทียม

“เทพมารหลิน… เทพมารหลิน…” เมื่อได้เห็นภาพนี้ มีผู้แข็งแกร่งพึมพำเสียงหลง ล้วนสะเทือนขวัญไม่รู้จะบรรยายอย่างไรแล้ว

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท