ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 983 หวานมากๆ…
และที่สุดๆเลยคือตอนที่เขาทำเรื่องนี้ การเคลื่อนไหวยังคงสง่างามมาก ดูเป็นสุภาพบุรุษ ราวกับว่าไม่ได้กำลังช่วยให้เด็กๆจับปลาไหล
แต่กำลังพลิกอ่านหนังสือ
ตอนที่ปลาไหลตัวแรกถูกเขาพลิกออกมาจริงๆ เด็กน้อยทั้งสามก็ดีใจกันสุดๆ พวกเขาปรบมือเล็กๆ แต่ละคนก็แย่งกันยื่นถังให้แด๊ดดี้
“แด๊ดดี้ เร็วเข้า รีบปล่อยเข้ามา”
“ใช่ แด๊ดดี้ อย่าปล่อยให้มันหนีไปอีก”
“อืม!”
ชินจังก็พยักหน้าอย่างแรง ในเวลานี้ในที่สุดเขาก็ไม่รู้สึกผิดและเศร้าอีกต่อไปแล้ว
เขากลับมาร่าเริงอีกครั้งเช่นเดียวกับน้องๆ
เส้นหมี่มองจากด้านข้าง รู้สึกว่าภาพตรงหน้านี้ทำให้เธอรู้สึกพอใจมากจนเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจะล้นออกมา เธอไม่ต้องการสิ่งใด ในชีวิตที่เหลือนี้มีเพียงความปรารถนาเดียว
นั่นก็คืออยากให้ภาพตรงหน้านี้คงอยู่ตลอดไป เรียบง่าย มีความสุข สบายใจ…
หลังจากพบเรื่องแปลกใหม่นี้ ในที่สุดครอบครัวทั้งห้าคนก็พบกับความสนุก พวกเขาสนุกกับการจับปลาไหลในนาข้าวอยู่นาน พอปลาไหลถูกจับได้ครึ่งถังเล็กๆ พระอาทิตย์ก็กำลังจะตกดินแล้ว
“ว้าว พ่อแม่ของรินจัง พวกคุณเก่งมากเลย จับปลาไหล ปลาไหลนาได้เยอะมาก”
“ใช่ หม่ามี๊น้องรินจัง ถ้ารู้แต่แรกว่าในนานี้มีสมบัติมากมายซ่อนอยู่ พวกเราก็จะไม่เก็บผลไม้เก็บผักแล้วมาดำนาที่นี่”
“นั่นสิ!”
ผู้ปกครองเหล่านั้นก็เข้ามาด้วย หลังจากที่พวกเขาได้สติก็เริ่มประจบทุกวิถีทางที่ทำได้
เส้นหมี่ยังคงมีท่าทีเย็นชา
หลังจากออกจากนาข้าว เธอพาลูกทั้งสามคนไปล้างเท้าที่ลำธารแล้วสวมรองเท้าถุงเท้า จากนั้นถึงมองดูชายหนุ่มที่เดินเข้ามาโดยมือข้างหนึ่งถือถังน้ำเล็ก อีกข้างหนึ่งถือกังหันน้ำไม้ไผ่
“ได้แล้ว?”
“อืม กลับกันก่อนเถอะ เย็นมากแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องกลับเมืองA”
“โอเค”
เส้นหมี่ตอบรับอย่างอารมณ์ดี
หลังจากนั้นครอบครัวทั้งห้าคนก็ออกเดินทางกลับตัวเมือง ในเวลานั้นเองพวกเขากลับไม่รู้ว่าบนโลกอินเทอร์เน็ต มีคนแอบถ่ายภาพที่พวกเขาจับปลาไหลในทุ่งนาตลอดทั้งบ่าย หลังจากลงโพสต์บนอินเทอร์เน็ตอีกครั้ง
กระแสเชิงลบแทบจะถูกกวาดล้างหมดจากโลกอินเทอร์เน็ต
ครอบครัวนี้หวานมากจริงๆ…
ทางฝ่ายสวิสก็เห็นข่าวนี้ เพียงแต่หลังจากภาพแต่ละใบที่สวยงามจนแทบหยุดหายใจและอบอุ่นจนน่าอิจฉาถูกกดดู
คนที่เห็นภาพนี้ในที่สุดนิ้วมือก็ค่อยๆกำแน่น
ที่แท้สุดท้ายพวกเขาก็ยังคงอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
—
คืนนั้นเด็กๆนอนหลับสนิทมากเพราะได้กินปลาไหลที่ตัวเองจับได้
ส่วนเส้นหมี่ที่เหนื่อยมาทั้งวันก็เข้านอนไว
“พี่คะ พี่บอกพี่ภารึยัง? ครั้งนี้ที่เรากลับไปจะไปอยู่ที่เรืองรองใช่ไหม?”
“อืม”
แสนรักออกมาจากห้องอาบน้ำเห็นหญิงสาวนอนอยู่บนเตียงที่เปลือกตาเปิดไม่ขึ้นแล้ว ยังถามคำถามนี้ เขาจึงตอบอย่างช่วยไม่ได้
เส้นหมี่ได้ฟังถึงจะผล็อยหลับอย่างสบายใจ
เธอไม่อยากไปอยู่ที่คฤหาสน์หิรัญชา
เพราะเธอได้ยินมาว่าตั้งแต่ที่พวกเขาไม่ได้อยู่เมืองA ทางด้านคฤหาสน์หลังเก่าคณาธิปที่เป็นคนดูแลหิรัญชากรุ๊ปจะเข้าไปบ้างเป็นครั้งคราว บางทีก็ไปนอนที่นั่น
ดังนั้นเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความยุ่งยากโดยไม่จำเป็น จึงไปอยู่ที่อื่นดีกว่า
เส้นหมี่ผล็อยหลับไป
แสนรักเป่าผมให้แห้งกำลังที่จะนอน ตอนนั้นเองโทรศัพท์ของหญิงสาวที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงก็สั่นขึ้น
ดึกขนาดนี้แล้ว ใครยังโทรหาเธออีก?
แสนรักเดินเข้ามา
[คณาธิป: พรุ่งนี้จะมาถึงกี่โมง?]
[…]
ใบหน้าหล่อเหลาเคร่ง เขายกมือขึ้นจะโยนโทรศัพท์ออกไป
แต่สุดท้ายหลังจากคิดไปคิดมา เขาก็หยิบโทรศัพท์มาตอบกลับด้วยสีหน้าหม่นลง
[เส้นหมี่: ?]
[คณาธิป: ผมไม่ได้มีความหมายอย่างอื่น อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ผลแค่อยากถามว่าพวกคุณจะมาถึงกี่โมง ผมจะจองห้องส่วนตัวให้พวกคุณ เพิ่งกลับมาที่เรืองรองคงจะยังเก็บกวาดไม่เสร็จ จะได้ออกไปกินอะไรข้างนอกสักหน่อย]
คนนี้ที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์แทบจะตอบภายในไม่กี่วินาที
เพียงแต่ว่าเขาอธิบายในวีแชทอย่างมีขอบเขต
ในที่สุดสีหน้าของแสนรักก็ไม่ได้ดูแย่อีกต่อไป เขาตอบต่อไปว่า
[เส้นหมี่: ไม่จำเป็น ทำเรื่องของตัวเองให้ดีก็พอ!]
[คณาธิป: …]
ไม่กี่วินาทีต่อมาสุดท้ายคณาธิปที่อยู่ไกลถึงคอนโดเมืองAก็ได้สติ
ขณะนั้นเขานั่งอยู่ใต้โคมไฟตั้งโต๊ะ สีหน้าแข็งนิ่ง แดงขึ้นจางๆ เขาโยนโทรศัพท์ทิ้ง
นี่มันเหมือนกับโดนตบหน้า!
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก–”
“เข้ามา!”
เขาอายและโกรธ แม้แต่น้ำเสียงที่อนุญาตให้คนเข้ามาก็ไม่ค่อยสุภาพนัก
ดังนั้นพอเคมีเปิดประตูเข้ามาก็เห็นชายหนุ่มนั่งหน้าบึ้งบนโซฟาทันที
“ประธานคณาธิป เอ่อ…เรื่องที่คุณให้ผมจองโรงแรมวันพรุ่งนี้ ผมจัดการเสร็จแล้ว ตอนเที่ยงสิบสองนาฬิกา ที่ชั้นบนสุดของโรงแรมซีจี…”
“ไม่ต้องแล้ว ยกเลิก!”
คณาธิปขัดจังหวะด้วยความโกรธที่ยังไม่หาย บอกให้เขายกเลิกโรงแรม
เคมี “…”
ยกเลิก?
ไม่ใช่ว่าเมื่อตอนเที่ยงเอาแต่กำชับเขาเรื่องนี้เหรอ? ทำไมตอนเย็นกว่าเขาจะจองชั้นบนสุดของโรงแรมซีจีได้? ถึงได้ยกเลิกอีก?