บทที่ 29 ชายโสดหญิงม่าย
หมอหลวงสั่นไปทั้งตัว และน้ำตาของฉีจือซานก็ไหลออกมาอีกครั้ง
“อวิ๋นอวิ๋น อย่าทำให้พ่อตกใจสิ!”
ฉีจือซานกอดฉีเฟยอวิ๋นขึ้นมา ฉีเฟยอวิ๋นไม่ตอบสนองใด ๆ ร่างกายขอนางอ่อนนุ่มเหมือนไม่มีกระดูก ฉีจือซานกอดนางไว้ในอ้อมและร้องไห้:“อวิ๋นอวิ๋น พ่อก็มีชีวิตอยู่อีกต่อไปไม่ได้เช่นกัน”
หนานกงเย่จับมือนางไว้อย่างกระวนกระวายใจ:“นางเป็นอะไร?”
หมอหลวงรีบตอบ:“พระชายาถูกพิษจนสิ้นพระชนม์แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
หมอหลวงคิดเองว่าในเวลานี้พระชายาเย่ไม่สามารถรักษาได้แล้ว
หนานกงเย่มองไป:“เจ้าล้อเล่นกับข้าหรือ?”
“ท่านอ๋องเย่ พระชายาถูกพิษร้ายแรง ข้าน้อยแน่ใจพ่ะย่ะค่ะ!”
หนานกงเย่ใจสั่น:“ตรวจดูอีกทีสิ!”
ฉีจือซานลุกขึ้นอุ้มบุตรสาวและจากไป:“อวิ๋นอวิ๋น กลับบ้านกัน พ่อจะพาเจ้ากลับบ้าน”
ฉีจือซานเดินไปด้วยร้องไห้ไปด้วย ไม่มีนางชีวิตของเขาก็ไม่มีความหมายอีกต่อไป
รองแม่ทัพที่อยู่ข้างหลังของเขาก็ตามเขาออกจากวังไปเช่นกัน
หนานกงเย่พยายามที่จะอดทนไว้ ดวงตาของเขาหรี่ลง และมองฉีเฟยอวิ๋นที่ถูกพาตัวไป เขาอยากจะเอ่ยปากพูด แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรง จึงทำได้เพียงมองดูนางถูกพาตัวไป
ฉีเฟยอวิ๋นถูกอุ้มออกมาจากในตำหนัก จักรพรรดิอวี้ตี้เสด็จออกจากพระที่นั่งบำรุงฤทัยและเห็นฉีจือซาน จึงเรียกเขา:“จือซาน”
ฉีจือซานหยุดและหันกลับไปมองจักรพรรดิอวี้ตีโไดยไม่พูดอะไร ในตอนนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคราบน้ำตา และดูไม่เหมือนท่านแม่ทัพใหญ่เลย เขามองดูบุตรสาวที่อยู่ในอ้อมกอดและหันหลังเดินจากไป
“จือซาน ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น”
จักรพรรดิอวี้ตี้ตรัสอยู่ข้างหลัง ฉีจือซานไม่หยุดและจากไปอย่างรวดเร็ว
บรรดาผู้ที่ติดตามเขาก็จากไปเช่นกัน
ฮองเฮาเฉินอวิ๋นชูตรัสอย่างเป็นกังวลว่า:“ฝ่าบาท ท่านแม่ทัพฉีเศร้าเสียใจมากใช่หรือไม่เพคะ?”
“ล้วนเป็นความผิดของข้า ข้าไม่สามารถชี้แจงได้ รีบไปดูอ๋องเย่กันเถอะ”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันมีความผิดเพคะ!”
ฮองเฮาคุกเข่าลง
จักรพรรดิอวี้ตี้หันกลับไปมอง แล้วก้มลงช่วยพยุงเฉินอวิ๋นชูขึ้นมา:“เป็นข้าเองที่ไร้ความสามารถ ทำร้ายผู้คนมากมาย เสนาบดีมีแค่หน้าที่รับผิดชอบเท่านั้น”
“แต่ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันเองก็เฝ้าดูอ๋องเย่เติบโตมา เขาจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร เขาจงภักดีต่อพระองค์มาโดยตลอด”
เฉินอวิ๋นชูเงยหน้าขึ้นและอดไม่ได้ที่จะน้ำตาตก
เกรงว่าเรื่องนี้จะไม่จบลงด้วยดี และสุดท้ายท่านพ่อก็ต้องลำบาก
แม้ว่าหลักฐานจะถูกรวบรวมไว้แล้ว แต่ทำไมเนางถึงคิดไม่ตก จะทำให้ท่านพ่อตรวจเจอได้อย่างไร ทั้งหมดนี้เป็นอ๋องเย่ที่กระทำ
จักรพรรดิอวี้ตี้ช่วยพยุงเฉินอวิ๋นชูขึ้นมา:“ลุกขึ้นเถิด ข้าก้มตัวจนเหนื่อยมากแล้ว”
เฉินอวิ๋นชูทำได้เพียงลุกขึ้น จักรพรรดิอวี้ตี้เหลือบมองไปที่ห้องโถงด้านข้าง แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้เดินไป
“ข้าเหนื่อยแล้ว ข้าจะกลับไปที่พระที่นั่งบำรุงฤทัยก่อน ฮองเฮาไปดูเถอะ ถึงอย่างไรฮองเฮาก็เฝ้าดูอ๋องเย่เตบโตมา ความสัมพันธ์ระหว่างอ๋องเย่กับฮองเฮานั้นแน่นอนว่าต่างออกไป” หลังจากที่จักรพรรดิอวี้ตรัสจบก็หันหลังเดินจากไป
ในเวลานี้ฮองเฮาเฉินอวิ๋นชูตัวสั่นเล็กน้อย อยู่ใกล้จักรพรรดิก็เหมือนอยู่ใกล้เสือ หัวใจของจักรพรรดิคือสิ่งสำคัญที่สุด อาจกล่าวได้ว่าจักรพรรดินั้นไร้ความปรานีอย่างที่ชาวโลกกล่าวไว้
อ๋องเย่เป็นคนที่เขารักและโปรดปรานมากที่สุด แต่ในเวลานี้เขาเดินจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว
แล้วนางล่ะ?
ทันใดนั้นเฉินอวิ๋นชูก็รู้สึกว่ามันน่าขบขัน นางจะนับว่าเป็นอะไรได้?
ฉีเฟยอวิ๋นถูกนำตัวขึ้นไปบนรถม้า แม่ทัพฉีอุ้มนางไว้ไม่ยอมวาง ไม่ว่าใครจะพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์
รถม้ากลับมาถึงอย่างรวดเร็ว แม่ทัพฉีร้องไห้ออกมาดั่งสายฝน กอดฉีเฟยอวิ๋นไว้และร้องไห้ไม่หยุด
ฉีเฟยอวิ๋นค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา นางลืมตาขึ้นแล้วเรียกว่า:“ท่านพ่อ”
น้ำตาของแม่ทัพฉีหยุดลงอย่างกะทันหันและเงียบอยู่นาน เขารีบผลักฉีเฟยอวิ๋นออกมาดูใกล้ ๆ
“อวิ๋นอวิ๋น เจ้าเป็นคนหรือผี?”
ฉีเฟยอวิ๋นถูกเย้าหยอกอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก:“แน่นอนว่าเป็นคน!”
“หือ?” แม่ทัพฉีค่อย ๆ วางฉีเฟยอวิ๋นลงแล้วถามว่า:“ถ้าอย่างนั้นเมื่อกี้เจ้าก็ไม่ได้ถูกพิษจนตาย แม้แต่หมอหลวงก็ยังบอกเช่นกัน ตอนที่พ่อจับมือของเจ้าก็เย็น เจ้าทำให้พ่อตกใจแทบแย่”
ฉีเฟยอวิ๋นยิ้มและพยายามจะขยับ แม้ว่านางจะฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่ร่างกายของนางก็ผ่านบาดเจ็บสาหัสมาก และยังคงมีอาการปวดแสบปวดร้อนอยู่
“ท่านพ่อ ข้าถูกพิษ แต่ข้ากินยาถอนพิษลงไปก่อน ดังนั้นจึงไม่ตายได้ง่าย ๆ” เพื่อที่จะให้แม่ทัพฉีสบายใจ ฉีเฟยอวิ๋นจึงต้องพูดเช่นนี้
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าต้องพักผ่อนให้ดี พ่อจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า ไม่ว่าใครจะมา พ่อก็จะไม่อนุญาต” แม่ทัพฉีเริ่มตื่นตัวในทันที ราวกับโลกทั้งโลกจะทำร้ายฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ความรู้สึกที่มีท่านพ่ออยู่ช่างดีจริง ๆ
“ท่านพ่อ ข้าเหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อน แต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ข้ายังไม่วางใจ”
“เพื่อไอ้คนเลวนั่นอีกแล้วหรือ?” แม่ทัพฉีรู้สึกโกรธเมื่อนึกถึงหนานกงเย่ ในเมื่อไม่ชอบบุตรสาวของเขา ทำไมถึงยังจะมีลูก?หากวันหน้าแยกทางกัน บุตรสาวของเขาจะทำอย่างไร?
แม้ว่าแม่ทัพฉีจะโกรธ แต่เมื่อเห็นสีหน้าซีดเซียวของฉีเฟยอวิ๋นแล้ว ท่านแม่ทีพฉีก็ใจอ่อน และจัดการตามที่บุตรสาวบอกอย่างตรงไปตรงมา และกล่าวว่า:“พ่อล้วนแต่ฟังอวิ๋นอวิ๋น”
“ท่านพ่อ ข้ายังมียาอยู่ ท่านหาวิธีส่งไปให้ทังเหอ แล้วให้เขาเอาให้ท่านอ๋องเย่ เพื่อช่วยชีวิตท่านอ๋องเย่!”
แม่ทัพฉีรับยามา แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ทำเพื่อบุตรสาวของเขา
แม้ว่าทังเหอจะรับยาด้วยความงงงวย แต่เขาก็ยังใช้เงินจำนวนไม่น้อย เพื่อยุติความสัมพันธ์และส่งยาเข้าไป
ฉีเฟยอวิ๋นกลับมาพักฟื้นที่จวนของท่านแม่ทัพสองสามวัน ร่างกายของนางค่อย ๆ ดีขึ้น สามารถเดินไปมาได้ จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็เข้าไปในวัง และมีรายงานเรื่องที่ฉีเฟยอวิ๋นยังไม่ตาย
ข่าวแพร่กระจายออกไป หนานกงเย่ลุกมาจากเตียง
เขาจ้องมองตาเขม็ง ทักเหอก้มหน้าลง และหนานกงเย่ก็ถามว่า:“หญิงคนนั้นยังไม่ตาย?”
ทังเหอพูดอะไรไม่ออก สองสามวันที่ผ่านมาเขาไม่กินไม่ดื่มและไม่พูดอะไร แต่ในเวลานี้ กลับเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา?”
“ความลับในจวนท่านแม่ทัพไม่รั่วไหล เราจึงเพิ่งได้รับข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“เช่นนั้น น้ำมันตวนยู่วก็เป็นนางที่ส่งมา?” หนานกงเย่หรี่ตา เขาน่าจะรู้ตั้งนานแล้ว นางกล้าที่จะแกล้งตาย!นางไม่ยำเกรงต่อสิ่งใดเลยจริง ๆ!
“พ่ะย่ะค่ะ”
ทังเหอตอบตามความจริง หนานกงเย่หลับตาลง:“บอกให้นางมาคอยปรนนิบัติข้า!”
“……”
ทังเหอทำอะไรไม่ถูก:“ข้าน้อยจะลองดูพ่ะย่ะค่ะ”
ถึงอย่างไรนั่นก็คือท่านแม่ทัพใหญ่ และอาจจะไม่ฟังท่านอ๋อง ยิ่งไปกว่านั้นใครบ้างที่ไม่รู้ว่าท่านอ๋องเย่วางแผนจะกบฏ ท่านแม่ทัพฉีจะปล่อยให้บุตรสาวเข้ามาเกี่ยวข้องได้อย่างไร
ทังเหอไปเชิญฉีเฟยอวิ๋นที่จวนของท่านแม่ทัพด้วยตัวเอง
เดิมทีฉีเฟยอวิ๋นไม่อยากไป แต่เมื่อคิดว่าต้องหาโอกาสไปพบฝ่าบาทเพื่อที่จะชี้แจง
ยิ่งกว่านั้นเมื่อนางได้ยินว่าหนานกงเย่ให้มาตามนาง นางก็ไม่สามารถควบคุมความรู้สึกที่ทำให้ใจเต็นแรงได้ เธอจึงนำยาไปด้วยและเดินทางไปในวัง
บังเอิญว่าในตอนที่นางเข้ามาในวัง นางก็ได้ยินข่าวว่าพระชายาตวนก็กำลังจะเข้าไปในวังเช่นกัน และจะไปหาหนานกงเย่
ฉีเฟยอวิ๋นเดินตามทังเหอไปอย่าเงียบ ๆ รูปร่างของนางผอมเพรียวและขาวราวหิมะ และเดินบนหิมะอย่างไม่เร่งรีบ
ทังเหอก็รู้สึกประหลาดใจ เขารู้จักฉีเฟยอวิ๋นมาหลายปี เป็นเรื่องยากมากที่จะยอมรับว่าเมื่อพระชายาเย่เจอกับผู้หญิงคนอื่นแล้วจะเงียบอย่างในวันนี้
ทังเหอถามว่า:“ในเวลานี้พระชายารู้สึกอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ?”
ทังเหอถามด้วยความอยากรู้อยาก
ฉีเฟยอวิ๋นส่ายหัว::“ไม่รู้สึกอะไร”
ทังเหอตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ต่างกัน ต่างกันมากจริง ๆ มิน่าล่ะพ่อบ้านถึงได้บอกว่าพระชายาเปลี่ยนไปแล้ว
ต่างจากเมื่อก่อนที่ไปท่านอ๋องแล้วเอาแต่ร้องไห้และสร้างความวุ่นวาย ในวันนี้เงียบมากขนาดนี้ ยังรู้สึกไม่ชินจริง ๆ
ทังเหอพาฉีเฟยอวิ๋นไปที่ห้องโถงด้านข้างของพระที่นั่งบำรุงฤทัย นับตั้งแต่อ๋องเย่ได้รับบาดเจ็บ เขาก็รักษาตัวอยู่ที่นี่ตลอด ปราศจากคนที่ประจบสอพลอ และที่นี่ก็เงียบมาก
เมื่อมาถึงหน้าประตู ทังเหอก็เคาะประตู แต่ด้านในไม่มีใครตอบ
เมื่อคิดว่าพระชายาตวนอยู่ข้างใน ทังเหอจึงเชิญให้ฉีเฟยอวิ๋นรอก่อน ฉีเฟยอวิ๋นสงสัยว่าในเวลานี้ผู้หญิงคนนั้นจะมาทำอะไร?
**********************