องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ – บทที่ 41 ปลาที่พยายามจะกระโดดขึ้นมา

บทที่ 41 ปลาที่พยายามจะกระโดดขึ้นมา

 

 

 

 

 

บทที่ 41 ปลาที่พยายามจะกระโดดขึ้นมา

 

เมื่อมาถึงตำหนักเฉาเฟิ่ง ฉีเฟยอวิ๋นก็เงยหน้าขึ้นมองชื่อตำหนักเฉาเฟิ่งขนาดใหญ่บนหัว ไห่กงกงให้นางรออยู่ข้างนอก ไม่นานไห่กงกงก็ออกมาจากตำหนักเฉาเฟิ่ง และถ่ายทอดคำสั่งของพระพันปี จากนั้นก็พาฉีเฟยอวิ๋นเข้าไป

ก่อนที่จะเข้ามา ไห่กงกงได้แจ้งว่าวันนี้ที่ให้มาที่นี่ไม่ได้มีเรื่องอะไรที่ใหญ่มากนัก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย

หลายปีมาแล้วที่จักรพรรดิอวี้ตี้ทรงไม่มีผู้สืบทอด หลายวันที่ผ่านมาในราชสำนักก็ได้ปรึกษาหารือกันเรื่องนี้ และพระพันปีก็ทรงมีพระประสงค์ที่จะเลือกคนเข้ามาในวังหลังให้ฝ่าบาท และเป้าหมายสูงสุดคือการเลือกคนที่สามารถให้กำเนิดพระโอรสกับฝ่าบาทได้

ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกลำบากใจ และนางก็ไม่สบายที่จะต้องมาเจอเรื่องบ้า ๆ เช่นนี้

เดิมทีพระพันปีไม่สนเรื่องในราชสำนัก แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นการเข้าใจผิด ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สนใจมานานแล้ว และทรงประทับอยู่แต่ในตำหนักเฉาเฟิ่ง แต่เกรงว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหนานกงเย่จะทำให้พระพันปีทรงตื่นตระหนก และสิ่งที่นางทำในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้เสนาบดีเฉินตรวจสอบหนานกงเย่ บุตรชายคนเล็กของนาง

ถึงอย่างไรนางก็เป็นพระพันปี เป็นเวลาหลายปีแล้วที่นางไม่เคยถามถึงปัญหาเรื่องการให้กำเนิดพระโอรส มันต้องมีเหตุผลบางอย่าง แต่ที่ตอนนี้นางทำเช่นนี้ บางทีอาจจะมีเหตุผลที่สอง

ในเมื่อรู้สถานการณ์ของบุตรชายแล้ว หากไม่ยอมเข้ามาสอดแทรกเรื่องนี้ บุตรชายคนโตจากไปแล้วก็ยังมีหนานกงเย่บุตรชายคนเล็ก หนานกงเย่เป็นที่โปรดปรานมาโดยตลอด นางเป็นแม่ หากไม่เข้ามาช่วย เกรงว่าในตอนนี้คงจะเกิดเรื่องขึ้นกับหนานกงเย่ และนางก็ไม่สามารถนิ่งดูดายได้

การที่ปรากฏออกมา แน่นอนว่าสิ่งแรกคือการล้างแค้นให้บุตรชาย และเห็นได้ชัดว่าการคัดเลือกพระสนมให้จักรพรรดิอวี้ตี้ เป็นการหักหน้าเสนาบดีเฉิน

เมื่อฉีเฟยอวิ๋นเข้าใจสิ่งเหล่านี้แล้ว ฝ่าเท้าของนางก็เย็นเฉียบ การกระทำของพระพันปีช่างดุร้ายราวกับเสือ นางจึงเป็นกังวล วันนี้นางเป็นมือปืนที่รอการโจมตี

การคัดเลือกพระสนมให้ฝ่าบาท แล้วเรียกนางที่เป็นพระชายาเย่มาด้วย นางจะสงบจิตสงบใจได้อย่างไร?

“หม่อมฉันถวายบังคมเสด็จแม่เพคะ” หลังจากที่เข้าไปในตำหนักเฉาเฟิ่งแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็คุกเข่าลง

“ลุกขึ้นเถิด ไม่มีคนนอก วันนี้ที่เรียกเจ้ามาก็เพื่อที่จะพูดคุยและถามถึงเรื่องของเย่เอ๋อร์” พระพันปีกล่าวอย่างสงบนิ่ง ฉีเฟยอวิ๋นค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน

นางรู้ว่าถึงแม้จะเห็นแก่หน้าของหนานกงเย่ พระพันปีก็จะไม่ทำอะไรนาง

ถ้าจะจัดการก็คงให้บุตรชายของนางจัดการไปแล้ว

อีกอย่างในเมืองต้าเหลียงมีใครไม่รู้บ้างว่านางกับหนานกงเย่เหมือนน้ำกับไฟ

“ไห่กงกง เอาเก้าอี้มา ให้พระชาเย่ขึ้นมานั่ง” พระพันปีมองลงไปที่ข้าง ๆ ไห่กงกงรีบย้ายเก้าอี้ไปวางไว้ข้าง ๆ พระพันปีในทันที

ฉีเฟยอวิ๋นขอบคุณ และขึ้นไปนั่งข้าง ๆ พระพันปี

“ไม่เจอกันไม่กี่วัน รู้จักกฎระเบียบขึ้นมากนะ”

พระพันปีดูเหมือนจะหยอกล้อ ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเศร้าใจคอเหี่ยวแห้ง เห็นได้ชัดว่ากำลังเหน็บแนม

“กราบทูลเสด็จแม่ เมื่อหม่อมฉันกลับไปที่จวนอ๋องเย่ก็ได้รับคำสั่งสอนจากท่านอ๋องเพคะ ในสองสามวันนั้นหม่อมฉันถูกบังคับให้ท่องจำคำสอนของบรรพบุรุษ ตอนเด็กหม่อมฉันกลัวการท่องจำ ท่านอ๋องกล่าวว่าต่อไปหากหม่อมฉันไม่รู้จักกฎระเบียบอีก จะทรงลงโทษให้หม่อมฉันท่องจำ แน่นอนว่าหม่อมฉันไม่กล้าที่จะเพิกเฉย และทำตัวให้ดีเพคะ!”

“เหมือนกับสิ่งที่เย่เออร์ทำ เจ้าขาดสิ่งเหล่านี้ ในฐานนะพระชายาของอ๋องเย่ หากเจ้าไม่มีกฎระเบียบ คนที่จะขายหน้าก็คือคนในจวนอ๋องเย่ และแม้แต่ข้าเองก็จะขายหน้าไปกับเจ้าด้วย”

พระพันปีโบกมือ จากนั้นคนที่อยู่ข้าง ๆ ไห่กงกงก็ถอยออกไป และเหลือเพียงเขาที่อยู่รับใช้

ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าอะไรที่ควรมาก็ต้องมา

คนที่ทำให้จวนอ๋องเย่ต้องขายหน้า เป็นไปได้มากว่าอาจได้รับการให้อภัย และคนที่ทำให้พระพันปีต้องขายหน้าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ฉีเฟยอวิ๋นไม่กล้าคิดจริง ๆ ว่ามันจะดีหรือไม่ดีสำหรับนาง

“ต่อไปหม่อมฉันจะเชื่อฟังเพคะ และจะเรียนรู้เรื่องมารยาททุกวัน และฟังคำสอนของเสด็จแม่เพคะ”

พระพันปีเหลือบมองฉีเฟยอวิ๋น:“หากเจ้าสามารถประพฤติตัวดีเช่นนี้ได้ ข้าก็จะไม่ถือสาเอาความเจ้า แต่ข้ามีบางอย่างอยากให้เจ้าไปทำ หากเจ้าทำสำเร็จข้าจะมีรางวัลให้ แต่หากล้มเหลว แน่นอนว่าข้าก็จะไม่ไว้ชีวิตเจ้าเช่นกัน ”

ฉีเฟยอวิ๋นใจคอห่อเหี่ยว:“เรื่องที่เสด็จแม่ทรงสั่ง หม่อมฉันจะทำอย่างสุดความสามารถเพคะ แต่นอกจากหาเรื่องทะเลาะให้ผู้อื่นวุ่นวายแล้ว อย่างอื่นหม่อมฉันก็ไม่ค่อยดีเพคะ ไม่ทราบว่าเสด็จแม่จะให้หม่อมฉันทำอะไรเพคะ?”

“เจ้ามันไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ หาเรื่องทะเลาะให้ผู้อื่นวุ่นวายอะไรกัน?เมื่อครู่ข้ายังคิดว่าเจ้าฉลาดอยู่เลย ประเดี๋ยวเดียวก็เผยธาตุแท้ออกมาแล้ว ใจจริงแล้วเจ้าอยากจะให้ข้าโมโหหรือ?”

พระพันปีโมโหอยู่ครู่หนึ่ง แม่ทัพฉีให้กำเนิดบุตรสาวเช่นนี้ได้อย่างไร ช่างน่าโมโหเสียจริง!

“เสด็จแม่เพคะ เดิมทีหม่อมฉันทำอย่างอื่นไม่เป็น นอกจากการช่วยรักษาโรคให้ผู้อื่น”ฉีเฟยอวิ๋นแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา

พระพันปีไม่อยากจะสนใจว่านางพูดอะไร:“เอาล่ะ เจ้าไปน้อมทักทายฮองเฮาที่ตำหนักเฟิ่งอี๋เถอะ เพื่อเอาใจราชินี หากไม่เข้าใจกฎระเบียบก็ให้ไห่กงกงบอกเจ้า อย่าทำให้ข้าต้องขายหน้า ไปเถอะ”

“หม่อมฉันจะไปเดี๋ยวนี้เพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นและออกไปจากตำหนัก

และไห่กงกงก็ตามหลังออกมา และเรียกฉีเฟยอวิ๋น:“พระชายาเย่พ่ะย่ะค่ะ”

ฉีเฟยอวิ๋นหันกลับมาอย่างจนปัญญา:“ไห่กงกง”

“พระชายาเย่พ่ะย่ะค่ะ ความหมายของพระพันปีคือต้องการให้จวินเซียวเซียว คุณหนูรองตระกูลจวินเข้ามารับใช้ฝ่าบาทในวัง แต่พระพันปีต้องการจะรบกวนพระชายาเย่พ่ะย่ะค่ะ”

ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องดี

“กงกง ข้าไม่เข้าใจ ถ้าเสด็จแม่ต้องการให้คุณหนูรองตระกูลจวินเข้ามารับใช้ฝ่าบาทในวัง เหตุใดถึงไม่มีราชโองการไปที่ฮองเฮา ไม่ใช่ว่าเสด็จแม่มีอำนาจตัดสินใจในวังหลังหรือ?” ฉีเฟยอวิ๋นแสร้งทำเป็นไม่รู้

ใบหน้าของไห่กงกงเต็มไปรอยยิ้ม และไม่เห็นร่องรอยของการปิดบังเลยแม้แต่น้อย

“พระชายาเย่ พระพันปีทรงหมายถึงว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พระนางจะมีพระราชโองการ เรื่องในวังหลังยังคงต้องให้ฮองเฮาตัดสินด้วยพระองค์เอง พระชายาไปคราวนี้ แน่นอนว่าต้องให้ฮองเฮาตรัสเรื่องนี้ออกมาด้วยพระองค์เอง และไม่สามารถบอกถึงความตั้งใจของพระพันปีได้ ไม่เช่นนั้นก็จะส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองตำหนัก และไม่มีใครสามารถล่วงเกินได้”

“อ้อ้?” ฉีเฟยอวิ๋นแสร้งทำเป็นว่ายังไม่เข้าใจ แต่กลับด่าว่าในใจ นี่ก็ไม่ถือล่วงเกิน

ไห่กงกงส่ายหัว ดูเหมือนว่าการให้ถุงเท้าในวันนั้นจะเป็นความตั้งใจของท่านอ๋องเย่ เดิมทีสมองน่าจะว่างเปล่า เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ก็ไม่เข้าใจ!

“พระชายาเย่ ต้องตรัสกับฮองเฮาว่าคุณหนูรองตระกูลจวินเป็นวัยแรกแย้ม สง่างามเพียบพร้อม และชนะใจผู้คน แม้แต่พระพันปีก็ยังชื่นชมไม่ขาดปาก หากได้เข้ามารับใช้ฝ่าบาทในวัง แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องดี”

เพื่อให้เรื่องนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ไห่กงกงไม่สามารถดูแลฉีเฟยอวิ๋นได้แล้ว แม้ว่านางจะโง่เขลา แต่ต่อไปเขาจะดูแลนางให้มากขึ้น และได้รับความยากลำบากน้อยลง ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณให้กับถุงเท้าคู่นั้น

ฉีเฟยอวิ๋นขบขัน มันไม่ง่ายเลยที่จะเลี้ยงสุนัขแก่ จริง ๆ เลยเชียว

มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังคิดที่จะฆ่านางให้ตาย

ฮองเฮาไม่มีพระโอรสและพระธิดา นางเป็นที่โปรดปรานเพียงผู้เดียวในวังหลัง หากให้คุณหนูรองตระกูลจวินเข้ามา และยังเป็นเรื่องที่ดี นางยังต้องการมีชีวิตอยู่อีกหรือไม่?

แต่นางก็มีอำนาจมาก พระพันปีคอยบงการอยู่เบื้องหลัง จะทำอย่างไรได้?

“เช่นนั้นข้าไปก่อนนะ”

ฉีเฟยอวิ๋นหันหลังเดินไปที่ตำหนักเฟิ่งอี๋ ไห่กงกงนึกถึงเรื่องถุงเท้าคู่นั้นแล้วก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เขาเองก็จนปัญญาเช่นกัน!

เมื่อไห่กงกงหันกลับไปที่ตำหนักเฉาเฟิ่ง

“ไปแล้วหรือ?”

พระพันปีกำลังดูปลาอยู่ และในขณะที่ดูก็ถามไปด้วย ทรงเฉยเมยราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ไห่กงกงเดินไปข้างหน้าและก้มลงพูดเบา ๆ ว่า:“ไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“แม่ทัพฉีซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อฝ่าบาท ข้าเองก็รู้ดี แต่ข้าไม่ชอบปลาที่พยายามจะกระโดดขึ้นมา โดยเฉพาะปลาที่สวยและใหญ่ที่สุด ไม่ยอมแหวกว่ายอยู่ในอ่างให้ดี ๆ อยากที่จะกระโดดออกมา ได้แต่สงสารเจ้าปลาน้อยที่ยังไม่โตแล้ว”

พระพันปีหยิบอาหารปลาหนึ่งกำมือโยนลงไปในน้ำ จากนั้นปลาที่อยู่ในน้ำก็รีบมากินอาหาร การแย่งชิงเป็นไปอย่างดุเดือด

ไห่กงกงเหลือบไปมอง และเห็นพวกมันกำลังแย่งอาหารกันอย่างดุเดือด

“พระพันปีตรัสได้อย่างถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อพระพันปีหันหลังจากไปแล้ว ไห่กงกงก็ไปดูปลาในอ่างอีกครั้ง พวกมันตายกันหมดแล้ว

 

 

**********************

 

 

 

 

 

 

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท