Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 941

ตอนที่ 941

ตอนที่ 941 เสี่ยวอิ๋นขุ่นเคืองมาก
เสียงของหลินสวินแฝงแววไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ

ความจริงในใจเขาไม่ได้นิ่งสงบเหมือนภายนอก เขาคิดไม่ถึงว่าหลังจากกลืนราชันแมลงเม่าตัวหนึ่งเข้าไป หนอนกินเทพทั้งเก้าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่แค่ครั้งเดียว

และยังบ่มเพาะหนอนกินเทพพิเศษที่มีศักยภาพในการบรรลุสู่ราชันได้ตัวหนึ่ง!

ตามบันทึกของเคล็ดวิชาเร้นดาราควบคุมหนอน ความน่าจะเป็นที่จะเกิดเรื่องเช่นนี้เห็นได้ยากมาก แม้แต่ในอดีตยังเรียกได้ว่าหนึ่งในหมื่น

หนอนกินเทพที่พิเศษชนิดนี้ ยังถูกเรียกอีกอย่างว่า ‘ตัวอ่อนหนอนราชัน’ โดยทั่วไปจะพบตอนที่หนอนกินเทพวิวัฒนาการสู่ขั้นที่สามเท่านั้น

ตัวอ่อนหนอนราชันเผด็จการอย่างมาก มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ตอนที่ถือกำเนิดจะกลืนกินหนอนกินเทพตัวอื่นๆ ทั้งหมด แล้วหลอมเป็นศักยภาพแฝงอันเป็นเอกลักษณ์ของตน

อีกทั้งมันจะเริ่มตื่นรู้มีสติปัญญาอันเป็นอิสระ ราวกับราชันที่มีศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของตน ต่อต้านการเลี้ยงและสั่งการอย่างที่สุด

ในอดีตกาลก็เคยมีกรณีที่ตัวอ่อนหนอนราชันแว้งกัดเจ้าของมาแล้ว

ตอนแรกหลินสวินเองก็ไม่ได้เป็นห่วง เพราะในเคล็ดวิชาเร้นดาราควบคุมหนอนบันทึกวิชาการควบคุมและสั่งการโดยเฉพาะเอาไว้

แต่หลินสวินกลับคิดไม่ถึงเลยว่า ยังไม่ทันที่เขาจะเตรียมตัว เพียงแค่บรรลุสู่ขั้นที่สองเท่านั้น ในหนอนกินเทพเหล่านั้นก็ถือกำเนิดตัวอ่อนหนอนราชันตัวหนึ่งแล้ว!

นี่ทำให้หลินสวินไม่คาดคิดและค่อนข้างรับมือไม่ทัน ในใจอดกังวลไม่ได้ ตนอุตส่าห์เลี้ยงตัวอ่อนหนอนราชันได้ตัวหนึ่ง หากปล่อยให้มันหนีไปได้ เช่นนั้นก็เท่ากับว่าความพยายามทั้งหมดล้วนคว้าน้ำเหลว

……

วู้มๆ

หนอนกินเทพตัวนั้นยิ่งดูร้อนรนขึ้น ร่างสีเงินเข้มขนาดประมาณเม็ดงาแผ่คลื่นอันคลุมเครือเป็นระลอกๆ

จากนั้นเสียงอันอ่อนเยาว์ก็ดังขึ้นในห้วงนิมิตของหลินสวิน ‘นายท่าน ข้าไม่ได้อกตัญญู บุญคุณที่เลี้ยงดูสักวันจะตอบแทน ตอนนี้ศักยภาพแฝงในการบรรลุสู่ราชันของข้าได้ตื่นรู้แล้ว จะแสวงหาหนทางกลายเป็นราชันด้วยตัวเอง หาใช่การทรยศไม่’

‘เหลวไหล!’ หลินสวินเหยียดหยาม ‘สุดท้ายก็แค่พวกทรยศ’

‘นายท่าน นับรบฆ่าได้หยามไม่ได้ เอาคำว่าทรยศมาดูหมิ่นศักดิ์ศรีของข้าได้อย่างไร’ หนอนกินเทพขุ่นเคือง แสดงออกว่าต่อต้าน

หลินสวินชะงัก พลันสัมผัสได้ว่านี่เป็นเจ้าตัวเล็กที่เย่อหยิ่งอย่างที่สุด ไม่ยินยอมอยู่กินแบบได้เปล่ากับตน จึงตั้งใจจะจากไปเพียงลำพัง

อีกทั้งเจ้าตัวเล็กยังให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีและเกียรติยศอย่างมาก ไม่ยอมให้ใครดูหมิ่น

‘เสี่ยวอิ๋น’

จู่ๆ หลินสวินก็ส่งเสียงถอนหายใจเบาๆ ‘จะว่าไป เจ้าก็ถือว่าเป็นหนอนที่ข้าเลี้ยงมากับมืออย่างยากลำบาก หากเจ้าจากไป ข้าย่อมอาลัยอาวรณ์และไม่เข้าใจอย่างมาก เจ้าเองก็ต้องเห็นใจ’

‘เสี่ยวอิ๋นหรือ นายท่าน ชื่อนี้ออกจะ…’ หนอนกินเทพขนลุกขึ้นมาระลอกหนึ่ง ราวกับรับไม่ได้ยิ่ง

‘อย่าเปลี่ยนเรื่อง ฟังข้าพูดก่อน’

หลินสวินมุ่นคิ้วก่อนจะเอ่ยเสียงทอดถอนใจ ‘เจ้าจะไปก็ได้ แต่ภายหลังก็อย่ากลับมาอีก นับจากวันนี้เราทั้งสองตัดขาดจากกัน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอีก ข้าจะถือซะว่าช่วยส่งเสริมเจ้าสักครั้ง ทำฝันการเป็นราชันของเจ้าให้เป็นจริง’

‘นายท่าน ข้า…’ หนอนกินเทพสับสนและลังเลมาก

หลินสวินถอนหายใจเบาๆ กล่าวว่า ‘ไปเถอะ เจ้าไม่ต้องไม่สบายใจ ไม่ต้องรู้สึกผิดและติดใจอะไร’

หนอนกินเทพหมดคำพูด จะให้มันไม่ต้องรู้สึกผิดและไม่ติดใจได้อย่างไร

‘นายท่าน ข้า…’ หนอนกินเทพสูดหายใจเข้าลึกๆ กำลังเตรียมจะตัดสินใจอะไรสักอย่าง

พลันเห็นหลินสวินชิงพูดขึ้นก่อน ‘ตอนนี้ยังมีเวลา เจ้าไม่จำเป็นต้องรีบตัดสินใจ เจ้าเพิ่งเสร็จสิ้นการเปลี่ยนแปลง ทำไมต้องเร่งรีบจากไปตอนนี้ สู้อยู่ต่อก่อน ทบทวนคำถามนี้ให้ถี่ถ้วน รอให้เจ้าคิดให้กระจ่างก่อนค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย’

คำพูดจริงใจและอ่อนโยน เหมือนคำเตือนที่เอาใจใส่และรอบคอบของผู้ใหญ่

หนอนกินเทพอึ้งงัน ตะลึงไม่น้อย ไม่เข้าใจว่าหลินสวินมีกลอุบายอันใด คำพูดที่พูดออกมาพาให้ลังเลเกินไปแล้ว!

‘นายท่าน เช่นนั้น…’ หนอนกินเทพรู้สึกว่าในหัวตนสับสนจนพันกันหมด สติที่เพิ่งตื่นรู้ขึ้นมาก็เลอะเลือนขึ้นบ้างแล้ว

‘เสี่ยวอิ๋น อยู่ต่อก่อนเถอะ รอให้เจ้าไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อน ข้าจะให้อิสระที่เจ้าต้องการ’ น้ำเสียงของหลินสวินแฝงความหวัง

‘ได้!’ สุดท้ายหนอนกินเทพก็กัดฟันตอบตกลง

หลินสวินดีใจ ยังไม่ทันที่เขาจะอ้าปากพูด หนอนกินเทพก็ยื่นข้อเสนอหนึ่งอย่างครัดเคร่ง ‘ข้ามีเงื่อนไขหนึ่ง’

‘ว่ามา’

‘ต่อไปอย่าเรียกข้าว่าเสี่ยวอิ๋นอีก!’ หนอนกินเทพพูดออกมาทีละคำ นี่มันชื่ออะไรกัน น่าเกลียดเกินไปแล้ว!

หลินสวินผงะ ยิ้มพูด ‘ได้สิ… ไม่มีปัญหา!’

ในเวลาเดียวกันหลินสวินก็เรียกจิตรับรู้คืนมา และเพิ่งจะสังเกตเห็นว่า แม่นางเยวี่ยที่นั่งรินเหล้าอยู่ตรงหน้ากำลังมองตนด้วยสีหน้าที่แปลกประหลาด ราวกับมองคนโง่คนหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น…

หลินสวินใบหน้าร้อนผ่าว ตระหนักได้ว่าเมื่อครู่นี้ตนมัวแต่ ‘หว่านล้อม’ ให้หนอนกินเทพอยู่ต่อก่อน

แต่กลับลืมไปว่า การเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าเมื่อครู่นี้ของเขาอยู่ในสายตาของแม่นางเยวี่ยอย่างไม่ตกหล่น

“ขออภัย ข้ามีเรื่องด่วนต้องจัดการ วันหลังค่อยคุยดีหรือไม่” ในขณะที่พูดหลินสวินก็ลุกขึ้นยืน เขาไม่สนใจจะอธิบายแล้ว

“ก็ดี” แม่นางเยวี่ยท่าทางดูเข้าใจมาก

เพียงแต่หลินสวินเพิ่งออกจากประตูห้อง ก็ได้ยินเสียงหัวเราะที่กลั้นมานานของแม่นางเยวี่ยไล่หลังมา…

ในใจหลินสวินยิ่งอักอ่วน แค่คิดก็รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าเมื่อครู่นี้ของตน จะต้องสร้างความประทับใจอัน ‘ลึกซึ้ง’ ให้อีกฝ่ายอย่างแน่นอน

ขายหน้าจริง!

เพราะเสี่ยวอิ๋นตัวนี้ตัวเดียว!

หลินสวินโกรธจนแอบกัดฟัน

……

‘นายท่าน เหตุใดต้องขังข้าไว้ที่นี่’ เสี่ยวอิ๋นงุนงงอย่างมาก ทันทีที่มันกลับมาก็ถูกหลินสวินขังไว้ในห้วงนิมิต และใช้เคล็ดวิชาเร้นดาราควบคุมหนอนกำราบไว้

หลินสวินยิ้ม พูดอย่างอดทน ‘เจ้าไม่รู้สึกว่าเช่นนี้ยิ่งคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ อย่างใจเย็นได้ง่ายกว่าหรือ อย่างเช่นปัญหาเรื่องจะอยู่ต่อหรือจากไปของเจ้า’

‘แต่… เหตุใดข้าจึงรู้สึกเหมือนถูกขัง’ เสี่ยวอิ๋นพูดอึ้งๆ

หลินสวินลอบถอนหายใจ เจ้าเด็กโง่นี่ซื่อจริงๆ จนตอนนี้แล้วยังไม่รู้ตัว ยังจะเรียกร้องจะไปท่องโลกแสวงมหามรรคเพียงลำพัง ด้วยสติปัญญาเพียงเท่านี้ ไม่ถูกเอาเปรียบตายก็ถือว่าโชคดีแล้ว

‘เสี่ยวอิ๋น ข้าหวังดีกับเจ้า รอให้เจ้าคิดทบทวนเจตนาของข้าจนกระจ่าง หากเจ้าจะไป ข้าก็ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าอีกแล้ว’ หลินสวินท่าทางเหมือนอาจารย์ผู้เป็นตัวอย่างที่ดีคอยพร่ำสอน

‘นายท่าน!’ เสี่ยวอิ๋นขุ่นเคือง ‘ท่านสัญญาแล้วว่าจะไม่เรียกชื่อน่าเกลียดนั่นอีก! ท่านกลับไม่รักษาคำพูด’

‘อยากเปลี่ยนชื่องั้นหรือ ง่ายมาก รอให้คิดให้กระจ่างก่อน เจ้าจะชื่ออะไรก็ย่อมได้’ หลินสวินยิ้มอย่างอ่อนโยนและเป็นมิตร

เสี่ยวอิ๋นเงียบไปแล้ว มันเหมือนตระหนักได้ว่าสถานการณ์ผิดปกติ ครู่ใหญ่มันจึงแผดเสียงขึ้น ‘นายท่าน ท่านหลอกข้าตั้งแต่แรกใช่หรือไม่’

แต่กลับไม่มีคนตอบกลับมันอีก

หลินสวินได้ตัดสินใจแล้วว่าจะ ‘ให้บทเรียน’ เจ้าตัวเล็กนี่ กำจัดความเย่อหยิ่งของมันซะ ต่อไปจะได้ไม่คิดแต่จะออกไปท่องโลกเพียงลำพังเหมือนคนซื่อที่หัวอ่อน เกิดถูกเอาเปรียบขึ้นมาจะน่าอับอายแค่ไหน

‘นายท่าน ท่านใจร้าย ใจดำ เสแสร้ง ไร้ยางอายเกินไปแล้ว!’

ในที่สุดเสี่ยวอิ๋นก็มีปฏิกิริยาตอบกลับมาแล้ว เดือดดาลยกใหญ่ ในฐานะหนอนกินเทพที่มีศักยภาพแฝงในการบรรลุสู่ราชัน แน่นอนว่าไม่ได้โง่ มันแค่ไม่เคยผ่านความโหดเหี้ยมของใจคน การตอบสนองจึงดูช้ามากก็เท่านั้น

‘ท่านคอยดูเถอะ! หากข้าหลุดออกไปได้เมื่อไหร่ท่านจะต้องเสียใจ ขอโทษก็ไม่มีประโยชน์!’ เสี่ยวอิ๋นตะเบ็งเสียง

ไม่มีใครตอบรับ

‘ข้าๆๆ… ข้าไม่เคยเจอใครที่หน้าหนาขนาดนี้มาก่อน!’

ยังคงไม่มีคนตอบรับ

เสี่ยวอิ๋นแทบคลั่งแล้ว มันรู้สึกบอบช้ำมาก ตนเชื่อใจนายท่านขนาดนั้น อีกฝ่ายกลับไร้ยางอายและเลวทรามขนาดนี้ เพื่อรั้งตนเอาไว้ ถึงกับหลอกลวงตนอย่างแนบเนียน หน้าไม่อาย… หน้าไม่อายเกินไปแล้ว!

เสี่ยวอิ๋นเป็นหนอนกินเทพที่เย่อหยิ่งอย่างมาก ให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีและเกียรติยศอย่างที่สุด โดนหลอกเช่นนี้ทำให้มันอึดอัดจนแทบอาเจียนเป็นเลือด

ไม่คิดเลยว่ามันดันเจอนายท่านใจดำที่ไม่เดินไปตามลู่ทางที่ถูกต้อง พาให้คนโกรธรังเกียจยิ่ง!

‘เจ้ายังเด็ก ที่ข้าทำก็เพราะหวังดีกับเจ้า…’

นี่ก็คือความคิดของหลินสวิน เขาตัดสินใจเมินเจ้าตัวเล็กนี่ไปสักวันสองวัน ให้อีกฝ่ายทบทวนตัวเองอย่างใจเย็นก่อน

ไม่ว่าอย่างไร การ ‘รั้ง’ เสี่ยวอิ๋นไว้สำเร็จ ทำให้หลินสวินสบายใจและผ่อนคลายมาก

เขาตัดสินใจจะไปคุยกับแม่นางเยวี่ย

……

แม่นางเยวี่ยราวกับไม่แปลกใจที่หลินสวินจากไปไม่นานก็กลับมา นางนั่งอยู่ตรงนั้น ยื่นมือขาวผ่องออกไปหยิบกาเหล้าหยกสีเรียบรินใส่จอกเหล้าจนเต็ม จากนั้นจึงยิ้มถามว่า “หนอนกินเทพเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรใช่ไหม”

กลิ่นเหล้าหอมฟุ้ง แฝงกลิ่นหอมหวานอันเป็นเอกลักษณ์อบอวลอยู่ในห้อง

แม้แม่นางเยวี่ยจะดูป่วยกะปลกกะเปลี้ย แต่ทุกอิริยาบถทุกท่าทางกลับมีความสง่างามและผ่อนคลายอันเป็นเอกลักษณ์ ดูสวยงามน่ามอง

หลินสวินพูดอย่างแปลกใจ “แม่นางสายตาเฉียบแหลม ไม่มีเรื่องอะไรปิดบังท่านได้”

แม่นางเยวี่ยยกจอกขึ้นชนกับหลินสวิน จากนั้นจิบเหล้าชั้นเลิศสีอำพันที่โปร่งใสระยิบระยับคำหนึ่ง ค่อยยิ้มพูดว่า “คุณชายชมเกินไปแล้ว ข้าเพียงบังเอิญรู้เรื่องเกี่ยวกับหนอนกินเทพมาบ้าง รู้ว่าการจะเลี้ยงหนอนวิเศษบรรพกาลชนิดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย”

ทักทายกันคร่าวๆ ไม่รอให้หลินสวินหยั่งเชิง แม่นางเยวี่ยก็พูดเรียบๆ “คุณชายคงประหลาดใจมากว่าเหตุใดข้าต้องเลือกวิธีข้ามแม่น้ำพรมแดนเพื่อเดินทางไปแดนชัยบูรพา ง่ายมาก ข้ากำลังหลบภัย หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกไม่นานคนที่ตามฆ่าข้าก็จะตามมาแล้ว”

หลินสวินขานรับว่าอ้อ ก่อนจะพูดว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”

เขาพอจะเดาออกตั้งนานแล้ว จึงไม่ได้แปลกใจอะไร

“ตอนนี้สิ่งที่ข้าพอจะบอกคุณชายได้คือ ข้ามาจากแดนเร้นอริยะแห่งหนึ่งในแดนชัยบูรพา ส่วนคนที่ตามฆ่าข้ามาจากขุมอำนาจอาณาจักรโบราณแห่งหนึ่งในแดนชัยบูรพา”

ดวงตาคู่ใสของแม่นางเยวี่ยนิ่งสงบ เสียงแฝงความจริงจัง มองหลินสวินพร้อมเอ่ยว่า “ก็หมายความว่า แม้ข้ากับคุณชายจะอยู่บนยานลำเดียวกัน แต่ข้าไม่มีเจตนาร้ายใดๆ เพราะฉะนั้นคุณชายไม่จำเป็นต้องระวังและระแวงข้า”

พูดถึงตรงนี้นางพลันหัวเราะเยาะตัวเอง “ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยสภาพอ่อนแอของข้าในตอนนี้ แม้อยากทำร้ายคุณชายก็คงเป็นเรื่องเพ้อฝัน”

แดนเร้นอริยะ!

หลินสวินหัวใจสะท้าน ตั้งแต่เข้ามาในดินแดนรกร้างโบราณ นี่เป็นบุคคลจากแดนเร้นอริยะคนแรกที่เขาเจอ

ก่อนหน้านี้เขาเพียงเคยได้ยินเรื่องของสิงเจินจื่อ ผู้สืบทอดมหาวิหารธรรมที่ถูกเรียกเป็น ‘อนุสุขาวดี’ ในแดนเร้นอริยะ แต่ไม่เคยเจอกันจริงๆ

“แม่นางเยวี่ย ขอเสียมารยาทถามสักคำ เหมือนว่าท่านกังวลเป็นอย่างยิ่งว่าข้าจะเข้าใจท่านผิด” หลินสวินคล้ายขบคิด มุมปากแฝงรอยยิ้มบางๆ สีหน้าก็นิ่งสงบมากเช่นกัน

ผู้หญิงคนนี้ฉลาดเกินไปแล้ว สติปัญญาเฉียบแหลม อาศัยคำพูดเพียงสองสามคำไม่สามารถทำให้เขาเลิกระแวงได้

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท