องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ – บทที่ 245 เข้าวังไกล่เกลี่ย

บทที่ 245 เข้าวังไกล่เกลี่ย

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 245 เข้าวังไกล่เกลี่ย
อ๋องตวนลุกขึ้นเดินตามไป เขาพยายามจะหยุด แต่ที่จวนกั๋วกงมีผู้มีความสามารถมากมาย ในไม่ช้าพวกเขาก็เอาชนะอ๋องตวนได้ ท้ายที่สุดเมื่อสู้ไม่ได้ อ๋องตวนจึงต้องถอยกลับที่ห้องของอวิ๋นหลัวฉวน

ในขณะนั้นเอง ฉีเฟยอวิ๋นมองใบหน้าที่เดือดดาลราวกับกำลังจะระเบิดของอ๋องตวนด้วยความงุนงงสุดขีด “ท่านอ๋องตวน ข้าไม่เข้าใจ ในเมื่อท่านไม่ชอบพระชายารองอวิ๋น แล้วเหตุใดจึงยังยึดมั่นถือมั่นไม่ยอมปล่อย

จะมีประโยชน์กับพวกท่านทั้งคู่มิใช่หรือหากพวกท่านได้มีชีวิตที่แยกจากกัน”

อ๋องตวนหันมา “พระชายาเย่คงมีความสุขละสิที่เห็นความวุ่นวายเช่นนี้”

ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองอ๋องตวนอย่างเย็นชา “ท่านอ๋องตวน ข้าหวังดีนะ ไม่ได้จะกวนโมโหท่าน ถ้าท่านกับพระชายาตวนไปด้วยกันได้ดีย่อมเป็นเรื่องดี ถ้าทำไม่ได้ก็คือทำไม่ได้ พระสนมรองอวิ๋นเป็นคนจิตใจดี พวกท่านไม่รู้สึกผิดบ้างหรือที่ทำร้ายนาง”

อ๋องตวนไม่ตอบ เขาเดินไปนั่งที่ข้างเตียงและมองอวิ๋นหลัวฉวนที่ยังคงหลับใหลไม่ได้สติ

มองลำคอของนางซึ่งถูกเขากัดจนเป็นรอย นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่เขาบีบบังคับนางอยู่ท่ามกลางสายฝนด้วยความไม่สบายใจเลยแม้แต่น้อย

เหตุใดเขาจึงสับสนเช่นนี้ นางยังเด็กอยู่แท้ๆ!

“พระชายาเย่ ข้ามีเรื่องจะขอร้องท่านเรื่องหนึ่ง ท่านช่วยไปเหนี่ยวรั้งให้ข้าที ขอแค่ทำให้เรื่องนี้สงบลงได้ ข้ายินดีจะมอบเงินหนึ่งแสนตำลึงให้ท่าน”

อ๋องตวนแน่ใจว่าฉีเฟยอวิ๋นเห็นแก่เงิน

และเขาก็มีเงินมากมาย!

ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองอวิ๋นหลัวฉวนที่กำลังหลับอยู่บนเตียง “ข้าไม่ทำอะไรที่เป็นการทำร้ายผู้อื่น”

“พระชายาเย่วางใจได้ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปข้าจะปฏิบัติต่อพระชายารองอวิ๋นอย่างดี” ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกสะเทือนอารมณ์กับคำพูดของอ๋องตวน

ไม่ว่าอย่างไรการเลิกราก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าพอใจของทั้งสองตำหนัก ดังนั้นหากแยกทางกันไม่ได้และเกิดการเร่งรัด ทั้งสองตำหนักจะต่อต้านและแยกทางกันไม่ได้อยู่ดี

ในตอนแรกนางเคยก่อเรื่องวุ่นวายขนาดหนักเพราะอยากจะเลิกรา แต่สุดท้ายก็ต้องยุติไป

จะดูหมิ่นพระราชอำนาจอันสูงส่งได้หรือ ท่านอ๋องหย่ากับพระชายาได้ แต่จะถูกสั่งให้เลิกราได้อย่างไร!

ทั้งราชวงศ์จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?

ถ้านางออกหน้า อย่างน้อยก็ได้เอาใจพระพันปีและพระมเหสีหวา

ที่สำคัญคือนางจะได้เงินด้วย

ใครบ้างที่ไม่ชอบเงินเยอะๆ

หนึ่งแสนตำลึงไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ แต่เป็นกำไรมหาศาลเลยทีเดียว

“หนึ่งแสนห้าหมื่น” ฉีเฟยอวิ๋นเอ่ยโดยไม่ต้องคิด จะให้ก็ให้ ไม่ให้ก็ไม่ให้ ถึงอย่างไรนางก็ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้ว

“ก็ได้ หนึ่งแสนห้าหมื่น” อ๋องตวนตอบตกลงทันทีจนฉีเฟยอวิ๋นอดกังวลไม่ได้ ถ้าเขาหลอกนางล่ะ

“ลงนามไว้ด้วยเพคะ นอกจากนี้ยังต้องลงมัดจำไว้ก่อนด้วยหนึ่งแสนตำลึง” ฉีเฟยอวิ๋นเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ ทั้งหมดทั้งมวลก็คือนางไม่คิดจะช่วยโดยไม่ได้ผลประโยชน์

อ๋องตวนลุกขึ้นไปหยิบพู่กัน หมึกและกระดาษ จากนั้นจึงเขียนข้อความให้ฉีเฟยอวิ๋นว่า “ที่สำนักการเงินฮุ่ยเฟิงในเมืองหลวง ตั๋วเบิกเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง ข้ามีเงินและไม่ได้ติดหนี้เจ้า”

ฉีเฟยอวิ๋นหยิบมาดู บนตั๋วเงินมีเขียนไว้ว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงพร้อมกับลงชื่อคำว่าตวนเอาไว้

ฉีเฟยอวิ๋นส่งให้อาอวี่ “เราไปกันเถอะ”

ฉีเฟยอวิ๋นไม่คิดว่าหนานกงเหยี่ยนจะมีเงินมากมายขนาดนี้ นางสอบถามอาอวี่เกี่ยวกับเรื่องสำนักการเงินฮุ่ยเฟิงไปตลอดทาง แต่อาอวี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาเองก็รู้แค่ว่าอ๋องตวนทำการค้าและไม่เคยเสียเงินเลย ดังนั้นคนทั้งเมืองหลวงจึงรู้ว่าอ๋องตวนเป็นคนร่ำรวย

ฉีเฟยอวิ๋นลงจากรถม้าเมื่อมาถึงหน้าสำนักการเงินฮุ่ยเฟิง จากนั้นจึงเดินเข้าไปด้านในอย่างไม่รีบร้อน

เถ้าแก่ของสำนักการเงินฮุ่ยเฟิงเข้ามาต้อนรับฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นเรียกอาอวี่ให้นำตั๋วเงินมาให้ เถ้าแก่อ่านโดยไม่พูดอะไร จากนั้นจึงส่งตั๋วเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงให้ฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นกลัวว่าตั๋วเงินจะเป็นโมฆะจึงถามไปว่า “เถ้าแก่ ถ้าข้าโอนแล้วฝากไว้ พวกท่านจะรับหรือไม่”

“รับขอรับ” เถ้าแก่เป็นมิตรมาก

ฉีเฟยอวิ๋นถามอีกว่า “เช่นนั้นถ้าต้องการเบิกออกไปเป็นตัวเงิน ไม่ใช่แบบตั๋วเงิน พวกท่านต้องใช้เวลาเตรียมตัวนานแค่ไหน”

“ไม่ต้องเตรียมล่วงหน้าขอรับ เงินหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงเราใช้เวลานับเสร็จภายในครึ่งชั่วยาม”

“…..” ฉีเฟยอวิ๋นอิจฉาจวินฉูฉู่เหลือเกิน นี่นางเก็บของมีค่าอะไรมาได้เนี่ย

ใครว่าอ๋องตวนไร้ประโยชน์ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง

มีเงินแล้วจะต้องกลัวอะไร

“งั้นก็เอาเช่นนี้ ข้าจะฝากเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นไว้ ข้าคือพระยาชาเย่ ฉีเฟยอวิ๋นแห่งจวนท่านอ๋องเย่” ฉีเฟยอวิ๋นบอกที่มาที่ไปของตนเองเพื่อให้เถ้าแก่เปิดต้นขั้วตั๋วเงินของพระชายาแห่งจวนอ๋องเย่ เพื่อจะได้รับประกันว่าจะไม่เกิดความผิดพลาด ถึงจะอยากปฏิเสธความผิดพลาดก็ยังมีชื่อจวนอ๋องเย่มาอ้าง

แม้ว่าเถ้าแก่จะฉงนเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก นอกจากนี้ยังถ่ายโอนเงินให้ฉีเฟยอวิ๋นทันที

เมื่อรับต้นขั้วตั๋วเงินมาแล้วฉีเฟยอวิ๋นกับอาอวี่จึงออกไป

ฉีเฟยอวิ๋นกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้ง ในขณะที่อาอวี่เป็นกังวลมาก

“พระชายา ท่านเก็บเงินไว้ไม่ทำอะไรเช่นนี้ ถ้าท่านอ๋องตวนอยากได้เงินคืนจะทำอย่างไรล่ะขอรับ”

“ต่อให้เขาอยากได้ แต่ใครจะรู้เรื่องที่ข้าเอาเงินมา ใครเป็นคนทำถูก? เงินเก็บอยู่ที่สำนักการเงินของเขา ถ้าเขาปฏิเสธความรับผิดชอบ เราจะไปพังป้ายร้านของเขาซะ”

“…..” อาอวี่ตกใจ จะเอาแบบนี้เลยหรือ? นี่มันไม่ปลิ้นปล้อนไปหน่อยหรือ!

ฉีเฟยอวิ๋นเปลี่ยนอาภรณ์ออกมาจากจวนในตอนที่หนานกงเย่กลับมาพอดี

เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นสวมอาภรณ์สีม่วงทั้งชุด ดวงตาของเขาก็พร่ามัว “อวิ๋นอวิ๋นช่างงดงามเหลือเกิน!”

ฉีเฟยอวิ๋นไม่สนใจและเดินไปหยุดตรงหน้าเขา “ท่านยังสวมชุดขุนนางอยู่ เพิ่งจะเลิกเข้าเฝ้าหรือเพคะ”

“ข้าถูกฝ่าบาทเรียกไปคุยหลังจบการเข้าเฝ้าน่ะ”

“หม่อมฉันจะเข้าวังเพคะท่านอ๋อง”

“ทำไมรึ”

เมื่อเห็นท่าทางของหนานกงเย่ที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นจึงลากเขาไปในวังด้วยกันและเล่าเรื่องนี้ให้ฟังอย่างกระจ่างในระหว่างทาง

หนานกงเย่ถามว่า “คิดราคาหนึ่งแสนห้าหมื่น?”

อาอวี่ที่กำลังเร่งรถม้าหันกลับไปมองด้านใน มีพระชายาเป็นอย่างไรก็มีท่านอ๋องเป็นเช่นนั้น จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องที่ธรรมดามาก ไม่ต่างอะไรกับการที่กินอิ่มแล้วจะต้องนอนหลับ

แม้จะไม่เห็นอะไรเลย แต่อาอวี่ก็รู้สึกเหมือนเห็นภาพใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโลภของฉีเฟยอวิ๋น

ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า “หนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง”

หนานกงเย่เอนตัวไปด้านหลังและไม่พูดอะไร

ฉีเฟยอวิ๋นประหลาดใจ “มากไปหรือน้อยไปหรือเพคะ”

อันที่จริงฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย อ๋องตวนยังสบายใจอยู่ได้ หรือว่านางจะเรียกน้อยไป!

คนเราก็เป็นเช่นนี้ ต่างเกิดมาพร้อมกับความโลภ เมื่ออ๋องตวนมอบเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงให้นางมาง่ายๆ ฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกร้อนรุ่มในใจว่ามันควรจะเป็นสองแสนตำลึง

แต่นางก็รู้เหมือนกันว่าถ้านางออกปากไปว่าสองแสนแล้วอ๋องตวนให้มาสองแสน

นางจะต้องไม่พอใจแค่สองแสนอย่างแน่นอน

ดังนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงสงบจิตสงบใจลงได้

“ไม่น้อยนะ ถึงอ๋องตวนจะมีเงินมาก แต่เงินของเขาก็ใช่ว่าจะหยิบออกมาใช้ง่ายๆ” หนานกงเย่เหลือบมองฉีเฟยอวิ๋นและดึงมือของนางเข้ามา

“หมายความว่าคราวนี้ท่านอ๋องตวนเลือดตก?” ฉีเฟยอวิ๋นพิงตัวแอบอิงหนานกงเย่ หนานกงเย่ยกแขนขึ้นมาโอบนางไว้

“ก็เพื่อพระชายาตวน เพราะเรื่องนี้อาจจะทำให้เกิดเหตุร้ายขึ้นกับพระชายาตวนได้ ถ้าการใช้เงินเพียงเล็กน้อยทำให้เรื่องคราวนี้สงบลงได้ เรื่องเช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ไม่เสียหายอะไร” ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเช่นนั้น ทว่าตอนนั้นอ๋องตวนไม่ได้เอ่ยถึงพระชายาตวนเลยสักนิด นางเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน

แต่นางก็ยังรู้สึกด้วยว่าอ๋องตวนมีความรู้สึกดีๆ ให้อวิ๋นหลัวฉวน

หนานกงเย่ตบกล่อมฉีเฟยอวิ๋นเบาๆ “พักสักเดี๋ยวเถิด เมื่อมีกำลังวังชามากพอจะได้หาเงินได้”

ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้าและผล็อยหลับไป

ฉีเฟยอวิ๋นตามไปที่ตำหนักเฉาเฟิ่งหลังจากเข้ามาในวัง ซึ่งมีคนรอพวกเขาอยู่ที่ประตูพระตำหนักอยู่ก่อนแล้ว

ไห่กงกงรีบเข้าไปต้อนรับทันทีเมื่อเห็นทั้งสองคน ไห่กงกงกระซิบว่า “ท่านราชครูจวินและท่านฉีกั๋วกงอยู่ที่นี่แล้ว พระมเหสีหวาอยู่ด้านในและไม่รู้จะทำเช่นไร เวลานี้พระพันปีทรงลำบากพระทัยมาก

ฮูหยินกั๋วกงช่างบุ่มบ่ามเหลือทน!”

ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองหนานกงเย่นิดหนึ่ง ถามไห่กงกงว่า “พระพันปีว่าอย่างไร”

ไห่กงกงมองไปรอบๆ และกระซิบว่า “หย่าร้างไม่ได้เด็ดขาด!”

“เข้าใจละ” ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้าตอบรับ จากนั้นไห่กงกงจึงพาฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปข้างใน

หลังจากเข้าไปในตำหนักเฉาเฟิ่ง ฉีเฟยอวิ๋นก็เดินตามหนานกงเย่ไปทำความเคารพ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท