องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 248 อ๋องตวนอดกลั้นไว้
เมื่อรถม้ามาถึงจวนกั๋วกง ฉีเฟยอวิ๋นก็ไปหาอวิ๋นหลัวฉวน อวิ๋นหลัวฉวนตื่นแล้วและกำลังอาบน้ำอยู่
ประตูถูกปิดสนิทและด้านในมีเพียงอวิ๋นหลัวฉวน
ฮูหยินใหญ่เดินเข้ามาและเห็นว่าอ๋องตวนรออยู่ที่หน้าประตู เมื่อฮูหยินใหญ่เห็นเช่นนั้นแล้วก็ไม่พอใจ จึงเดินตรงกลับไปที่ที่พักของนาง
ฉีเฟยอวิ๋นเดินตามหนานกงเย่เข้าไปหาอ๋องตวน
“ท่านอ๋องตวน ทุกอย่างเป็นไปตามที่ท่านต้องการ การค้าขายเสร็จสิ้นแล้ว” ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวอย่างราบเรียบ
อ๋องตวนหันกลับมามองฉีเฟยอวิ๋นและถามว่า:“ฉูฉู่ล่ะ?”
“นางน่าจะตามท่านราชครูจวินกลับไปแล้วเพคะ”
ฉีเฟยอวิ๋นต้องการให้อ๋องตวนไปที่จวนราชครู แต่เขาหันกลับไปมองที่ประตูห้องของอวิ๋นหลัวฉวน และจ้องไปที่ประตูอย่างเหม่อลอย
“พวกเจ้าไปได้แล้ว” อ๋องตวนไล่ผู้คนออกไป
ฉีเฟยอวิ๋นเตรียมที่จะออกไป แต่ฮูหยินใหญ่ขอให้ฉีเฟยอวิ๋นอยู่ทานอาหารเย็นก่อนแล้วค่อยจากไป ดังนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงต้องรั้งอยู่ก่อน
อวิ๋นหลัวฉวนนั่งพิงอ่างอาบน้ำ นางปวดเมื่อยไปทั้งตัวและนอนอยู่ในนั้นสักพัก
หลังจากรออยู่ครึ่งชั่วยาม อ๋องตวนก็เรียก:“ฉวนเอ๋อร์”
อวิ๋นหลัวฉวนเผลอหลับไปและไม่รับอยู่นาน อ๋องตวนจึงดันประตู แต่ด้านในไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เขาจึงผลัประตูเข้าไป
อวิ๋นหลัวฉวนขยับตัวและรู้สึกเย็นที่ด้านหลัง นางจึงหันกลับไปมอง และหนานกงเหยี่ยนก็เข้ามา เมื่อเห็นว่านางอยู่ในน้ำ หนานกงเหยี่ยนจึงหันหลังกลับไป
อวิ๋นหลัวฉวนกรีดร้อง
ฉีเฟยอวิ๋นนั่งด้านนอกและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแสบแก้วหู
หนานกงเย่นั่งจิบชาอยู่ข้าง ๆ :“จงใจ?”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่สนใจเขา
แต่ความจงใจนั้นเป็นความจริง นางแค่รู้สึกว่าอ๋องตวนแปลก ๆ
หากบอกว่าเปลี่ยนเป็นรักก็อาจจะเร็วไปหน่อย แสดงว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น!
แต่ในเวลานี้ฉีเฟยอวิ๋นก็ไม่ดูไม่ออก
จวินฉูฉู่ถูกนำตัวกลับไปที่จวนราชครู และถูกโยนเข้าไปในคุกใต้ดิน
คุกใต้ดินเป็นสถานที่คุมขังนักโทษ จวินฉูฉู่ไม่เคยเข้าไป และครั้งนี้ก็ทำให้นางตกใจเป็นอย่างมาก บนพื้นเต็มไปด้วยหนูแลโครงกระดูกมากมาย
กระดูกเหล่านั้นสยดสยองน่ากลัว และล้วนแต่เป็นโครงกระดูกมนุษย์
จวินฉูฉู่อยู่ในคุกใต้ดิน นางตกที่นั่งลำบากและไม่มีคนช่วยเหลือ
ไม่มีใครในจวนราชครูสนใจความเป็นความตายของจวินฉูฉู่ เมื่อนางถูกโยนเข้าไปในคุกใต้ดินก็ไม่มีใครถามข่าวคราวของนาง
ฉีเฟยอวิ๋นทานอาหารที่จวนกั๋วกง อ๋องตวนและอวิ๋นหลัวฉวนนั่งตรงข้ามกับนาง แต่อวิ๋นหลัวฉวนเอาแต่ก้มหน้า ในขณะที่อ๋องตวนนั้นเป็นปกติมาก
วันนี้มีคนมากินน้อยมาก อ๋องตวนและอวิ๋นหลัวฉวน ฉีเฟยอวิ๋นและหนานกงเย่ ฮูหยินใหญ่และฉีกั๋วกง พวกเขาทานอาหารอยู่ในจวนและไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก แต่วันนี้ค่อนข้างพิเศษ
อวิ๋นหลัวฉวนก้มหน้าตลอดเวลา อย่างกับว่าเป็นภรรยารองที่ไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้
แก้มของนางแดงราวกับแอปเปิล และก้มหน้าก้มตาทานอาหาร
อ๋องตวนก็ดูผิดปกติ เขาทานอาหารและคีบเนื้อชิ้นหนึ่งให้อวิ๋นหลัวฉวน
อวิ๋นหลัวฉวนมีหน้าที่กิน และเขามีหน้าที่คีบอาหารให้
หลังจากทานอาหารเย็นแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นก็เตรียมจะจากไป แต่ฮูหยินหญ่ก็รั้งนางไว้ และต้องการจะพูดคุยกับนาง ฉีเฟยอวิ๋นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอยู่ก่อน
เมื่อจัดการห้องเรียบร้อยแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นกับหนานกงเย่ก็แยกกัน ฉีเฟยอวิ๋นไปพูดคุยกับฮูหยินใหญ่ และหนานกงเย่ก็ไปพูดคุยกับฉีกั๋วกง
กว่าทั้งสองจะได้พักผ่อนก็ดึกมากแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นพักอยู่ที่เรือนของอวิ๋นหลัวฉวน เมื่อเห็นว่าไฟในห้องของอวิ๋นหลัวฉวนยังเปิดอยู่
“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องตวนยังไม่จากไป?” ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจมาก
อ๋องตวนรักจวินฉูฉู่มากขนาดนั้น แต่กลับไม่ไปที่จวนราชครูและพักอยู่ที่นี่
“อืม”
ฉีเฟยอวิ๋นถูกพาไปที่ห้อง หลังจากที่ขึ้นไปบนเตียงแล้วก็ปิดไฟ
ฉีเฟยอวิ๋นคิดไม่ตก:“ท่านอ๋อง ท่านอ๋องตวนไม่ได้รักพระชายาตวนแล้วจริง ๆ หรือเพคะ?”
“ข้าจะรู้ได้อย่างไร?แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำให้จวนกั๋วกงมั่นคง เพื่อไม่ให้มีปัญหาใหม่เข้ามาสอดแทรก อ๋องตวนจึงต้องรั้งอยู่ที่จวนกั๋วกง” หนานกงเย่พลิกตัวกลับไปกอดฉีเฟยอวิ๋น และฉีเฟยอวิ๋นก็แนบชิดกับหนานกงเย่อย่างช่วยไม่ได้
“ท่านอ๋อง หรือว่าเกิดอะไรบางอย่างขึ้น แล้วทำให้สูญเสียความรู้สึกของตนเอง?” ไม่ใช่ว่าฉีเฟยอวิ๋นไม่เชื่อว่าอ๋องตวนกลับใจแล้ว แต่ใครเห็นเหตุการณ์นี้ก็ยากที่จะเชื่อ
หากอ๋องตวนยืนหยัดในความคิดของเขา นางก็พอจะสบายใจขึ้นนิดหน่อย
แต่ในเวลานี้ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าขายอวิ๋นหลัวฉวนเพื่อเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง ฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกไม่สบายใจ
หนานกงเย่ลูบท้องของนาง:“ข้างนอกมีผู้คนมากมายที่แย่งชิงแผ่นดินเพื่อหนานกงเย่ ขุนนางที่มีอำนาจคิดจะปกป้องบ้านเมือง มิอาจทำให้พวกเขาผิดหวังได้ และทำได้เพียงปลอบประโลมพวกเขา และการปลอบประโลมก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าการแต่งงานกับบุตรสาวของพวกเขา จึงจะทำให้พวกเขาวางใจได้
ประการแรกคือจะสามารถควบคุมพวกเขาได้ ประการที่สองคือเป็นการแสดงความใส่ใจต่อพวกเขา”
“เช่นนั้นหากวันหน้าเรามีบุตรชายก็ต้องเป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่เพคะ?” ฉีเฟยอวิ๋นตกใจ
หนานกงเย่ส่งเสียงอืม และสีหน้าของฉีเฟยอวิ๋นก็ทรุดลง:“แล้วหากหม่อมฉันให้กำเนิดบุตรสาว เมื่อแคว้นอื่นมารุกรานและต้องการจะแต่งงาน บุตรสาวของหม่อมฉันก็จะไม่โชคร้ายหรือเพคะ?”
“ฮึ บุตรสาวของข้า อ๋องตวนจะตีราคาให้ศัตรูได้อย่างไรกัน”
“……”
ฉีเฟยอวิ๋นถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรู้ว่าหนานกงเย่ไม่ได้โกหก แต่นางก็ยังเป็นกังวล
ฉีเฟยอวิ๋นพลิกตัวกลับไปกอดหนานกงเย่และกล่าวว่า:“เช่นนั้นมีบุตรชายจะดีกว่า”
“……”
หนานกงเย่พูดไม่ออก!
ตรงกันข้าม อวิ๋นหลัวฉวนยืนอึดอัดอยู่ในห้อง และอ๋องตวนนั่งอยู่บนเตียง
อวิ๋นหลัวฉวนส่งเสียงแหลมว่า:“เหตุใดท่านยังไม่ออกไปอีก?”
“คราวนี้จวนกั๋วกงยอมผ่อนปรนให้ หากข้าจากไปเช่นนี้ เกรงว่าจะต้องเข้าไปร้องเรียนในวัง คืนนี้จึงรั้งอยู่ที่นี่ก่อน”
“แล้วข้าจะไปอยู่ที่ไหน?” อวิ๋นหลัวฉวนสับสน นี่เป็นห้องของนาง แต่เขานั่งอยู่บนเตียง แล้วนางควรทำอย่างไร?
“เจ้านอนข้างใน ข้านอนข้างนอก”
“เช่นนั้นข้านอนบนพื้น” อวิ๋นหลัวฉวนเป็นสตรีที่กล้าหาญและไม่ใส่ใจเรื่องเช่นนี้
นางเดินไปหยิบผ้าห่ม แล้วกำลังจะโยนลงไปที่พื้น แต่อ๋องตวนก็จับมือนางไว้ แต่อวิ๋นหลัวตกใจจนมือสั่น ราวกับว่าโดนน้ำร้อนลวก
อ๋องตวนจึงปล่อยมือ นางถอยหลังไปและกอดผ้าห่มไว้ด้วยความกลัว และมองดูอ๋องตวนอย่างน่าสงสาร
สีหน้าของอ๋องตวนดูมืดมน:“ข้าไม่ต้องการให้คนในจวนกั๋วกงรู้ว่าข้ารังแกเจ้า”
อวิ๋นหลัวฉวนมองไปที่เตียงอย่างหงอยเหงาเศร้าซึม
นางพันผ้าห้มไว้แน่นลำตัว
อ๋องตวนถอดเสื้อคลุมออกทีละตัว และกำลังจะลุกขึ้นไปหยิบเสื้อด้านในที่เตรียมไว้มาสวมอย่างช้า ๆ
อวิ๋นหลัวฉวนทนดูไม่ได้ นางจึงหันหลังกลับไป จากนั้นก็เปิดผ้าห่มแล้วขึ้นไปนอนบนเตียง
เดิมทีนางกลัวว่าจะถูกอ๋องตวนเปลื้องผ้าจนหมดอย่างช้า ๆ
อวิ๋นหลัวฉวนอดไม่ได้ที่จะบ่นว่า:“ท่านเป็นบุรุษ เหตุใดจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าชักช้าเช่นนี้ หากต้องออกไปสู้รบข้างนอก แล้วท่านสวมเสื้อผ้าเช่นนี้ กว่าท่านจะสวมชุดเกราะเสร็จก็คงจะถูกโจมตีไปนานแล้ว”
อ๋องตวนหันหน้าไปมองอวิ๋นหลัวฉวนอย่างช้า ๆ และพบว่าหญิงสาวผู้นี้พูดจาแปลก ๆ
“ข้าเป็นท่านอ๋อง ไม่จำเป็นต้องไปสู้รบ อีกอย่างนี่ก็เป็นเสื้อด้านใน ไม่มีอะไรต้องเร่งรีบ แล้วเหตุใดต้องใจร้อนด้วย?”
“ก็ถูก บุรุษที่ดีมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง มีหน้าที่รับผิดชอบต่อความเป็นตายของเเผ่นดิน และท่านอ๋องก็ควรจะมีส่วนร่วมในการปกป้องบ้านเมือง”
คำพูดของอวิ๋นหลัวฉวน ทำให้หนานกงเหยี่ยนใจลอยไปชั่วขณะหนึ่ง
เป็นสตรีเหมือนกัน เหตุใดอวิ๋นหลัวฉวนกับจวินฉูฉู่จึงต่างกันมากเช่นนี้?
ฉูฉู่วางแผนทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว แต่อวิ๋นหลัวฉวนกลับทำทุกอย่างเพื่อส่วนรวม
“ข้าเหนื่อยแล้ว นอนเถอะ”
หนานกงเหยี่ยนหลับตาลง เขายังคงคิดถึงจวินฉูฉู่มาก แต่เขาก็อดกลั้นไว้