องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 324 เจ้าอีกาตัวใหญ่กินเนื้อได้
รถม้ามาถึงยังนอกเมืองตรงที่ห้าสิบลี้ก็หยุดลง ผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตอยู่บนพื้นดินและอาอวี่ก็ลงรถไปดูอยู่ครู่หนึ่ง ในเวลานี้ปู้เหวินและคนอื่นๆก็อยู่ตรงด้านหน้า ผู้คนถูกฆ่าตายจนเกือบหมดแล้ว แต่ว่าฝั่งตรงข้ามมีชายชุดดำเข้ามาสองสามคนซึ่งช่างเก่งกาจยิ่งนัก
พวกเขาเป็นเหมือนร่างอมตะ ต่อให้ถูกฆ่าเช่นไรก็ไม่ตายและบนร่างก็ไม่มีเลือดไหลเลย
พวกปู้เหวินได้หมดเรี่ยวแรงแล้วแต่ผู้คนฝั่งตรงข้ามกลับไม่ได้ล้มลงแม้แต่ผู้เดียว และพวกปู้เหวินในตอนนี้ก็ได้รับบาดเจ็บกันซะแล้ว เลือดที่ไหลออกมาเป็นเลือดที่ถูกพิษทั้งนั้นและเลือดทั้งหมดนั้นก็เป็นสีดำ
หนานกงเย่เปิดม่านเหลือบมองดู ฉีเฟยอวิ๋นเอียงศีรษะและเตรียมที่จะมองดู ผลก็คือลูกธนูบินดอกหนึ่งพุ่งตรงเข้ามาจากระยะไกล อาอวี่ไม่ได้เตรียมระวังไว้ ลูกธนูมาเร็วเกินไปและตำแหน่งของลูกธนูก็ยิงออกมาจากข้างหูของอาอวี่ การตอบสนองของอาอวี่คือหลบเลี่ยงไป นี่เป็นการตอบสนองของสัญชาตญาณความเป็นมนุษย์
ฉีเฟยอวิ๋นตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและในเวลาครู่เดียวนี้ หนานกงเย่ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วแล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อคุ้มครองฉีเฟยอวิ๋น มือขวาจับลูกธนูซึ่งพุ่งบินตรงมายังหัวใจ
แม้ว่าลูกธนูจะถูกคว้าไว้ได้ทว่าลมของลูกธนูก็ได้ผ่านเข้าไปในกาย
ฉีเฟยอวิ๋นเห็นได้ชัดว่าร่างของหนานกงเย่สั่นสะเทือนครู่หนึ่ง
“ท่านอ๋อง” มือทั้งคู่ของฉีเฟยอวิ๋นจับไหล่ทั้งสองของหนานกงเย่เอาไว้
หนานกงเย่ถอนหายใจอย่างโล่งอก: “ไม่เป็นไร”
ฉีเฟยอวิ๋นมองไปยังมือของหนานกงเย่ซึ่งมือของเขานั้นดำซะแล้ว
หนานกงเย่วางลูกธนูลงลุกขึ้นแล้วออกจากรถม้า ฉีเฟยอวิ๋นจับข้อมือของเขาทันทีและเริ่มตรวจก็พบว่าหนานกงเย่ถูกพิษแล้ว และร่างของเขาดูเหมือนว่าเส้นเลือดนั้นจะได้รับบาดเจ็บจนบางที่เริ่มบิดเบี้ยวบ้างแล้ว แต่เขายืนอยู่นอกรถม้าราวกับว่าไม่เป็นอะไร
เขามองไปโดยรอบ ดวงตาของเขาแหลมคมดังเหยี่ยว
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบยาถอนพิษเม็ดหนึ่งยัดเข้าไปในปากของหนานกงเย่เพื่อระงับพิษของเขาชั่วคราว
“ท่านอ๋องระวัง!”
ฉีเฟยอวิ๋นปวดใจเจียนตาย สายตาแปรเปลี่ยนเป็นอำมหิตเนื่องด้วยความโกรธ
นางมองไปโดยรอบและมองหาผู้ที่ลอบยิงทำร้ายผู้คน
เรื่องในวันนี้นั้นไม่ธรรมดา เพียงแค่คนของตระกูลเฉินหลบหนีไปเท่านั้น หากมิใช่ตระกูลเฉินสมคบคิดกับพวกกบฏก็คือพวกกบฏนั้นได้คาดคะเนเวลาที่พวกเขาออกมาได้แม่นยำเพื่อต้องการสกัดกั้นและสังหารพวกเขาที่นี่
ฉีเฟยอวิ๋นเพิ่งตระหนักในเวลานี้ว่าผู้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับพวกปู้เหวินนั้นร่างกายแข็งแกร่งพร้อมทั้งแววตาเฉื่อยชา
และเลือดที่ไหลออกมานั้นเป็นสีดำ มือของพวกเขาแตกต่างจากมนุษย์พร้อมทั้งด้วยกรงเล็บอันแหลมคม
ใต้เบ้าตานั้นเป็นสีดำ นัยน์ตาของพวกเขาเป็นสีขาวซะส่วนมากสีดำเป็นส่วนน้อย เห็นได้ชัดว่าถูกควบคุมเอาไว้
แต่การควบคุมเช่นนี้ฉีเฟยอวิ๋นเคยเห็นเพียงแค่ในโทรทัศน์ ดูราวกับว่าจะเป็นวิธีสะกดจิต สามารถใช้เข็มทองเข็มเงิน ตัวยาและจังหวะเสียงเพื่อควบคุมคนผู้หนึ่ง แต่ไม่ได้คาดคิดว่าจะได้พบเจอจริงๆ
“ท่านอ๋อง พวกเขาถูกคนควบคุมเอาไว้แล้ว!” ปู้เหวินกล่าวขึ้นมา หนานกงเย่เปิดหัวเข็มขัดออกจากเอวแล้วชักกระบี่อ่อนออกมา
ฉีเฟยอวิ๋นมองเขา: “ท่านอ๋อง นี่……”
“ไม่เป็นไร”
หนานกงเย่คว้าฉีเฟยอวิ๋นไว้แล้วก้าวเท้าเดินไปด้านหน้า
ฉีเฟยอวิ๋นจำต้องลดเข็มเงินลงมา
“อาอวี่ เจ้าระวังหน่อยอย่าขยับ” ฉีเฟยอวิ๋นสั่ง ในเวลานี้ไม่รู้ว่าศัตรูนั้นอยู่ที่ใด การกระทำที่หุนหันพลันแล่นก็เท่ากับเป็นการฆ่าตัวตาย
“พะย่ะค่ะ”
อาอวี่ไม่กล้าขยับแล้วมองไปโดยรอบ
พวกปู้เหวินนั้นอยู่ตรงหน้า ฉีเฟยอวิ๋นเดินไปถึงข้างกายคนผู้หนึ่งแล้วจับข้อมือของเขา ถูกพิษซะแล้วและพิษก็ได้เข้าสู่หัวใจ
ฉีเฟยอวิ๋นหยิบยาถอนพิษยัดเข้าไปในปากของปู้เหวินและพวก
เดินไปถึงตรงหน้าของพวกปู้เหวินหนานกงเย่กล่าวขึ้นว่า: “ปกป้องพระชายา”
พวกปู้เหวินรีบเดินไปยังตรงหน้าของฉีเฟยอวิ๋น แล้วล้อมฉีเฟยอวิ๋นเอาไว้ มือของฉีเฟยอวิ๋นคลายออกจากนั้นร่างของหนานกงเย่ก็แว๊บออกไปซะแล้ว เมื่อนางตอบสนองได้แล้วร่างที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ถูกล้อมไปด้วยคนกลุ่มหนึ่งและกำลังจัดการกับเขา
ฉีเฟยอวิ๋นเป็นกังวลชั่วขณะหนึ่งจึงได้พุ่งออกไป หนานกงเย่กล่าวอย่างโมโหว่า: “กลับไปซะ”
“ท่านอ๋อง……” ฉีเฟยอวิ๋นแทงเข็มหนึ่งลงไป ผู่ที่ราวกับคนตายที่มีชีวิตนั้นได้หันหลังกลับราวกับหินแล้วมองไปยังฉีเฟยอวิ๋น หนานกงเย่ถูกล้อมเอาไว้ เขาคว้าตัวคนผู้หนึ่งไว้แล้วใช้กำลังภายในจนคนผู้นั้นฉีกแยกออกในทันที
แต่ฉีเฟยอวิ๋นอยู่ในสถานการณ์อันตราย เขาเข้าไปช่วยก็สายเกินไปซะแล้ว
“อาอวี่”
อาอวี่ในเวลานี้ได้พุ่งไปหาฉีเฟยอวิ๋นแต่ก็ไม่ทันการ ฝ่ายตรงข้ามปีนป่ายด้วยฝ่ามือมาโดยที่ฉีเฟยอวิ๋นนนั้นไม่สามารถปัดป้องได้
แต่ในขณะที่หนานกงเย่คำรามด้วยความโกรธ ข้างกายถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ นกสีดำกลุ่มหนึ่งก็บินกระจายออกไปในทันใด ส่วนหนึ่งบังฉีเฟยอวิ๋นไว้พร้อมทั้งห่อหุ้มล้อมรอบนางจนเป็นรูปทรงไข่นกฟองหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็บินตรงไปยังคนตายคืนชีพซึ่งโจมตีฉีเฟยอวิ๋นอยู่ ครู่เดียวเท่านั้นก็เจาะทะลุทะลวงคนตายคืนชีพพรุนไปทั้งตัวเป็นวงใหญ่
นกยิ่งอยู่ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆกระทั่งเจาะทะลุทะลวงคนตายคืนชีพจนกระจุยเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยตกลงบนพื้น
ฉีเฟยอวิ๋นใบหน้าตกใจและหนานกงเย่ก็ยืนงุนงงอยู่ฝั่งตรงข้ามนาง
อาอวี่ตกใจจนยืนนิ่งอยู่กับที่โดยไร้ซึ่งการตอบสนอง
“กา……”
ด้วยเสียงร้องอันยาวฉีเฟยอวิ๋นมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและอีกาสีดำตัวใหญ่ตัวหนึ่งก็กระพือปีกอยู่เหนือศีรษะ
เป็นอีกา?
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เห็นอีกาตัวใหญ่เช่นนี้ ใหญ่เท่ากับไก่ตัวผู้ตัวหนึ่งเลยทีเดียว
หากว่าไม่ใช่ว่าไม่ถูกที่ถูกเวลานางคงจะเช็ดตาแล้ว
“ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง……”
เมื่อนึกถึงหนานกงเย่ฉีเฟยอวิ๋นก็เดินไปยังด้านหน้า อีกาดำบินกระจายออกจากกันจากนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงรีบเดินออกไป เมื่อเห็นหนานกงเย่ไม่เป็นไรนางจึงวางใจ แต่ก็เดินเข้าไปหาโดยทันที
หนานกงเย่กุมมือฉีเฟยอวิ๋นไว้ อีกาดำล้อมรอบพวกเขาสองคนเอาไว้ หนานกงเย่เห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นไม่เป็นไรแล้วมองขึ้นไปยังอีกาดำที่ล้อมรอบพวกเขาอยู่
“ช่างน่าทึ่งนัก อีกาดำคุ้มครองเจ้าจริงๆ”
“ช่างน่าทึ่งจริงๆ” ฉีเฟยอวิ๋นแตะที่ท้อง: “ควรจะขอบคุณลูกคนนี้ของท่าน”
หนานกงเย่ก้มหน้าเหลือบมองแว๊บหนึ่งแล้วก็รู้สึกโล่งใจ แม้ว่าจะไม่รู้ว่าในนี้เป็นสิ่งใด ไม่รู้ว่าใช่ในเทพนิยายที่ได้กล่าวไว้หรือไม่ ให้กำเนิดเทพสายฟ้าฟาดผู้มีปีก แต่ไม่ว่าเช่นไรก็เป็นลูกของเขาอย่างไรเขาก็ชอบทั้งนั้น
ฉีเฟยอวิ๋นเงยหน้าขึ้น: “ขอบคุณเจ้าแห่งอีกาที่ช่วยเหลือ”
อีกาดำบนท้องฟ้าส่งเสียงร้องกากาสองครั้ง เหล่ายามค่ำคืนหลบไปบ้างแล้ว แต่บางส่วนจู่ๆก็บินออกไป อีกาสีดำเหล่านั้นไปยังทิศทางเดียวกัน ฉีเฟยอวิ๋นมองไปตรงนั้นโดยรู้ว่าต้องเป็นสถานที่ที่ลูกธนูนั้นพุ่งบินมา
เมื่อวิกฤตสิ้นสุดลงฉีเฟยอวิ๋นถึงได้ถามหนานกงเย่ว่า: “ท่านอ๋องท่านรู้สึกเช่นไร?”
“สบายดี!”
หนานกงเย่กุมมือฉีเฟยอวิ๋นแล้วเหลือบมองขึ้นไป ยังเจ้าแห่งอีกา: “ในเมื่อเจ้าแห่งอีกามาแล้ว หรือไม่ก็ช่วยข้าจับโจรผู้ร้ายเหล่านั้นให้ได้?”
เจ้าแห่งอีกาส่งเสียงร้องกากาสองครั้งแล้วเกาะลงไปบนไหล่ของหนานกงเย่ ไหล่ของเขาทรุดลงพร้อมทั้งกดลงไป แต่เขาก็รีบยืนขึ้นอย่างมั่นคง
ฉีเฟยอวิ๋นยอมใจซะแล้ว คนผู้นี้ช่างหน้าหนาเสียจริงๆ!
ในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้ก็ถือว่าตนเองเป็นเจ้านายซะแล้ว
เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าเป็นลูกน้องของลูกชายของเขา
“กากา……” อีกาดำร้องสองครั้ง หนานกงเย่สัมผัสได้ว่ากำลังพูดคุยกับเขา แต่เขาไม่รู้ว่าอีกาดำพูดสิ่งใด เขามองไปยังฉีเฟยอวิ๋นทำให้ฉีเฟยอวิ๋นนั้นทำสิ่งใดไม่ถูกอยู่บ้าง
“ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะมีไหวพริบทางภาษาเป็นอย่างดี ถึงได้รู้ว่าเขากำลังคุยกับท่านอยู่”
“การใช้ภาษาข้านั้นดีนัก เพียงแค่ยังไม่ยอดเยี่ยมมากเช่นนั้น เจ้าแห่งอีกาพูดสิ่งใด?”
“มันบอกว่าพวกมันยังไม่ได้กินเนื้อจึงอยากกินเนื้อ” ฉีเฟยอวิ๋นยื่นมือไปและแตะหัวของเจ้าแห่งอีกา จริงๆแล้วนี่คืออีกาธรรมดาตัวหนึ่งแต่มันตัวใหญ่มาก หากฆ่าเพื่อกินเนื้อน่าจะได้ห้าหกชั่ง ผู้ใดจะเคยเห็นอีกาตัวใหญ่ขนาดนี้กัน?
ดูเหมือนเจ้าแห่งอีกาจะรู้สึกไม่ค่อยดีนักจึงได้เคลื่อนตัวจากไหล่ขวาของหนานกงเย่ไปยังด้านหลังของหนานกงเย่จนเคลื่อนไปถึงฝั่งซ้ายของหนานกงเย่
ฉีเฟยอวิ๋นจู่ๆก็ยิ้มขึ้น: “เจ้ารู้จริงๆว่าข้าคิดสิ่งใดอยู่?”
“กากา……”
“ใช่หรือไม่?”
หนานกงเย่รู้สึกแปลกใจ: “พวกเจ้าพูดสิ่งใดกัน?”
ฉีเฟยอวิ๋นยิ้ม: “เมื่อครู่ข้าคิดว่ามันตัวใหญ่มาก กินเนื้อของมันน่าจะได้สักห้าหกชั่งแล้วมันก็เคลื่อนออกไป ข้าจึงหัวเราะ มันบอกว่ามีเรื่องใดน่าขำ มันอายุมากกว่าร้อยปีแล้วไม่อร่อยเลยสักนิด ข้าจึงบอกว่ามันรู้ด้วยว่าข้าคิดสิ่งใดอยู่ มันก็บอกว่าเจ้านายบอก ข้าบอกว่ามันตัวใหญ่มากกินเนื้อก็ได้สักห้าหกชั่ง ”
“อืม?”
หมายเหตุ
กระบี่อ่อน เป็นกระบี่น้ำหนักเบา พกพาสะดวก คาดแทนเข็มขัดได้
ชั่ง เป็นมาตราชั่ง หนึ่งชั่งมีค่าเท่ากับห้าร้อยกรัม