Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 948

ตอนที่ 948

ตอนที่ 948 เจตจำนงอริยะ
พวกโค่วซิงอึ้งค้างอยู่ตรงนั้นอย่างสิ้นเชิง

คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กหนุ่มที่เจ้าเฒ่าสากกะเบือเฒ่าไป่เฟิงหลิวฝากมา จะเป็นปีศาจไร้เทียมทานที่เก็บซ่อนความสามารถลึกล้ำขนาดนี้!

ก่อนที่ศึกนี้จะเริ่มขึ้น พวกเขาต่างรู้สึกหมดหวังเพราะพลังของคู่ต่อสู้แข็งแกร่งเกินไป

ราชันกึ่งระดับถึงหกคนกับกลุ่มมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติ เผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ใครจะไม่หมดหวัง

แม้พวกเขาจะเป็นนักผจญภัยที่เข้าออกในแม่น้ำพรมแดนตลอดทั้งปี แต่คนเถื่อนที่โหดเหี้ยมอย่างพวกเขากลับรู้ความสามารถของตนดี ว่าไม่เพียงพอจะเผชิญกับพลังระดับนั้นเลยสักนิด!

แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นกลับทำให้พวกเขาสงสัยในสายตาของตนครั้งแล้วครั้งเล่า ตะลึงจนขวัญหนีซ้ำไปมา

คุณชายหลินซย่าเพียงคนเดียวก็ต้านการกดดันของกลุ่มผู้แข็งแกร่งลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้ ช่างเหมือนเทพมารที่ไร้เทียมทาน สามารถพลิกผันสถานการณ์ได้!

ที่น่ากลัวที่สุดคือ ต่อสู้กันจนถึงตอนนี้มีราชันกึ่งระดับถึงสามคนถูกเขาสังหารอย่างแข็งกร้าว และมีลูกศิษย์มากกว่าครึ่งของลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ยังไม่ทันได้ดิ้นรนก็ถูกสังหาร เลือดสาดกระเซ็นคาที่!

หากไม่ใช่เพราะเห็นกับตา คงไม่มีใครกล้าเชื่อ

และตอนนี้ ในสายตาของพวกโค่วซิง หลินสวินเปรียบเสมือนเทพมารที่ไม่มีใครต้านทานได้ มีท่าทางผงาดผยองที่สามารถกำราบศัตรูทั้งปวงได้

แม่นางเยวี่ยเองก็ไม่สามารถนิ่งสงบได้ นึกถึงหลายเรื่องในชั่วขณะนี้

นึกถึงบุตรเทพแต่กำเนิดแห่งเผ่านกปี้ฟางที่ถือกำเนิดในแดนเร้นอริยะ

นึกถึงเด็กหนุ่มผู้ถือกำเนิดจากครรภ์แหล่งกำเนิดทองคำสวรรค์ประทานที่เคยได้เจอในสำนักเมื่อครั้งยังเด็ก ตอนนั้นแม้แต่ผู้อาวุโสในสำนักยังต้องเกรงใจและสุภาพต่อเด็กหนุ่มคนนั้นสามส่วน

นึกถึง…

ความคิดที่สับสนวุ่นวายเกิดขึ้น ปีศาจไร้เทียมทานแต่ละคนที่เคยสร้างรอยประทับลึกล้ำในความทรงจำให้กับแม่นางเยวี่ย ต่างผุดขึ้นมาเปรียบเทียบกับหลินสวินในตอนนี้

สุดท้ายนางได้ข้อสรุปที่ทำให้ตัวนางเองยังอึ้งไม่น้อย ตั้งแต่ต้นจนจบ กลับหาใครที่สามารถสยบหลินสวินอย่างง่ายดายไม่ได้เลย!

‘หรือว่า… เจ้าหมอนี่จะสามารถเทียบเคียงพวกสัตว์ประหลาดในแดนเร้นอริยะได้แล้ว…’ แม่นางเยวี่ยความคิดล่องลอย ดูเหม่อไปบ้าง

……

ในบริเวณนั้นการต่อสู้ยังคงดำเนินอยู่

เพียงแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นการขับเคลื่อนฝ่ายเดียว หลินสวินโคจรวิชาของตน ดาบหักลอดผ่านห้วงอากาศ กำลังโจมตีสังหารคู่ต่อสู้เต็มกำลัง

ฝั่งลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์เหลือราชันกึ่งระดับเพียงสามคนแล้ว เพียงแต่ตอนนี้พวกเขาต่างถูกฆ่าจนอกสั่นขวัญหนี จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้พังเกือบจะพังทลาย กำลังจะสิ้นหวังแล้ว

ตีหัวให้แตกพวกเขาก็ไม่กล้าเชื่อ ในสถานการณ์ที่พวกเขาได้เปรียบอย่างแน่นอน กลับแพ้ด้วยน้ำมือของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ทั้งยังแพ้อย่างราบคาบเช่นนี้!

ลูกศิษย์ลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ ยิ่งสุดจะรับได้ แต่ละคนต่างขาสั่น ตกใจจนขวัญเสียหนีเตลิดออกไป ตื่นตระหนกราวกับสุนัขไร้บ้าน เมื่อเทียบกับความโหดเหี้ยมเย็นชาก่อนหน้านี้แล้ว ราวกับเป็นคนละคน

ปัง!

ทันใดนั้นเสียงปะทะสะเทือนหูดังสนั่นขึ้น เตาหลอมเพลิงแดงที่อยู่ข้างๆ ราชันกึ่งระดับคนหนึ่งถูกดาบหักเฉือนจนแหลกละเอียด ระเบิดดังสนั่น ทำให้เขาได้รับผลกระทบไปด้วย ผมและเคราลุกไหม้ขึ้นมา

แต่สุดท้ายก็รอดชีวิต นี่ทำให้เขาหวาดผวาและอดรู้สึกโชคดีที่รอดจากความตายไม่ได้

เพียงแต่ยังไม่รอให้เขาดีใจ พลังหมัดสว่างไสวก็ทะลวงห้วงอากาศเข้ามา!

ตูม!

เขาเบิกตาโพลงโดยพลัน ในครรลองสายตาพลังหมัดนั่นราวกับขยายใหญ่ไร้ขีดจำกัด เต็มไปด้วยแสงมรรคอันน่ากลัวที่ทำให้ฟ้าดินยังสั่นสะเทือน ปั่นป่วนจักรวาล

นี่ ยังใช่พลังที่ผู้แข็งแกร่งระดับกระบวนแปรจุติสามารถมีได้อีกหรือ เด็กหนุ่มคนนี้เขา… เขาเป็นใครกันแน่

นี่ก็คือความคิดสุดท้ายก่อนตายของราชันกึ่งระดับคนนี้

จากนั้นเขาก็ถูกทำลายล้างด้วยพลังหมัดรุนแรง ร่างกายราวกับกระจกสีที่ระเบิดออก เนื้อเลือดกระจายในทันที

ราชันกึ่งระดับถูกฆ่าอีกคน!

หลินสวินในตอนนี้เส้นผมสีดำพลิ้วไหว บนใบหน้าหล่อเหลายังคงเรียบเฉย เสื้อผ้าเปื้อนเลือดอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

นั่นล้วนเป็นเลือดของศัตรู แดงสดเสียดตา ทั้งยังไม่เคยแห้ง ขับเน้นให้เขามีอานุภาพน่าหวั่นหวาด ราวกับเทพมารกระหายเลือด

“เจ้า…”

“น่าชังนัก!!!”

ชายชราที่เป็นหัวหน้าและราชันกึ่งระดับอีกคนเดือดดาลตาแทบถลน หางตาต่างกำลังหลั่งเลือด โกรธจนแทบคลั่ง ทั้งยังตกใจจนเย็นวาบไปทั้งตัว

ฝึกปราณจนถึงวันนี้ พวกเขายังไม่เคยสะบักสะบอมขนาดนี้มาก่อน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่คู่ต่อสู้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น! ทั้งยังเป็นเด็กหนุ่มที่มีพลังปราณระดับกระบวนแปรจุติขั้นกลางเท่านั้น!

“ตาพวกเจ้าแล้ว” หลินสวินก้าวย่างมา ชือน้ำแข็งที่ขาวดั่งหิมะปรากฏใต้เท้า เบิกทางให้เขา อานุภาพตะลึงโลก

เปิดฉากสังหารแล้ว เขาไม่คิดจะไว้ชีวิตแม้แต่คนเดียว

ตอนแรกที่เริ่มรบ เขาต้องการใช้การต่อสู้เคี่ยวกรำตนเอง กระตุ้นศักยภาพแฝงแห่งวิชายุทธ์ จึงยังไม่ได้ลงมืออย่างเด็ดขาดเสียที

ถึงขั้นพูดได้ว่า หากอีกฝ่ายไม่ได้เรียกกระบังปัญจเพลิงศักดิ์สิทธิ์ออกมาไวขนาดนั้น การต่อสู้ครั้งนี้อาจจะไม่ปรากฏภาพดังเช่นที่ปรากฏตรงหน้าไวขนาดนี้

พูดอีกนัยหนึ่ง ก่อนหน้านี้หลินสวินเพียงแค่ใช้พวกเขาเป็นหินลับมีดก็เท่านั้น

สำหรับเขาในตอนนี้ ราชันกึ่งระดับอาจจะแข็งแกร่งมาก แต่ขอเพียงแค่ไม่ใช่พวกที่วิปริตเกินไป ก็ไม่สามารถสยบหลินสวินได้จริงๆ

ต้องรู้ว่าตั้งแต่ตอนที่อยู่ในระดับหยั่งสัจจะขั้นสมบูรณ์ เขาก็เคยสังหารราชันกึ่งระดับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬกับมือมาแล้ว!

“แย่แล้ว…”

ชายชราที่เป็นผู้นำหน้าซีด เขาพยายามหนีเต็มกำลังแต่ก็ถูกเพ่งเล็งไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่สามารถหลุดพ้นได้ นี่ทำให้เขาตระหนักได้อย่างสิ้นเชิงว่า วันนี้มีความเป็นไปได้สูงมากที่ตัวเองจะตายที่นี่

เด็กหนุ่มระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งเองนะ!

ทำไมถึงแข็งแกร่งขนาดนี้

ชายชราจิตใจห่อเหี่ยวไร้ที่พึ่งจนแทบจะทรุดแล้ว

วู้ม!

ทว่าตอนนี้เอง จู่ๆ ในกระบังปัญจเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกเขาควบคุมก็ส่งพลังเจตจำนงที่น่ากลัวออกมา กว้างใหญ่ราวกับมหาสมุทร ทะลวงผ่านทั้งบนและล่างจักรวาล!

“ประทับเจตจำนงที่อริยะเสริมเพิ่มเข้าไปในสมบัตินี้!” สีหน้าของแม่นางเยวี่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ของบ้าๆ นี่อีกแล้ว!”

หลินสวินเองก็สีหน้าเคร่งขรึมลง โคจรขวดมหามรรคไร้ขอบเขตจนถึงขีดสุด ประกายแสงคลุมเครือเจิดจ้าไหลพรั่งพรู

ตอนนั้นหลังจากสังหารอวี่หลิงคง ในตำหนักอมตะก็เคยปรากฏพลังทำนองนี้มาแล้ว ทำให้หลินสวินได้รับผลกระทบรุนแรงที่ยากจะจินตนาการ

และตอนนี้ ในกระบังปัญจเพลิงศักดิ์สิทธิ์นี่กลับปลุกพลังเจตจำนงเสี้ยวหนึ่งของอริยะขึ้นมา ทำให้หลินสวินรู้สึกหวาดหวั่น

แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ กระบังปัญจเพลิงศักดิ์สิทธิ์นี่ไม่ได้เลือกที่จะเข่นฆ่า แต่แปรเปลี่ยนเป็นละอองแสงทั่วฟ้า พาผู้แข็งแกร่งลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นหนีกลับไป

ชายชราที่เป็นหัวหน้าดีใจมาก นี่เป็นการรอดจากความตายอย่างแน่นอน!

หลินสวินสีหน้าอึมครึม จะยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร พลันควบคุมดาบหักเข้าไปสังหาร

“ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!” ในกระบังปัญจเพลิงศักดิ์สิทธิ์ปรากฏเสียงกึกก้องยิ่งใหญ่ออกมา เย็นชาไร้อารมณ์ น่าตกใจราวกับผู้ครอบครองเก้าสวรรค์

ตูม!

ชั่วพริบตากระบังเพลิงศักดิ์สิทธิ์สว่างไสวราวกับสุริยันดวงใหญ่ ร้อนแรงและน่ากลัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ค่อยๆ หมุนท่ามกลางอากาศ สาดฝนเพลิงศักดิ์สิทธิ์นับหมื่น

เพลิงเขียวธาตุไม้อิก เพลิงขาวทองหลอม เพลิงดำวารีพิสุทธ์ เพลิงเหลืองแดนพิภพ เพลิงแดงสมบัติสุริยัน… หนาแน่นราวกับพายุรุนแรง ปกคลุมฟ้าดินทั้งผืน

อานุภาพนั่นน่าสะพรึงเกินไป แข็งแกร่งกว่าที่ชายชราคนนั้นใช้ไม่รู้เท่าไหร่!

พวกแม่นางเยวี่ยแข็งทื่อไปทั้งตัว เป็นใครก็คิดไม่ถึงว่าในสถานการณ์ที่หลินสวินกำลังจะได้รับชัยชนะ กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ขึ้น

พลังเจตจำนงของอริยะนั่น น่ากลัวไร้ขอบเขตอย่างชัดแจ้ง

ภายใต้การโจมตีนี้ กลัวว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันยังไม่กล้าปะทะ!

แต่สิ่งที่ทุกคนยากจะเชื่อคือ ในสถานการณ์ที่อันตรายถึงขีดสุดเช่นนี้ หลินสวินไม่ถอยกลับยังเดินหน้าพุ่งเข้าไป!

นี่…

พวกแม่นางเยวี่ยอึ้ง

ในสายตาของพวกเขา เงาร่างของหลินสวินถูกฝนเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้จำกัดท่วมท้นในชั่วพริบตา มองไม่เห็นอีก

แต่ไม่นานพวกเขาก็สังเกตเห็นว่า ฝนเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีที่สิ้นสุดนั่นหายไปด้วยความเร็วที่น่าตกใจ… ราวกับถูกเหวลึกกลืนกินไปอย่างไร้สุ้มเสียงอย่างไรอย่างนั้น

จากนั้นเงาร่างของหลินสวินก็ปรากฏท่ามกลางเพลิงศักดิ์สิทธิ์ราวกับภาพมายา ในฝ่ามือของเขา ขวดหยกมันแพะซึ่งยาวไม่กี่ชุ่นพรั่งพรูแสงมรรคที่แปลกประหลาดคลุมเครือ กำลังกลืนกินเพลิงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีซึ่งเทลงมาจากทั่วสารทิศ…

ชิ้ง!

ในเวลาเดียวกัน ดาบหักทะยานฟ้าโดยไม่กลัวเพลิงศักดิ์สิทธิ์อันน่าหวาดหวั่นนั่น ฟันลงบนกระบังเพลิงศักดิ์สิทธิ์

เสียงกึกก้องดังสนั่น ฟ้าดินต่างสั่นสะเทือน กระบังเพลิงศักดิ์สิทธิ์ส่งเสียงหึ่งๆ รุนแรง ส่ายไปมาอยู่กลางอากาศ ถูกโจมตีจนแทบจะร่วงหล่นลงมา

“เจ้าเด็กน้อย วันหลังค่อยจัดการเจ้า!” ในกระบังปัญจเพลิงศักดิ์สิทธิ์มีเสียงดุดันเคร่งขรึมดังขึ้นอย่างกราดเกรี้ยว

จากนั้นมันก็ทิ้งผู้แข็งแกร่งลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นเอาไว้ กะพริบไหวกะทันหัน ฉีกอากาศหายวับไป

เห็นได้ชัดว่า ประทับเจตจำนงอริยะนั่นกังวลว่ากระบังปัญจเพลิงศักดิ์สิทธิ์จะตกอยู่ในมือของหลินสวิน จึงหนีไปโดยที่ไม่สนใจผู้แข็งแกร่งลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นแล้ว!

เพราะเร็วเกินไป ทำให้ตอนที่หลินสวินจะเข้าไปสกัดก็ช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว

“เจ้าลัทธิ!”

พวกผู้แข็งแกร่งลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์อึ้งงันอย่างสิ้นเชิง เดิมทีคิดว่าจะรอดจากความตาย พ้นจากอันตรายแต่เพียงเท่านี้ ไม่คิดว่าสถานการณ์กลับพลิกผัน พวกเขาถูกโจมตีจนสิ้นหวังอีกแล้ว!

เจ้าลัทธิ?

หลินสวินหัวใจกระตุกวูบ เพิ่งจะตระหนักได้ว่าเจตจำนงอริยะที่ซ่อนอยู่ในกระบังปัญจเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ถึงกับมาจากเจ้าลัทธิแห่งลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์!

เขาไม่คิดอะไรมากไปกว่านี้ ดวงตาสีดำเย็นชามองไปทางผู้แข็งแกร่งลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทิ้ง

“เจ้า… เจ้า…” ชายชราที่เป็นหัวหน้ากลัวมาก ตกใจจนพูดไม่ออก ความคิดของเขาสับสนวุ่นวาย แม้แต่พลังเจตจำนงของเจ้าลัทธิยังทำอะไรเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้ นี่ทำให้เขารู้สึกไม่ดีไปทั้งตัว

หลินสวินไม่พูดพร่ำทำเพลง สำแดงผนึกป้าเซี่ยไปทั่วพื้นที่นี้ จากนั้นเปิดฉากสังหาร

ฟุ่บ!

ฟุ่บ!

ฟุ่บ!

ไม่มีความกังวลใดเลยสักนิด ท่ามกลางความสามารถอันน่ากลัวและการกำราบของดาบหัก แม้กลุ่มผู้แข็งแกร่งลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์จะดิ้นรนสุดความสามารถแล้ว ก็ยังทยอยถูกสังหารคาที่

“เจ้าหนุ่ม ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ด้วยการกระทำของเจ้าในวันนี้ ต่อไปจะต้องถูกลัทธิของข้าแก้แค้นอย่างนองเลือด!”

“ญาติมิตร สำนักของเจ้า… จะประสบเคราะห์เพราะเจ้า!”

ชายชราที่เป็นหัวหน้าส่งเสียงสาปแช่งอย่างอาฆาตแค้นจนแทบจะบ้าคลั่ง “เจ้าคอยดู คอย…”

พูดยังไม่ทันจบดาบหักก็ตวัดผ่านตัดศีรษะของเขา ร่างที่ไม่มีศีรษะร่วงลงและจมหายไปในแม่น้ำพรมแดนที่ม้วนตลบไม่หยุด

พื้นที่ทั้งแถบเงียบสงัด พวกของโค่วซิงตะลึงอึ้งค้างอยู่กับที่ ภาพที่เห็นก่อนหน้านี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!

กลุ่มผู้แข็งแกร่งลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่มาจากอาณาจักรอ้าวไหล กลับถูกหลินสวินโจมตีสังหารจนสิ้นโดยไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วด้วยซ้ำ แข็งแกร่งเกินไปแล้ว

จิตใจของแม่นางเยวี่ยเองก็ไม่สามารถสงบได้ พลิกตลบพลุ่งพล่าน

นางรู้ดีว่ารากฐานของลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งเพียงใด แต่กลับคิดไม่ถึงว่า แม้แต่กระบังปัญจเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่อานุภาพสะเทือนบรรพกาลยังทำอะไรหลินสวินไม่ได้ กลับเป็นฝ่ายถูกสังหารจนไม่เหลือซาก!

นี่จึงจะเป็นท่วงท่าแห่งเทพมารหลินใช่หรือไม่

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท