องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 365 ตายก็ไม่สำนึก
อวิ๋นหลัวฉวนเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาและยังอ่อนเพลียอยู่บ้าง ฉีเฟยอวิ๋นเกรงว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นกับนางจึงไปตรวจอาการให้นางซึ่งนางอ่อนเพลียเล็กน้อย
“ช่วงนี้ระวังหน่อยอย่าได้ขยับเขยื้อนมากนัก ร่างกายของท่านนั้นพิเศษเกรงว่าจะกระทบกระเทือนต่อครรภ์ท่าน”
“เช่นนั้นข้าจะอาศัยอยู่ที่นี่” อวิ๋นหลัวฉวนคุ้นเคยอยู่แล้วนางจึงต้องการอยู่ต่อ
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง ให้อวิ๋นหลัวฉวนอยู่ต่อในช่วงเวลานี้เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเท่าใด
“ไม่ใช่ว่าไม่ให้ท่านอยู่แต่ควรกลับไปยังจวนกั๋วกงน่าจะดีกว่า”
“ข้าไม่กลับไปหรอก จวนกั๋วกงมีสิ่งใดดี”
อวิ๋นหลัวฉวนไม่ยอมกลับไปแต่ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกว่า อวิ๋นหลัวฉวนไม่กลับไปเนื่องจากกลัวว่าคนในจวนกั๋วกงจะรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้
แต่หากอยู่ที่จวนอ๋องเย่แล้วเกิดสิ่งใดขึ้นมา พวกนางไม่สามารถรับผิดชอบไหวได้
“กลับไปที่จวนอ๋องตวนกับข้าและฮูหยินของพ่อบ้านยังต้องได้รับการดูแล สองสามวันนี้ไม่มีผู้ใดจัดการดูแลเรื่องในจวน”
หนานกงเหยี่ยนเดินไปยังเบื้องหน้าของอวิ๋นหลัวฉวน ก้มตัวลงแล้วอุ้มคนขึ้นมาเลย
ฉีเฟยอวิ๋นมองดูอวิ๋นหลัวฉวนออกไปทว่านางกลับไม่ได้เป็นกังวลมากนัก อย่างไรก็ตามตอนนี้จวินฉูฉู่ไม่สามารถเอาตนเองรอดได้ นางได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้นยังต้องได้รับการดูแลด้วยซ้ำ
ข้ามผ่านวันนี้ไปอย่างใจหายใจคว่ำ เป็นธรรมดาที่ฉีเฟยอวิ๋นต้องการพักผ่อนแล้ว
เพิ่งกลับไปก็ถูกหนานกงเย่พาออกไปโดยบอกว่าในห้องนั้นได้เคยให้อวิ๋นหลัวฉวนใช้แล้ว วันนี้ไปพักอาศัยอยู่ที่จวนท่านแม่ทัพ
หลังจากออกประตูไปทั้งสองคนก็ไปยังจวนท่านแม่ทัพ ตลอดทางฉีเฟยอวิ๋นไม่ได้ยินหนานกงเย่กล่าวเลยสักประโยคทว่าเมื่อมาถึงจวนท่านแม่ทัพ เมื่อพ่อตากับลูกเขยได้พบหน้ากันหนานกงเย่ก็ฟ้องเรื่องของฉีเฟยอวิ๋นเรื่องหนึ่ง
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่แม่ทัพฉีจะต่อว่าฉีเฟยอวิ๋นรอบหนึ่ง ฉีเฟยอวิ๋นนั่งอยู่ฝั่งหนึ่งด้วยความเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่านางกลับมายังเรือนมารดาก็เพื่อฟังหนานกงเย่ฟ้อง
เมื่อเห็นว่าพ่อตากับลูกเขยพวกเขานั้นพูดคุยกันอย่างไร้ความหมาย ฉีเฟยอวิ๋นจึงได้ลุกยืนขึ้นมาแล้วหันหลังออกจากโต๊ะอาหารเพื่อไปพักผ่อน
อาอวี่เฝ้าอยู่หน้าประตูตลอดแต่กลับหลับสนิทไปงีบหนึ่ง
อวิ๋นหลัวฉวนถูกบังคับให้กลับไปที่จวนอ๋องตวน อาศัยอยู่ในเรือนเซี่ยวเฟิงของนางและหนานกงเหยี่ยนก็พักอาศัยอยู่กับนางด้วย กล่าวให้น่าฟังอยู่พักฟื้นเป็นเพื่อนนางและยังจัดหมอสองคนมาให้นางใช้ซึ่งรับผิดชอบเรื่องบาดแผลของนางโดยเฉพาะ แต่อวิ๋นหลัวฉวนนั้นพูดเช่นไรก็ไม่ให้ผู้อื่นดูบาดแผลของนาง
“เจ้าแผลงฤทธิ์ บาดแผลสาหัสเช่นนี้เจ้าไม่ให้ดูต่อไปเกิดสิ่งใดขึ้นจะทำเช่นไร?” หนานกงเหยี่ยนตะโกนใส่นางโดยไม่รู้ว่าเหตุใดถึงได้โมโหเช่นนั้น เพียงแค่เห็นหน้าอันซีดเซียวของนางก็ทำให้เขาขุ่นเคือง
“ต่อไปจะเกิดสิ่งใดขึ้นก็เป็นเรื่องของหม่อมฉัน ไม่รบกวนท่านอ๋องมาสนใจหม่อมฉัน”
“สนใจเจ้า ข้าอยากจะให้เจ้า……” เอ่ยขึ้นมาไม่กี่คำเมื่อถึงตรงริมฝีปากก็ฝืนกลืนกลับลงไป ตามความเข้าใจของหนานกงเหยี่ยนหากเด็กสาวผู้นี้ได้ยินประโยคนี้คงลุกขึ้นจากออกไปเลย
อวิ๋นหลัวฉวนรอเป็นเวลานานก็ไม่เห็นรอได้สิ่งใดนางจึงถามว่า: “ท่านอ๋อง ท่านจะว่ากล่าวสิ่งใด?”
“ไม่ให้พวกเขาดูบาดแผลเช่นนั้น ข้าว่าวันนี้ก็เหนื่อยแล้วก็พักผ่อนกันเสียก่อน พรุ่งนี้ค่อยดูและข้าจะอยู่ต่อ”
อวิ๋นหลัวฉวนยังไม่ทันตอบสนองหนานกงเหยี่ยนก็ไปสั่งการต่อผู้อื่นแล้ว
หนานกงเหยี่ยนหันหลังกลับแล้วกล่าวว่า: “แม่นมคืนนี้ลำบากหน่อยนะพักอยู่ในห้องด้านนอก ส่วนตงเอ๋อร์เจ้าก็พักอยู่ตรงนั้นด้วย หากข้ามีสิ่งใดก็จะสั่งพวกเจ้า”
แม่นมเว่ยถวายความเคารพ: “ท่านอ๋องมีสิ่งใดก็เรียกบ่าว”
ตงเอ๋อร์เหลือบมองอวิ๋นหลัวฉวนและไม่ยอมจากไป จากนั้นได้หาที่ที่หนึ่งในห้องยืนอยู่
อ๋องตวนไม่สนใจพวกนางหันกลับมาปลดเสื้อตัวนอกออกก็ไปที่เตียง อวิ๋นหลัวฉวนใบหน้างุนงง: “ท่านอ๋อง……”
“หากปวดก็เรียกข้า ดาบนี้เจ้ารับแทนข้า หากข้าไม่สนใจกล่าวออกไปจะทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะ”
หนานกงเหยี่ยนหาเหตุผลขึ้นมาจากนั้นเปิดผ้าห่มออกแล้วนอนลงไปเลย
อวิ๋นหลัวฉวนก็อ่อนเพลียมากแล้วเช่นกัน เมื่อเห็นหนานกงเหยี่ยนนอนลงนางก็ขยับเข้าไปด้านในและปัดให้เรียบแล้วนอนลงไป
หนานกงเหยี่ยนหันศีรษะเหลือบมองใบหน้าอันซีดเซียวของอวิ๋นหลัวฉวน หันหน้าหนีแล้วหลับตาลงและสั่งว่า: “ให้หมอในจวนพักอยู่ในลานจวน ให้มารอรับคำสั่งได้ตลอดเวลาและจัดพ่อครัวในจวนเข้ามา ร่างกายฉวนเอ๋อร์ต้องได้รับการดูแล”
“เพคะ”
แม่นมเว่ยตอบรับแล้วจึงจากไป ในเวลานี้ก็เพื่อที่จะหลบหลีกแล้วยังได้นำตงเอ๋อร์ออกไปด้วย
ตงเอ๋อร์ไม่วางใจจึงได้เฝ้าอยู่ตรงหน้าประตู
แต่หมดหนทาง ตอนนี้อวิ๋นหลัวฉวนไม่ปวดและก็นอนหลับไปอย่างรวดเร็ว
อ๋องตวนได้ยินนางหายใจอย่างถี่จึงได้ลืมตาขึ้นมองนาง ยิ่งมองดูใบหน้านี้ก็ยิ่งโมโห ยิ่งโมโหก็ยิ่งนึกถึงจงชินอ๋อง
นึกถึงจงชินอ๋องก็อยากสังหาร!
หนานกงเหยี่ยนไม่มีใจที่จะสังหารผู้อื่นแต่พอนึกถึงจงชินอ๋องนั้นเขามี
หลังจากได้พักผ่อนสองสามวันอวิ๋นหลัวฉวนก็รู้สึกดีขึ้นมาก วันนี้เป็นวันที่สี่ที่หนานกงเหยี่ยนถอดเสื้อผ้าของนางออก นางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“บาดแผลสมานกันได้ดี ให้ตงเอ๋อร์เข้ามาไม่รบกวนท่านอ๋องแล้ว” อวิ๋นหลัวฉวนไม่ยอมถอดเสื้อผ้าและดึงเสื้อด้านในเอาไว้
หนานกงเหยี่ยนขมวดคิ้วเป็นคำว่า “ชวน” ที่มีสามขีดแล้วหารือว่า: “ข้าดูมาเป็นเวลาสี่ห้าวันแล้วไม่จำเป็นต้องให้ตงเอ๋อร์ดูแล้ว พันแผลเรียบร้อยแล้วก็นอนลง
ขณะที่กล่าวก็เปิดเสื้อผ้าบนไหล่ของอวิ๋นหลัวฉวนออก หนานกงเหยี่ยนมองไปยังไหล่ขาวเสมือนหยกของอวิ๋นหลัวฉวน
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าอย่าได้ไปต่อสู้ฆ่าฟันแล้ว เจ้านั้นเป็นสตรีมีบุรุษอยู่มากมายในโลกนี้ ไม่จำเป็นต้องสู้รบให้ชนะ”
“สตรีแล้วเป็นเช่นไร ก็สามารถสร้างผลงานให้เมืองต้าเหลียงได้เช่นกัน ตระกูลอวิ๋นของข้ามากด้วยสตรี” อวิ๋นหลัวฉวนไม่ชอบฟังหนานกงเหยี่ยนพูดจาเช่นนี้เป็นที่สุด รู้สึกว่าหนานกงเหยี่ยนนั้นดูถูกดูแคลนสตรี
หนานกงเหยี่ยนพันบาดแผลของอวิ๋นหลัวฉวนอย่างระมัดระวัง ขณะที่พูดคุยกับนางนิ้วก็สัมผัสผิวกายของอวิ๋นหลัวฉวน อวิ๋นหลัวฉวนไร้การตอบสนองทำให้หนานกงเหยี่ยนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ไร้การตอบสนอง?
จับแขนของนางแล้วสวมเสื้อผ้าให้นางเรียบร้อยจากนั้นหนานกงเหยี่ยนกล่าวว่า: “ข้าบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้ เช่นไรฉวนเอ๋อร์ก็เป็นพระชายารองของข้า จะลอยหน้าลอยตาได้เช่นไรยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการต่อสู้?”
“……”ไม่ชอบฟังอวิ๋นหลัวฉวนก็ไม่กล่าวแล้ว
จวินฉูฉู่คือหญิงในดวงใจของเขา ไม่ว่าจวินฉูฉู่จะทำสิ่งใดก็ตามเขาก็จะตามใจ นางแค่ต้องการรับใช้ชาติทำการต่อสู้ เขานั้นกลับขัดขวางเช่นนี้
อวิ๋นหลัวฉวนไม่กล่าวจู่ๆหนานกงเหยี่ยนก็รู้สึกอึดอัดใจ จ้องไปยังอวิ๋นหลัวฉวนต้องการประนีประนอม เมื่อนึกถึงว่าออกไปแล้วได้รับบาดเจ็บเขาจึงไม่ได้กล่าวสิ่งใด
ทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วหนานกงเหยี่ยนก็ไม่ได้จากไป อวิ๋นหลัวฉวนจึงได้เป็นกังวล ช่วงสองสามวันมานี้อยู่ที่นางนี่ดูแล้วรู้สึกอารมณ์ไม่ดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางดูแลครรภ์ หมอในจวนไม่ยอมให้นางลุกจากเตียงและหนานกงหยี่ยนก็นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมองดูท่าทางของนาง
“ท่านอ๋องมีธุระก็ไปจัดการก่อนได้”
หนานกงเหยี่ยนหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาดูแต่อ่านไม่เข้าหัว หนังสือทั้งเล่มเต็มไปด้วยท่าทางของอวิ๋นหลัวฉวนซึ่งดีใจเต็มหน้าที่ได้พบจงชินอ๋อง
เขายิ่งดูก็ยิ่โมโหมากขึ้น
อวิ๋นหลัวฉวนพูดจาเขาก็ไม่พอใจและโยนหนังสือทิ้งไป
อวิ๋นหลัวฉวนตกใจ: “เกิดสิ่งใดขึ้น?”
หนานกงเหยี่ยนลุกขึ้น เขาจะไปหาจงชินอ่อง
หันหลังกลับแล้วหนานกงเหยี่ยนก็ออกประตูไปและสั่งแม่นมเว่ยกับตงเอ๋อร์ว่า: “ดูแลฉวนเอ๋อร์ให้ดี”
อวิ๋นหลัวฉวนถอนหายใจอย่างโล่งอก หนานกงเหยี่ยนจากไปแล้วในที่สุดนางก็สามารถลุกจากเตียงได้แล้ว
ลักษณะท่าทางซึ่งต้องการจะลุกจากเตียงจนทำให้แม่นมเว่ยตกใจ กล่าวสิ่งใดแม่นมเว่ยก็ไม่ยอม
ตงเอ๋อร์ก็รั้งไว้ด้วย อวิ๋นหลัวฉวนลุกไปไม่ได้จึงต้องนอนลงบนเตียง
ดูเหมือนหมดอาลัยตายอยาก
สองสามวันนี้จวินฉูฉู่ดีขึ้นบ้างแต่หายใจไม่ออกอยู่เช่นนั้น นางอยู่ในจวนมีเด็กสาวเพียงผู้เดียวซึ่งนำมาจากตระกูลจวินเท่านั้น เด็กสาวผู้นี้สืบถามแล้วสืบถามอีก ตอนนี้อ๋องตวนพักอาศัยอยู่ในเรือนเซี่ยวเฟิง นอกซะจากวันนี้ที่ไม่อยู่วันอื่นนอกนั้นจะอยู่คุ้มครองพระชายารองอวิ๋นตลอด
จวินฉูฉู่ได้ยินก็รู้สึกขบขัน นางไม่เห็นอวิ๋นหลัวฉวนอยู่ในสายตาแต่กลับเกลียดเข้ากระดูก
ฉีเฟยอวิ๋นแย่งหนานกงเย่ไป ส่วนอวิ๋นหลัวฉวนกลับแย่งทุกสิ่งทุกอย่างจากนาง
นางเกลียดชัง!
“เตรียมเสื้อผ้ามา ข้าจะไปคารวะพระชายารองอวิ๋น”
จวินฉูฉู่ฝืนลุกขึ้นจากเตียงรอเปลี่ยนเสื้อผ้า
สาวใช้ไม่กล้าไม่ทำตามจึงวุ่นอยู่กับการหาเสื้อผ้าให้จวินฉูฉู่เปลี่ยน จวินฉูฉู่หยิบมีดเล่มหนึ่งใส่เอาไว้ในแขนเสื้อ
เดินถึงตรงหน้าประตู ผู้เฝ้าลานเรือนไม่ให้จวินฉูฉู่ออกไปจวินฉูฉู่จึงได้สังหารคนผู้นั้น
ผู้อารักขาถูกสังหาร สาวใช้ตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือดถอยหลังไปหลบซ่อนตัวอยู่ในลานเรือน จวินฉูฉู่หันกลับไปมองยังสาวใช้ สาวใช้หวาดกลัวจนรีบคุกเข่าลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว
“พวกไร้ประโยชน์” จวินฉูฉู่กล่าวจบก็หันหลังเดินจากไป สาวใช้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ มองดูจวินฉูฉู่เดินไปแล้วนางถึงได้กล้าลุกขึ้นมา ออกประตูแล้วก็วิ่งหนีไปเลย
จวินฉูฉู่แทบเอาชีวิตไม่รอดตลอดทางสุดท้ายก็สำเร็จ ในที่สุดก็มาถึงด้านนอกของเรือนเซี่ยวเฟิง
ตอนนี้นางรู้สึกว่าเกือบจะไม่ไหวแล้ว สองสามวันนี้มักจะรู้สึกว่าอยู่ใกล้ความตายแล้ว
นางไม่สามารถสังหารฉีเฟยอวิ๋นได้ แต่อวิ๋นหลัวฉวนนั้นไม่สามารถให้นางมีชีวิตอยู่ได้
เช่นนั้นถือเป็นความอัปยศอดสูต่อนางอย่างแท้จริง