องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 544 อาอวี่ไม่น่าเชื่อใจ
มือของฉีเฟยอวิ๋นลูบคลำไปที่หน้าอกของหนานกงเย่หลายครั้ง ทำไมรูปร่างของผู้ชายคนนี้ช่างดีเช่นนี้นะ?
หลังจากถูกวางลงฉีเฟยอวิ๋นก็พลิกตัวขึ้นไปนั่งบนร่างกายของเขา หนานกงเย่นอนลงและยกมือขึ้นมาประคองเอวของฉีเฟยอวิ๋น
หนานกงเย่ทำสีหน้าเย็นชาโกรธที่ตัวเองไม่สามารถสนองได้ รอไม่ได้จนต้องริเริ่มด้วยตัวเอง
เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเธอโกรธ
ไม่ยินยอม!
ผู้หญิงคนนี้มีดีอะไร?
ฉีเฟยอวิ๋นไม่พอใจกับการเบี่ยงเบนความสนใจของหนานกงเย่ เธอลงโทษเขาด้วยการบีบหนึ่งครั้ง สีหน้าของหนานกงเย่เปลี่ยนไปและกดมือลงที่หลังของฉีเฟยอวิ๋น และมืออีกข้างหนึ่งก็กดมือของเธอไว้ จากนั้นจึงพลิกตัวและสลับตำแหน่ง
ฉีเฟยอวิ๋นยังคงไม่สงบนัก เธอและผู้หญิงที่เมืองต้าเหลียงต่างกัน เธอเกิดในยุคสมัยที่ผู้หญิงและผู้ชายมีความเท่าเทียบกัน ความคิดของเธอก็คือผู้หญิงผู้ชายก็เหมือนกัน ถึงแม้จะเป็นเรื่องการหลับนอน
แต่หนานกงเย่กลับไม่คิดเช่นนั้น ผู้ชายต้องสูงส่งและผู้หญิงต้องต่ำต้อย เขาสามารถให้ทุกสิ่งที่เธอต้องการได้ ยกเว้นเพียงเรื่องนี้ที่หนานกงเย่เป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจเพียงผู้เดียว
ฉีเฟยอวิ๋นก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร ฉะนั้นจึงไม่คิดมาก ทุกครั้งที่ถึงจุดสุดยอด สุดท้ายก็ต้องปล่อยให้เขารู้สึกว่าเขาได้พิชิตผู้หญิงคนนี้ไว้ได้ ไม่ใช่ว่าถูกผู้หญิงคนนี้พิชิต
แต่ทุกครั้งที่ฉีเฟยอวิ๋นหลับไปก็รู้สึกพึงพอใจมากที่เธอสามารถได้ครอบครองสิ่งหนึ่งที่ผู้ชายจะต้องได้รับมัน และรวมไปถึงผู้หญิงทุกคนต่างใฝ่ฝันอยากจะได้มาครอบครอง
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ให้แต่เธอก็ไม่ลดละความพยายาม แต่เขามีความคิดแบบผู้ชายเป็นใหญ่และบ้าอำนาจ อีกทั้งจักรพรรดิในปัจจุบันก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา สำหรับเขาแล้วทั้งหมดนี้เขาได้ทุ่มเทไปหมดแล้ว
การถอยของเขาก็เพียงพอที่จะให้ผู้หญิงคนหนึ่งใช้ไปตลอดชีวิตแล้ว
ฉีเฟยอวิ๋นพอใจอย่างมากและโอบกอดหนานกงเย่ไว้ การแนบชิดอยู่ในอ้อมแขนของเขานี้รู้สึกอบอุ่นกว่าทุกครั้งราวกับหยกที่อ่อนโยน
หนานกงเย่กอดฉีเฟยอวิ๋นและกล่าวว่า “ตั้งแต่วันนี้ไปอย่าไปเจอเขาอีก เพื่อข้าจะได้ไม่ตื่นตระหนกจนอยากเอาศีรษะไปกระแทกเสาตาย”
“มู่เหมียนและหม่อมฉันบริสุทธิ์ใจ หรือท่านอ๋องจะยังคิดเรื่องนี้อย่างไม่ลดละเลยหรือเพคะ?” ฉีเฟยอวิ๋นไม่เข้าใจ ทำไมเขาถึงยังดื้นรั้นเช่นนี้นะ
เธอและมู่เหมียนเป็นผู้หญิงจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้!
“ข้าบอกว่าไม่เจอก็ไม่เจอ” หนานกงเย่รู้สึกโกรธขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นจึงลุกขึ้นมา
ฉีเฟยอวิ๋นเห็นว่าเขาเกือบจะทำให้เด็กๆ ตื่นขึ้น
จึงรีบดึงเขาลงไปนอนอีกครั้ง “ก็ได้ ท่านบอกว่าไม่ไปเจอก็ไม่ไปเจอ หม่อมฉันจะไม่เข้าวังไป อีกอย่างตอนนี้นางก็เป็นถึงพระสนมเอกเต๋อ หม่อมฉันก็คงไม่มีโอกาสเข้าไปเดินเล่นในเขตวังหลวงได้หรอกเพคะ”
“อืม!” หนานกงเย่นอนลงไปและปิดตาไม่ยินยอมที่จะพูดอะไรมากไปกว่านี้
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองเขาครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นไปโอบกอดเขา เขาจึงรู้สึกอบอุ่นขึ้นเล็กน้อยและกุมมือของฉีเฟยอวิ๋นหลับไป
เมื่อเขาหลับไปแล้ว ฉีเฟยอวิ๋นจึงถอนหายใจด้วยความโล่งใจ ผู้ชายช่างเอาใจยากลำบากเหลือเกิน เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังคิดมากเป็นจริงเป็นจังไปได้
ได้ยินว่ามู่เหมียนได้ออกจากตำหนักเย็นไปแล้ว อวิ๋นหลัวฉวนก็ได้ออกจากจวนท่านอ๋องตวนมาหาฉีเฟยอวิ๋นตั้งแต่เช้า
เช้าตรู่ก็ถูกปลุกให้ตื่น หนานกงเย่จึงรู้สึกไม่มีความสุขนัก ตอนนี้ผู้หญงิบ้านไหนมาหาฉีเฟยอวิ๋นเขาก็รู้สึกไม่มีความสุข
เมื่อเห็นการแต่งกายของอวิ๋นหลัวฉวน หนานกงเย่ก็มีสีหน้าที่ไม่เคร่งขรึมมากขึ้น โดยเฉพาะสายตาของฉีเฟยอวิ๋นที่พิจารณาอวิ๋นหลัวฉวน เขาจึงดึงฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นมองเขาด้วยความไม่เข้าใจเล็กน้อย “ท่านอ๋องมีอะไรหรือเพคะ?”
“ข้ารู้สึกไม่สบาย วันนี้รู้สึกปวดหัวเล็กน้อยจึงไม่อยากออกไปไหน”
“เช่นนั้นท่านอ๋องก็อยู่บ้านพักผ่อน หม่อมฉันจะไปเยี่ยมต้ากั๋วจิ้วที่คุกเสียหน่อยเพคะ”
“ไม่ต้องไปเยี่ยมหรอก เขาได้ลาออกและเขาอยากอยู่ในเมืองหลวงต่อไปเพื่อใช้ชีวิตที่เหลืออยู่” หนานกงเย่ทำสีหน้าบูดบึ้ง ยังจะมีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเขาไม่มีความสุขเลย
แต่อวิ๋นหลัวฉวนมีความโง่เขลาอยู่เล็กน้อยจะดูออกได้อย่างไร แถมยังพุงเข้ามาด้วยความดีใจ
“ท่านอ๋องเย่ ข้าไม่ได้ทำให้ท่านขุ่นเคืองอะไร เพียงแค่มาพูดคุยกับท่านพี่ที่จวนก็เท่านั้น ทำไมท่านถึงทำสีหน้าไม่พอใจเช่นนี้หรือ?” อวิ๋นหลัวฉวนเป็นคนที่เก็บความรู้สึกไม่อยู่ นางจึงไม่ชอบสีหน้าของหนานกงเย่ที่ดูไม่พอใจคนอื่นเช่นนี้
เดิมทีคิดว่าท่านอ๋องเย่จะดีกว่าท่านอ๋องตวน แต่ตอนนี้ทั้งน้องทั้งสองคนก็ไม่ต่างกัน
“หึ ประตูจวนของข้าไม่ได้คอยเปิดต้อนรับเจ้าหรอกนะ” หนานกงเย่บอกอวิ๋นหลัวฉวน
อวิ๋นหลัวฉวนโกรธจนกระทืบเท้าใส่และชี้หนานกงเย่ “หากข้าไม่เห็นแก่หน้าของท่านพี่ ท่านคิดว่าข้าอยากจะมางั้นหรือ ข้าจะกลับไปเดี๋ยวนี้เลย”
อวิ๋นหลัวฉวนหันหลังเดินกลับออกไป แต่เมื่อนางหันหลังก็รู้สึกแปลกไป จากนั้นจึงหันหลังกลับมาอีก
“ทำไมข้าต้องกลับ ข้าจะอยู่ที่นี่” อวิ๋นหลัวฉวนต้องการทำให้เขาโกรธ
ฉีเฟยอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา หนานกงเย่เห็นเข้าก็รู้สึกหงุดหงิด “ห้ามหัวเราะ!”
ฉีเฟยอวิ๋นหยุดหัวเราะ จากนั้นจึงกุมมือของหนานกงเย่ “ท่านอ๋องก้มศีรษะลงสิเพคะ หม่อมฉันจะบอกอะไร”
หนานกงเย่ให้ความร่วมมืออย่างดี เขาก้มศีรษะลงไป จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นก็พูดกระซิบไม่กี่คำและเดินจากไป
ใบหูของหนานกงเย่แดงมาก “จริงหรือ?”
“เพคะ!”
ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้า จากนั้นหนานกงเย่จึงกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ไปเถอะ”
ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองเจ้าห้าที่อยู่ในอ้อมแขนของหนานกงเย่และหอมแก้มก่อนที่จะพาอาอวี่และอวิ๋นหลัวฉวนออกไป
ทังเหอไม่เข้าใจ “ท่านอ๋องขอรับ พระชายาพูดอะไรหรือขอรับ? บอกข้าน้อยได้หรือไม่ขอรับ?”
พ่อบ้านขมวดคิ้วขึ้นและมองไปที่ทังเหอ
หนานกงเย่มองออกไปอย่างเงียบๆ “พระชายาบอกอะไรกับข้า ทังเหอไม่ต้องรู้หรอก”
“……” ทังเหอรู้สึกอาบอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับพูดเรื่องระหว่างสามีภรรยาคุยกันเท่านั้น แต่มองลักษณะของพระชายาแล้วกลับไปทำเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับสามีภรรยาเลย หรือจะถูกพระชายาหลอกล่อด้วยกลยุทธ์อะไรเข้าแล้ว?
คิดเช่นนี้ ทังเหอจึงมองไปที่ท่านอ๋องที่กำลังอุ้มองค์รัฐทายาทอยู่
ตอนนี้ท่านอ๋องได้สูญเสียกรงเล็บไปแล้ว และสิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือความอ่อนโยน ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องร้ายหรือเรื่องดี
หนานกงเย่หันไปส่งเจ้าห้าให้กับท่านแม่ทัพฉี “ข้ามีธุระต้องออกไปข้างนอก วันนี้เด็กๆ มอบให้กับท่านพ่อตาและอวิ๋นจิ่นดูแล”
“เจ้าปวดหัวไม่ใช่หรือ?” แม่ทัพฉีได้ยินว่าเขาเพิ่งพูดไปเมื่อครู่
หนานกงเย่กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ไม่ปวดแล้ว จะไปชำระบัญชีที่จวนราชครูเสียหน่อย”
“วันนั้นไม่ได้ทำไปสำเร็จแล้วหรือ?” แม่ทัพฉีรู้เรื่องบางเรื่องของจวนราชครู หากไม่ใช่เป็นเพราะฮูหยินรองของราชครูจวินเสี่ยงตายหนีออกไปจากจวนราชครู ก็คงไม่รู้เรื่องที่ลูกสาวเกิดเรื่องขึ้น เพียงแต่……
แม่ทัพฉีเหลือบไปมองที่เรือนจวินจื่อด้วยความรู้สึกเรียบเฉย กักกุมตัวของฮูหยินรองของคนอื่นโดยไม่ปล่อยเช่นนี้ก็ไม่ถูก วันนี้เจ้ายังกลับไปที่จวนราชครู เจ้ายังจะก่อเรื่องอะไรอีก?
แม่ทัพฉีอุ้มเจ้าห้ากลับไปนั่งและรู้สึกว่า ลูกสาวและลูกเขยเป็นคนที่ไม่รู้จักอะไรเลยจริงๆ
ฉีเฟยอวิ๋นออกเดินทางไปที่คุกเพื่อไปเยี่ยมต้ากั๋วจิ้วโดยเฉพาะ
ระหว่างทางฉีเฟยอวิ๋นถามอวิ๋นหลัวฉวนบางเรื่อง “เจ้าและท่านอ๋องตวนเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”
“ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ตอนนี้ข้ากำลังเกลี้ยกล่อมให้เขาออกหนังสือหย่าร้างให้กับข้า ตอนนี้เขาเริ่มเกลียดข้าบ้างแล้ว ข้าคิดว่าเขาคงทนได้อีกไม่นานก็จะสามารถทำหนังสือหย่าร้างให้กับข้าได้แล้ว ถึงตอนนั้นหากได้หนังสือหย่าร้างแล้ว ข้าก็จะไม่ใช่คนของจวนท่านอ๋องตวนอีกต่อไปแล้ว” อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกค่อนข้างภาคภูมิใจอย่างมากกับเรื่องนี้ ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกปาดเหงื่อกับเรื่องของอวิ๋นหลัวฉวน เธอมองไม่เห็นความน่าจะเป็นที่ท่านอ๋องตวนจะออกหนังสือหย่าร้างให้กับนาง ท่านอ๋องตวนไม่ใช่คนโง่เขลา เกรงว่านางจะถูกทำให้เข้าใจผิดและยังไม่รู้
เมื่อเดินทางมาถึงคุก ฉีเฟยอวิ๋นได้เตรียมตัวไว้เพื่อจะมาที่นี่ และมอบป้ายคล้องเอวที่หานกงเย่มอบไว้ให้ ครั้งนี้เธอไม่เชื่ออาวี่ เธอจัดการทำด้วยตัวเองทุกอย่าง
หากเชื่ออาอวี่ทั้งหมดจริง แม่หมูก็คงปีนขึ้นต้นไม้ได้แล้ว