องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 611 ท่านอ๋องตวนคุ้มกัน
อวิ๋นหลัวฉวนกุมมือของท่านอ๋องตวนไว้แน่นด้วยสายตาที่เย็นชาและแหลมคม
จงชินอ๋องกล่าวว่า “เมื่อคืนนี้ดอกไม้เบ่งบานเต็มสวนไปหมด คืนนี้ก็มีหิมะตกลงมาจากบนท้องฟ้า หากได้พลอดรักกับคนรักก็คงไม่เสียดายหากต้องตายไป!”
ดวงตาของอวิ๋นหลัวฉวนเยือกเย็นขึ้น ฝ่ามือก็ยิ่งออกแรง ท่านอ๋องตวนตะโกนออกมา “ลงมือ!”
อวิ๋นหลัวฉวนมองไปที่ท่านอ๋องตวนและยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน แต่รอยยิ้มนั้นกลับทิ่มแทงเข้ามาในใจของท่านอ๋องตวน
“ลงมือได้!”
ท่านอ๋องตวนยังคงเคร่งขรึมและมีสีหน้าเย็นชา
องครักษ์ที่แอบซ่อนอยู่เริ่มลงมือปฏิบัติการโดยค่อยๆ ล้อมรอบเข้ามา พวกเขาโยนโซ่เหล็กในมือทิ้งไปเพื่อทำการกักกุมโดยเฉพาะ
เสียงที่ดังกรีดร้องออกมานั่นคือหมายถึงจำนวนศีรษะที่ถูกตัด
หวังฮวายอันขมวดคิ้ว “เจ้าไปเอาวิธีการนี้มาจากที่ไหน ทำไมสายลับของข้าไม่มีเช่นนี้?”
ในขณะนี้หวังฮวายอันกำลังเพลิดเพลินอยู่กับความตื่นเต้นตรงหน้าโดยไม่มีข้อสงสัย ท่านอ๋องตวนกลับอดทนกับความเจ็บปวด “พระชายาเย่วาดขึ้นมา ท่านอ๋องเย่เป็นคนคิดขึ้น ข้ามีอยู่ห้าร้อยอัน หากท่านต้องการ ข้าจะมอบให้ท่านสิบอัน มันมีชื่อว่าหยดเลือด”
“ตระหนี่เกินไปหน่า สิบอันข้าไม่เอาหรอก” หวังฮวายอันคิดว่าตอนนี้เขาอยู่ในตำแหน่งสูงแล้ว ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องสนใจ เขายืนอยู่ข้างท่านอ๋องตวนและเหลือบไปมองเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขน เขารู้สึกสงบและผ่อนคลายขึ้นมาก แต่กลับคิดถึงแต่เรื่องว่าท่านอ๋องตวนจะรอถึงวันที่จงชินอ๋องตายได้หรือไม่
เฟิงอู๋ชิงและจงชินอ๋องต่อสู้กัน จงชินอ๋องเริ่มจะสู้ไม่ไหว เฟิงอู๋ชิงยกดาบขึ้นเฉือนเข้าไปที่ไหล่ของจงชินอ๋อง จงชินอ๋องถอยกลับไปยืนอยู่อีกฝั่ง จงชินอ๋องเงยหน้าขึ้นมองอวิ๋นหลัวฉวน อวิ๋นหลัวฉวนเก็บกดความเจ็บปวดเอาไว้และจ้องมองจงชินอ๋องโดยไม่พูดอะไร
เฟิงอู๋ชิงเร่งจังหวะการเคลื่อนไหวของเขาอย่างไร้ความปรานี ร่างกายของเขาม้วนพลิ้วไหวราวกับลมพายุ จงชินอ๋องยังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างจดจ่อและยังคงจ้องมองไปที่อวิ๋นหลัวฉวน
อวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “ท่านอ๋องตวน ท่านอย่าตกเป็นเหยื่อของเขานพเพคะ เขาต้องการทำให้ท่านโมโห”
ท่านอ๋องตวนกล่าว “ข้ารู้ ขอบคุณแม่นางอวิ๋นจิ่นที่ตักเตือนข้า”
“เขาไม่ได้เป็นเช่นนั้น”
อวิ๋นหลัวฉวนพูดด้วยเสียงเบา นางดูออกว่าจงชินอ๋องเจ็บปวดอย่างมาก เขาต้องการจะตายตอนนี้ด้วยซ้ำ
อวิ๋นหลัวฉวนไม่เข้าใจ ครั้งที่แล้วเขาก็ตัดสินใจแน่วแน่เช่นนี้ ทำไมถึงยังมาเจอกันอีก เขาได้ตัดสินใจไปแล้ว
ราวกับท่านอ๋องตวนได้ยินอะไรบางอย่าง เขาออกแรงที่มือของเขา “เจ้าจะคิดถึงเขาไม่ได้”
อวิ๋นหลัวฉวนพยักหน้า “เพคะ”
เฟิงอู๋ชิงต้องการจะสังหารหนานกงเซวียนเหอ เขาต้องการที่จะตัดศีรษะของหนานกงเซวียนเหอ หนานกงเซวียนเหอถอยหลังแต่ก็ไม่สามารถหลบพ้นดาบของเฟิงอู๋ชิงไปได้ เพียงแต่ครั้งนี้มีคนออกมารับดาบนั้นแทนเขา
ผู้หญิงในชุดสีแดงกระโดดลงมาจากนั้นเรียกเขาว่านายท่าน และกระโดดเข้าไปที่ร่างกายของหนานกงเซวียนเหอ ดาบของเฟิงอู๋ชิงจึงมาตกอยู่ที่หญิงสาวคนนั้นแทน
หญิงสาวคนนั้นสวมชุดสีแดงที่แปลกประหลาด เป็นสีแดงสด
นางกัดฟันกรอดและไม่รู้ว่าโยนอะไรออกมา ตรงหน้ามีควันสีดำฟุ้งไปทั่ว เฟิงอู๋ชิงเป็นคนที่รักความสะอาดที่สุด จากนั้นจึงถอยออกมาและกระโดดขึ้นข้างบนเพื่อปกป้องหวังฮวายอันและเจ้าห้าไว้ เจ้าห้าก็รักความสะอาดจึงขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของเฟิงอู๋ชิง
เฟิงอู๋ชิงกระโดดลงมาราวกับใบไม้ใบหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เป็นอะไรเลย
เขาก้มหน้ามองเจ้าห้าที่อยู่ในอ้อมแขน เจ้าห้าขยับตัวอย่างขี้เกียจเล็กน้อย และกลับไปสู่การนอนหงายเหมือนเมื่อครู่ เจ้าห้าลืมตาขึ้นมามองดูเฟิงอู๋ชิง จากนั้นจึงหลับตาพักผ่อน
เฟิงอู๋ชิงยิ้ม “ดูเหมือนว่าเจ้าและข้าจะมีวาสนาในการเป็นอาจารย์และศิษย์ต่อกันนะ นิสัยที่เย็นชาของเจ้าเช่นนี้ข้าชอบนัก รอเมื่อเจ้าคุกเข่าได้แล้ว วันนั้นเจ้าก็จะเป็นลูกศิษย์ของข้า”
อวิ๋นจิ่นหัวเราะชอบใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเก็บซ่อนรอยยิ้มนั้นไว้และหันไปมองจงชินอ๋องที่หายตัวไปแล้ว
คนของเขาตายไปแล้ว มีเพียงจงชินอ๋องที่หนีไปได้
ท่านอ๋องตวนออกคำสั่ง “เขาหนีไปได้ไม่ไกล ออกไปค้นหาบริเวณโดยรอบของจวนท่านอ๋องเย่ ปิดล้อมเมืองหลวงไว้ทั้งหมดและปกป้องวังหลวงให้หนาแน่น”
อวิ๋นหลัวฉวนหันกลับไปมองท่านอ๋องตวน ใบหน้าของท่านอ๋องตวนซีดเซียวและมีเลือดไหลกบปาก ดวงตาดูหมองคล้ำ จากนั้นเขาก็เป็นลมหมดสติไป อวิ๋นหลัวฉวนรีบเข้าไปประคองท่านอ๋องตวน แต่ท่านอ๋องตวนก็ได้ล้มลงบนพื้นหิมะเรียบร้อยแล้ว
ขณะนี้ราชครูจวินเพิ่งจะออกมาจากเรือนของฮูหยินรอง จากนั้นจึงมองไปที่ท่านอ๋องตวนและกล่าวว่า “รีบไปตามหมอประจำจวน”
แม่ทัพฉีมองออกไป จากนั้นจึงหันหลังกลับและเดินกลับเข้าไปในเรือน เด็กไม่สามารถอยู่ข้างนอกนานๆ ได้
อวิ๋นจิ่นรีบออกคำสั่งออกไปเพื่อให้หมอเข้ามาทำการรักษาท่านอ๋องตวน
เริ่มมีการก่อความวุ่นวายภายในวังหลวง แต่ยังไม่ทันจะเข้าใกล้เขตพื้นที่ของพระที่นั่งบำรุงฤทัยก็ถูกคนของจวนกั๋วกงและแม่ทัพฉีฆ่าทิ้งทั้งหมด ครั้งนี้แม้หนานกงเย่จะไม่ได้อยู่ในวังหลวง แต่องครักษ์ไร้เงาของท่านอ๋องตวนก็ถูกจัดเตรียมไว้นับร้อย เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นในวังหลวงองครักษ์ไร้เงาจะทำการลงมือก่อน โดยแบ่งเป็น ตำหนักเฟิ่งอี๋ พระที่นั่งบำรังฤทัย ตำหนักหวาหยาง ตำหนักเฉาเฟิ่ง ตำหนักจิ่นซิ่วและบริเวณโดยรอบของตำหนักหรงเต๋อ มีนักธนูมากกว่าหนึ่งพันคนกระจายไปทั่วโดยร่วมมือกับทหารองครักษ์ในการปกป้องคุ้มครองวังหลวง ไม่เพียงแต่มีผู้พิทักษ์อยู่ตามตำหนักทั้งหก แต่ถึงขนาดว่าช่องทางน้ำทั้งหมดก็ถูกเปิดไว้ หากเกิดไฟไหม้ขึ้นมาก็สามารถทำได้ในพริบตา สามารถพูดได้ว่าทั้งหมดนี้อยู่ในการควบคุมของท่านอ๋องตวนทั้งหมด
แต่ท่านอ๋องตวนกลับไม่ได้อยู่ในวังหลวง
จักรพรรดิอวี้ตี้ยืนมองสิ่งที่เกิดขึ้นในวังหลวงทั้งหมดภายในพระที่นั่งบำรุงฤทัย มีคนตายเป็นจำนวนมาก คนในวังหลวงต่างก็พากันตกอกตกใจอย่างมาก มู่เหมียนอยู่ดูแลพระพันปีอยู่อีกฝั่งหนึ่งและพระมเหสีหวาก็อยู่ที่นั่น
ครั้งนี้พระมเหสีหวาพึงพอใจอย่างมาก ลูกชายของนางก็มีผลงานขึ้นมาบ้าง ผู้ช่วยผู้สำเร็จราชการนี้ไม่ได้เป็นโดยไร้ประโยชน์
พระพันปีเหลือบมองพระมเหสีหวา “นับว่าเจ้าก็หายใจหายคอคล่องขึ้นนะ”
พระมเหสีหวากลับไม่ได้แสดงออกอย่างเย่อหยิ่งเหมือนเมื่อก่อน แต่กลับเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่กล้าที่จะโอ้อวดคุยโว
“เหยียนเอ๋อร์โตเป็นผู้ใหญ่แล้วเพคะ” พูดขึ้นมาพระมเหสีหวาก็รู้สึกซาบซึ้งใจ
พระพันปีตรัสว่า “เดิมทีเขาก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เจ้าเห็นว่าเขายังเป็นเด็กตลอดเวลา ทำให้เขาต้องถูกเจ้าดูถูกมาโดยตลอดจนถึงตอนนี้ เขาเพียงแค่ไม่ชอบการรบราฆ่าฟัน แต่ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่มีอะไรดีเลย”
พระมเหสีหวาพยักหน้า “เพคะ”
“กราบทูลฝ่าบาท ฝ่ายกบฏได้ถูกสังหารทั้งหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทและไทเฮา พระมเหสีและพระสนมเต๋อพักผ่อนได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
พระพันปีหันไปมองจักรพรรดิอวี้ตี้ “ฝ่าบาทก็ไปพักผ่อนเถอะ ถึงแม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะปกคลุมไปด้วยกลิ่นคาวเลือดบ้าง แต่ก็สามารถแสดงให้เห็นความยิ่งใหญ่ของวังหลวงของข้าได้
ท่านอ๋องเย่ไม่อยู่ก็ยังมีท่านอ๋องตวน ฝ่าบาทไม่ต้องกังวลไปหรอก”
จักรพรรดิอวี้ตี้พยักหน้า “ข้ารู้แล้ว กราบทูลลาเสด็จแม่”
พระพันปีหันหลังเดินจากไป พระมเหสีหวากล่าวว่า “ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันกราบทูลลาเพคะ ข้างนอกอากาศหนาวเย็น ฝ่าบาทก็รีบกลับเข้าไปพักผ่อนนะเพคะ”
“ข้ารู้แล้ว”
“กราบทูลลาพระมเหสีหวาเพคะ!”
มู่เหมียนและจักรพรรดิอวี้ตี้ส่งทั้งสองตำหนักเสร็จแล้ว จากนั้นจักรพรรดิอวี้ตี้และมู่เหมียนจึงกลับไป
วังหลวงได้รับการทำความสะอาดอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา หลังจากผ่านความวุ่นวายมาทั้งคืนก็ได้เวลาสงบลง จักรพรรดิอวี้ตี้พักผ่อนเพียงช่วงเวลาสั้นๆ จากนั้นจึงไปว่าราชการ
ราชครูจวินและคนอื่นได้ถวายฎีกา แต่จักรพรรดิอวี้ตี้กลับไม่เห็นท่านอ๋องตวน
“ท่านอ๋องตวนล่ะ?”
“กราบทูลฝ่าบาท เมื่อคืนมีคนเข้ามาทำการปิดล้อมจวนท่านอ่องเย่โดยพยายามจะเข้าไปทำร้ายองค์รัฐทายาท แต่โชคดีที่ท่านอ๋องตวนไปถึงทันเวลา แต่กลับได้รับบาดเจ็บและขณะนี้กำลังพักรักษาตัวอยู่ที่จวนท่านอ๋องเย่พ่ะย่ะค่ะ”
ราชครูจวินพูดด้วยเสียงเรียบ
จักรพรรดิอวี้ตี้ตรัสถาม “เช่นนั้นท่านอ๋องตวนเป็นอะไรหรือไม่?”
“ขณะนี้ท่านอ๋องตวนไม่เป็นอะไรแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม”
จักรพรรดิอวี้ตี้เสด็จลงมาจากท้องพระโรง จากนั้นจึงไปที่ตำหนักหวาหยาง
ขณะนี้พระมเหสีหวาก็ได้รับข่าวแล้วว่าท่านอ๋องตวนได้รับบาดเจ็บ
จักรพรรดิอวี้ตี้เสด็จเข้าไป จากนั้นพระมเหสีหวาก็หันไปมองและรีบเดินเข้าไปหา “ฝ่าบาท”
“พระมเหสี ข้ามาเพื่อขอโทษ”
จักรพรรดิอวี้ตี้รีบตรัสขึ้นมาและกุมมือของพระมเหสีหวาเอาไว้ พระมเหสีหวายิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ “ฝ่าบาทเพคะ อาณาจักรได้มาอย่างง่ายดาย แต่การรักษาไว้นั้นไม่ง่าย ขุนนางที่คิดทรยศนั้นกำจัดไปไม่หมดสิ้น นับว่าท่านอ๋องตวนก็ได้ทำอะไรให้กับอาณาจักรต้าเหลียงได้บ้าง หม่อมฉันรู้สึกพอใจอย่างมาก ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นกังวลว่าหม่อมฉันจะรับไม่ได้หรอกเพคะ หม่อมฉันผ่านเรื่องร้ายๆ มาก็มากแล้วเพคะ”
จักรพรรดิอวี้ตี้พยักหน้า “ข้าขอบใจพระมเหสีที่เข้าใจข้า ท่านอ๋องตวนทำการรักษาตัวอยู่ที่จวนท่านอ๋องเย่ ข้าอยากจะไปเยี่ยม ไม่รู้ว่าพระมเหสีจะยอมออกไปนอกวังหลวงกับข้าหรือไม่?”
“ยินดีเป็นอย่างยิ่งเพคะ!” นับว่าพระมเหสีได้รับเกียรติกลับคืนมาหลังจากที่สูญเสียไปในช่วงหลายปีมานี้ และนางก็รู้สึกสงบนิ่งมากขึ้นกว่าเดิมมาก