บทที่ 15 การทดสอบ
“เจ้าหนู เจ้าไม่ได้เป็นไข้หรอกใช่ไหม ? ตั้งแต่สามปีก่อนที่มีลูกศิษย์ชั้นกลาง ระดับการกลั่นร่างขั้น7ของสำนักยุทธ์เข้าร่วมการทดสอบและตายไปในระหว่างนั้น กเห็นจะมีเพียงลูกศิษย์ชั้นสูงที่อยู่ระดับการกลั่นร่างขั้น8บางคนเท่านั้น ที่สามารถผ่านการทดสอบไปได้ นี่เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ ?”
“ใช่แล้ว หลัวซิว เจ้าอายุยังน้อย สามารถรออีกสักสองสามปีแล้วค่อยมาทดสอบก็ได้” พนักงานต้อนรับสาวเจียงชานชานก็เอ่ยเตือนขึ้น
ครั้งนี้นางไม่ได้เรียกเขาว่าน้องหลัวซิวแล้ว และมีท่าทีที่จริงจังมากขึ้น
ส่วนบรรดานักล่าอสูรเอง ต่างก็แสดงท่าทีเย็นชาออกมา พวกเขาผ่านความเป็นความตายมามากมาย จนรู้สึกชินชา ส่วนคนที่มีความกระตือรือร้นจริง ๆ นั้นมีอยู่เพียงไม่มาก
“การทดสอบนักล่าอสูรไม่ใช่ผลการฝึกตน แต่เป็นความสามารถในการต่อสู้ที่แท้จริง เจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับอสูรกายขั้น1 ไม่ใช่อสูรป่า !” เจียงชานชานกล่าวเตือนอีกครั้ง
“ข้าตัดสินใจแล้ว” หลัวซิวมีแววตาที่แน่วแน่มั่นคงอย่างมาก
“เจ้าเด็กนี่กล้าหาญไม่เลว ให้เขาลองดูสักตั้งสิ” ชายหนุ่มรูปร่างกำยำคนหนึ่งที่กำลังดื่มเหล้าตะโกนขึ้น
“โจวหลง เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ เจ้าจะทำให้เขาตาย !” เจียงชานชานจ้องมองชายรูปร่างกำยำ
“ขอแค่ทำตามเงื่อนไขได้ แก๊งคงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธการขอเข้าร่วมการทดสอบของข้าใช่ไหม ?” หลัวซิวใช้นิ้วเคาะโต๊ะ “อีกอย่าง ทำไมท่านถึงได้มั่นใจนักว่าการให้ข้าเข้าร่วมการทดสอบคือการส่งข้าไปตาย ?”
“ฮ่าฮ่า หมอนี่หัวรั้นไม่เบา ข้าชอบ !” ชายหนุ่มรูปร่างกำยำที่ชื่อโจวหลงผู้นั้นหัวเราะเสียงดังขึ้นมา “ถ้าหากเจ้าผ่านการทดสอบ ข้าจะให้เจ้าเข้ามาอยู่ในกลุ่มของข้า !”
“ล้อเล่นน่า เด็กตัวกะเปี๊ยกเนี่ยนะจะผ่านการทดสอบไปได้ ? หากเขาสอบผ่าน ข้าจะโน้มหัวลงมาให้เขาเตะเป็นลูกบอลเลย !” อีกทางด้านหนึ่ง มีชายหนุ่มที่ไว้หนวดเคราเล็กน้อยบนใบหน้าเอ่ยขึ้นอย่างดูถูก
“โจวหลง เจ้ากล้าเดิมพันกับข้าไหมล่ะ ?” ชายหนุ่มไว้เคราพูดเสียงดัง
“บัดซบ โกวหูจื่อ เจ้าหมายความว่าอย่างไร ?” โจวหลงจ้องตาเขม็งพลางตะโกนออกมา
จากการที่หลัวซิวรับรู้ถึงลายเส้นชีวิต ผลการฝึกตนของโจวหลงและโกวหูจื่อน่าจะอยู่ในแดนชี่ไห่ ทั้งสองทะเลาะกันเพราะเรื่องเข้าร่วมการทดสอบของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร การได้เป็นนักล่าอสูร ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับหลัวซิว เพราะไม่ว่าจะได้รับภารกิจ หรือการซื้อขายสิ่งของภายในแก๊ง จะต้องเป็นนักล่าอสูรเท่านั้นจึงจะสามารถทำได้
เพราะหลัวซิวยืนยันหนักแน่น เจียงชานชานจึงหยิบกระดาษออกมาสองสามแผ่น หนึ่งในนั้นเป็นเอกสารขอเข้าร่วมการทดสอบ ซึ่งจะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว ส่วนอีกใบหนึ่ง เป็นหนังสือสัญญา ซึ่งมีใจความหลัก ๆ กล่าวว่า ผู้ที่ขอเข้าร่วมการทดสอบ หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างการทดสอบ ทางแก๊งนักล่าอสูรจะไม่ขอรับผิดชอบใด ๆ
หลัวซิวไม่ได้ลังเลแม้แต่น้อย เขาเชื่อมั่นในความสามารถของตนเองว่าจะต้องผ่านการทดสอบไปได้ มิเช่นนั้น หากแม้แต่การทดสอบเช่นนี้ยังผ่านไปไม่ได้ แล้วต่อไปเขาจะก้าวเข้าสู่ยุทธ์ในระดับที่สูงขึ้นได้อย่างไร ?
หลัวซิวสะบัดปากกาเซ็นชื่อของเขา จากนั้นพนักงานต้อนรับของแก๊งนักล่าอสูร ก็พาหลัวซิวไปยังสนามทดสอบ
“ข้าขอเดิมพันว่าเจ้าหมอนี่ไม่มีทางผ่านการทดสอบ !” ในห้องโถงใหญ่ โกวหูจื่อตบโต๊ะแล้วตะโกนเสียงดัง พลางจ้องเขม็งไปที่โจวหลง แล้วพูดว่า : “โจวหลง กล้าเดิมพันกับข้าไหมล่ะ ?”
ทั้งสองต่างมีกลุ่มของตนเอง ปกติแล้วก็ไม่ชอบหน้ากันสักเท่าไหร่ และมักจะมีปากเสียงกันอยู่บ่อย ๆ
มีคนอยู่ที่นั่นมากมาย เมื่อเห็นโกวหูจื่อแสดงท่าที่หยิ่งยโสเช่นนี้ออกมา โจวหลงเองก็รู้สึกโกรธเล็กน้อย เขาจึงลุกยืนขึ้นแล้วเตะเก้าอี้ออกไป จากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยความโมโห : “ข้าขอเดิมพันกับเจ้า !”
“เด็กหนุ่มมักจะเลือดร้อน ตามข้ามาสิ”
คนที่พาหลัวซิวไปยังสนามทดสอบ เป็นชายชราที่สวมใส่ชุดคลุมสีขาวคนหนึ่ง
หลัวซิวเห็นตราสัญลักษณ์สองดวงอยู่บนหน้าอกของชายชรา ดวงแรกเป็นตราสัญลักษณ์ดาบไขว้ของนักล่าอสูร ส่วนอีกดวงหนึ่งเป็นตราสัญลักษณ์รูปดาวหกแฉก
“ตราสัญลักษณ์นักค่ายกล !”
หลัวซิวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าชายชราผู้นี้มีฐานะที่ไม่ธรรมดา เขาถือครองถึงสองฐานะ ด้วยอายุของเขา ทำให้ลายเส้นชีวิตของเขาแฝงไปด้วยความแข็งแกร่งและมีพลังมหาศาล
ระหว่างเดินผ่านโถงทางเดิน มีโคมไฟประดับอยู่ตลอดสองข้างทาง หลังจากเปิดประตูศิลาบานหนึ่งออก หลัวซิวก็เดินตามชายชราผู้นี้เข้าไปในห้องที่ว่างเปล่าและกว้างขวางห้องหนึ่ง
บนพื้นห้องมีแนวเส้นแปลกประหลาดสลักเอาไว้ เชื่อมต่อกันทางแนวตั้งและแนวนอนราวกับลายแทงสมบัติ ดู ๆ ไปแล้วไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว
ตรงกลางห้องมีแท่งศิลาสูงประมาณสองฟุต
ยังไม่ทันที่หลัวซิวจะเอ่ยถาม ชายชราชุดขาวก็พูดขึ้นก่อนว่า : “ที่นี่คือสนามทดสอบ ถ้าหากเจ้าไม่ผ่านการทดสอบ จำไว้ว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเปิดใช้ค่ายกล”
“ค่าใช้จ่าย ?” หลัวซิวผงะไป
“เจ้าคิดว่าค่ายกลสามารถเปิดใช้ได้ตามอำเภอใจอย่างนั้นหรือ ? การทดสอบนักล่าอสูรขั้นหนึ่งจะต้องให้หินพลังจิตหนึ่งก้อน ถ้าหากเจ้าสอบผ่าน แก๊งนักล่าอสูรจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้กับเจ้า แต่ถ้าการทดสอบล้มเหลว เจ้าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นหินพลังจิตหนึ่งก้อน” ชายชราชุดขาวพูดอธิบาย
หลัวซิวเคยได้ยินเรื่องหินพลังจิตมาบ้าง เป็นศิลาแร่ชนิดหนึ่งที่มีความเข้มข้นของพลังจิตสูง นักยุทธ์สามารถดูดซับพลังที่อยู่ภายในเพื่อใช้ในการฝึกตนได้ ถึงผลลัพธ์ที่ได้ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าการดูดซับพลังจักรวาล
“เอ่อ……แล้วหินพลังจิตหนึ่งก้อนราคาเท่าไหร่ ?” หลัวซิวรู้สึกนึกเสียใจทีหลังที่ไม่ได้อ่านสัญญาของพนักงานต้อนรับสาวให้ดีเสียก่อน ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าจะต้องมีการเสียค่าใช้จ่ายเหล่านี้ด้วย
“ห้าร้อยตำลึง”
“ฮะ……แพงขนาดนี้เลยหรือ ! ?” หลัวซิวรู้สึกตกใจอย่างมาก เงินจำนวนนี้ถือว่ามากมายมหาศาลสำหรับเขา
ชายชราชุดขาวเหลือบมองหลัวซิว จากนั้นจึงยิ้มแล้วพูดว่า : “หากเจ้าไม่มั่นใจ จะถอยหลังกลับตอนนี้ก็ยังทันนะ”
ค่าใช้จ่ายห้าร้อยตำลึง ทำให้หลัวซิวต้องกลับมาพิจารณาดูอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้เขาจึงเอ่ยถามว่า : “ข้าอยากจะรู้รายละเอียดคร่าว ๆ ในการทดสอบว่าคืออะไร”
“แม้กระทั่งรายละเอียดในการทดสอบคืออะไรเจ้ายังไม่รู้ แล้วยังจะกล้ามาอีกหรือ เจ้าหนู เจ้าคิดว่าแก๊งล่าอสูรเป็นสถานที่เช่นไรกัน เป็นที่ให้เจ้าเข้ามาเล่นสนุกหรืออย่างไร ?”
ชายชราชุดชายสบัดเคราของเขาแล้วจ้องตาเขม็ง “ข้าเห็นแก่ที่เจ้าอายุยังน้อย จึงไม่คิดถือสาเจ้า จงไสหัวกลับไปฝึกตนให้ดีเถอะ”
ถึงแม้อีกฝ่ายจะพูดอย่างไม่เกรงใจ แต่หลัวซิวกลับไม่รู้สึกโมโห เพราะเขาไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นฐานการทดสอบของนักล่าอสูรเลยจริง ๆ”
เมื่อครู่ตอนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ เขาทำความเข้าใจเล็กน้อยจากสิ่งที่บรรดานักล่าอสูรพูด ดูเหมือนว่าจะต้องเผชิญหน้ากับอสุรกายขั้น1แบบตัวต่อตัว ว่าแต่ในห้องนี้ มีอสุรกายที่ไหนกันล่ะ !”
เมื่อเห็นหลัวซิวจ้องมองไปรอบ ๆ ชายชราชุดขาวก็พูดขึ้นเบา ๆ ว่า : “หลังจากเปิดค่ายกลแล้ว อสุรกายจึงจะออกมา การทดสอบนักล่าอสูรระดับ1 จะต้องต่อสู้แบบตัวต่อตัวกับอสุรกายระดับ1ทั้งหมดสามตัว !”
อสุรกายกับอสูรป่านั้นแตกต่างกัน อสุรกายระดับหนึ่งซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุด มีความแข็งแกร่งที่ทัดเทียมกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับการกลั่นร่างขั้น5
แต่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงนั้น จะแสดงออกมาในการต่อสู้ ถึงแม้จะอยู่ในระดับการกลั่นร่างขั้น5 แต่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้ ก็ถือว่าเป็นคู่ต่อที่ห่างชั้นจากอสุรกายนัก
“อสุรกายระดับ1สามตัวหรือ ? ข้าน่าจะรับมือไหวนะ !” หลัวซิวพูดขึ้น
ชายชราชุดขาวไม่พูดอะไรต่อ เขาชี้ไปที่แท่นศิลาที่อยู่ตรงกลางห้อง “เจ้าไปยืนอยู่บนนั้นก็พอแล้ว”
หลัวซิวพยักหน้า จากนั้นจึงเดินขึ้นไปบนแท่นศิลา
“หลังจากข้าเปิดค่ายกลแล้ว เจ้าจะเข้าไปในสภาพแวดล้อมของค่ายกล ทุกสิ่งที่เจ้าเจอ ไม่แตกต่างกับของจริง หากเจ้าคิดว่าตนเองไม่สามารถยืนหยัดสู้ต่อได้ ก็จงอย่าฝืน ขอแค่ใช้ความคิด ภายในสามลมหายใจ เจ้าก็จะสามารถหลุดออกมาจากค่ายกลได้” ชายชราชุดขาวกล่าว
สามลมหายใจดูเหมือนจะเป็นช่วงเวลาที่สั้น แต่หากอยู่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ก็สามารถเกิดเหตุการณ์ขึ้นได้มากมาย คนจำนวนมากที่ได้รับบาดเจ็บหรือตายในการทดสอบ ส่วนมากก็มักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้
########################