บทที่ 24 ฆ่าจางหุน
กระบี่ของหวางหยุนฟันไปที่ไหล่ของหลัวซิว เขามั่นใจกับกระบวนท่านี้ของตนมาก ถึงแม้ผลการฝึกตนจะไม่สามารถเทียบกับหัวหน้าหยวนต้าซานได้ แต่กระบี่เศษเงาก็ฝึกตนถึงขั้นแดนสำเร็จน้อยแล้ว!
หลัวซิวไม่เคยฝึกตนวิชายุทธ์ระดับ3มาก่อน แต่หลังจากปรับปรุงพัฒนาวิชายุทธ์ระดับ2 กลับเหนือกว่าวิชายุทธ์ระดับ3ทั่วไป
ใช้แดนบรรลุผลวิชาท่าร่างก้าวสั้น ลูกดอกธนูสีดำที่พุ่งมาจากทางไกลยิงไม่โดนแม้แต่ดอกเดียว แม้แต่ชายเสื้อเขาก็ยังยิงไม่โดน
จากนั้น เขาเคลื่อนไหวตัวเบาๆ ปรากฎตัวตรงหน้าหวางหยุนในชั่วพริบตา
“เร็วมาก!เขาที่เป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์การกลั่นร่างขั้น6 ทำไมถึงได้เร็วแบบนี้?” หวางหยุนตกใจจนหน้าถอดสี กระบวนท่ากระบี่เศษเงาที่ฟันลงไปว่างเปล่า ไม่โดนหลัวซิวแม้แต่น้อย
“แย่แล้ว!”
เขารีบถอนกระบวนท่า กระตุกกระบี่ พร้อมกับฉายเงา ฟันหลัวซิวอีกครั้ง
“ครั้งนี้ดูสิว่าแกจะหลบยังไง!” ตอนนี้ระยะห่างของทั้งสองคนใกล้กันมาก หวางหยุนมั่นใจว่าหนุ่มชุดดำต้องหลบกระบวนท่านี้ของเขาไม่ได้แน่นอน
“ท่าเสือพิฆาต!”
จู่ๆ หลัวซิวก็ลงมือ ลมปราณในร่างกายแปรเปลี่ยนในชั่วพริบตา ราวกับเป็นร่างแปลงของอสูรเสือที่ดุร้าย ลมปราณปะทุออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ตึ้ง!”
ขณะที่กระบี่ของหวางหยุนยังไม่ทันกระทบร่างกายของหลัวซิว แรงมหาศาลแผ่ซ่านทั่วร่างกายของเขากะทันหัน
“ผวัะ!”
หวางหยุนปลิวออกไป ปวดแผงอกอย่างมาก กระดูกหักไปหมด
เป็นไปได้ยังไง?
หรือว่าเขาอาศัยกระบวนท่านี้ฆ่าอสูรเสือหางเหล็ก?
ท่าเสือพิฆาตคือหนึ่งในกระบวนท่าของหมัดเสือมังกร ทรงพลังแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
หวางหยุนกระอักเลือด ร่างกายของเขาพุ่งชนต้นไม้อย่างแรง เขาคิดไม่ออกจริงว่าคนที่อยู่ในระดับการกลั่นร่างขั้น6 สามารถใช้วิชายุทธ์ระดับ2หมัดเสือมังกรให้ทรงพลังแบบนี้
ทันใดนั้นเอง เขานึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งขึ้น “วิชาท่าร่างของเขา วิชาหมัด หรือว่าเขาฝึกตนจนบรรลุแดนบรรลุผลแล้ว?”
ทว่าตอนที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในใจของหวางหยฝุน เขาก็เห็นฝ่ามือตรงหน้าตนขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“ไม่!……”
ภายในใจของหวางหยุนเต็มไปด้วยแค้น แค้นตนเองที่ตอนนั้นทำไมไม่ฟังคำเตือนของหัวหน้า ดึงดันที่จะปล้นฆ่าหนุ่มชุดดำคนนี้
เขาส่งเสียงร้องคำรามด้วยความโมโห เขาคิดไม่ถึงว่าต้องตายแบบนี้
แต่ว่าวินาทีต่อมา หน้าผากของเขาถูกฝ่ามือปะทะเข้ามา พลังที่ทรงพลานุภาพทำให้กะโหลกของเขาแหลกละเอียด เลือดออกทั้งเจ็ดรู ตายในทันที!
หลัวซิวไม่หยุดแม้แต่น้อย หลังจากฆ่าหวางหยุนเสร็จก็รีบหลบ ลูกดอกสองดอกพุ่งมาแล้วปักลงบนดิน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขายืนเมื่อกี้
ทักษะการใช้ธนูของจางหุนดีจริงๆ แต่เผชิญหน้ากับแดนบรรลุผลของวิชาท่าร่างก้าวสั้น กลับไม่ช่วยอะไรเลย ไม่สามารถทำร้ายหลัวซิวได้แม้แต่น้อย
“หวางหยุนตายแล้ว!”
วินาทีที่เห็นพวกของตนถุกหลัวซิวฆ่า รูม่านตาของจางหุนหดเล็ก ขณะที่ธนูสองดอกที่ยิงออกไปพลาดทั้งสองดอก เขาตัดสินใจ เก็บคันธนู หมุนตัวหันหลังหนีทันที
“วิชาท่าร่างของเขาน่ากลัวเกินไปแล้ว ทักษะธนูของตนไร้ความหมาย ถ้าเขาเข้ามาใกล้ ต้องตายแน่นอน!” จางหุนรู้ดี หวางหยุนถูกฆ่าตายทั้งที่มีตนคอยให้การช่วยเหลือ แสดงว่าความสามารถของอีกฝ่ายต้องเหนือกว่าที่ตนคาดไว้
หลัวซิวไม่ได้ตามฆ่าจางหุนในทันที เขาในตอนนี้ รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ฉันฆ่าคนแล้ว?” เห็นเลือดไหลออกมาจากทั้งเจ็ดรู ใบหน้าหวาดกลัว หวางหยุนที่นอนตายตาไม่หลับ หลัวซิวรู้สึกว่าร่างกายของตนสั่นเทา
ความสั่นเทานี้ไม่ใช่ความกลัว ความหวาดผวา แต่เป็นเพราะฆ่าคนครั้งแรก ทำให้ใจเต้นแรงอย่างเป็นธรรมชาติ
ตอนฆ่าอสูรป่าและอสูรกายไม่มีความรู้สึกแบบนี้ มีเพียงตอนฆ่าคนครั้งแรกเท่านั้นที่จะเป็นแบบนี้ ถึงแม้จะเป็นคนที่เหี้ยมโหดแค่ไหน ตอนฆ่าคนครั้งแรกก็ต้องเป็นแบบนี้
หลัวซิวพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อยากจะทำใจที่เต้นแรงให้สงบ
เขายังจำได้ เมื่อตอนที่อยู่ในสำนักยุทธ์ อาจารย์ที่สอนเคยบอกว่า เริ่มตั้งแต่ตอนที่เลือกเดินบนเส้นทางนักยุทธ์ โชคชะตาที่ฆ่าและถูกฆ่าก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว
“ท่านอาจารย์ ทำไมต้องฆ่าคนด้วย?” ตอนนั้นเคยมีนักเรียนที่อายุน้อยถามแบบนี้มาก่อน
“เพราะว่าถ้านายไม่ฆ่าคนอื่น นักยุทธ์คนอื่นก็จะฆ่านาย เพราะนายมีอาวุธ ยา ค่ายกลที่ดี หรือว่าแค่นักยุทธ์คนอื่นไม่ชอบขี้หน้านายเท่านั้น!”
“จิตใจของมนุษย์ยากจะคาดการณ์ มีเพียงความสามารถที่ยิ่งใหญ่เท่านั้นจึงจะเป็นนิรันดร์ ถ้านายแข็งแกร่งมากพอ คนอื่นย่อมไม่กล้าหาเรื่องนาย แล้วจะฆ่านายได้อย่างไร?”
ครั้งนั้น คำพูดของอาจารย์ ความเป็นจริงฝังเมล็ดพันธู์อยู่ในใจของนักเรียนในสำนักยุทธ์ไปนานแล้ว
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดหลัวซิวก็ทำใจที่เต้นแรงให้สงบลงได้ ตอนที่สายตาของเขามองไปยังหวางหยุนที่ตายไปแล้ว ถึงแม้จะยังรู้สึกไม่ชินเท่าไหร่ แต่สามารถควบคุมจิตใจของตนให้มั่นคงแล้ว
“เมื่อก่อนตอนอยู่ที่สำนักยุทธ์ ฉันไม่มีความสามารถ ดังนั้นมักจะถูกลูกหลานในตระกูลใหญ่รังแก โดยเฉพาะครั้งนั้นที่ถูกจางเจี๋ยตีจนสลบ!”
“แต่ว่าตอนนี้ ฉันมีความสามารถที่แข็งแกร่งแล้ว ยิ่งไม่มีวันปล่อยให้เขารังแกฉันและญาติของฉันอีก!”
ยื่นมือออกไปหยิบกระบี่ของหวางหยุน แววตาของหลัวซิวทอประกายความเยือกเย็น อาศัยการรับรู้ของลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตาย ลมปราณชีวิตของมือธนูจางหุนห่างไปไกลแล้ว
“การล่าเริ่มต้นขึ้น……” มุมปากของหลัวซิวกระตุกยิ้มอันตราย ความเป็นจริงตัวตนภายในของเขามีความอวดดีที่ไม่อาจอธิบายด้วยคำพูดได้
กระโดดตัว เขาไล่ล่าโดยกระโดดอย่างรวดเร็วบนกิ่งไม้ใหญ่ ด้วยแดนบรรลุผลของวิชาท่าร่าง ความเร็วของเขาไม่รู้ว่าเร็วกว่าจางหุนนั่นตั้งเท่าไหร่ ระยะห่างของทั้งสองฝ่ายใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ตั้งแต่เข้าร่วมทีมล่าอสูร จางหุนอยู่ในเขาสุ่ยวู่มานานกว่าครึ่งปีแล้ว เขาเข้าไปในพุ่มหนาม พยายามซ่อนตัวเท่าที่เป็นไปได้
เขาหันกลับไปมอง ด้านหลังว่างเปล่าไปหมด อดไม่ได้ที่จะโล่งอก ทว่าหัวใจก็ยังคงเต้นแรง
“น่ากลัวเกินไปแล้ว……” เขาไม่อาจจินตนาการได้ เด็กหนุ่มอายุไม่ถึงสิบสี่สิบห้าคนหนึ่ง กลับเก่งกาจขนาดนี้ แค่เจอหน้ากัน หวางหยุนก็ถูกฆ่า ทักษะธนูที่เขาภาคภูมิใจมาโดยตลอด ไม่โดนแม้แต่ชายเสื้อของอีกฝ่าย
“กรอบแกรบ!กรอบแกรบ!กรอบแกรบ!……”
เสียงฝีเท้าเหยียบลงบนกิ่งไม้ดังจากไกลมาใกล้ จางหุนที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มหนาม ตึงเครียดขึ้นมาทันที
“เขาตามมาแล้วเหรอ?” จางหุนมองกลับไป จับจ้องชายหนุ่มชุดดำ
จางหุนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา มือซ้ายจับคันธนูแน่น “เจ้าหนุ่มนั่นรู้ได้อย่างไรว่าฉันหนีมาทางนี้?”
ระหว่างหลบหนี เขาเปลี่ยนทิศทางหลายครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกตามล่า ทว่าอีกฝ่ายกลับยังคงตามมาได้ สิ่งนี้ทำให้เขายิ่งรู้สึกไม่สบายใจ
ภายในรัศมีการรับรู้ของหลัวซิว แม้จางหุนจะคิดว่าตนซ่อนตัวเป็นอย่างดี แต่สำหรับหลัวซิว กลับไม่ต่างจนคนโง่ที่ใช้กลอุบายล่อลวงคนอื่นทว่าล่อลวงไม่สำเร็จ
ด้วยระยะห่างของทั้งสองที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ นัยน์ตาของจางหุนทอประกายความเหี้ยมโหดขึ้นเรื่อยๆ “บางทีเขาอาจจะบังเอิญตามมาถึงที่นี่ก็ได้ ฉันซ่อนตัวอยู่ที่ไหน เขาไม่มีวันเห็นแน่นอน”
ขณะครุ่นคิด เขาหยิบลูกดอกธนูอาบยาพิษออกมาหนึ่งดอก ง้างธนู เคลื่อนปราณในเงียบๆ
“ตึ้ง!”
จู่ๆ คันธนูก็สั่นเทา ลูกดอกยิงออกไปราวกับแสงไฟสีดำ ฝ่าอากาศพร้อมกับส่งเสียงคำราม
ทว่าจางหุนกลับไม่รู้เลย หลัวซิวเตรียมพร้อมเอาไว้ตั้งแต่แรก เท้าทั้งสองข้างเหยียบกิ่งไม้เบาๆ เคลื่อนตัว ลูกดอกธนูผ่านเสื้อของเขา แล้วปักลงบนต้นไม้เกิดเสียงปึก
“หลบ……หลบได้!?” จางหุนตกใจจนหน้าถอดสี
จากนั้น เสียงกระบี่ออกจากฝักดังขึ้น สิ่งที่เขามองเห็นคือลำแสงเยือกเย็นแล่นผ่าน
กระโดดลงมาบนพื้น มองจางหุนที่นอนจมกองเลือด สีหน้าเจ็บใจ ดวงตาเบิกกว้าง สำหรับหลัวซิวการฆ่าคนอีกครั้ง ยังคงใจสั่นเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับครั้งแรก ดีขึ้นมาก
########################