บทที่ 13 ต้องการพัฒนาให้เร็วขึ้น
ได้ยินมาว่าผลการฝึกยุทธ์หากไต่เต้าไปถึงระดับแดนพรสวรรค์ ก็ถือว่าเกินขีดจำกัดของมนุษย์ทั่วไป และมีอายุยืนยาวได้ถึงสามร้อยปี !
และก่อนที่จะไปถึงระดับแดนพรสวรรค์ ถึงแม้จะเป็นนักยุทธ์แดนฝึกชี่ไห่ ก็จะมีความแข็งแกร่งยิ่งกว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วไป
“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องรีบพัฒนาอย่างรวดเร็วแล้ว !”
เมื่อการทดสอบประจำปีใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ไม่เพียงแต่หลัวซิวจะไม่รู้สึกกังวลใจใด ๆ แต่ในใจของเขากลับยิ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
หมัดเสือมังกรกำลังพัฒนาไปอย่างมั่นคง แม้จะยังอยู่ในแดนบรรลุผล แต่ก็ถือว่าอยู่ไม่ไกลจากแดนบริบูรณ์มากนัก
มีเพียงแค่ท่าร่าง《ก้าวสั้น》เท่านั้นที่พัฒนาไปค่อนข้างช้า ดังนั้นหลัวซิวจึงเพิ่มระดับความยากให้กับตนเอง เขานำหนามแหลมคมไปโรยเอาไว้จนทั่วเขตท่อนซุงที่ฝึกท่าร่าง หากทำเช่นนี้ เมื่อเขาก้าวพลาดเพียงแค่หนึ่งก้าว เขาก็จะต้องตกลงไปและถูกหนามแหลมทิ่มแทงจนบาดเจ็บ
ไม่เพียงแค่นี้ เขายังตัดท่อนซุงแต่ละท่อนให้มีขนาดเล็กลง เพื่อบังคับให้ตนเองก้าวพ้นขีดจำกัดไปได้ !
การฝึกอย่างบ้าคลั่งของเขา ทำให้ดึงดูดความสนใจของบรรดาลูกศิษย์สำนักยุทธ์ในช่วงนี้ได้ไม่น้อย โดยเริ่มต้นจากบรรดาลูกศิษย์ที่เข้ามาฝึกฝนท่าร่างในสถานที่แห่งนี้เป็นผู้นำออกไปบอกเล่า
คนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันในที่ไม่ไกลนักเพื่อมองดูหลัวซิวฝึกฝนท่าร่างอยู่บนท่อนซุงที่ถูกเหลาให้เล็ก เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่บนร่างกายก็ขาดรุ่งริ่ง ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล อีกทั้งบนพื้นด้านล่างก็เต็มไปด้วยหนามแหลมคม และมีเลือดสาดกระจายอยู่ทุกที่ จนปลายหนามแหลมมีสีดำขลับ
“เจ้าหมอนี่อยากตายหรืออย่างไร ?”
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมความแข็งแกร่งของเขาจึงเพิ่มขึ้นรวดเร็วขนาดนี้ การฝึกตนอย่างเอาเป็นเอาตายเช่นนี้ จะไม่ให้พัฒนาอย่างรวดเร็วได้อย่างไร !”
ใครก็ตามที่เห็นการฝึกยุทธ์ของหลัวซิวก็มักจะรู้สึกตกใจ บางคนที่มาจากครอบครัวที่ยากจนเช่นเดียวกันก็ได้รับแรงบันดาลใจ และเริ่มที่จะฝึกฝนความแข็งแกร่งและบำเพ็ญตนอย่างหนัก
บนท่อนซุง หลัวซิวฝึกท่าร่างก้าวสั้นจนถึงจุดสูงสุดของแดนสำเร็จน้อยแล้ว แต่หากจะพูดถึงแดนบรรลุผลนั้น ก็ดูเหมือนจะห่างไกลอยู่อีกหนึ่งก้าว
เขาปิดตาและเคลื่อนไหวอยู่บนท่อนซุงอย่างรวดเร็ว บางครั้งก็กระโดดไปด้านหน้า บางครั้งก็กระโดดไปด้านข้าง บ้างก็กระโดดถอยหลัง เป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่แน่นอน ซึ่งถือเป็นการฝึกฝนโดยใช้กลอุบาย
หากฝึกฝนท่าร่างทักษะยุทธ์โดยใช้กลอุบาย ถึงแม้จะทำจนชำนาญ อย่างมากก็อยู่ได้แค่ระดับขั้นปฐมภูมิ มีเพียงการทำความเข้าใจถึงแก่นแท้ของแนวคิดเท่านั้น จึงจะสามารถก้าวเข้าสู่แดนสำเร็จน้อยได้
แต่ถ้าหากต้องการสำเร็จถึงแดนบรรลุผลหรือแม้กระทั่งแดนบริบูรณ์ จะอาศัยเพียงแค่การเข้าในถึงแก่นแท้เพียงอย่างเดียวไม่ได้ แต่จะต้องอาศัยโอกาสและจังหวะด้วย
บางครั้งอาจสามารถฉวยโอกาสได้อย่างฉับพลัน ทำให้การฝึกยุทธ์ทั้งหมดพ้นขีดจำกัด และบรรลุถึงระดับที่สูงกว่า
การฝึกยุทธ์ไม่มีทางลัด พรสวรรค์และความถนัดถือเป็นสิ่งสำคัญ หัวใจของยุทธ์ โอกาสและจังหวะเองก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญเช่นเดียวกัน
เมื่อก่อนรู้สึกสับสน และไม่รู้ว่าอะไรคือยุทธ์ กระทั่งได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตาย หลัวซิวถึงเป็นผู้ที่เข้าใจในยุทธ์อย่างแท้จริง
ถึงแม้ผลการฝึกตนของเขายังอยู่ในระดับต่ำ แต่เขาก็มีหัวใจของยุทธ์แล้ว !
“แดนบรรลุผล !”
บนท่อนซุง จู่ ๆ ร่างกายของหลัวซิวก็ไม่ขยับ ลมขยับ เมฆขยับ ฟ้าดินขยับ มีเพียงข้าที่ไม่ขยับ !
เขาลืมตาขึ้นทันที แล้วเผยรอยยิ้มที่มุมปากออกมา เขากระโดดลอยออกไปไกล แล้วหายลับไปจากสายตาของทุกคน
“เขาเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก หรือว่าท่าร่างของเขาจะบรรลุถึงระดับแดนสำเร็จน้อยแล้ว ?”
“ได้ยินมาว่าหลัวซิวเลือกรับวิชายุทธ์ระดับ2มาจากหอเก็บหนังสือทั้งหมด3กระบวนท่า ได้แก่ 《วิชาสลับเอ็นหลอมกระดูก》《หมัดเสือมังกร》และ《ก้าวสั้น》”
“《วิชาสลับเอ็นหลอมกระดูก》ถือว่าธรรมดา แต่《หมัดเสือมังกร》และ《ก้าวสั้น》นั้น ถือว่าเป็นวิชายุทธ์ที่ขึ้นชื่อว่ายากที่สุดในวิชายุทธ์ระดับ2 มีหลายคนเคยเลือกฝึกฝน แต่การจะบรรลุถึงระดับปฐมภูมิยังถือเป็นเรื่องที่ยาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแดนสำเร็จน้อย”
“ดูเหมือนครั้งก่อนที่หลัวซิวประมือกับจ้าวเหลี้ยง 《หมัดเสือมังกร》ที่เขาแสดงออกมา สามารถทัดเทียมกับแดนสำเร็จน้อยของทักษะยุทธ์ระดับ3ได้ นั้นหมายความว่าหมัดเสือมังกรของเขาพัฒนาถึงระดับแดนบรรลุผลแล้ว !”
ทุกคนต่างวิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆ นานา ต่างถกเถียงกันถึงความแข็งแกร่งของหลัวซิวในปัจจุบัน แดนบรรลุผลของหมัดเสือมังกรถือเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของทุกคน แต่ท่าร่างฝึกฝนได้ยากกว่าทักษะยุทธ์ ทุกคนจึงรู้สึกว่าแดนบรรลุผลถือว่ามีความเป็นไปได้น้อยอย่างมากคงบรรลุถึงระดับแดนสำเร็จน้อย
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงไม่น้อย หมัดเสือมังกรระดับแดนบรรลุผล ก้าวสั้นระดับแดนสำเร็จน้อย ถึงแม้จะมีผลการฝึกตนอยู่เพียงแค่การกลั่นร่างขั้น5 แต่ด้วยความสามารถโดยรวมที่มี สามารถประมือกับผู้ที่อยู่ในระดับการกลั่นร่างขั้น7ได้อย่างสบาย ๆ
“การกลั่นร่างระดับเจ็ดทัดเทียมกับยอดฝีมือของชั้นกลางแล้ว เด็กคนนี้ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ”
“แต่ต่อให้เขาพยายามมากสักเท่าไหร่ หากต้องการจะเอาชนะจางห่ายก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่ดี เพราะจางห่ายกำลังจะจบการศึกษาแล้ว ถึงเวลานั้นการกลั่นร่างของเขาจะต้องบรรลุถึงระดับการกลั่นร่างขั้น8 การทดสอบในวันนี้ เขาก็จะสามารถก้าวเข้าสู่ชั้นสูงได้แล้ว !”
“ปกติแล้วคนที่จะก้าวเข้าสู่ชั้นสูงของสำนักยุทธ์ได้ ล้วนแล้วแต่เป็นบรรดาหัวกะทิ จ้าวเหลี้ยงและจางห่ายไม่ใช่คนระดับเดียวกันเสียด้วยซ้ำ”
“ตระกูลจางมีอิทธิพลอย่างมากในเมืองชิงหยุน ไม่รู้ว่าตอนนั้นหลัวซิวคิดเช่นไร ถึงได้กล้ามีเรื่องกับคนตระกูลจาง ?”
ถึงแม้การแสดงฝีมือในแต่ละครั้งของหลัวซิวในช่วงนี้จะอยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน แต่ก็ยังไม่มีใครเชื่ออยู่ดีว่าเขาจะสามารถเอาชนะผู้ที่บรรลุถึงการกลั่นร่างขั้น8อย่างจางห่ายได้
เมื่อทักษะยุทธ์และท่าร่างของเขาบรรลุถึงแดนบรรลุผลเรียบร้อยแล้ว หลัวซิวจึงกลับไปยังห้องพักของตนเอง
“เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ผลการฝึกตนของข้าถือว่าพัฒนาขึ้นช้ามาก” ภายในห้อง หลัวซิวขมวดคิ้วแน่น ผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงขั้นสูงสุดของการกลั่นร่างขั้น5แล้ว แต่กลับไม่สามารถบรรลุไปถึงขั้น6ได้
การฝึกยุทธ์ต้องค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปทีละขั้น ๆ โดยมีทั้งสิ้น 9 ขั้น ซึ่งหมายความว่าการที่จะปีนขึ้นสู่ขั้นที่9ได้นั้น แต่ละขั้นล้วนมีความยากที่เพิ่มขึ้น
ความยากลำบากในการฝึกยุทธ์ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่พูดกัน โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมาที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก ทำให้หลัวซิวมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
“ผลการฝึกตนถึงระดับที่ข้าเป็นอยู่ในตอนนี้ จำเป็นจะต้องอาศัยตัวช่วยบางอย่างจึงจะสามารถเพิ่มระดับความเร็วให้สูงขึ้นได้ มิเช่นนั้น ผลการฝึกตนสามารถยกระดับขึ้นได้ แต่อาจจะต้องใช้เวลานานเกินไป”
การฝึกกำลังภายใน หลัวซิวไม่เคยละเลยมาก่อน แต่หากอาศัยเพียงการเคลื่อนไหววรยุทธ์เพื่อซึมซับพลังจิตของปฐพี การเพิ่มระดับของปราณในดูเหมือนจะช้ามาก
วิธีการเสริมในการฝึกยุทธ์ ที่เห็นได้บ่อยที่สุดก็คือยาทิพย์และค่ายกล สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในขั้นของการกลั่นร่าง ยาทิพย์ถือเป็นยาชั้นหนึ่ง และเป็นวิธีการที่ถูกใช้มากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ค่ายกลมีราคาที่แพงกว่า
แต่หลัวซิวรู้ฐานะของตนเองดี ทุกเดือนครอบครัวจะต้องพึ่งพาพ่อ ซึ่งมีรายได้เพียงยี่สิบถึงสามสิบตำลึงแต่ยาฝึกปราณหนึ่งเม็ดนั้น มีราคาหลายแสนตำลึง !
ตัวอย่างเช่นในครั้งนี้ที่จางห่ายเก็บตัวเพื่อบรรลุการกลั่นร่างขั้น8 เขาก็จะใช้ยาฝึกปราณ ค่าใช้จ่ายแต่ละครั้งในการเก็บตัว สูงกว่าที่ครอบครัวสามัญชนคนธรรมดาจะหาได้ทั้งชีวิต
หลัวซิวรู้ดีว่า หาไม่คิดหาวิธีอะไรสักอย่าง การที่เขาจะบรรลุแดนชี่ไห่และกลายเป็นนักยุทธ์อย่างแท้จริง ไม่รู้จะต้องรออีกนานแค่ไหน
การทดสอบที่จะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้ หลัวซิวไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ ถึงแม้จะเป็นการต่อสู้กับจางห่าย เขาเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เช่นกัน เพราะเป้าหมายของเขาอยู่สูงกว่านี้มาก
สิ่งที่นักยุทธ์จำนวนมากคาดหวังที่สุดในชีวิตก็คือการบรรลุถึงแดนฝึกชี่ไห่ หากมีเป้าหมายที่สูงอีกสักหน่อย ก็คือการได้เป็นนักยุทธ์ในแดนพรสวรรค์
แต่หลัวซิวกลับไม่รู้สึกพอใจ เมื่อผนึกรวมกับลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตายแล้ว และได้รับสิทธิพิเศษมากมาย หากเขาไม่สามารถประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในยุทธ์ได้ เขาคงรู้สึกผิดกับตนเองไม่น้อย
“ควรจะต้องทำอะไรบางอย่างแล้ว” หลัวชิวหรี่ตาลง เขาคิดแผนการบางอย่างขึ้นมาในใจ
เมื่อชิงหยุนมีอาณาเขตที่กว้างขวาง มีประชากรอยู่ประมาณหนึ่งแสนคน สำนักยุทธ์ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มีสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกในการฝึกยุทธ์มากที่สุด และยังมีพื้นที่ขนาดใหญ่อีกด้วย
จุดประสงค์ของสำนักยุทธ์คือการฝึกฝนนักยุทธ์วัยหนุ่มสาว และเฟ้นหาผู้ที่มีพรสวรรค์โดดเด่น เพื่อนำตัวไปใช้งานในราชสำนักและนิกายต่าง ๆ
โดยปกติแล้ว ลูกศิษย์ของสำนักยุทธ์จะไม่ออกไปไหน นอกเสียจากว่าตนเองจะเป็นลูกศิษย์ที่อาศัยอยู่ในเมืองชิงหยุน
########################