บทที่ 31 หมาป่าเกราะดำ
หยวนต้าซานได้ฟัง อดไม่ได้ที่จะมีเสียงดังกึกขึ้นมาในใจ สำนักยุทธ์อบรมบ่มเพาะคนหนุ่มสาว แน่นอนว่าย่อมปกป้องนักเรียนของตนเป็นอย่างดี ดังนั้นแม้ในสำนักยุทธ์จะมีความแค้นเคืองต่อกันมากมายแค่ไหน ถ้าฆ่าคนขึ้นมา ไม่ว่านายจะเป็นใครมาจากไหนก็ตายสถานเดียว
แต่ว่าถ้าอยู่ด้านนอก นักเรียนในสำนักยุทธ์ถูกทำร้ายและฆ่าฟัน สำนักยุทธ์จะไม่ไถ่ถาม แต่ว่าถ้าหากสำนักยุทธ์รู้ว่าเป็นการฆาตกรรม เท่ากับทำผิดกฎ จะถูกสำนักยุทธ์ไล่ฆ่า
สำนักยุทธ์เมืองชิงหยุนก่อตั้งมานานกว่าแปดร้อยปีแล้ว เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่น้อย แม้จะเป็นตระกูลที่มีอำนาจก็ถูกถอนรากถอนโคน ฆ่าทั้งตระกูล!
“ลูกพี่วางใจเถอะครับ ผมเข้าใจกฎระเบียบดี” หยวนต้าซานรีบพูด เขารู้ดี ในเมื่อตนเป็นพวกเดียวกับเฉินหู่แล้ว ก็หมดทางเลือกแล้ว
เฉินหู่ ซึ่งก็คือหัวหน้าทีมนี้ จอมยุทธ์!
ที่เขาปาฉี จอมยุทธ์ที่มีทีม ล้วนเป็นทีมล่าอสูรชั้นยอด นักเรียนในสำนักยุทธ์แดนกลั่นคนหนึ่งถูกหมายหัว มีแต่ตายสถานเดียว
……
หลัวซิวไม่รู้ว่าตนโดนหมายหัว เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นแค่เด็กหนุ่มอายุสิบสี่ ประสบการณ์ยังน้อย คิดว่าใส่หมวกสานแล้วคนอื่นจะจำตนไม่ได้
แต่ความเป็นจริงตั้งแต่ตอนที่เขาออกมาจากสำนักยุทธ์ คนของตระกูลจางก็สะกดรอยตามแล้ว
“โฮ่ก!”
ป่าในเขาปาฉีมีเสียงอสูรดังขึ้นเป็นพักๆ ร่างของหลัวซิวเข้าไปในป่า จากการรับรู้ของเขา จำนวนอสูรกายในป่าแห่งนี้ เยอะจนน่าตกใจ
ช่วงเวลาตอนฝึกล่าสัตว์ในเขาสุ่ยวู่ มีบ้างครั้งไม่เจออสูรกายแม้แต่ตัวหนึ่งอยู่หลายวัน แต่ที่นี่ แค่การรับรู้ของหลัวซิว ก็มีอสูรกายยี่สิบกว่าตัวแล้ว
ที่นี่คือบริเวณโดยนอกของเขาปาฉี ในสถานการณ์ทั่วไปไม่มีอสูรกายระดับ2ปรากฎตัว แต่แม้จะเป็นอสูรกายระดับ1 ความแข็งแกร่งก็ต่างกันไม่น้อย มีอสูรกายระดับ1แข็งแกร่งบางตัว ถึงขั้นข้ามระดับฆ่าอสูรกายระดับ2ได้
จากกาสัมผัสลมปราณแห่งชีวิต หลัวซิวสามารถคาดการณ์ความแข็งแกร่งของอสูรกายทุกตัวได้ สุดท้ายจับจ้องไปยังลมปราณแห่งชีวิตหนึ่ง เทียบเท่ากับอสูรเสือหางเหล็กตัวนั้นที่ถูกฆ่าบนเขาสุ่ยวู่ ทัดเทียมเสมอเหมือนการกลั่นร่างขั้น9
แต่ว่าตอนนั้นที่หลัวซิวฆ่าอสูรเสือหางเหล็ก อาศัยวิธีการทำลายผังลายเส้นชีวิต ถ้าใช้ความสามารถของตนในการต่อสู้ หลัวซิวไม่มีวันเป็นคู่ต่อสู้ของอสูรเสือหางเหล็ก
ทว่าเขาในตอนนี้ผลการฝึกตนเพิ่มขึ้นไปถึงการกลั่นร่างขั้น7 ทั้งยังฝึกพลังหยางบริสุทธิ์ได้สำเร็จ ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาก ด้วยเหตุนี้จึงอยากหาอสูรกายตัวหนึ่งมาลองดู
“กรอบแกรบ!”
เท้าเหยียบกิ่งไม้แห้งเบาๆ หลัวซิวลุกขึ้น พุ่งตรงไปยังเป้าหมายที่ตนหมายตาไว้
สำหรับสภาพแวดล้อมในป่า หลัวซิวชินนานแล้ว การเคลื่อนไหวของเขาคล่องแคล่วเหมือนเสือดาว อย่างรวดเร็วก็ไปพุ่งตัวไปใกล้เป้าหมาย ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ หรี่ตาลงแล้วมองไป
นี่คืออสูรหมาป่า แต่ตัวของมันกลับไม่มีคน เป็นเกล็ดสีดำ ใต้แสงสลัวในป่าที่ส่องกระทบทอประกายแวววับ
หมาป่าเกราะดำ อสูรที่โดดเด่นในอสูรกายระดับ1 เก่งกว่าอสูรหมาป่าหลังเหล็กในการสอบของนักล่าอสูรมาก
เวลานี้ กรงเล็บทั้งสองของหมาป่าเกราะดำบดขยี้เหยื่อที่ล่ามาได้จนเลือดนอง กำลังฉีกกินเหยื่อคำใหญ่
“หมาป่าเกราะดำเชี่ยวชาญด้านความเร็วและกรงเล็บที่แหลมคม เอาหมาป่าเกราะดำเป็นอสูรตัวแรกในการฝึกของฉันที่เขาปาฉีแล้วกัน!”
ขณะครุ่นคิด หลัวซิวงอหลัว ฟิ้วพุ่งตัวไปอย่างรวดเร็ว ทะยานตัวออกจากพุ่มไม้
“โฮ่ก!”
หมาป่าเกราะดำเงยหน้าขึ้นร้องคำราม ดวงตาแดงก่ำของหมาป่าจับจ้องไปยังมนุษย์ที่พุ่งทะยานมาหาตน
ทันใดนั้นเอง หมาป่าเกราะดำกระโจนไปหาหลัวซิว ด้วยความเร็วสูง ถึงขั้นเกิดเงาจางๆบนอากาศ โดยเฉพาะกรงเล็บที่ยกขึ้นมากะทันหันนั่น เหมือนดาบที่แหลมคม ฉายแสงเยือกเย็น
หลัวซิวไม่กล้าสู้กันซึ่งหน้า จึงหลบไปอีกอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันเขาก็ลงมือ ใช้หมัดเสือมังกรท่าเสือพิฆาต โจมตีหมาป่าเกราะดำที่อยู่บนอากาศซึ่งไม่สามารถหลบการโจมตีของเขาได้
แต่ในเวลานี้เอง
“ฟิ้ว!”
ลำแสงเยือกเย็นผ่านคอของหลัวซิวไปด้วยความเร็วสูง
“เร็วมาก!” หลัวซิวรีบอาศัยก้าวสั้นของวิชาท่าร่างในการหลบหลีก หมาป่าเกราะดำอยู่บนอากาศไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ แต่ความเร็วในการกวัดแกว่งกรงเล็บสูงมาก
“ท่ามังกรทะยาน!”
หลัวซิวเปลี่ยนกระบวนท่าในทันที กระบวนท่าที่ร้ายกาจ ทะยานไปบนตัวหมาป่าเกราะดำ ต่อยจนมันกลิ้งตัวออกไป
หมัดนี้หลัวซิวไม่ได้ใช้วิธีการทำลายผังลายเส้นชีวิต แต่แม้จะเป็นแบบนี้ ถ้าผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งโดนหมัดนี้ ก็ต้องกระดูกหัก ล้มลงบนพื้นจนยืนไม่ขึ้น ทว่าหมาป่าเกราะดำกลับไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย
“เกล็กแข็งจริงๆ!” หลัวซิวพูดเสียงเยือกเย็น ดึงกระบี่ยาวออกมาจากด้านหลัง
ถึงแม้จะไม่เคยฝึกทักษะยุทธ์ด้านกระบี่มาก่อน แต่ด้วยแรงสนับสนุนของปราณใน แน่นอนว่าพลังในการต่อสู้ย่อมเหนือกว่าหมัด
เห็นหมาป่าเกราะดำกระโจนเข้ามาด้วยความเหี้ยมโหดอีกครั้ง หลัวซิวอาศัยวิชาท่าร่างบรรลุผลหลบไม่หยุดหย่อน ใช้กระบี่ที่ได้ปราณในส่งเสริม ปะทะกับกรงเล็บหมาป่าไม่หยุด เสียงปะทะกันดังก้องไปทั่วผืนป่า
หมาป่าเกราะดำคำรามเสียงเบา กรงเล็บจิกลงบนพื้นดิน ทันใดนั้นเองกระโจนเข้ามาเร็วเหมือนลูกดอกธนู
สัมผัสได้ถึงลมที่ร้ายกาจซึ่งกำลังปะทะเข้ามา หลัวซิวกระตุกมุมปากหัวเราะเยือกเย็น จากการปะทะหยั่งเชิงเมื่อกี้ เขาพอจะอ่านกระบวนท่าของสัตว์เดรัจฉานตัวนี้ได้แล้ว
ถึงอย่างไรอสูรกายก็คืออสูรกายอยู่วันยังค่ำ ถึงแม้จะฉลาดกว่าอสูรป่า แต่วิธีการต่อสู้โดยมากขึ้นอยู่กับสัญชาตญาณ ไม่มีแผนการแต่อย่างใด
เห็นหลัวซิวย่อเท้าทั้งสองข้างลง ร่างของเขาแทบจะแนบติดกับพื้น วินาทีที่หมาป่าเกราะดำกระโจนมา กระบี่ชิงเฟิงในมือจู่โจมกะทันหัน แทงคอของหมาป่าเกราะดำ
“ซว่า!”
กระบี่ชิงเฟิงที่ได้ปราณในสนับสนุนทำให้ทรงพลังอย่างมาก เลือดสีแดงสดพลุ่งพล่านออกมา หมาป่าเกราะดำล้มลงไกลออกไปสามเมตร เสียงตึ้งดังขึ้น ล้มลงบนพื้น ลมปราณแห่งชีวิตแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนระทวย
เลือดสีแดงสดไหลออกมาไม่หยุด ดินโดยรอบศพหมาป่าแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว
นี่คือข้อดีของอาวุธ ถ้าไม่มีกระบี่ชิงเฟิง หลัวซิวอยากจะใช้หมัดทำร้ายหมาป่าเกราะดำจนตาย ไม่รู้ว่าต้องเปลืองแรงเท่าไหร่ถึงจะทำได้
ทว่ากระบี่ชิงเฟิงยังคงเป็นอาวุธธรรมดาทั่วไปเท่านั้น ถ้าเป็นนักรบ แม้จะเป็นกระบี่ชั้นล่าง ไม่ใช้ปราณในเข้าช่วย ก็สามารถฆ่าอสูรกายระดับ1ได้อย่างง่ายดาย
สิ่งที่มีมูลค่ามากที่สุดของหมาป่าเกราะดำคือกรงเล็บและเขี้ยวหมาป่า เกล็ดสีดำนั่นก็สามารถขายได้ แต่ว่ายุ่งยากในการเก็บ หลัวซิวจึงถอดใจ
เก็บชิ้นส่วนหมาป่าเข้าไปในห่อผ้า หลัวซิวขมวดคิ้วเป็นปม เพราะว่าการรรับรู้ของเขา มีลมปราณของนักยุทธ์หลายคน กำลังใกล้เข้ามาหาเขาเป็นทรงครึ่งวงกลม เหมือนกำลังล้อมวง
ความเป็นตรงตั้งแต่ตอนแรกที่เข้ามาในเขาปาฉี หลัวซิวก็สัมผัสคนพวกนี้ได้แล้ว แต่ว่านักยุทธ์ที่มาล่าอสูรในเขาปาฉีมีไม่น้อย เขาจึงไม่ได้สนใจ
แต่ว่าลมปราณของคนพวกนี้อยู่รอบๆ มาโดยตลอด ทั้งยังเข้าใกล้ตนโดยการล้อมเข้ามา จึงทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัย
ในพุ่มหนาม หลัวซิวซ่อนตัวอยู่ด้านใน หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง ได้ยินเสียงฝีเท้า จากไกลเข้ามาใกล้
ห่างจากที่ที่หลัวซิวซ่อนตัวไม่ไกลมาก ศพของหมาป่าเกราะดำนอนจมกองเลือด อสูรเสือหางเหล็กที่ได้กลิ่นคาวเลือดกำลังฉีกกินเนื้อคำโต
ทันใดนั้นเอง สิ่งที่หลัวซิวมองเห็น มีร่างหนึ่งปรากฏตัว “คือเขา?”
หลัวซิวเห็นคนคนนี้ สวมเสื้อเกราะสีขาว สะพายหอกเหล็ก ซึ่งคือคนที่ก่อนหน้านี้เจอที่ที่พัก อีกทั้งตอนนั้นคนคนนี้ยังยิ้มให้เขา
########################