บทที่ 98 เชิญเข้าแก๊ง
“ไม่แปลกที่หลัวซิวจะสามารถผงาดขึ้นได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ เวลาเพียงครึ่งปีสามารถเลื่อนจากการกลั่นร่างขั้น 2 ขึ้นมาถึงชี่ไห่ขั้น 3 ได้ แสดงว่าเขาจะต้องมีโชคไม่เลว ไม่อย่างนั้นแล้วคงจะไร้คำอธิบายว่าทำไมเขาถึงเลื่อนขั้นการฝึกได้รวดเร็วขนาดนั้น”
“อีกอย่างเขายังใช้พลังชี่ไห่ขั้น 3 เอาชนะชี่ไห่ขั้น 7 ได้อย่างสบายๆ ความโชคดีที่เขาได้รับอาจเป็นมรดกและทรัพย์สมบัติที่มาจากราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่ง”
สีหน้าของลู่เฟยเฉินหมองคล้ำอย่างน่ากลัว เขาเสียดายที่ไม่ได้จัดการหลัวซิวตั้งแต่ที่เมืองหยุนหลง
แต่ไม่นานนักลู่เฟยเฉินก็เริ่มสงบลงแล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้มลึก “แก๊งนักล่าอสูรไม่มีทางคุ้มครองหลัวซิวตลอดไปได้ ภารกิจรางวัลนำจับก็มีวันสิ้นสุดลง ถึงตอนนั้นขอแค่เขาอยู่ในเขตการปกครองหยุนหลงแห่งนี้ อย่างไรเขาก็ต้องตาย”
“หากเขาใช้ค่ายวาร์ปหนีออกจากเขตการปกครองหยุนหลง นั่นก็เท่ากับว่าเขาจะไม่มีผลอะไรต่อแผนการของเขาอีก ขอแค่ได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสโกว ทั้งสาม และท่านอาจารย์สามารถครองตำแหน่งเจ้าสำนักได้ ข้าก็จะมีโอกาสที่จะเข้าสู่แดนราชายุทธ์”
นี่คือแผนการในใจของลู่เฟยเฉิน ส่วนเรื่องที่ลูกสาวของเขาลู่เมิ่งเหยาจะรู้ความจริงทั้งหมดเข้าสักวันหรือไม่นั้น นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจจะควบคุมได้
การที่เขาได้เข้าสู่แดนราชายุทธ์ นั่นเท่ากับความปรารถนาและแผนการชั่วร้ายของเขาประสบความสำเร็จ
……
เมืองชิงหยุน
เมื่อกลับถึงแก๊งนักล่าอสูร เย่เซี่ยงโต่วใช้ค่ายวาร์ปเดินทางมาที่สาขาของแก๊งนักล่าอสูรในเมืองหยุนหลง
ในห้องลับ ปรมาจารย์โลกยุทธ์อย่างเย่เซี่ยงโต่วได้เข้ามาพบกับท่านหัวหน้าแก๊งนักล่าอสูรสาขาเขตการปกครองหยุนหลง
สาขากลุ่มย่อยของแก๊งนักล่าอสูรเองก็มีการแบ่งระดับเอาไว้อย่างละเอียดเช่นกัน โดยจะแบ่งคร่าวๆ เอาไว้ 9 ขั้น ขั้น 1 คือระดับต่ำสุด ส่วนขั้น 9 คือระดับสูงสุด ส่วนสาขาที่อยู่ในขั้น 9 ขึ้นไปจะเป็นศูนย์ใหญ่
ประเทศเทียนหวูมีทั้งหมด 8 เมือง13 เขต ใน13 เขตนี้ แต่ละเขตจะมีสาขาขั้น 1 ที่คอยปกครองกลุ่มย่อยมากมาย และส่วนมากจะเป็นกลุ่มย่อยขั้น 1 ทั่วๆ ไป
ส่วนใน 8 เมืองนั้น แต่ละเมืองจะมีสาขาขั้น 2 มีเพียงประเทศเทียนหวูที่มีฮ่องเต้เท่านั้นถึงจะมีสาขาขั้น 3
เนื่องด้วยระดับขั้นของสาขากลุ่มย่อยแตกต่างกัน ผู้ที่จะครองตำแหน่งหัวหน้าแก๊งย่อมมีความสามารถที่แตกต่างกันค่อนข้างมากด้วย
กลุ่มย่อยในเมืองชิงหยุนมีเพียงกลุ่มย่อยระดับต่ำที่สุดนั่นคือขั้น 1 โดยมีเย่เซี่ยงโต่วปรมาจารย์โลกยุทธ์ของแดนฝึกจิตขั้น 3 เป็นผู้ปกครอง จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าแก๊งนักล่าอสูรในภาพรวมทั้งหมดนั้นมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่มากเพียงใด
สาขาที่เขตการปกครองหยุนหลง ผู้เป็นหัวหน้ามาจากแดนราชายุทธ์ขั้น 3 ภายในเขตการปกครองหยุนหลงทั้งหมด มีเพียงเจ้าสำนักเซียวเหยาเท่านั้นที่ฝึกตนได้ในระดับเท่ากัน แต่เนื่องด้วยฐานะพิเศษของแก๊งนักล่าอสูร เมื่อเจ้าสำนักเซียวเหยาพบหน้ากับท่านหัวหน้าแก๊งคราวใดมักจะวางตัวต่ำต้อยกว่าทุกครั้ง
“เด็กน้อยที่ฝึกชี่ไห่ขั้น 3 ที่ท่านว่าสามารถใช้ดาบเร็วและฆ่าชี่ไห่ขั้น 7 ตายได้ภายในเสี้ยววินาทีงั้นหรือ”
เมื่อหัวหน้าแก๊งของสาขาเขตการปกครองหยุนหลงฟังเย่เซี่ยงโต่วเล่าจบ ดวงตาของเขาพลันหรี่เล็กลงด้วยความรู้สึกสนอกสนใจ
ท่าทางของหัวหน้าแก๊งผู้นี้ดูราวกับชายวัยกลางคนอายุ 40กว่าปี ร่างของเขาใส่ชุดยาวแบบนักปราชญ์ ดูแล้วสง่านุ่มลึกสูงส่งเหนือธรรมดา
“เป็นจริงเช่นนั้น” เย่เซี่ยงโต่วกล่าวอย่างนอบน้อม จากนั้นจึงหยิบหนังสือออกมาหนึ่งเล่มแล้วเอ่ยว่า “นี่คือรายงานที่กระผมรวบรวมเอาไว้เกี่ยวกับหลัวซิว”
นักปราชญ์ชายวัยกลางคนยกมือ ลมเย็นก่อตัวไร้รูปร่างหอบเอาหนังสือเล่มนั้นมาวางไว้บนฝ่ามือ
เขาใช้มือพลิกเปิดไปมา จากนั้นจึงเริ่มขมวดคิ้ว “อายุสิบสี่ฝึกชี่ไห่ขั้น 3? ความสามารถของเขาก็ทั่วๆ ไป”
ใครก็ตามที่ได้ยินประโยคนี้ก็คงจะอึ้งจนพูดไม่ออก เพราะเด็กอายุสิบสี่ที่ฝึกถึงชี่ไห่ขั้น 3 นั้นต่อให้อยู่ในสำนักเซียวเหยาก็นับว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ไม่เลวแล้ว
แต่สำหรับนักปราชญ์ชายวัยกลางคนผู้นี้กลับบอกว่าทั่วไป
แต่เมื่อเขาอ่านต่อไป สีหน้าของเขาก็เริ่มมีหลากหลายอารมณ์ “น่าสนใจ น่าสนใจ……”
“อายุสิบขวบถึงสิบสามขวบฝึกได้แค่การกลั่นร่างขั้น 2 แต่ภายในเวลาสั้นๆ เพียงครึ่งปีกลับก้าวกระโดด เด็กคนนี้ต่อให้มีของสะสมเอาไว้แล้วค่อยๆ ปล่อย พรสวรรค์ในการฝึกยุทธ์ถูกค้นพบค่อนข้างช้า แสดงว่าจะต้องได้รับโอกาสที่ไม่เลว”
นักปราชญ์ชายกลางคนยิ้มพลางเอ่ยชม จากนั้นจึงมองไปที่เย่เซี่ยงโต่ว “เจ้าบอกว่าเขามีวิชายุทธ์ระดับ 6 และกระบี่ยุทธ์ชั้นล่างงั้นรึ”
“ใช่ครับ” เย่เซี่ยงโต่วกล่าวอย่างนอบน้อม
“นักยุทธ์ระดับชั้นล่าง โดยส่วนมากแล้วมักจะอยู่ในการครอบครองของแดนผู้ชนะ แต่ก็มีปรมาจารย์โลกยุทธ์บางรายและผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่จะมี การได้รับโอกาสเช่นนี้ในเขตการปกครองหยุนหลงเล็กๆ นี่ ถือว่าเด็กคนนี้ดวงชะตาไม่เลว”
นักปราชญ์ชายยังคงยิ้มแล้วกล่าวต่อไปว่า “แต่โอกาสก็คือโอกาส หากไม่มีความสามารถเพียงพอ ต่อให้มีโอกาสใหญ่จากฟ้ามาวางอยู่ตรงหน้าก็คงไม่มีวาสนาได้ใช้”
“ใช่ครับ กระผมเองก็คิดว่าหลัวซิวผู้นี้ความสามารถไม่เลว ควรค่าแก่การปลูกฝัง จึงนำมาแนะนำกับท่านหัวหน้าแก๊ง” เย่เซี่ยงโต่วกล่าว
อำนาจของแก๊งนักล่าอสูรยิ่งใหญ่กว้างไกล แน่นอนว่าต้องมีผู้แข็งแกร่งสนับสนุน ดังนั้นจึงต้องเปิดรับผู้มีพรสวรรค์เข้ามาปลูกฝัง เพื่อก่อร่างฐานะของแก๊งนักล่าอสูรขึ้นมา
ทว่าแก๊งนักล่าอสูรกำหนดคุณสมบัติของผู้มีพรสวรรค์เอาไว้สูงมาก ผู้มีพรสวรรค์ที่ถูกยกย่องให้เป็นคนสำคัญของสำนักเซียวเหยายังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่แก๊งนักล่าอสูรจะยอมรับ
นักปราชญ์ชายพยักหน้า “หากดูจากตอนนี้ หลัวซิวผู้นี้ก็พอจะมีคุณสมบัติให้ได้รับเลือกเป็นสมาชิกอยู่ หากนับจากการแบ่งระดับขั้นพรสวรรค์แล้วจึงจัดให้อยู่ในขั้นเหลืองระดับล่าง ชั่วคราว”
เขามองไปทางเย่เซี่ยงโต่ว “เรื่องนี้ขอไหว้วานเจ้าช่วยไปบอกเขาด้วย”
“ครับ” เย่เซี่ยงโต่วเอ่ยตอบอย่างเคารพ
หลังจากเย่เซี่ยงโต่วออกไปแล้ว นักปราชญ์ชายจึงวางหนังสือที่เกี่ยวกับหลัวซิวลงแล้วยิ้ม “เรามาปกครองที่กลุ่มย่อยในเขตการปกครองหยุนหลงมาเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอผู้มีพรสวรรค์ที่ควรค่าแก่การสั่งสอน หวังว่าเด็กหนุ่มผู้นี้คงจะไม่ทำให้ข้าต้องผิดหวัง”
ในเวลาเดียวกัน ที่แก๊งนักล่าอสูรสาขาเมืองชิงหยุน หลัวซิวกำลังปลอบโยนพ่อแม่และพี่สาวของตนเองอยู่
พวกเขาเป็นคนธรรมดาที่ไม่พร้อมสำหรับการฝึกยุทธ์ เรื่องน่าตกใจเช่นนี้ ต่อให้พวกเขาถูกช่วยออกมาแล้วก็ยังมีอาการขวัญเสียอยู่บ้าง
“ก๊อกๆๆ”
ตอนนั้นเอง เสียงเคาะประตูดังขึ้น หลัวซิวเปิดประตูห้องออกจึงเห็นผู้แข็งแกร่งปรมาจารย์โลกยุทธ์เย่เซี่ยงโต่ว
“หลัวซิว เจ้าตามเรามา” เย่เซี่ยงโต่วเอ่ยปาก
หลัวซิวเดินตามเย่เซี่ยงโต่วไปด้วยความสงสัยจนมาถึงห้องสงบเงียบห้องหนึ่ง
“นั่งสิ” เมื่อเย่เซี่ยงโต่วนั่งลงจึงชี้ไปยังเก้าอี้ตรงข้ามตัวเอง
หลัวซิวไม่ได้ปฏิเสธเพียงกล่าวขอบคุณแล้วนั่งลงตรงข้ามเย่เซี่ยงโต่ว
“หลัวซิวเมื่อครู่นี้ข้าไปที่กลุ่มย่อยที่เขตการปกครองหยุนหลงมา ข้าได้เล่าเรื่องของเจ้าให้ท่านหัวหน้าแก๊งของกลุ่มย่อยฟัง”
เย่เซี่ยงโต่วเอ่ยปาก “ข้าคิดว่าความสามารถของเจ้าไม่เลว เลยแนะนำเจ้ากับท่านหัวหน้าแก๊งกลุ่มย่อย ท่านหัวหน้าแก๊งได้ตอบตกลงรับเจ้าเข้าเป็นสมาชิกของแก๊งนักล่าอสูร”
“ข้าจะบอกไว้เจ้ารู้อย่างหนึ่ง มีเพียงท่านหัวหน้าแก๊งของกลุ่มย่อยเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์รับผู้มีพรสวรรค์เข้าเป็นสมาชิก เมืองหยุนหลงร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ยังไม่มีผู้ใดมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับคัดเลือก”
หลัวซิวได้ยินดังนั้นก็ตกใจ “รับผมเป็นสมาชิกภายในของแก๊งนักล่าอสูรรึ”
“ถูกต้อง แก๊งนักล่าอสูรของพวกเรายืนหยัดอยู่บนโลกใบนี้ได้ จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้แข็งแกร่ง และผู้แข็งแกร่งก็มาจากผู้มีพรสวรรค์ที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นมา”[1][1]
########################