มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 119 หุบเขากุ่ยอิน

บทที่ 119 หุบเขากุ่ยอิน

 

 

 

บทที่ 119 หุบเขากุ่ยอิน

 

ทุกวันนี้หลัวซิวคือที่พึ่งเดียวของเธอ

หลัวซิวใช้มือโอบลู่เมิ่งเหยาเอาไว้ เพื่อให้เธอเข้ามาใกล้ตัวเขามากขึ้น เช่นนี้แล้วเธอจะได้ไม่ถูกความเย็นยะเยือกปกคลุม

“ผมคิดว่า พวกเราคงเดินหลงเข้ามาในหุบเขากุ่ยอินแล้วล่ะ” หลัวซิวกล่าวเสียงเครียด

จากแผนที่คร่าวๆ ของเทือกเขากวนเหลยที่เขาได้รับมา เทือกเขากุ่ยอินเป็นพื้นที่ที่มีสัญลักษณ์สีแดงปรากฏ และสัญลักษณ์สีแดงในแผนที่นั้นหมายถึงพื้นที่อันตราย

“เทือกเขากุ่ยอิน?” สีหน้าของลู่เมิ่งเหยาเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ

เทือกเขากวนเหลยตั้งอยู่ระหว่างพื้นที่ของเขตการปกครองหยุนหลงกับโตว้ไห่ และเป็นสถานที่ที่มีจอมยุทธ์ของทั้งสองเขตการปกครองมารวมตัวกันมากที่สุด

ณ เทือกเขากวนเหลยแห่งนี้มีพื้นที่อันตรายสองจุดด้วยกัน หุบเขากุ่ยอินคือหนึ่งในนั้น และเป็นสถานที่ที่จอมยุทธ์จากทั้งสองเขตการปกครองเพียงได้ยินชื่อก็ขนลุกซู่

ทั้งหุบเขานี้ปกคลุมทั่วไปด้วยหมอกสีดำ ที่เต็มไปด้วยพลังงานเห็นความตาย

จากการรับรู้ของลูกแก้วความเป็นตาย หลัวซิวจึงมุ่งหน้าเข้าไปในพื้นที่ลึกขึ้นของหุบเขากุ่ยอิน

“ตามผมมา”

หลัวซิวดึงมือของลู่เมิ่งเหยาเอาไว้ คนทั้งสองเดินไปตามการรับรู้ของลูกแก้วความเป็นตายด้วยความระมัดระวัง

ในเมื่อตอนนี้ยังหาทางออกไม่เจอ หลัวซิวจึงถือโอกาสนี้เดินเข้าไปในเทือกเขาอินกู่ลึกขึ้น ในหมอกสีดำนี้เต็มไปด้วยพลังความตาย สำหรับจอมยุทธ์คนอื่นนี่อาจทำให้พวกเขาถึงแก่ความตายได้เลย แต่สำหรับหลัวซิวที่ครอบครองลูกแก้วความเป็นตายเอาไว้นั้น กลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

เมื่อเห็นว่าหลัวซิวลากตนเองเข้าไปยังพื้นที่ลึกขึ้นของหุบเขากุ่ยอิน ร่างของลู่เมิ่งเหยาก็ยิ่งหนาวสั่น แต่ว่าเธอเองก็รู้ดีว่าตอนนี้ยังไม่รู้ว่าทางออกอยู่ที่ใด จึงได้แต่เดินตามหลัวซิวไปติดๆ จนร่างกายของทั้งสองแทบจะแนบกันสนิท

“ฮี่ๆ ……”

เกิดเสียงหัวเราะชั่วร้ายดังออกมาจากพื้นที่ลึกเข้าไปของหุบเขา ราวกับว่าเสียงหัวเราะนี้ดังออกมาจากทุกทิศทุกทาง หมอกสีดำรอบตัวก็เริ่มเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นมา พลังความตายอันหนาวยะเยือกก็ยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ

“ตัวอะไรลับๆ ล่อๆ อยู่น่ะ” หลัวซิวตวาดออกไป

และในตอนนั้นเอง หมอกที่ลอยวนอยู่บริเวณรอบๆ กลับแปรเปลี่ยนเป็นหัวกะโหลกขนาดมหึมา แล้วอ้าปากปล่อยพลังดูดกลืนวิญญาณมวลใหญ่ออกมา

“อ้า……”

ลู่เมิ่งเหยาส่งเสียงหวาดผวา ข้อแรกเป็นเพราะเธอตกใจหัวกะโหลกสีดำขนาดมหึมาอันนั้น และอีกข้อหนึ่งคือพลังดูดกลืนวิญญาณนั้นแข็งแกร่งมาก หากโดนหัวกะโหลกนั้นดูดกลืนเข้าไป มีแต่เบื้องบนเท่านั้นที่จะรู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

หลัวซิวชักกระบี่เงามืดออกมาแล้วปักลงพื้น ทว่าพลังดูดกลืนวิญญาณอันแข็งแกร่งนั้นยังคงลากตัวเขาเข้าไป กระบี่เงามืดที่ปักอยู่บนพื้นจนเกิดเป็นร่องก็ยังคงถูกดูดจนเคลื่อนที่เข้าใกล้หัวกะโหลกมากขึ้นเรื่อยๆ

หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะต้องถูกหัวกะโหลกอันนี้ดูดกลืนเข้าไปอย่างแน่นอน เพียงแต่จะเป็นเมื่อไหร่ก็เท่านั้น

ตอนนี้ในหัวของหลัวซิวจึงปรากฏภาพผังกฎดั้งเดิมภาพแรกขึ้น จุดตันเถียนชี่ไห่ของวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพกำลังหมุนวนอย่างรวดเร็วในนาทีนี้

“ตราแห่งความเป็นตาย!”

หลัวซิวใช้นิ้วบีบเอาไว้แน่น พลังความเป็นตายสีขาวสลับดำปะทุออกมา บริเวณหน้าอกของเขาเกิดภาพเสมือนวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพกระจุกหมุนวนอยู่

ภาพวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพเคลื่อนที่พุ่งไปข้างหน้าตามมือของหลัวซิวที่ผลักออกไป และเข้าไปปะทะกับหัวกะโหลกที่หลอมรวมมาจากหมอกสีดำนั้น

ตู้ม!

หลังจากเกิดเสียงดังสนั่น หัวกะโหลกสีดำขนาดมหึมาอันนั้นพลันแตกระเบิดแหลกละเอียด พลังความเป็นตายเย็นเยียบพุ่งเข้าใส่หลัวซิวอย่างต่อเนื่อง และยังเข้าไปในร่างกายของเขาด้วย

พลังงานทั้งหมดนี้ถูกลูกแก้วความเป็นตายดูดกลืนเข้าไปจนหมด จากนั้นจึงพ่นทั้งพลังความเป็นและความตายออกมาหมุนวนอยู่ในเส้นลมปราณและกระจายทั่วทั้งร่างกาย

ฉึก……

ราวกับภายในร่างกายมีโซ่ตรวนถูกปลดล็อกออก ร่างกายของหลัวซิวลอยขึ้นสูง การฝึกตนของเขาพลันบรรลุถึงขั้นชี่ไห่ขั้น 6

“อย่างนี้นี่เอง”

สายตาของหลัวซิวเปล่งประกายวิบไหว เขาค้นพบว่าหมอกสีดำที่ปะทุออกมาจากหุบเขานี้มีพลังแห่งความตายอยู่ เขาอาศัยลูกแก้วความเป็นตายดูดรับเข้าไปแล้วกลั่นแปรเอามาใช้กับตนเพื่อช่วยในการฝึกตนได้

ของที่ช่วยในการยกระดับการฝึกตนนี้ดีกว่าการดูดกลืนพลังฟ้าดินเข้าไปหลายเท่านัก ไม่เช่นนั้นแล้วการฝึกตนของเขาคงไม่บรรลุชี่ไห่ขั้น 6 ได้รวดเร็วขนาดนี้

“พลังความเป็นตาย? แค่จอมยุทธ์ชี่ไห่ธรรมดาคนหนึ่งแท้ๆ ถึงขั้นสามารถควบคุมพลังความเป็นตายได้เลยรึ” มีเสียงประหลาดใจดังสะท้อนออกมาจากด้านลึกสุดของหุบเขา

“พวกเล่นตุกติก!” มุมปากของหลัวซิวปรากฏรอยยิ้มเย็น จากนั้นจึงพาลู่เมิ่งเหยามุ่งหน้าลึกเข้าไปในหุบเขา

พลังแห่งความตายเป็นสิ่งน่ากลัวสำหรับจอมยุทธ์คนอื่น แต่สำหรับเขาแล้วกลับเป็นของบำรุง เมื่อเขากำราบสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขากุ่ยอินได้ หลัวซิวจึงไม่มีความจำเป็นต้องกลัวอะไรอีก

วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพหมุนวนอย่างรวดเร็วในจุดตันเถียนชี่ไห่ ในสถานที่ที่หลัวซิวเคลื่อนกายผ่านไป หมอกสีดำได้แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของเขาเรื่อยๆ ทำให้การฝึกตนของเขายกระดับจากชี่ไห่ขั้น 6 ช่วงต้นเป็นชี่ไห่ขั้น 6 ช่วงกลาง และยังคงกำลังยกระดับเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ

ผ่านไปพักใหญ่ หลัวซิวก็เข้าไปอยู่ในส่วนลึกของหุบเขาและเห็นถ้ำแห่งหนึ่ง พลังแห่งความตายที่ลอยปกคลุมอยู่บนหุบเขาแห่งนี้มีต้นกำเนิดมาจากถ้ำนี้นั่นเอง

หลัวซิวไม่ฝืนบุกเข้าไปในถ้ำแห่งนี้ แต่กลับนั่งคุกเข่าลงบนพื้นแล้วใช้พลังงานทั้งหมดโคจรวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ

ผังกฎดั้งเดิมที่เก้าของวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ ในความเป็นจริงแล้วมีความมหัศจรรย์ของวิชายุทธ์แฝงอยู่ในนั้น หลัวซิวตระหนักถึงความมหัศจรรย์นั้นจึงรวมเข้ากับพลังหยางบริสุทธิ์จนเป็นหนึ่ง

อันที่จริงวรยุทธ์อย่างพลังหยางบริสุทธิ์นั้น สิ่งที่ฝึกฝนคือปราณหยางบริสุทธิ์ แต่เป็นเพราะลูกแก้วความเป็นตายของหลัวซิว การโคจรดั้งเดิมของพลังหยางบริสุทธิ์เมื่อถูกเปลี่ยนเส้นทางแล้ว สิ่งที่ฝึกฝนออกมาได้จึงกลายเป็นปราณเป็นตาย 2 ระดับ

ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า อันที่จริงแล้ววรยุทธ์ที่หลัวซิวฝึกฝนนั้นไม่ใช่พลังหยางบริสุทธิ์อีกแล้ว

เมื่อมีการโคจรของวรยุทธ์ หมอกสีดำบนหุบเขาแห่งนี้จึงเคลื่อนที่รวมเข้าสู่หลัวซิวอย่างบ้าคลั่ง รอบกายของเขาจึงปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำ

ลู่เมิ่งเหยาไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็พบว่าตัวเองไม่ได้ถูกไอเย็นยะเยือกโจมตีอีกแล้ว จึงมั่นใจว่าหลัวซิวจะต้องวางแผนอะไรบางอย่างไว้แน่ๆ ดังนั้นจึงยืนคอยคุ้มกันอยู่ข้างกายเขา แล้วมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง

ภายในชั่วระยะเวลาสั้นๆ หมอกสีดำในหุบเขาก็ถูกหลัวซิวดูดรับเข้าไปจนเริ่มเบาบางลง

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังเข้ามาในหูของหลัวซิวว่า “หยุดเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องดูดรับเข้าไปอีกแล้ว”

หลัวซิวแค่นหัวเราะ เขาไม่ใส่ใจสิ่งที่ได้ยิน จากนั้นจึงดูดหมอกดำบนหุบเขาแห่งนี้ไปจนหมด หมอกโดยส่วนมากจะถูกลูกแก้วความเป็นตายดูดรับลงไป มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ถูกลูกแก้วความเป็นตายแปรเปลี่ยนกลายเป็นปราณเป็นตาย 2 ระดับ และทำให้การฝึกตนของเขายกระดับไปถึงชี่ไห่ขั้น 7

หลัวซิวยังคงไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เขายังโคจรวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ พลังแห่งความตายที่สมบูรณ์มากกว่าหมอกสีดำก็ได้ฟุ้งกระจายออกมาจากถ้ำ และโดนหลัวซิวดูดกลืนเข้าไปในช่วงระยะเวลาสั้นๆ

“หนุ่มน้อย อย่าลงมือเกินไปนักเลย หากแกยังคิดจะออกไปจากที่นี่ ฉันแนะนำให้แกหยุดได้แล้ว”

เสียงที่ดังลอดออกมาจากถ้ำมีเจตนาที่จะข่มขู่ชัดเจน “หุบเขาแห่งนี้ ฉันได้ใช้ค่ายกลปิดตายเอาไว้แล้ว ส่วนแกเป็นแค่จอมยุทธ์ชี่ไห่ ต่อให้ผู้ที่อยู่ในแดนราชายุทธ์ หากไม่มีนักค่ายกลขั้น 6 คอยช่วยเหลือก็อย่าหวังเลยว่าจะออกจากที่นี่ไปได้”

“แล้วทำไมข้าต้องเชื่อคำพูดแกด้วยล่ะ เจ้าจะปล่อยข้าออกไปง่ายๆ เชียวรึ” หลัวซิวยิ้มแค่นยิ้ม

“เฮอะ ข้าซูจิ้งหยุนเป็นจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่งไม่มีความจำเป็นอะไรต้องหลอกจอมยุทธ์ชี่ไห่ตัวเล็กๆ” น้ำเสียงแข็งกระด้างดังก้องออกมาจากภายในถ้ำ

“จักรพรรดิยุทธ์?” หลัวซิวหรี่ตา ในการแบ่งแดนฝึกตนของโลกยุทธ์ ลำดับต่อจากราชายุทธ์ นั่นก็คือจักรพรรดิยุทธ์

เขตการปกครองหยุนหลงอันกว้างใหญ่ไม่มีจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่งสักคน สำนักเซียวเหยาที่มีอำนาจล้นฟ้าก็ยังมีเพียงราชายุทธ์ที่นั่งบัลลังก์เท่านั้น

อำนาจของเขตการปกครองโตว้ไห่ยิ่งใหญ่กว่าเขตการปกครองหยุนหลง แต่ตามที่หลัวซิวเคยรู้มา ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดยังเป็นเพียงราชายุทธ์ขั้น 7 เท่านั้น

สำหรับจักรพรรดิยุทธ์ผู้แข็งแกร่งนั้น ว่ากันว่ามีเพียงแผ่นดินแปดเมืองของประเทศเทียนหวู รวมทั้งเมืองของประเทศเทียนหวูเท่านั้นที่มี

 

########################
 

 

 

 

 

 

 

 

 

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท