มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 155 จักรพรรดิ์ยุทธ์เทียนเฟิ่ง

บทที่ 155 จักรพรรดิ์ยุทธ์เทียนเฟิ่ง

 

 

 

 

 

บทที่ 155 จักรพรรดิ์ยุทธ์เทียนเฟิ่ง

 

ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลัวซิวพบหลุมต้นไม้ที่ซ่อนอยู่ในบริเวณใกล้เคียง

ที่นี่คือรอบนอกของเทือกเขากวนเหลย อสูรกายที่คอยรบกวนอยู่นั้น พลังที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือระดับพรสวรรค์

แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ หยิบเอาผังค่ายคุ้มกันระดับห้าและชิ้นส่วนหินพลังจิตระดับกลาง เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด

ในโพลงต้นไม้ หลัวซิวนั่งขัดสมาธิ นำเอาหินพลังจิตระดับกลางนับร้อยชิ้นออกมา เริ่มใช้ค่ายผนึกปราณ

การกลั่นร่าง ไม่เพียงแต่ต้องผนึกรวมเลือดปราณชุบร่างเนื้อ ยังต้องมีพลังฟ้าดินจิตมากพอเพื่อมาบำรุงร่างกาย

หยิบเอาลูกแก้วโลหิตระดับฝึกจิตออกมาจากแหวนเก็บของ ตลอดสามวันมานี้มีลูกแก้วโลหิตระดับฝึกจิตเหลืออยู่สิบเจ็ดลูก หลัวซิวกลืนลงไปแล้วสี่ลูก และวันนี้คือลูกที่ห้า

ครึ่งชั่วโมงต่อมา กลั่นแปรลูกแก้วโลหิตระดับฝึกจิตลูกที่ห้า ลมหายใจอสูรกายเข้าผสมวูบวาบอยู่ในร่างกาย แต่ด้วยการกัดเซาะของพลังปราณเป็นตายสองระดับก็สลายไปอย่างรวดเร็ว

“ปัง!”

และในเวลานี้เอง เสียงดังสนั่นดังออกมายอดของเทือกเขากวนเหลย รวมเข้ากับผสมกับความปั่นป่วนและความผันผวนของพลังจิต

วินาทีนั้น ไม่ว่าจะเป็นอสูรกายที่หลบซ่อนอยู่ในป่า หรือจะเป็นพรานที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าชั่วข้ามคืน พวกเขาต่างมองขึ้นไปในอากาศด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด สามร่างปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า สองคนอยู่ข้างหนึ่ง คนหนึ่งอยู่อีกคนหนึ่ง เผชิญหน้ากันอย่างสง่างาม

ฝั่งที่ยืนอยู่คนเดียวนั้น คือผู้หญิงคนหนึ่ง สวมชุดนักยุทธ์รัดตัว สีดำ ร่างกายที่บอบบางมีส่วนเว้าส่วนโครง รอบตัวมีเปลวเพลิงหมุนวนล้อมรอบตัว ผมหางม้าสีแดงเพลิงปลิวไสวอยู่ด้านหลัง

อีกฝากหนึ่งคือผู้ชายสองคน คนหนึ่งหุ่นกำยำถือดาบ รอบตัวมีสายฟ้าเส้นเล็ก ๆ วนรอมรอบเป็นสาย

อีกคนใบหน้ามีเคราขาว สวมชุดนักปราชญ์สีขาว ล้อมรอบด้วยธงขนาดเท่าฝ่ามือเก้าผืน

หลัวซิวออกมาจากต้นไม้ เมื่อเขาเห็นมองเห็นผู้หญิงคนนั้นเพียงแวบแรก ดวงตาของเขาก็แข็งค้างในทันที

เหยียนเยว่เอ๋อร์!

ชายสองคนที่อยู่ตรงข้ามกับนางด้วยรัศมีอันรุ่งโรจน์และตระหง่านของพวกเขา ความน่าประทับใจอย่างผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์!

“เหลยเว่ยหลง กงซุนเชียนจี แค่เจ้าเพียงสองคน ก็กล้าหยุดข้าอย่างนั้นหรือ” เหยียนเยว่เอ๋อร์ตะโกนอย่างเย็นชา ด้วยใบหน้าที่เย็นยะเยือก

“พวกข้าเพียงทำตามคำสั่ง คงต้องล้ำเส้นแม่นางแล้ว” เหลยเว่ยหลงพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

“เมื่อครึ่งเดือนก่อน สามผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตระกูลเหยียนได้บัญชาให้ตรวจสอบเทือกเขากวนเหลยค้นหาร่องลอยของเจ้า จักรพรรดิ์ยุทธ์เทียนเฟิ่งยอมสยบเสียดีกว่า ไม่เช่นนั้นข้าเกรงว่าจะทำเจ้าบาดเจ็บ” กงซุนเชียนจีพูดพลางยิ้มบาง ๆ

“หากจักรพรรดิยุทธ์เทียนเฟิ่งไม่มีแผลแห่งเทพจิต ข้าคงไม่อาจหาญขวางทาง แต่ผลการฝึกตนของเจ้าในตอนนี้ลดลงเหลือเพียงแดนฝึกจิต เจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่คู่ควรสำหรับข้าทั้งสอง”

“หากผลการฝึกตนของข้าฟื้นฟู จะต้องทำลายสำนักเหลยหวู่และตระกูลกงซุนให้หมดสิ้น!” ในดวงตาคู่สวย ของเหยียนเยว่เอ๋อร์ มีจิตสังหารพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

“เจ้าหักหลังตระกูลเหยียนอย่างไรก็ต้องถูกโทษประหาร เจ้าจะรอดหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะเจ้าไม่เต็มใจที่จะถูกจับไปดี ๆ ข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องล่วงเกิน! ”

กงซุนเชียนจีส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา สะบัดปลายนิ้วขึ้น ธงขนาดเท่าฝ่ามือเก้าผืนรอบร่างลอยออกไป กลายเป็นค่ายกลลอยอยู่กลางอากาศ “เหลยเว่ยหลง ไม่ลงมือรึ?” เขาทักท้วงด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

เหลยเว่ยหลงเคลื่อนตัวอย่างว่องไว เข้าไปสู่กลางค่ายกล ดาบในมือของเขามีพลังทำลายล้างทุกสิ่ง สายฟ้าดั่งธนูทั้งสี่ทิศ พุ่งไปทางเหยียนเยว่เอ๋อร์

เมื่อเห็นฉากตรงหน้า ในใจหลัวซิวร้อนเป็นไฟ แต่ผลการฝึกตนของเขาต่ำเกินไป ไม่สามารถลอยขึ้นไปได้ ทำได้แค่มองเหยียนเยว่เอ๋อร์ถูกราชายุทธ์ทั้งสองล้อมโจมตีต่อหน้าต่อตา แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

เหลยเว่ยหลงเป็นถึงเจ้าสำนักสำนักเหลยหวู่ ส่วนกงซุนเชียนจีเป็นผู้นำตะกูลกงซุน และเป็นปรมาจารย์ค่ายกลระดับห้า!

วิชาค่ายกล หากสามารถฝึกถึงระดับห้า ด้วยการสำนึกที่เป็นผลการฝึกตนของราชายุทธ์ สามารถควบคุมธงให้ก่อตัวเป็นค่ายกลเพื่อสังหารศัตรู ความแข็งแกร่งนั้น แข็งแกร่งกว่าราชายุทธ์ระดับเดียวกันอย่างมาก

ทั้งเหลยเว่ยหลงและกงซุนเชียนจี พลังของทั้งสองไม่ได้ด้วยไปกว่าราชายุทธ์ผู้กล้าแกร่งของเหวินเซวียนหง

ผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์ทั้งสองลงมือ การขู่บังคับที่ยิ่งใหญ่ได้กวาดล้างเทือกเขากวนเหลย เหล่าอสูรกาย จอมยุทธ์เผ่าพันธุ์มนุษย์ ต่างก็ทั้งหวาดกลัวและวิตกกังวล

“ปัง!”

ร่างหนึ่งตกลงมาจากฟากฟ้าเหมือนดาวตก เปลวเพลิงที่แผดเผาอยู่รอบตัวนั้น ทำให้หลัวซิวรู้ได้ในทันทีว่าเป็นเหยียนเยว่เอ๋อร์

แม้ว่าจะเป็นจักพรรดิยุทธ์ แต่เพราะแผลแห่งเทพจิต ผลการฝึกตนตกลงมาถึงชั้นฝึกจิต เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของราชายุทธ์ทั้งสองในที่สุดก็พ่ายแพ้

หลัวซิวใจสั่นระรัว เมื่อวิชาท่าร่างเงาเศษสิบช่องกำลังถึงขีดสุด พุ่งไปทางตำแหน่งที่เหยียนเยว่เอ๋อร์ตกลงมา

กงซุนเชียนจีใช้การสำนึกควบคุมค่ายกล สร้างค่ายยากเย็น กักกั้นพื้นที่ เพื่อหยุดไม่ให้เหยียนเยว่เอ๋อร์หนีไป

เหลยเว่ยหลงตกลงมาจากกลางอากาศ บนดาบมีร่องรอยของเลือด เขาเป็นคนที่อยู่ในการต่อสู้และโจมตีจักรพรรดิยุทธ์เทียนเฟิ่ง เหยียนเยว่เอ๋อร์จนบาดเจ็บ!

จักรพรรดิยุทธ์เทียนเฟิ่ง คือฉายานามของเหยียนเยว่เอ๋อร์ สิบผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์แห่งประเทศเทียนหวู แต่ละท่านต่างก็มีฉายานามเป็นของตนเอง

“ปัง!”

ทันใดนั้น เปลวเพลิงอันน่าเกรงขามก็ลุกโชนขึ้นในภูเขาและป่าไม้

ภาพฟีนิกซ์ขนาดมหึมาปรากฏขึ้นกลางอากาศ ร่างของเหยียนเยว่เอ๋อร์ค่อย ๆ ลอยขึ้นช้า ๆ พร้อมกบบรรยากาศเย็นยะเยือกน่าสะพรึงกลัวโอบล้อมตัวนางไว้

ที่ปากของเธอมีเลือดออก มีเลือดออกเป็นแผลที่บริเวณเอว

“เหลยเว่ยหลง กงซุนเชียนจี พวกเจ้าจงจำไว้ พวกเจ้าจะต้องเสียใจ!”

น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาตของเหยียนเยว่เอ๋อร์ มือเรียวคู่หนึ่งชูขึ้น ภาพฟีนิกซ์ส่งเสียงคำรามและกระพือปีก

ทันใดนั้น เปลวเพลิงก็เต็มท้องฟ้า และเปลวเพลิงอันโชติช่วง ทำให้ผู้คนไม่สามารถมองได้โดยตรง

“แย่แล้ว นางหนีไปได้แล้ว!”

“นางใช้พลังขนาดนี้ แผลแห่งเทพจิตที่กดไว้ต้องกำเริบอีกแน่ ตามนางไป!”

เปลวเพลิงค่อย ๆ ดับไป เหลยเว่ยหลงและกงซุนเชียนจีต่างเปื้อนไปด้วยขี้เถ้า เสื้อผ้าของเพวกขาไหม้เกรียม ทันใดนั้นก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าและไล่ตามไปยังทิศทางที่เหยียนเยว่เอ๋อร์หนีไป

เมื่อหลัวซิวมาถึงก็เห็นเพียงภูเขาและป่าไม้ ที่เต็มไปด้วยร่องรอยสีดำไหม้เกรียมอยู่ทุกหนทุกแห่ง

“สำนักเหลยหวู่ ตระกูลกงซุน!”

แววตาของหลัวซิวเต็มไปด้วยแรงอาฆาต เขากำหมัดแน่น จำชื่อของเหลยเว่ยหลงและกงซุนเชียนจีอย่างขึ้นใจ

ความรู้สึกที่ไม่สามารถปกป้องผู้หญิงของตัวเองได้ ทำให้หลัวซิวแทบทนไม่ไหว เขาต้องการพละกำลังและความแข็งแกร่งอย่างเร่งด่วน!

ข้าต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น… !

ถ้าหากไม่มีลูกแก้วความเป็นตาย บางทีในชีวิตปกติของเขา คงจะไม่ได้สัมผัสกับความคับแค้นใจและความเกลียดชังมากมายระหว่างโลกยุทธ์

หรืออาจจะได้อาศัยอยู่ที่ชุมชนหมู่บ้านผานฉือ เลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน

ในโลกนี้ มีความเป็นไปได้มากเกินไป และมีทางเลือกอีกมากมาย แต่การหลอมรวมของลูกแก้วความเป็นตาย ชะตากรรมของหลัวซิวก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีทางเลือก

เพราะเขาเลือกเส้นทางของจอมยุทธ์ เขาจึงถูกกำหนดให้ต้องฆ่าในทุกหนทาง ไม่ว่าจะเดินบนกระดูก หรือถูกเหยียบหัวและทำลายล้างโดยผู้อื่น

เมื่อก่อน ผลการฝึกตนของจางหลู่เหลียงแห่งจอมยุทธ์แดนพรสวรรค์ขั้นเก้า มันทำให้เขารู้สึกวิกฤตและฝึกตนอย่างสิ้นหวัง

ทุกวันนี้ เขาฆ่าเหล่าพรสวรรค์ขั้นเก้าเหมือนฆ่ามด ถึงอย่างนั้นผลการฝึกตนของราชายุทธ์โกวหงยี่ ก็ถูกฆ่าตายด้วยการตั้งค่าหัวราคาสูง ซึ่งก็คือกระบี่ยุทธ์ระดับชั้นล่างสิบด้าม!

แต่กลับไม่เคยมีช่วงเวลาใดที่เหมือนวินาทีนี้ เขารู้สึกถึงความอ่อนแอและต่ำต้อยของตัวเอง

และไม่ใช่ศัตรูทุกคนที่สามารถผ่านการตั้งค่าหัวเพื่อฆ่าขององค์กรนักล่ายุทธ์ อย่างเช่นเหลยเว่ยหลงและกงซุนเชียนจี ราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ ไกลเกินกว่าจะเทียบกับโกวหงยี่ หลัวซิวยังไม่สามารถแม้แต่จะได้หาสิ่งตอบแทนที่เหมาะสมสำหรับราคาค่าหัว

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท