มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 167 สามลมหายใจไม่ไป ตายทางเดียว

บทที่ 167 สามลมหายใจไม่ไป ตายทางเดียว

 

 

 

 

บทที่ 167 สามลมหายใจไม่ไป ตายทางเดียว!

 

ภายใต้แรงกดดันมหาศาลนี้ อมากมายจากสำนักเหลยหวู่รู้สึกว่าตัวเองถูกภูเขาทับตัวทันที แต่ละคนเลือดพุ่ง คุกเข่าบนพื้น ทั้งตัวขยับไม่ได้แม้กระทั่งนิ้วมือ

รวมถึงสามคนปรมาจารย์ฝึกจิต ต่างก็หน้าซีด นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“สามลมหายใจไม่ไป ตายทางเดียว!!”

เสียงที่เต็มไปด้วยความเกรงขามดังขึ้นบนหัวของผู้ที่อยู่ละแวกองค์กรนักล่ายุทธ์

สิ่งที่ตามมาคือ ฟ้าดินแปดด้านก่อรวมพลังจิตทะลักไหลเข้ามา มีแสงสีเขียวอ่อนรวมตัวเป็นรูปฝ่ามือใหญ่ ใหญ่จนแทบจะปิดท้องฟ้า

“ควบคถมฟ้าดิน ผู้แข็งแกร่งชายุทธ์!”

เสียงตกใจส่งต่อๆ กันมา ภายใต้ความกดดันนี้ ปรมาจารย์ฝึกจิตที่ปกติจะโอ้อวดไม่เห็นผู้ใดในสายตากลับเล็กเหมือนมด

การฝึกยุทธ์ถึงขั้นแดนราชายุทธ์ ก็จะรวบรวมอากาศใช้ได้ เทียบเท่ากับการควบคุมฟ้าดิน

และพลังแบบนี้ เรียกว่าควบคุมฟ้าดิน!ผู้แข็งแกร่งชายุทธ์เท่านั้นที่จะมีฝีมือแบบนี้!

หลัวซิวเองก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่มาจากผู้แข็งแกร่งชายุทธ์ แน่นอนว่าเขาพบมาหลายคนแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นฝีมมือการควบคุมฟ้าดินเช่นนี้

ผู้ที่มีพลังมากเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นเสิ่นหยวนหนานหัวหน้าย่อยของเขตการปกครองโตว้ไห่ ไม่จำเป็นต้องแสดงตัว ก็สามารถรควบคุมหินพลังจิตไว้ในกำมือ

“ปั้ง!”

ทันใดนั้นฝ่ามือแสงสีเขียวอ่อนกดลงมา หินพลังจิตรวมตัวอยู่ในฝ่ามือ เห็นคลื่นด้วยตาเปล่าได้อย่างชัดเจน

พุ!พุ!พุ!……

อจากสำนักเหลยหวู่ที่ล้อมอยู่หน้าประตูต่างก็เลือดพุ่ง ร่างกายเริ่มแตกตัว ปรมาจารย์ฝึกจิตสามคนที่เป็นผู้นำก็เลือดพุ่งและถอยหลัง สีหน้าดูหวาดกลัวไปหมด

ปั้ง……

คลื่นมากมายกวาดมา ผู้ที่ยืนดูรอบๆ ก็ถูกพัดไปพัดมาและถอยหลัง พวกที่ผลการฝึกตนไม่ค่อยดียิ่งแล้วใหญ่เลย นั่งลงกองพื้น ขนทั้งสองข้างสั่นไปหมด

ในตอนที่แสงสีเขียวอ่อนเริ่มจางหายไป ทุกคนเงยหน้ามองไป เห็นแต่ผู้คนหลายสิบคนของสำนักเหลยหวู่ รวมถึงอต่างก็เสียชีวิตไปหมด

แม้กระทั่งสามคนปรมาจารย์ฝึกจิต ก็มีแต่เล่อเผิงเฉิงคนเดียวที่มีชีวิตรอด อีกสองคนตัวระเบิดตาย!

“เล่อเผิงเฉิง เห็นแก่หน้าอาจารย์ของแก จะไว้ชีวิตไว้ ไสหัวกลับไปบอกเหลยเว่ยหลง ถ้ากล้าทำเรื่องที่มาท้าทายองค์กรนักล่ายุทธ์อีก สำนักเหลยหวู่ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่ต่อแล้ว” เสียงที่เย็นชาของเสิ่นหยวนหนานเข้าไปในหูของเล่อเผิงเฉิง

อาจารย์ของเล่อเผิงเฉิงคือราชายุทธ์ระดับอาวุโสของสำนักเหลยหวู่ เห็นพบหน้ากับเสิ่นหยวนหนานหลายครั้ง ก็เลยไว้ชีวิต

ฉากที่เกิดขึ้นนอกองค์กรนักล่ายุทธ์ ทำให้คนที่ดูต่างก็อึ้งไปหมด

ราชายุทธ์แกร่งไม่จำเป็นต้องปรากฏตัวก็สามารถรวบรวมหินพลังจิตในฝ่ามือ ยกมือก็สามารถฆ่าจอมยุทธ์พรสวรรค์หลายสิบคน

นี่เป็นพลังขั้นเทพขั้นไหน?

เทียบกันแล้ว ขั้นที่ต่ำกว่าราชายุทธ์ต่างก็เป็นเพียงมด……

ราชายุทธ์นั้นก็เก่งมากแล้ว แล้วที่ยิ่งกว่าจักรพรรดิ์ยุทธ์และมกุฏยุทธ์ล่ะ?

หลัวซิวรู้ดีว่าตัวเองก็ไม่สามารถรับมือกับหินพลังจิตเมื่อกี้ที่ปรากฏจากฝ่ามือ

และนี่ก็ทำให้เขาเข้าใจความแตกต่างระหว่างตนเองกับเหยียนเยว่เอ๋อร์ว่าห่างกันมากแค่ไหน หล่อนเป็นถึงสิบในหนึ่งของประเทศเทียนหวู จักรพรรดิ์ยุทธ์เทียนเฟิ่ง!

ถ้าอยู่ในตอนที่หล่อนแกร่งกล้าที่สุด เสิ่นหยวนหนานยืนอยู่ตรงหน้าก็คงเหมือน ปรมาจารย์ฝึกจิตยืนอยู่ตรงหน้าของเสิ่นหยวนหนานรับมือไม่ได้แม้กระทั่งหนึ่งทีมั้ง?

อีกอย่าง เสิ่นหยวนหนานเป็นแค่ราชายุทธ์ขั้นห้า อยู่ในระดับราชายุทธ์ก็จะเป็นกลาง คนที่เก่งกว่าเขาก็มีมากมาย

เรื่องนี้ ทำให้เป็นข่าวไม่เล็กในเขตการปกครองโตว้ไห่

และสำหรับเรื่องนี้ สำนักเหลยหวู่ที่มีนามดังที่สุดในเขตการปกครองโตว้ไห่ก็ถูกกระทบอย่างมาก

แต่สำนักเหลยหวู่ไม่กล้าพูดอะไร กลับกันหัวหน้าเหลยเว่ยหลงไปขอโทษที่องค์กรนักล่ายุทธ์ด้วยตนเอง

เวลาจากนั้นต่อมา ก่อนที่การแข่งขันแย่งชิงโควต้าของแดนปริศนาจะมาถึง หลัวซิวคอยฝึกตนอยู่ที่ห้องลับขององค์กรนักล่ายุทธ์

ลู่เมิ่งเหยาก็รู้ว่าตัวเองออกจากองค์กรนักล่ายุทธ์ไม่ได้ ถึงแม้ สำนักเหลยหวู่ไม่กล้าหาเรื่องขององค์กรนักล่ายุทธ์ แต่ถ้าเธอออกไป สำนักเหลยหวู่ก็ไม่ต้องเกรงใจอะไรลงมือได้เลย

เพราะมีความสัมพันธ์ของหลัวซิว เธอก็เลยมีห้องส่วนตัวที่องค์กรนักล่ายุทธ์

หลังจากที่ผลการฝึกตนถึงพรสวรรค์ขั้น9 หลัวซิวเริ่มรู้สึกว่าการฝึกตนของตนเองช้าลงไปมาก และหินพลังจิตชั้นกลางก็ไม่สามารถช่วยให้ตนเองพัฒนาผลการฝึกตนได้เหมือนเช่นเคยแล้ว

ถ้าเรื่องนี้ให้จอมยุทธ์คนอื่นๆ รู้ คงจะหมดคำพูด เพราะนักยุทธ์ในโลกแดนฝึกจิตต่างก็ใช้หินพลังจิตชั้นล่างในการฝึกตน มีแต่เพียงน้อยคนที่มีคนคอยหนุนหลังถึงจะได้ใช้พลังจิตชั้นกลาง

ส่วนหลัวซิวใช้หินพลังจิตชั้นกลางตั้งแต่แดนฝึกชี่ไห่ น้อยครั้งที่จะใช้หินพลังจิตชั้นล่าง

เขาชินกับข้อดีในการใช้หินพลังจิตชั้นกลางแล้ว ตอนนี้อยู่ดีๆ ก็ช้าลง ในเวลานี้กลับไม่ชิน

สาเหตุที่เกิดเหตุนี้ เพราะหลังจากที่ถึงพรสวรรค์ขั้น9 ก็จะพบเจอกับเรื่องฝ่าฟันอุปสรรคของการฝึกจิต

จากจอมยุทธ์ใหญ่ถึงปรมาจารย์ฝึกจิต ขั้นแรกก็คือทำให้จิตวิญญาณผนึกรวมตัวเป็นจิตที่อีกระดับสูงกว่า ขั้นที่สองคือนำปราณแท้พรสวรรค์ผนึกรวมเป็นพลังจิตแท้

อยากจะผนึกรวมให้เป็นพลังจิตแท้ต้องใช้ปราณแท้พรสวรรค์มากมายมาบีบอัด จอมยุทธ์ใหญ่มากมายต้องใช้เวลาหลายปีถึงหลายสิบปีมาเสร็จสิ้นขั้นตอนนี้ และใช่ว่าทุกคนจะสำเร็จ

นี่ต้องใช้เวลาในการผ่านพ้น ถึงแม้จะใช้หินพลังจิตชั้นกลางมาฝึกตน ก็ใช่ว่าจะสำเร็จมในคราวเดียว

แน่นอนว่ามีสองวิธีจะทำให้หลัวซิวผนึกรวมป็นพลังจิตแท้

อย่างที่หนึ่ง ใช้หินพลังจิตชั้นสูง หรือวัตถุที่เหนือกว่าชั้นที่สี่ จำพวกของที่มีพลังจิตมาก ก็สามารถแปลให้เป็นพลังจิตแท้

อย่างที่สอง คือสัมผัสความตายแต่ไม่ตาย พังก่อนและตั้งหลักทีหลัง

หินพลังจิตชั้นสูงหนึ่งก้อน เที่ยบเท่ากับหมื่นก้อนหินพลังจิต ขั้นที่สูงกว่าจักรพรรดิ์ยุทธ์级ถึงจะใช้

ถึงแม้หลัวซิวจะเคยได้รับสมบัติรของจักรพรรดิ์ยุทธ์ซูจิ้งหยุนที่เหลือไว้ แต่ก็เป็นเพียงหินพลังจิตนับร้อยก้อน

และหินพลังจิตชั้นสูงนับร้อยก่อนเขาใช้หมดในการฝึกตนก่อนหน้านี้ตั้งนานแล้ว ไม่อย่างงั้นก็คงไม่พุ่งมาถึงพรสวรรค์ขั้น9ในแดนจอมยุทธ์ใหญ่เร็วขนาดนี้

ดังนั้น ทางเลือกที่ใช้หินพลังจิตชั้นสูงเป็นไปไม่ได้แล้ว

เงียบไปสักแป๊บ หลัวซิวไปเยี่ยมหัวหน้าย่อยเสิ่นหยวนหนาน

“แกจะให้ฉันตีนายจนเป็นอาการหนัก แถมใกล้ความตายด้วย?”

หลังจากที่เสิ่นหยวนหนานฟังที่หลัวซิวพูดจบ ก็ทำตาโตค้าง เคราใต้คางจะปิดตั้งอยู่แล้ว

หลัวซิวพยักหน้าอย่างจริงจัง พูดว่า “ผมรู้สึกว่าการฝึกตนถึงขีดจำกัดแล้ว ต้องการให้ความตายมากดดัน”

“พูดเล่น!”

 

 

 

 

 

 

 

 

########################
 

 

 

 

 

 

 

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท