มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 188 ฝึกเซียนขั้นเจ็ด

บทที่ 188 ฝึกเซียนขั้นเจ็ด

 

 

 

 

 

บทที่ 188 ฝึกเซียนขั้นเจ็ด

 

“อนุญาตให้ผู้ปราดเปรื่องทั้งห้าร้อยคนจากสิบสามเขตปกครองเข้าสู่หอคอยมังกรบิน กองทัพพยัคฆ์ดำห้ามขวาง เฝ้าประจำการห่างสามร้อยเมตร”

เงารูปร่างมนุษย์พูดขึ้นอย่างเชื่องช้า เสียงดังกังวานไปทั่วฟ้าดิน

ในขณะเดียวกัน มีกลิ่นอายความน่าเกรงขามของจักรพรรดิผู้ครองบัลลังก์แผ่ซ่านออกมา ภายใต้แรงกดดัน ทุกคนเกิดความรู้สึกอยากคุกเข่าลงพื้น

นี่คือจักรพรรดิของประเทศเทียนหวู เพียงแค่ร่างอวตารที่กลายร่างมาจากต่อสำนึกบนฎีกา ก็สามารถสยบทั่วใต้หล้า

“รับคำสั่ง!”

กองทัพพยัคฆ์ดำที่อยู่ด้านล่างตอบพร้อมกัน เสียงดังสนั่นก้องไปทั่วท้องฟ้า

เพียงแค่พริบตาเดียว กองทัพพยัคฆ์ดำถอนตัวออกจากหอคอยมังกรบิน เฝ้าประจำการนอกรัศมีสามร้อยเมตรของหอคอยมังกรบิน

ฎีกาปิดประกบกัน ร่างเงาของจักรพรรดิหายไป ฎีกาสีทองบินกลับมาที่มือของหนานหรงชินหวาง

หลังจากนั้น เรือรบร่อนลงอย่างเชื่องช้า ลอยอยู่ห่างจากหอคอยมังกรบินประมาณสิบเมตร

“ผู้เข้าแข่งขันทั้งห้าร้อยคนของรอบที่สองลงไป” หนานหรงชินหวางพูด

“ครับ!”

ทุกคนตอบรับ หลังจากนั้นมีทั้งคนกระโดดลงไป หรือก้าวเดินบนท้องฟ้า สู่พื้นที่อยู่ใกล้กับหอคอยมังกรบิน

เมื่อเทียบกับหอคอยมังกรบินของสำนักเซียวเหยา หอคอยมังกรบินของจริงแห่งนี้ดูยิ่งใหญ่อลังการกว่า ด้านข้างมีแผ่นศิลาหยกสีเขียวตั้งตระหง่าน

หนานหรงชินหวางและผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ไม่ได้ลงจากเรือ เห็นเพียงหนานหรงชินหวางพูดขึ้นอีกครั้ง “ทุกคนก้าวออกมา ปลดปล่อยกลิ่นอายของตัวเองลงบนป้ายหยก”

มีเพียงปลดปล่อยกลิ่นอายลงบนศิลาหยกเขียว หลังจากที่เข้าสู่หอคอยมังกรบิน บนป้ายหยกถึงจะแสดงจำนวนชั้นที่ผ่านเข้าไป และนำมาใช้เป็นสถิติของบุคคลนั้น

คนทั้งห้าร้อยเริ่มทยอยการปลดปล่อยการสำนึกของตนเอง การรับรู้ และรวมไปถึงกลิ่นอายลงบนป้ายหยก ชื่อของแต่ละคนลอยขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นยังเรียงตามรายชื่อสถิติการแข่งเอาชีวิตรอดในรอบแรก

ด้านหลังของอันดับมีเครื่องหมายของคะแนน หลังจากเข้าไปในหอคอยมังกรบิน สามชั้นแรกไม่ได้รับคะแนนแต่อย่างใด มีเพียงไปถึงชั้นที่สี่ จะได้รับคะแนนหนึ่งร้อยคะแนน ชั้นที่ห้าสองคะแนน ชั้นที่หกสี่ร้อยคะแนน ชั้นที่เจ็ดแปดร้อยคะแนน ชั้นที่แปดหนึ่งพันหกร้อยคะแนน ชั้นที่เก้าสามพันสองร้อยคะแนน

ระเบียบการคัดเลือกนี้ถูกใช้มาเป็นเวลานับพันปี

หลัวซิวมองคะแนนของตนเองแวบหนึ่ง ติดอันดับที่ยี่สิบสามด้วยคะแนนหนึ่งพันหนึ่งร้อยกว่าคะแนน

หนานหรงชินหวางที่อยู่บนเรือรบก้าวเดินบนอากาศ หยิบป้ายคำสั่งหยกขาวแผ่นหนึ่งออกมา ประทับลงบนร่องที่อยู่ด้านข้างประตูใหญ่ของหอคอยมังกรบิน

“โครม…”

ประตูที่สูงมหึมาเริ่มขยับ หลังจากนั้นเปิด

หนานหรงชินหวางพูดอีกครั้ง “หลังจากที่ทุกคนเข้าไปในหอคอยมังกรบิน จะถูกส่งตัวเข้าไปในพื้นที่ที่แตกต่างกันออกไปเพื่อทำการทดสอบ เมื่อไหร่ที่เผชิญหน้ากับอันตรายที่ไม่สามารถรับมือ เพียงแค่ตะโกนเสียงดัง จะถูกส่งตัวออกมาภายในช่วงสามอึดใจ”

พูดถึงตรงนี้ คำพูดของหนานหรงชินหวางเปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหัน “แต่ว่า พวกเจ้าต้องทำเท่าที่จะทำได้ ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าอาจจะต้านทานได้ไม่ถึงสามช่วงอึดใจ และตายอยู่ด้านใน!”

“ตอนนี้พวกเจ้าเข้าไปได้แล้ว”

หลังจากสิ้นเสียงของหนานหรงชินหวาง คนทั้งห้าร้อยเริ่มทยอยกันเข้าไปในหอคอย แม้หนานหรงชินหวางจะพูดอย่างชัดเจนแล้วว่าด้านในอันตรายมาก แต่ก็ยังคงไม่มีใครยอมถอนตัวในช่วงเวลาแบบนี้

เส้นทางของการฝึกยุทธ์ยากเย็นแสนทรหด คนทั้งห้าร้อยสามารถยืนโดดเด่นอยู่เหนือผู้คนนับแสน มีใครบ้างที่ไม่มีจิตใจมั่นคงหนักแน่น มีใครบ้างที่ไม่ใช่อัจฉริยะที่เติบโตขึ้นจากการฆ่าฟัน?

ด้านในของประตูหินที่ถูกเปิดออกเป็นสีขาวทั้งหมด ไม่สามารถมองเห็นสภาพที่อยู่ด้านในของหอคอย หลังจากเดินเข้าไป มีพลังจิตที่แข็งแกร่งของฟ้าดินถาโถมเข้ามา

กวาดสายตามองโดยรอบ หลัวซิวนอกจากตนเอง เขามองไม่เห็นคนอื่น เห็นได้ชัดผู้เข้าแข่งขันคนอื่นหลังจากที่เข้ามาในหอคอยมังกรบิน ทุกคนถูกส่งตัวไปในพื้นที่ที่แตกต่างกันออกไป

ด้านบนเหนือหัวเป็นท้องฟ้าที่เหมือนกับโดนเปลวไฟแผดเผาก้อนเมฆ พื้นดินสีน้ำตาลเข้ม เต็มไปด้วยความรกร้าง

ภายในหอคอยมังกรบินสามารถใช้วิธีการทุกอย่าง แม้ความสามารถจะไม่ได้แข็งแกร่งมาก หากมีของวิเศษที่ร้ายกาจมาก ก็สามารถทำคะแนนได้สูงเช่นกัน

สำหรับเรื่องนี้ ทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจ โดยเฉพาะอัจฉริยะของกองกำลังใหญ่พวกนั้น มีใครบ้างที่ไม่มีของร้ายกาจติดตัวชิ้นสองชิ้น?

ของวิเศษก็แสดงถึงความแข็งแกร่งอีกรูปแบบหนึ่ง ไม่ถือว่าเป็นการโกง

ทันใดนั้น หน้าของหลัวซิวมีแสงสีขาวค่อยๆรวมตัวกันจนกลายเป็นสสาร กลายเป็นผู้ชายชุดขาวถือกระบี่ยาวในมือ กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาเป็นพรสวรรค์ขั้นแปด

ภายในหอคอยมังกรบิน คู่ต่อสู้ที่ต้องเจอในทุกชั้น ความแข็งแกร่งถูกกำหนดไว้แล้ว

คู่ต่อสู้ของชั้นแรกคือแดนพรสวรรค์ขั้นแปด ชั้นที่สองคือแดนพรสวรรค์ขั้นเก้า ชั้นที่สามคือฝึกจิตครึ่งก้าว

และตั้งแต่ชั้นที่สี่ขึ้นไปคือฝึกจิตขั้นหนึ่ง ชั้นที่ห้าคือฝึกจิตขั้นสอง ชั้นที่หกคือฝึกจิตขั้นสาม

เมื่อไหร่ที่ถึงชั้นที่เจ็ด เล่ากันว่าคู่ต่อสู้ที่ปรากฏตัวขึ้นจะเป็นฝึกจิตขั้นเจ็ดโดยตรง!

อายุสามสิบลงไป การฝึกฝนถึงระดับฝึกจิตขั้นเจ็ดเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีคนของประเทศเทียนหวูผ่านชั้นเจ็ดไปได้ไม่ถึงสิบคนในรอบนับพันปี

แม้คนที่สามารถผ่านชั้นที่เจ็ดไปได้ ก็ล้วนแต่อาศัยของวิเศษที่ร้ายกาจและวิชาลับ

ส่วนคู่ต่อสู้ชั้นที่แปด เล่ากันว่าเป็นฝึกจิตขั้นเก้า เคยมีอัจฉริยะที่สามารถผ่านชั้นที่เจ็ดเข้าสู่ชั้นที่แปด แต่ปรากฏว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะสามารถผ่านชั้นที่เจ็ด กลับไม่เคยได้ออกมาอีกเลย กลิ่นอายที่ประทับอยู่บนป้ายหยกหายไป แสดงว่าตายแล้ว!

สำหรับหลัวซิวในปัจจุบัน คู่ต่อสู้พรสวรรค์ขั้นแปดไม่คู่ควรที่จะเอ่ยถึง เห็นเพียงชายชุดขาวพุ่งเข้ามาพร้อมกับกระบี่ เปลวไฟที่อยู่โดยรอบลุกโชนขึ้น เห็นได้ชัดว่าถูกกระตุ้นจากปราณแท้พรสวรรค์ของธาตุไฟ

หลัวซิวก้าวออกไปข้างหน้า ชี้นิ้วแขนข้างขวาออกไป แสงของกระบี่เปลวเพลิงมอดดับลงทันที ส่วนชายชุดขาวพรสวรรค์ขั้นแปดลอยกระเด็นถอยหลัง ร่างกายระเบิดกลางอากาศ

ชั้นที่หนึ่งผ่านไปได้อย่างง่ายดาย หลังจากนั้นมีแสงสีขาวส่องสว่างขึ้น ปกคลุมหลัวซิวหายไปโดยตรง

คู่ต่อสู้ภายในชั้นที่สองเป็นพรสวรรค์ขั้นเก้า หลัวซิวสามารถสั่งหารได้อย่างง่ายดายเช่นกัน หลังจากนั้นถูกส่งตัวไปยังชั้นที่สาม

ในเวลาเพียงครู่เดียว หลัวซิวสามารถผ่านสามชั้นแรกมาถึงชั้นที่สี่โดยตรง

ในขณะเดียวกัน ศิลาหยกเขียวที่อยู่ด้านนอกหอคอย คะแนนของทุกคนก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง มีคนผ่านชั้นที่สี่ คะแนนเพิ่มขึ้นหนึ่งร้อยคะแนนแล้ว

แต่ว่าหนานหรงชินหวางและรวมไปถึงผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ของกองกำลังใหญ่รู้ดี ชั้นที่ถึงจะสามารถดึงคะแนนให้ห่างอย่างแท้จริง!

เพราะถึงจะเดินมาถึงชั้นที่ห้า อย่างมากก็แค่เพิ่มขึ้นสามร้อยคะแนนเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อไหร่ที่ผ่านชั้นที่หก คะแนนที่เพิ่มขึ้นคือสี่ร้อย!

สี่ร้อยคะแนนดูเหมือนจะไม่มาก แต่กลับเพียงพอที่จะทำให้อันดับเกิดการเปลี่ยนแปลง

ภายในพื้นที่ชั้นที่สี่ของหอคอยมังกรบิน คู่ต่อสู้ที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของหลัวซิวเป็นผู้ฝึกจิตขั้นหนึ่ง

“หนึ่งร้อยคะแนนมาอยู่ในมือแล้ว”

วิชาเคลื่อนย้ายตามลมล่าจันทราปรากฏ หลัวซิวปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าคู่ต่อสู้ในพริบตา กระบี่ยุทธ์ถูกชักออกจากฝัก สังหารในกระบี่เดียว

ฝึกจิตขั้นหนึ่งเหมือนกัน หลัวซิวกลับฆ่าคนในระดับเดียวกันง่ายเหมือนเรื่องดื่มน้ำกินข้าว

เดิมทีสิ่งที่หลัวซิวฝึกฝนก็คือดาบเร็ว บวกกับกระบี่สังหารห้วงยุทธ์ที่เขาสามารถสัมผัสถึง ทำให้เขามีพลังที่แข็งแกร่ง สามารถทำลายศัตรูได้อย่างรวดเร็ว

ดังนั้นการฝ่าด่านของเขาจึงเร็วมาก ไม่นานก็มาถึงชั้นที่เจ็ด ด้านหน้ามีชายชุดดำถือดาบยุทธ์ปรากฏตัวขึ้น

ฝึกจิตขั้นเจ็ดถือว่าอยู่ในระยะหลัง ส่วนหลัวซิวเป็นแค่ผู้ฝึกจิตขั้นหนึ่ง อยู่ในจำพวกฝึกจิตระยะแรกเท่านั้น

พูดถึงผลการฝึกตนในแง่ของปราณแท้และพลังจิต ความสามารถของอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าเขาไปเยอะมาก

ในรอบพันปีที่ผ่านมา ผู้คนที่มาถึงชั้นเจ็ดมีไม่น้อย แต่คนที่สามารถผ่านชั้นเจ็ดไปได้กลับมีเพียงไม่กี่คน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีอัจฉริยะมากมายที่ต้องดับสิ้นลงที่นี่

ผ่านด้านสี่ชั้นรวดมาถึงชั้นที่หก คะแนนของหลัวซิวเพิ่มขึ้นเจ็ดร้อยคะแนน

“หลัวซิวคนนี้เป็นใคร คะแนนเพิ่มขึ้นเจ็ดร้อยคะแนนเร็วขนาดนี้ ไปถึงชั้นที่เจ็ดแล้วเหรอ?”

 

########################
 

 

 

 

 

 

 

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท