บทที่ 191 ชื่อเสียงดังก้องทั่วใต้หล้า (1)
“นี่……เขาผ่านชั้นที่หก? เขาทำได้อย่างไร?”
จิตใจของหลินเจียเอ่อร์ไม่สามารถสงบนิ่ง จากตอนแรกที่ไม่พอใจ นางค่อยๆยอมรับความจริงเรื่องที่ว่าตนเองสู้หลัวซิวไม่ได้ แต่นางไม่เคยคิดว่าระหว่างทั้งสองคนจะแตกต่างกันมากมายเพียงนี้
ชั้นที่สี่และชั้นที่หก ดูแล้วก็เหมือนห่างกันเพียงสองชั้น แต่ความหมายของมันแตกต่างกันไปโดยสิ้นเชิง
ยิ่งไปกว่านั้นในบรรดาคนทั้งห้าร้อย มีเพียงแปดคนที่สามารถผ่านเข้าไปถึงชั้นที่หก คะแนนรวมเพิ่มขึ้นเจ็ดร้อยคะแนน
นอกจากหลัวซิว อีกเจ็ดคนล้วนแต่เป็นผู้ฝึกจิตขั้นสี่สามคน ผู้ฝึกจิตขั้นสามสี่คน
นอกจากคนทั้งแปด คนที่เหลือขอเพียงยังมีชีวิตรอดก็จะถูกส่งตัวออกมา หยุดอยู่ชั้นทีหก
ทันใดนั้น มีเสียงอุทานขึ้นจากฝูงชน แม้แต่ผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ที่อยู่บนเรือรบก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหว
บนแผ่นศิลาหยกเขียว อัจฉริยะผู้ฝึกจิตขั้นสี่ที่ติดอันดับสอง ชื่อของเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอยกะทันหัน
“ตายแล้ว?”
ทุกคนเบิกตากว้าง บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบลงทันที
อัจฉริยะที่แท้จริงคนหนึ่งตายแล้ว เรื่องนี้เป็นการสูญเสียและได้รับผลกระทบครั้งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัยสำหรับกองกำลังต้นสังกัดของเขา
สามารถบรรลุถึงระดับฝึกจิตขั้นสี่ก่อนอายุสามสิบปี ในประเทศเทียนหวูถือเป็นอัจฉริยะระดับแนวหน้า กลับตายไปทั้งแบบนี้ในหอคอยมังกรบิน
บนเรือรบ ผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ชราคนหนึ่งน้ำตาหลั่งไหล เพราะคนที่ตายไปคือหลานชายของเขา และเป็นอัจฉริยะรุ่นหลังที่โดดเด่นที่สุดของเขา
“ซ่า! ซ่า! ซ่า! ซ่า!……”
แสงสีขาวบินออกจากหอคอยมังกรบินทีละสาย มีร่างเงาของผู้ฝึกยุทธ์รุ่นใหม่ปรากฏขึ้นทีละคน ตกลงมาอยู่บนพื้นที่โล่งด้านนอกหอคอยมังกรบิน มีทั้งคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส หน้าซีดขาว และบางคนลมหายใจรวยรินใกล้สิ้นใจ
ราชายุทธ์ที่อยู่บนเรือรบตกใจกับภาพนี้ ร่างกายของทุกคนสั่นไหว ปรากฏตัวขึ้นข้างกายของอัจฉริยะตนเอง บางคนป้อนยาเม็ด บางคนโคจรพลังรักษา สถานที่เกิดเหตุเริ่มเกิดความโกลาหลขึ้นเล็กน้อย
และในตอนนั้นเอง รายชื่อของหอคอยมังกรบินเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
“มีคนขึ้นไปเป็นอันดับหนึ่งแล้ว!”
“สวรรค์ คะแนนของหมอนี่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันแปดร้อยคะแนน!”
มีคนสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของรายชื่อบนศิลาหยกเขียว ทุกคนพากันฮือฮาขึ้นมาทันที
สายตาของทุกคนจับจ้อง พบว่ารายชื่ออันดับหนึ่งบนแผ่นศิลาหยกเขียวเปลี่ยนเป็นชื่อของ——หลัวซิว!
“ตอนแรกหลัวซิวคนนี้ติดอันดับแปด คะแนนเพิ่มขึ้นแปดร้อยคะแนนอย่างกะทันหันกระโดดขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง หรือเขาสามารถผ่านด่านชั้นที่เจ็ดแล้ว?”
ราชายุทธ์ทุกคนหันไปสบตากัน ความตกใจปรากฏขึ้นในแววตาพร้อมกัน
ชั้นที่เจ็ดของหอคอยมังกรบินหมายความว่าอะไร ภายในใจของราชายุทธ์ทุกคนรู้ดี เพราะอัจฉริยะที่สามารถผ่านชั้นเจ็ดของยุคสมัย ล้วนแต่ได้รับของรางวัลที่ล้ำค่า
ในตอนนั้นเอง มีแสงสีขาวบินออกมาจากหอคอยมังกรบินอีกหนึ่งสายลงสู่พื้น หลังจากนั้นร่างของหลัวซิวปรากฏตัวขึ้น
บนร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด กล้ามเนื้อฉีกขาด ผมเผ้ายุ่งเหยิง ท่าทางดูสะบักสะบอมมาก
นี่ย่อมไม่ใช่สภาพที่เขาเสแสร้งออกมาแน่นอน มันเป็นเพราะการฝืนใช้พลังแปรเสวียนเทียนยี่สิบสี่เท่าจึงส่งผลทำให้พลังสะท้อนกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส
หัวหน้าแก๊งเสิ่นหยวนหนานรู้สึกตื่นเต้นจนลูกตาแทบจะหลุดออกมา ร่างกายสั่นไหว ไปปรากฏตัวขึ้นข้างกายของหลัวซิวโดยตรง
“ไอ้หนู ไม่เลวเลย!”
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันนี้ต้องมาอิจฉาความโชคดีของเหวินเซวียนหงมากขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าจะสามารถคัดเลือกอัจฉริยะแบบนี้
ในรอบพันปีที่ผ่านมา คนที่สามารถไปถึงชั้นที่เจ็ดของหอคอยมังกรบินมีไม่ถึงสิบคน นั่นหมายความว่าหลัวซิวคนนี้ เป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ในรอบร้อยปี!
บางทีอาจจะมีคนคิดว่าบุคคลหายากในรอบร้อยปีนับประสาอะไรไม่ได้เลย เพราะอายุไขของผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์มากมายล้วนมากกว่าพันปี
แต่ประเทศเทียนหวูเพิ่งก่อตั้งขึ้นได้ไม่นาน อัจฉริยะที่หาได้ยากในรอบร้อยปี ก็ถือว่าล้ำค่ามากแล้ว
อัจฉริยะที่เคยฝ่าไปถึงชั้นที่เจ็ดของหอคอยมังกรบิน ในบรรดาทั้งหมดมีสองคนที่ไม่ตาย หนึ่งในนั้นได้กลายเป็นหนึ่งในสิบจักรพรรดิยุทธ์์ผู้ยิ่งใหญ่ ส่วนอีกคนเป็นราชายุทธ์ขั้นเก้าจุดสูงสุด!
เสิ่นหยวนหนานนำยาเม็ดรักษาอาการบาดเจ็บระดับห้าส่งไปให้หลิวซิว
หลัวซิวก็ไม่ได้ปฏิเสธ ยื่นมือออกไปรับมาแล้วกลืน “ขอบคุณผู้อาวุโส”
“ขอบคุณอะไรกัน เมื่อเทียบกับอัจฉริยะอย่างเจ้า ยาเม็ดระดับห้านับอะไรไม่ได้เลย” เสิ่นหยวนหนานแสยะยิ้ม
ส่วนผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์และผู้ฝึกยุทธ์ส่วนใหญ่ของกองกำลังอื่น สายตาของแต่ละคนที่มองหลัวซิว ราวกับกำลังมองสัตว์ประหลาด
ผ่านด่านชั้นที่เจ็ด มันก็จริงที่ทำให้ทุกคนตกใจมาก แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนตกใจมากกว่านั้นคือดูเหมือนหมอนี่เพิ่งจะอายุสิบห้า ยิ่งไปกว่านั้นผลการฝึกตนยังเป็นแค่ฝึกจิตขั้นหนึ่ง?
ในบรรดาผู้ที่ผ่านชั้นที่เจ็ดของทุกยุคสมัย มีคนไหนบ้างที่ไม่ใช่อายุยี่สิบกว่า และผลการฝึกตนบรรลุถึงฝึกจิตขั้นสี่ขึ้นไป?
นี่มันใช่อัจฉริยะในรอบพันปีที่ไหน เห็นได้ชัดว่าเป็นอัจฉริยะที่ยากจะได้พบในรอบพันปี!
สามารถจินตนาการได้เลย ในช่วงเวลาต่อจากนี้ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเด็กหนุ่มที่ชื่อหลัวซิวคนนี้ต้องบานสะพรั่งดั่งดอกไม้ลอยโชยไปทั่วประเทศ ทำให้กองกำลังนับไม่ถ้วนตกตะลึง!
อัจฉริยะที่ปราดเปรื่องเช่นนี้ ราชวงศ์ประเทศเทียนหวูต้องหวั่นไหว สิบตระกูลใหญ่ต้องบ้าคลั่งเพราะเรื่องนี้
ยิ่งไปกว่านั้นคนคนนี้เป็นสมาชิกอัจฉริยะของแก๊งสาขานักล่าอสูร แก๊งไม่ได้จำกัดการเข้าร่วมเป็นสมาชิกร่วมกับกองกำลังอื่น สามารถชักชวนเข้าได้ทุกเมื่อ
สิ่งที่ทำให้ผู้คนสนใจมากที่สุดคือ เขาสามารถผ่านชั้นที่เจ็ด แล้วเขาได้รับของรางวัลแบบไหน?
“ฮ่าฮ่า สมกับเป็นวีรบุรุษในหมู่คนหนุ่มสาว น้องชายทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาครั้งใหญ่”
หนานหรงชินหวางกระโดดลงมาจากเรือรบ เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหลัวซิว บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “น้องชายสนใจมาบุกเบิกที่เมืองหลวงของประเทศเทียนหวูหรือเปล่า?”
เห็นได้ชัดคำพูดประโยคนี้ของหนานหรงชินหวางเป็นการชักชวน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นตัวแทนของราชวงศ์樊家 ซึ่งเป็นกองกำลังที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเทียนหวู
ยิ่งกว่านั้น หนานหรงชินหวางออกหน้า กองกำลังจากสิบสามเขตปกครองอื่น เริ่มทยอยกันล้มเลิกความคิดที่อยู่ในใจ
เพราะในประเทศเทียนหวู นอกเหนือจากกองกำลังใหญ่ระดับแนวหน้า ไม่มีใครกล้าแย่งคนกับราชวงศ์ประเทศเทียนหวู
เซี่ยหย่งกินยาเม็ดรักษาอาการบาดเจ็บหนึ่งเม็ด สีหน้าที่ซีดขาวแล้วฟื้นฟูกลับมาเป็นสีแดง เขาเป็นสมาชิกอัจฉริยะของแก๊งเขตการปกครองชิงฮัว เป็นชั้นเหลืองเหมือนกัน และผลการฝึกตนฝึกจิตขั้นสาม
แต่คิดไม่ถึงว่าหลัวซิวคนนี้จะทำได้ดีกว่าตนเอง สามารถฝ่าด่านชั้นที่เจ็ดของหอคอยมังกรบิน?
เขาก็บุกไปถึงชั้นที่เจ็ดเหมือนกัน และรู้ถึงความน่ากลัวของชายชุดดำถือดาบคนนั้น เพียงแค่ดาบเดียว ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ ต้องส่งเสียงตะโกนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หนีเอาชีวิตรอดในช่วงสามอึดใจอย่างบ้าคลั่ง
ถึงจะเป็นแบบนั้น ในเวลาช่วงสามอึดใจ เขาก็เกือบจะตายภายใต้คมดาบของชายชุดดำ
สถานการณ์ของเซี่ยหย่งยังถือว่าดี มีอีกหลายคนที่บุกไปถึงชั้นที่เจ็ดเหมือนกัน แต่ตอนอยู่ในสภาวะที่หมดสติ หรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
และครั้งนี้ถึงขั้นมีอัจฉริยะฝึกจิตขั้นสี่คนหนึ่งตายลงในชั้นที่เจ็ด
สีหน้าของช่าวชูเจิ้งฉีก็เคร่งขรึมลง เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าหลัวซิวจะสามารถทำได้โดดเด่นมากขนาดนี้ แม้กระทั่งหนานหรงชินหวางที่มียศฐาบรรดาศักดิ์ก็ไปชักชวนด้วยตนเอง
หลันเจียเอ่อร์ยิ่งถึงกับใช้มือกุมปากตนเอง ในแววตาปรากฏให้เห็นอารมณ์ของการไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้
มีเพียงใบหน้าของเหยียนซีโรว่ที่มีรอยยิ้มแฝงเล็กน้อย นางไม่สนใจว่าหลัวซิวจะทำสถิติได้ดีมากแค่ไหน สิ่งที่นางสนใจคือความปลอดภัยของเขาและทุกอย่างเรียบร้อยดี
วินาทีนี้ จิตใจของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เริ่มซับซ้อน
ราชายุทธ์ของกองกำลังใหญ่ทั้งสิบสามเขตปกครอง ตอนนี้ก็รู้ดีอยู่แก่ใจ เมื่อไหร่ที่เด็กหนุ่มที่ชื่อหลัวซิวถูกราชวงศ์ชักชวนไป เมื่อเป็นแบบนั้น จะต้องห้ามล่วงเกินคนคนนี้เด็ดขาด!
อัจฉริยะแบบนี้หากเติบโตขึ้น จะกลายเป็นบุคคลที่น่าสะพรึงกลัว บุคคลที่สามารถกวาดต้อนเป็นหนึ่งในเขตปกครอง
“บัดซบ!”
สีหน้าของเจ้าสำนักเหลยเว่ยหลงแห่งสำนักเหลยหวู่เคร่งขรึมจนน่ากลัว เขารู้ดีอยู่แก่ใจ ในตอนนั้นหลัวซิวคนนี้เคยประกาศจะเหยียบสำนักเหลยหวู่ให้ล่มจมและเอาหัวเขาไป
และสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกโกรธมากกว่านั้นก็คือ เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตนเองไปล่วงเกินหมอนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่
########################