Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 994 แบ่งเป็นตายชั่วพริบตา

ตอนที่ 994 แบ่งเป็นตายชั่วพริบตา

ตอนที่ 994 แบ่งเป็นตายชั่วพริบตา
“ข้าลุยเอง!”

สิ้นเสียงหนานกงหั่ว ชายที่กร้าวแกร่งหาใดเปรียบคนหนึ่งพุ่งออกมา

ผิวเขาราวหล่อจากสำริด ร่างปราดเปรียวเปี่ยมพลังทำลายล้าง นัยน์ตาเฉียบคมชวนประหวั่นดั่งอินทรี

ตูม!

หลังเขาออกเคลื่อนไหว ห้วงอากาศถูกเงาร่างเขาฉีกกระชากหนักหน่วง ส่งเสียงครวญเสียดหู

ชั่วพริบตาราวเสือดาวดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่งออกจู่โจม อานุภาพปราดเปรียวฮึกเหิมนั่น แค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่คนที่ผู้สืบทอดสำนักทั่วไปสามารถเทียบเคียง

นี่ก็คือเซียวเจิง!

หนึ่งในศิษย์สืบทอดแท้จริงแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ผู้กล้าระดับกระบวนแปรจุติที่เก่งกล้าสามารถด้านการศึก ภายในร่างเลือดนักรบไหลวน ทรงพลังเหลือประมาณ

‘เจ้าหมอนี่ได้เจอโศกนาฏกรรมแน่’ พวกหนานกงหั่วเห็นดังนั้นต่างเผยสีหน้าเวทนา

ในบรรดาศิษย์สืบทอดแท้จริงแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ เซียวเจิงอาจไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่สุด พรสวรรค์ก็ไม่ได้เลิศล้ำ แต่กลับเป็นคนคลั่งการต่อสู้ยิ่ง!

พวกที่ถูกเขาเห็นเป็นคู่ต่อสู้ บัดนี้ล้วนกลายเป็นซากกระดูกสูญหายจากโลกชั่วนิรันดร์!

“หลินสวิน ศิษย์พี่ฉู่เคยบอกว่าต้องระวังเจ้า คิดว่าเจ้าคือบุคคลที่รับมือยาก ข้ากลับเฝ้ารอยิ่งว่าเจ้าจะแข็งแกร่งเท่าไหร่กัน”

เสียงเซียวเจิงราวเป็นอีกคน ก้องกังวานดั่งทวนทองกระทบ แผ่ไอสังหารเสียดกระดูกทำเอาห้วงอากาศครวญเป็นระลอก

“แสดงฝีมือที่แกร่งที่สุดของเจ้าออกมา ไม่เช่นนั้นหัวเจ้าจะถูกข้าเด็ดลงมาทำเป็นจอกเหล้า!” มุมปากเขาเผยความหลงระเริงวูบหนึ่ง จ้องหลินสวินดุจเพ่งเล็งเหยื่อ

หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่งด้วยสีหน้าสงบ กล่าวเนิบช้า “หากรับมือกับเจ้า ยังคงไม่มีคุณสมบัติพอให้ข้าใช้ฝีมือที่แข็งแกร่งสุด”

เซียวเจิงแววตาดุจอสนี ผมยาวพลิ้วไหว หัวเราะร่ากล่าว “บ้าดีนัก! หวังว่าตอนเจ้าตายจะระห่ำได้เช่นนี้!”

ตูม!

ขณะกล่าวเขาก้าวสู่ห้วงอากาศ เงาร่างดุจอสนีไวว่อง พุ่งสังหารไปทางหลินสวิน

ตัวคนยังมาไม่ถึง จิตสังหารเข้มข้นดุดันคาวโลหิตก็บีบกดดั่งคลื่นซัดโถมกระหน่ำ พาให้ผู้คนรู้สึกปิ่มจะหายใจไม่ออก

ไหนเลยจะเหมือนคนผู้หนึ่ง ชัดแจ้งว่าเหมือนเทพสังหารที่พุ่งออกจากภูเขาศพทะเลเลือด!

‘จิตสังหารของศิษย์น้องเซียวเจิงนับวันยิ่งอัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ’ พวกหนานกงหั่วต่างกำลังอัศจรรย์ใจ

ตึง!

การจู่โจมของเซียวเจิงเรียบง่ายยิ่ง นิ้วมือดั่งคมดาบผ่าลงไป เห็นได้ว่าป่าเถื่อนนัก

แต่ขอแค่ตาดีหน่อยก็สามารถมองออกว่า การโจมตีของเซียวเจิงมีอานึภาพยิ่งใหญ่เผด็จการ พลังฝ่ามือครอบคลุมทั่วทิศ ทำให้ผู้คนรู้สึกหมดหนทางยากเลี่ยงหนี ไม่อาจหลบหลีก

แม้แต่หลินสวินยังแปลกใจอย่างอดไม่อยู่ ดูออกว่าเซียวเจิงนี่เป็นยอดบุคคลที่มีฝีมือจริงๆ แค่การโจมตีนี้ก็สามารถมองออกว่าเขามีความเชี่ยวชาญลึกซึ้งที่เรียกได้ว่าล้ำเลิศบนวิถียุทธ์

น่าเสียดาย สำหรับหลินสวินแล้วการโจมตีนี้กลับยังไม่พอสร้างภัยคุกคาม

เขาซัดฝ่ามือออกไปเช่นกัน เรียบง่ายสบายอารมณ์ดั่งวาดเขียนตามสะดวก ไม่ลึกลับซับซ้อน

ตูม!

ทั้งสองปะทะกัน ฟ้าสะเทือนดินสะท้าน

จากนั้นก็เห็นพลังฝ่ามือเซียวเจิงถูกกำจัดทีละน้อย ระเบิดออกเป็นละอองแสงเจิดจรัส

เขาตกใจยกใหญ่ สัมผัสได้อย่างแจ่มชัดว่าฝ่ามือนี้ของตนราวถูกหุบเหวปกคลุม จวนจะถูกกลืนกิน!

“ประทับรบมังกร!”

เซียวเจิงตะโกนลั่น ร่างปราดเปรียวกำยำสาดแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้า พลานุภาพดุดันยิ่งกว่าเดิม เขาโบกแขนทั้งสองข้าว ก้าวย่างอย่างมั่นคงหมายสลายการโจมตีหลินสวิน

แต่ผลกลับทำเขาใจสะท้าน พลังฝ่ามือของอีกฝ่ายยิ่งใหญ่ราวหุบเหว คล้ายสามารถกลืนกินสรรพสิ่ง ไม่อาจสั่นคลอนแม้แต่น้อย

กร๊อบ!

เวลาต่อมาเขารู้สึกได้เพียงว่าความเจ็บปวดสาหัสแล่นผ่าน เอ็นกระดูกนิ้วแตกละเอียด โลหิตซ่านเซ็น

แย่แน่!

เขามีประสบการณ์กรำศึกมากมาย รู้ว่าไม่เข้าทีก็ปลีกตัวถอยโดยไม่ลังเล

ไหนเลยจะคาดคิด เวลานี้หลินสวินแปรฝ่ามือเป็นกรงเล็บพุ่งเข้าตะปบทันใด ประดุจกรงขังปกฟ้าที่มาเยือนจากนภา

กร๊อบ!

เสียงเอ็นกระดูกแตกดังสนั่นอีกครั้ง

เซียวเจิงไม่ทันได้ร้องโอดโอยก็ถูกมือใหญ่นั่นบิดคอ

กระทั่งก่อนตาย เขายังถลึงตาโกรธท่าทางยากจะเชื่อ เด็กหนุ่มจากโลกชั้นล่างคนหนึ่ง ทำไมแข็งแกร่งขนาดนี้

ทุกอย่างพูดแล้วดูช้า อันที่จริงตั้งแต่เซียวเจิงออกจู่โจมกระทั่งถูกหลินสวินหักคอ การเคลื่อนไหวทั้งหมดปิดฉากในชั่วพริบตา

เร็วเกินไปแล้ว!

เร็วจนทุกคนตรงนั้นล้วนไม่ทันได้ตอบสนอง!

“นี่…”

ความเวทนาบนหน้าพวกหนานกงหั่วพลันค้างแข็งราวกับถูกสายฟ้าฟาด

ก่อนหน้านี้จากมุมมองทุกคน ครั้งนี้หากหลินสวินไม่ตายอย่างน้อยก็ต้องถูกถลกหนัง

แต่บัดนี้พวกเขาแทบร้องเสียงหลง เซียวเจิงเพิ่งออกโจมตี แค่ชั่วพริบตาก็ถูกหักคอ?

นี่น่าตกตะลึงไปแล้ว หากไม่รู้คงต่างคิดว่าหลินสวินกำลังเชือดไก่ฆ่าลิง

แต่พวกหนานกงหั่วล้วนรู้ดีว่าเซียวเจิงแข็งแกร่งยิ่ง! ในฐานะที่เป็นหนึ่งในศิษย์สืบทอดแท้จริงของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ อยู่ในระดับกระบวนแปรจุติยังกล้าไปท้าทายระดับกึ่งราชันด้วยซ้ำ!

ทว่าปัจจุบันกลับตายลงเช่นนี้…

ถูกบีบตายคามือหลินสวินอย่างปวกเปียกเยี่ยงสุนัขตัวหนึ่ง…

“แม้การโจมตีเดียวของข้ายังต้านไม่อยู่ ยังกล้าแหกปากว่าจะเอาหัวข้าไปเป็นจอกเหล้า ตายไปก็ไม่น่าเสียดายจริงๆ”

หลินสวินโยนศพเซียวเจิงทิ้งลวกๆ ดั่งทิ้งขยะ

เฮือก!

เสียงสูดหายใจดังขึ้น สีหน้าเหล่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง สายตาที่มองหลินสวินเจือความตระหนกขุ่นเคือง และแฝงความเคร่งขรึมจริงจังอย่างไม่เคยมีมาก่อน

พวกเขาเพิ่งตระหนักได้ว่า เจ้าหนุ่มตรงหน้าหาใช่ผู้ที่พวกเขาสามารถรังแกได้แต่แรก!

แม้แต่กู้อวิ๋นถิงยังตะลึงงัน คิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่าไม่เจอกันแค่ไม่กี่ปี เด็กหนุ่มที่ปีนั้นไม่ถูกตนเห็นในสายตาจะเติบโตถึงขั้นนี้

เขา…

หลายปีมานี้ผ่านอะไรมากันแน่

“เจ้าๆๆ… ถึงกับกล้าฆ่าคนรึ” หนานกงหั่วสีหน้าคล้ำเขียว ตะโกนร้องเสียงหลง

คำพูดโง่เขลาเช่นนี้ยังหลุดออกมาได้ เท่านี้ก็ดูออกว่าเขาเองถูกฉากนี้ทำเอาตระหนก จิตใจปั่นป่วนไม่หยุด

“ทำไมข้าจะไม่กล้าฆ่าคน เพราะพวกเจ้าคือผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์หรือ”

เงาร่างหลินสวินสูงสง่า ยืนสันโดษเหนือยอดเขา บุคลิกดั่งเมฆาเคลื่อน เรียบเฉยพ้นโลกีย์ หาได้มีพลังข่มขวัญมากนัก

แต่เมื่อคำพูดนี้ของเขาดังออกมา กลับทำเอาพวกหนานกงหั่วใจสั่น

เดิมที่สิ่งที่พวกเขาพึ่งพิงก็คือกำลังคน ทั้งมั่นใจว่าจะสามารถจับตายหลินสวินได้

แต่การตายของเซียวเจิงกลับทำให้พวกเขารู้ซึ้งว่าคู่ต่อสู้ครานี้น่าหวาดกลัวเพียงใด คงไม่ง่ายเหมือนที่พวกเขาคิดไว้แน่

ที่ทำพวกเขาใจสั่นที่สุดคืออีกฝ่ายไม่หวั่นกลัวแม้แต่น้อย แม้รู้ว่าพวกเขามาจากแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ก็ยังกล้าจู่โจมสังหารโดยไม่ลังเล ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนท่าทีนิ่งสงบ นี่มันน่าสะพรึงเกินไปแล้ว

จอมมารที่ฆ่าคนตาไม่กะพริบเป็นเช่นนี้นี่เอง!

“กลับไปบอกฉู่เป่ยไห่ ข้าไม่อยากมีเรื่องกับแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ครั้งนี้เป็นเพียงบทลงโทษเล็กน้อย แต่หากพวกเจ้ายังอยากเป็นศัตรูกับข้า เช่นนั้นก็ลองคิดดูว่าจะแบกรับเพลิงโทสะข้าไหวหรือไม่”

หลินสวินพูดจบก็หันหลังจากไป

ไปแล้ว?

หนานกงหั่วสีหน้าแปรปรวนไม่หยุด ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

ครั้งนี้เขามาแก้แค้นล้างอัปยศอย่าง แต่ไม่คิดว่าเพิ่งเริ่มดำเนินการก็ปราชัยเช่นนี้ นี่ทำให้เขาอัดอั้นจนแทบกระอักเลือด

ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์คนอื่นๆ ก็เช่นกัน

เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นว่าในอาณาเขตของตน ถึงกับมีคนกล้าสังหารคนของพวกเขาดั่งเชือดไก่ ท่าทางสบายอารมณ์เช่นนั้นกระเทือนจิตใจพวกเขาอย่างไม่เคยมีมาก่อน

มีเพียงกู้อวิ๋นถิงที่ทอดถอนใจ รู้ว่าหลินสวินกล่าววาจาพวกนี้ไปก็เปล่าประโยชน์ ภายในเขตแคว้นกู่ชาง ไม่ว่าเพื่อแก้แค้นแทนเซียวเจิงหรือด้วยมูลเหตุอื่น แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ไม่มีทางให้เขาจากไปทั้งเป็นแน่!

จริงดังคาด หลินสวินเพิ่งจากไป ขอบฟ้าที่ห่างไกลก็เผยเงาร่างกลุ่มหนึ่งตะบึงมา ผู้ที่นำอยู่นั่นกลับเป็นหนานกงสุ่ย

ส่วนเบื้องหลังเขาคือผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งราชันที่พลังน่าตกตะลึงยิ่งกลุ่มหนึ่ง มีทั้งชายหญิง รูปร่างหน้าตาต่างกันไป แต่พลานุภาพล้วนแข็งแกร่งเหลือประมาณ

เมื่อรู้ถึงการตายของเซียวเจิง หนานกงสุ่ยก็อดหงุดหงิดไม่ได้ ตีอกกระทืบเท้ากล่าว “มาช้าไปก้าวหนึ่ง เป็นอย่างที่ศิษย์พี่ฉู่บอกไว้จริงๆ!”

พวกหนานกงหั่วตะลึงงัน อดถามไม่ได้ “ศิษย์พี่ฉู่คาดเดาเรื่องทั้งหมดอยู่ก่อนแล้ว?”

หนานกงสุ่ยกล่าว “ตอนข้ามาศิษย์พี่ฉู่ได้ข่าวส่วนหนึ่งเกี่ยวกับหลินสวิน ถึงรู้ว่าคนผู้นี้น่ากลัวกว่าที่คิด หลายวันก่อนเคยก่อเรื่องที่แดนฐิติประจิม…”

เขาเล่าข่าวลือส่วนหนึ่งเกี่ยวกับหลินสวินที่แดนฐิติประจิมออกมาจนหมด

เมื่อได้รู้ว่าชื่อเสียงหลินสวินแพร่สะพัดทั่วแดนฐิติประจิมนานแล้ว พวกเขาต่างสูดหายใจเย็นอย่างอดไม่อยู่ มือเท้าพลันเย็นเยียบ

เทพมารหลิน?

เจ้าหมอนี่ถึงกับเป็นคนร้ายกาจเช่นนี้!

“ดังนั้นศิษย์พี่ฉู่จึงสั่งให้ข้าและเหล่าอาจารย์ลุงอาจารย์อารีบมาช่วยเหลือ คิดไม่ถึงว่ายังมาช้าไปก้าวหนึ่ง” หนานกงสุ่ยถอนใจ

“เช่นนั้นศิษย์พี่ฉู่ยังกำชับเรื่องอื่นอีกหรือไม่” กู้อวิ๋นถิงอดถามไม่ได้

“มี” ที่เอ่ยปากครานี้คือชายชราเปี่ยมกำลังวังชาผมเหลืองผู้หนึ่ง เขากล่าวเสียงขรึม “ไม่ต้องคำนึงถึงค่าตอบแทนใด ต้องปลิดชีพเด็กนี่ให้ได้!”

“อีกทั้งพวกเราได้รายงานทางสำนักแล้วว่าจะเคลื่อนพลให้มากขึ้น วางตาข่ายดักทั่วแคว้นกู่ชาง ทำให้เด็กนี่ต่อให้ติดปีกก็หนีไม่รอด!”

ได้ยินแผนการนี้กู้อวิ๋นถิงพลันตกใจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเพื่อสังหารหลินสวิน แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์คิดเอาจริงแล้ว!

ทว่าแม้หลินสวินจะแข็งแกร่ง แต่อย่างไรก็ตัวคนเดียว จำเป็นต้องทำเช่นนี้จริงหรือ

กู้อวิ๋นถิงไม่เข้าใจนัก

คนอื่นเองก็ตะลึงงัน แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์คือสำนักโบราณแห่งหนึ่ง หากถูกคนทั่วไปรู้ว่าเพื่อสังหารเทพมารหลินคนเดียว ถึงกับวางตาข่ายดักแน่นหนาโดยไม่คำนึงถึงอะไร คงได้ถูกผู้คนเยาะเย้ยแน่

“นั่นเพราะพวกเจ้าไม่รู้มูลค่าของเด็กนี่ บนตัวเขาซ่อนมหาศุภโชค อย่าว่าแต่พวกเรา หากถูกขุมอำนาจอื่นรู้เข้าก็คงจับเขาโดยไม่คำนึงถึงค่าตอบแทนใด”

ชายชราผมเหลืองสีหน้าเรียบเฉย “และเพราะเหตุนี้ เด็กนี่ถึงถูกขุมอำนาจมากมายในแดนฐิติประจิมตามล่า ภายใต้สถานการณ์บีบบังคับจึงต้องลี้ภัยมาแดนชัยบูรพา”

“ที่แท้เป็นเช่นนี้”

ทุกคนต่างพลันกระจ่าง

“เวลาไม่คอยท่า เริ่มดำเนินการเถอะ!”

ขณะเดียวกันหลินสวินหน้านิ่วคิ้วขมวด

สาเหตุที่เขาจากมาก่อนไม่ใช่เพราะใจดี เดิมทีคิดลงมือกำจัดพวกที่ตามล่าเขาในคราเดียว

ใครเล่าจะคาดคิด ว่ากลับสังเกตเห็นกลิ่นอายซึ่งทรงพลังยิ่งกว่าเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว เพื่อความรอบคอบจึงตัดสินใจเลือกจากมา

ก่อนหน้านี้ส่งพวกสวะอย่างหนานกงหั่วมาตามล่าตน บางทีอาจยังไม่รู้ศักยภาพและรากฐานของตนแน่ชัด

แต่ตอนนี้… เกรงว่าคงต่างออกไปแล้ว!

หลินสวินแน่ใจว่าเรื่องราวเกี่ยวกับตนที่แดนฐิติประจิม ขอแค่มีใจไปสืบเสาะต้องสามารถรู้เรื่องได้แน่

อาศัยฐานะและความสามารถของฉู่เป่ยไห่ คิดอยากได้ข่าวพวกนี้ก็แค่ขยับปากเท่านั้น

‘สถานการณ์คงยุ่งยากกว่าที่คิด…’ หลินสวินมีลางสังหรณ์อย่างหนึ่ง ว่าบนหนทางต่อจากนี้ต้องมีพายุม้วนซัดมาเยือนอย่างไม่อาจคาดเดา

หากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อนหลินสวินคงกังวลและวิตกเรื่องนี้ และใคร่ครวญหาวิธีรอดอย่างเต็มกำลัง

แต่บัดนี้เขาต่างจากอดีต ต่อให้เจอสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันก็มีความกล้าเข้าประลองกับอีกฝ่าย!

สิ่งเดียวที่ทำให้หลินสวินรู้สึกตึงมือคือ หากแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ระดมกำลังจัดการตนเต็มที่ คงชักนำให้เกิดความวุ่นวายและเคราะห์สังหารมากเกินจำเป็นแน่

……………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท