มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 229 ผู้มีความสามารถที่หาได้ยากในหลายปี

บทที่ 229 ผู้มีความสามารถที่หาได้ยากในหลายปี

 

 

 

 

บทที่ 229 ผู้มีความสามารถที่หาได้ยากในหลายปี

 

เสียงตวาดดังสนั่น คนที่ปิดบังใบหน้าชักดาบออกมา ปราณดาบอันเย็นยะเยือกสว่างวาบ ในขณะเดียวกันก็ฟาดลงไป

“ค่ายกลประสานโจมตีงั้นเหรอ”

หลัวซิวหรี่ตาลง แปลกจัง จอมยุทธ์พวกนี้ ส่วนใหญ่อยู่ในแดนพรสวรรค์ กล้ามาฆ่าตัวเอง

ค่ายกลประสานโจมตี อยู่ในค่ายกลพิเศษประเภทหนึ่ง สามารถทำให้นักยุทธ์ระดับที่บรรลุถึงในระดับต่ำ ที่มีจำนวนมากเพียงพอ รวบรวมพละกำลังเข้าไว้ด้วยกัน และสามารถแสดงพลังที่เหนือกว่าระดับที่ตนเองบรรลุถึง

“กระบี่เพลิง!”

กระบี่ยุทธ์ด้านหลังหลัวซิวออกจากฝัก แสงดาบรูปมังกรเปลวไฟดำฟาดลงมา และฟันปราณดาบสิบกว่าปราณจนแตกสลาย

หัวหน้าคนชุดดำที่ปิดบังใบหน้า ลอยพุ่งมาในอากาศ คนนี้มีผลการฝึกตนในแดนฝึกจิตขั้น4 ใช้ค่ายกลประสานโจมตี เอาพละกำลังของจอมยุทธ์แดนพรสวรรค์สิบกว่าคน เข้ามาในร่างกายตัวเอง ตอนนี้ดูมีพลังอำนาจเป็นอย่างมาก ราวกับมีพละกำลังทัดเทียมกับแดนจิตขั้น8

รู้ว่าหลัวซิวเคยฝ่าฟันหอคอยมังกรบินชั้นที่ 7 มาแล้ว พละกำลังเปรียบได้กับฝึกจิตขั้น7 แต่คนที่ปิดบังใบหน้าพวกนี้ยังกล้ามาฆ่า แถมยังสามารถใช้ค่ายกลประสานโจมตี ที่มีพละกำลังฝึกจิตขั้น8 อีกด้วย

“สลายวิญญาณ!”

เปลวไฟดำอันเย็นชาเคลื่อนไหวในตาของหลัวซิว

ในพลังก่อรวมวิญญาณ บันทึกวิชาลับจู่โจมวิญญาณไว้สามประเภท สลายวิญญาณเป็นวิชาลับประเภทแรก จำเป็นต้องมีตัวสำนึกของฝึกจิตขั้นปลาย ถึงจะสามารถใช้ได้

ห้วงยุทธ์กระบี่สังหารรวบรวมอยู่เหนือตัวสำนึก เหมือนกับกระบี่เล่มหนึ่ง แทงไปยังตัวหยั่งรู้ของคู่ต่อสู้ สลายวิญญาณของอีกฝ่าย

“อ๊าก!”

คนที่ปิดบังใบหน้า ที่จู่โจมเข้ามาด้วยพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ ส่งเสียงร้องโอดครวญ จู่ๆ พละกำลังของจอมยุทธ์แดนพรสวรรค์สิบกว่าคน ที่รวบรวมเอาไว้ สูญเสียการควบคุม

ไม่ต้องให้หลัวซิวลงมืออีกครั้ง ตัวของหัวหน้าคนที่ปิดบังใบหน้าคนนั้น เกิดเสียงระเบิดขึ้นกลางอากาศ

หวาดกลัวจู่โจมวิญญาณ นี่เป็นจุดอ่อนของค่ายกลประสานโจมตีจำนวนมาก

ร่างกายหายแวบไป หลัวซิวคว้าคนที่ปิดบังใบหน้าคนหนึ่งเอาไว้ แล้วถามด้วยเสียงเย็นชา “ใครเป็นคนส่งพวกแกมา”

จนกระทั่งตอนนี้ คนที่ปิดบังใบหน้าคนอื่นๆ เพิ่งตั้งสติได้ ตกใจกับภาพอันแปลกประหลาดเมื่อครู่เป็นอย่างมาก

ไอ้หนุ่มชุดคลุมยาวดำคนนี้ น่ากลัวเกินไปจริงๆ แค่มองไปเท่านั้น ผู้อาวุโสฝึกจิตร่างกายระเบิด จนตายไปเลยเหรอ

“หนี!”

ไม่รู้ว่าใครตะโกนออกมา จอมยุทธ์ที่ปิดบังใบหน้าสิบกว่าคน พากันหนีไปคนละทิศละทาง

“ตายซะให้หมด!”

ตัวสำนึกของหลัวซิวแผ่ซ่านออกมา ตัวสำนึกแต่ละตัว ราวกับกระบี่ที่อาฆาต พวกจอมยุทธ์แดนพรสวรรค์ ที่มีผลการฝึกตนไม่ถึงแดนฝึกจิต ตัวหยั่งรู้ของแต่ละคนแตกสลาย วิญญาณถูกทำลาย

ศพแต่ละศพล้มกองบนพื้น ไม่มีใครหนีไปได้สักคน

เหลือเพียงคนที่ปิดบังใบหน้า ที่โดนหลัวซิวจับเอาไว้ ที่ยังมีชีวิตรอด

“ไอ้หมอนี่เป็นปีศาจเหรอ”

คนที่ปิดบังใบหน้า ที่ยังมีชีวิตรอดอยู่เพียงคนเดียว เหงื่อแตกเพราะความหวาดกลัว เขาคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปีเท่านั้น

จอมยุทธ์แดนพรสวรรค์สิบกว่าคน ผู้อาวุโสฝึกจิตหนึ่งคน พูดว่าฆ่าก็ฆ่า สีหน้าไม่เปลี่ยน ไอ้หมอนี่เป็นเด็กหนุ่มที่ไหนกันล่ะ นี่เป็นมารที่ฆ่าคนอย่างไม่กะพริบตาชัดๆ!

“ให้โอกาสแกหนึ่งครั้ง บอกฉันมาว่าใครส่งแกมา” หลัวซิวจ้องคนที่ปิดบังใบหน้า ที่จับตัวเอาไว้ด้วยแววตาเย็นชา และเอ่ยถามขึ้น

“ถ้าฉันบอกนาย นายจะปล่อยฉันไปหรือเปล่า” คนที่ปิดบังใบหน้าก็มองหลัวซิวอย่างเย็นชา ในแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีด

“แกพูดมากเหลือเกิน”

หลัวซิวขมวดคิ้ว ตัวสำนึกรวมตัวเป็นกระบี่ แทงเข้าไปยังตัวหยั่งรู้ของอีกฝ่ายทันที

“อ๊าก……”

คนที่ปิดบังใบหน้า ส่งเสียงร้องโอดครวญอย่างน่าเวทนาสุดขีด แต่สีหน้าของหลัวซิวไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย ตัวสำนึกแทงเข้าไปยังตัวหยั่งรู้ของอีกฝ่ายอย่างแรง เพื่อค้นหาความจำในนั้น

“สำนักเหลยหวู่!”

ก่อนหน้านี้หลัวซิวแอบคาดเดาเอาไว้บ้าง หลังลองค้นหาความจำของคนที่ปิดบังใบหน้า จึงรู้ว่าคนพวกนี้ รวมไปถึงหัวหน้าที่เป็นปรมาจารย์ฝึกจิต ล้วนเป็นคนที่สำนักเหลยหวู่ส่งมา

เขาเคยใช้ชื่อของหลัวซิว จงใจป่าวประกาศ และฝ่าฟันเข้ามาในสำนักเหลยหวู่ เอาตำแหน่งหัวหน้าของเหลยเว่ยหลงมาได้

ต่อมามีการต่อสู้แย่งชิงโควต้าจำนวนคน เขามีชื่อเสียงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สะเทือนฟ้าดินสำนักเหลยหวู่หวาดกลัวพรสวรรค์ของเขา ดังนั้นจึงจะใช้โอกาสตอนที่เขายังไม่ประสบความสำเร็จ ฆ่าเขาเสียก่อน

“แต่ส่งพวกไม่ได้เรื่องแบบนี้มา เหลยเว่ยหลง นายดูถูกฉันเกินไปหน่อย” หลัวซิวยิ้มเย้ยหยัน โยนคนที่ปิดบังใบหน้า ที่ตัวหยั่งรู้แตกสลาย ลมหายใจรวยรินลงไปบนพื้น

สำนักเหลยหวู่ มีผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์เพียงสามคนเท่านั้น คนที่แข็งแกร่งที่สุด คือเจ้าสำนักอย่างเหลยเว่ยหลง ผลการฝึกตนราชายุทธ์ขั้น4

ในบรรดาพวกนี้ ยังมีผู้อาวุโสสิบคน มีสองคนที่มีผลการฝึกตนราชายุทธ์ คนหนึ่งราชายุทธ์ขั้น1 ส่วนอีกคนราชายุทธ์ขั้น2 ส่วนผู้อาวุโสแปดคนที่เหลือ ล้วนมีผลการฝึกตนระดับฝึกจิต

หัวหน้าของคนที่ปิดบังใบหน้า ที่โดนหลัวซิวฆ่าตาย เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของสำนักเหลยหวู่

ศพเต็มพื้น หลัวซิวเอามาเพียงแหวนเก็บของ ของผู้อาวุโสสำนักเหลยหวู่คนนั้น ส่วนของของจอมยุทธ์คนอื่น ไม่อยู่ในสายตาเขาด้วยซ้ำ

“ถ้าเหลยเว่ยหลงต้องการฆ่าฉัน น่าจะมีแผนอื่นอีก”

เดินเข้ามาในหมู่บ้านสุ่ยหยางที่อยู่ไม่ไกล สายตาแต่ละสายตาเต็มไปด้วยความกลัว พากันหลบสายตาของหลัวซิว

เมื่อกี้การฆ่าเกิดขึ้นบริเวณใกล้ๆ หมู่บ้าน แน่นอนว่าต้องมีคนเห็น

ฆ่าคน โดนฆ่า ระหว่างนักยุทธ์เป็นเรื่องปกติมาก

ชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำตรงหน้า สามารถฆ่าคนสิบกว่าคนอย่างง่ายดาย ต้องเป็นยอดฝีมือที่หาได้ยาก เดินไปที่ไหนก็ทำให้คนเลื่อมใสและหวาดกลัว

หัวหน้าหมู่บ้าน เป็นจอมยุทธ์แดนพรสวรรค์ขั้น6 เรียกได้ว่าจิตใจสับสนวุ่นวายมาก หวาดกลัวว่าชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำ ที่ฆ่าคนอย่างไม่กะพริบตา จะสร้างความวุ่นวายในหมู่บ้าน

เขาออกคำสั่ง บังคับจอมยุทธ์ในหมู่บ้าน ไม่ให้ไปหาเรื่องชายหนุ่มคนนี้

หมู่บ้านไม่ใหญ่ ตัวสำนึกของหลัวซิว สามารถปกคลุมได้อย่างง่ายดาย ในสัมผัสของเขา ในหมู่บ้านมีจอมยุทธ์สามคน ที่มีลมหายใจแห่งชีวิตเต็มเปี่ยมที่สุด

สามคนนี้ซ่อนการเคลื่อนไหวพลังจิตแท้ของตัวเอง แต่ไม่สามารถซ่อนลมหายใจแห่งชีวิต ที่เผยออกมาได้ จอมยุทธ์ยิ่งแข็งแกร่ง ลมหายใจแห่งชีวิตก็ยิ่งเหมือนเปลวไฟในความมืด ลุกโชนอย่างรุนแรง จนเห็นได้อย่างชัดเจน

หลัวซิวยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา ในหมู่บ้านธรรมดาๆ เช่นนี้ ไม่มีทางมีจอมยุทธ์ฝึกจิตได้ถึงสามคน อย่างไร้เหตุผล

หลัวซิวเดินเข้ามาในร้านเหล้าเล็กๆ ในหมู่บ้าน สายตามองไปยังที่นั่งข้างหน้าต่าง

ผู้อาวุโสเคราขาวคนหนึ่งกับชายวัยกลางคนสองคน

ซ่อนการเคลื่อนไหวของพลังจิตแท้ จนไม่รู้ว่าผลการฝึกจิตลึกล้ำขนาดไหน แต่จากลมหายใจแห่งชีวิต สามารถตัดสินได้ว่าเป็นปรมาจารย์ฝึกจิต

สังเกตได้ถึงสายตาของหลัวซิว ผู้อาวุโสเคราขาวขมวดคิ้วขึ้น

บรรยากาศกดดันอันเย็นยะเยือก แผ่ซ่านในร้านเหล้าเล็กๆ แห่งนี้

ลูกค้าในร้านเหล้าก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกประหลาด พากันจ่ายเงินและออกไป ขนาดเถ้าแก่ของร้าน ยังเดินออกไปเงียบๆ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง

“ตั้งแต่โบราณวีรบุรุษล้วนเป็นคนอายุน้อย ผู้น้อยสามารถฝ่าฟันหอคอยมังกรบินชั้นที่ 7 ไม่เสียงแรงที่มีฉายาว่าคนมีความสามารถ ที่หาได้ยากในรอบหลายปี”

ผู้อาวุโสเคราขาวดื่มเหล้าไปอึกหนึ่ง คิ้วที่ขมวดคลายออก ยิ้มและพูดกับหลัวซิว

“ตั้งแต่โบราณ คนมีความสามารถมีนับไม่ถ้วน แต่คนมีความสามารถที่ตายไปแล้ว ล้วนไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น เป็นเพียงแค่กองซากกระดูกเท่านั้น!” ชายวัยกลางคนรูปร่างกำยำ ดื่มเหล้าอึกใหญ่ และพูดออกมาอย่างเย็นชา น้ำเสียงหยาบคาย

“ฆ่าแค่คนเดียว ได้หินพลังจิตตั้งแสนก้อน คนมีความสามารถในรอบหลายปี เหมาะสมกับมูลค่านี้” ชายวัยกลางคนอีกคนสายตาเหมือนเหยี่ยว รูปร่างผอมซูบ

 

########################
 

 

 

 

 

 

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท