บทที่ 250 ต่อสู้กับตระกูลเหยียน
สำหรับนักยุทธ์ที่ฝึกฝนวรยุทธ์ Attr หยินแล้ว ผลในการฝึกตนที่ได้จากหินหยินดีกว่าหินพลังจิตหลายสิบเท่า มีประสิทธิภาพดีกว่ายาวิเศษเสียอีก
ทำไมถึงได้มีหินหยินมากมายเช่นนี้ แต่ไหนแต่ไรมาทุกครั้งที่แดนปริศนาเปิด อย่างมากกว่ามีคนเก็บหินหยินได้แค่หลายสิบก้อน” หลัวซิวและปี้เซียนเสว่สบตากัน ต่างอดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อย
ปริมาณของหินหยินในที่แห่งนี้ มันชักจะบ้าไปแล้ว
จากนั้นหลัวซิวก็พบว่ามีผู้คนเดินทางมาที่นี่มากขึ้นเรื่อย ๆ และเข้าร่วมแย่งชิงค้นหาหินหยิน ผ่านไปไม่นานนัก ก็มีคนห้าสิบกว่าคนมารวมกันอยู่ที่นี่ จะจำนวนคนก็ยังเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อย ๆ
“หินหยินชั้นสูง!” จู่ ๆ เสียงร้องด้วยความตกใจก็ดังนั้น หลัวซิวเองก็ได้หันไปมอง พบว่าชายหนุ่มคนหนึ่งได้ถูกปรมาจารย์ฝึกจิตขั้น 8 สังหาร และได้แย่งเอาหินแก้วดำเกลี้ยงก้อนหนึ่งจากมือของอีกฝ่าย
รัศมีพลังที่หินหยินก้อนนี้แผ่ซ่านออกมา หลังจากที่ตัวสำนึกของหลัวซิวได้สัมผัสถึง สัญชาตญาณบอกกับเขาว่า ถ้าหากได้หินหยินชั้นสูงก้อนนี้มาครอบครอง เขาจะต้องบรรลุถึงแดนฝึกจิตขั้น 7 ได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวของหินหยินชั้นสูงก็ได้ทำให้ที่ราบลุ่มบริเวณนี้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ขึ้น แทบจะทุกคนต่างหยุดการเคลื่อนไหวภายในมือ และโหมโจมตีเข้าไปยังปรมาจารย์ฝึกจิตขั้น 8 ผู้นั้น
สถานการณ์ตรงนั้นทำให้ผู้คนต้องแจะปาก เพียงชั่วพริบตา ปรมาจารย์ฝึกจิตขั้น 8 ผู้นั้นก็ถูกเข่นฆ่าจนแหลกละเอียด หินหยินชั้นสูงถูกทับถมอยู่ท่ามกลางนักยุทธ์หลายสิบคนที่แย่งกันอย่างบ้าคลั่ง
หินหยินชั้นสูงก้อนหนึ่ง เพียงพอที่จะทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์ที่ฝึกฝนวรยุทธ์ Attr หยินหวั่นไหวใจสั่น
เพราะหินหยินไม่ได้มีเพียงประสิทธิภาพในการเพิ่มระดับผลการฝึกตนเท่านั้น ยังสามารถทำให้พลังจิตแท้ Attr หยินที่ตนฝึกฝนบริสุทธิ์กว่าเดิม ประสิทธิภาพโดดเด่นสะดุดตา
นักยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกัน พลังจิตแท้ยิ่งบริสุทธิ์ พลังก็จะยิ่งแข็งแกร่งเป็นธรรมดา
“พวกเราก็ไปหาหินหยินกัน เจ้าตามอยู่ด้านหลังของข้าอย่างเพ่นพ่าน” หลัวซิวกล่าวกับปี้เซียวเสว่ จากนั้นก็ลอยตัวลงไป
ไม่ต้องให้หลัวซิวบอก ปี้เซียวเสว่ก็ไม่กล้ววิ่งเพ่นพ่าน เพราะสถานการณ์วุ่นวายเกินไป อาจจะเกิดการเข่นฆ่าขึ้นได้ตลอดเวลา
นอกจากนี้นางยังเคยได้ยินมาว่าในตอนที่หลัวซิวต่อสู้นั้น พลังจิตแท้จะรวมตัวกันเป็นเปลวไฟสีดำ เป็นพลังที่ค่อนข้างเอียงไปทาง Attr หยิน และตนก็เป็นร่างแห่งเสวียนหยิน หินหยินมีผลดีต่อการฝึกตนของทั้งสองเป็นอย่างมาก
อาศัยพลังจิตแท้สองระดับที่ที่ฝึกฝนโดยวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ หลัวซิวมีสัมผัสที่ไวต่อหินหยินเป็นอย่างมาก ไม่นานก็ขุดเจอโพลงหิน และได้พบหินหยินขนาดน้อยใหญ่แตกต่างกันไปหลายสิบก้อนอยู่ข้างใน
รัศมีพลังของหินหยินแผ่ซ่านออกไป ทำให้กลายเป็นเป้าแอบมองของคนอื่น ๆ ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงในทันที นักยุทธ์ผู้ฝึกจิตช่วงหลังสามคน กระโจนเข้ามาหาหลัวซิวในทันที
ที่เสื้อบริเวณหน้าอกของทั้งสามคน มีรูปเปลวไปอยู่ เห็นได้ชัดว่ามาจากหนึ่งในสิบตระกูลใหญ่ของประเทศเทียนหวู นักยุทธ์ของตระกูลเหยียน
“ของของข้ายังกล้าแย่ง หาที่ตาย!”
หลัวซิวยกมือและฟันกระบี่ออกไป ห้วงยุทธ์กระบี่สังหารระเบิดออก ไอสังหารอันโหดเหี้ยมปะทุออกมา
ก่อนหน้านี้ นักยุทธ์ทั้งสามคนของตระกูลเหยียนเห็นหลัวซิวมีผลการฝึกตนเพียงฝึกจิตขึ้น 6 จึงไม่ได้ใส่ใจนัก แต่เมื่อเขาลงมือในวินาทีนี้ พลังกระบี่อัคคีดำทำให้ตัวตนของเขาถูกเปิดเผยออกมาในทันที
“พลังจิตแท้เปลวไฟดำ เขาคือหลัวซิว!” นักยุทธ์ทั้งสามคนของตระกูลเหยียนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ตูมมม!”
พลังกระบี่อัคคีดำที่น่าหวาดกลัวกวาดผ่านไปในอากาศเป็นแนวนอน หมอกสีเลือดพุ่งกระฉูดแตกกระเซ็น ปรมาจารย์ยุทธ์ตระกูลเหยียนที่มีผลการฝึกตนในระดับฝึกจิตขึ้น 7 ผู้หนึ่ง ไม่สามารถหลบได้ทัน ได้ถูกสังหารไปในทันที
ปรมาจารย์ยุทธ์ตระกูลเหยียนอีdสองคนที่เหลืออยู่รีบถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว มีความตื่นตระหนกอยู่บนใบหน้า
แต่หลัวซิวไม่คิดที่จะหยุดมือลงเพียงแค่นี้ ยกมือขึ้นและฟันกระบี่ลงไปอีกครั้ง ดินหินปลิวกระเด็น
พลังกระบี่อัคคีดำแฝงไปด้วยไอสังหารอันแรงกล้า แข็งแกร่งทรงพลัง
พลัวะ!
ปรมาจารย์ยุทธ์ตระกูลเหยียนอีกคนปลิวลอยถอยหลังออกไป ร่างครึ่งซีกระเบิดออกเป็นหมอกเลือด กรีดร้องออกมาหนึ่งครั้งและล้มจมลงไปในกองเลือด พลังชีวิตดับสูญ
เพราะฉะนั้นแล้ว ปรมาจารย์ยุทธ์ตระกูลเหยียนทั้งสามคน เหลือเพียงชายวัยกลางคนที่มีผลการฝึกคนในระดับฝึกจิตขั้น 8 เท่านั้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางด้านนี้ ก็ได้ดึงดูดความสนใจของนักยุทธ์คนอื่น ๆ ที่ตาหาหินหยินอยู่ในแอ่ง แต่ละคนต่างพูดอยู่ในใจว่าหลัวซิวผู้นี้ช่างมีพลังที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก อานุภาพของพลังกระบี่อัคคีดำนั่นก็ช่างน่าสะพรึงกลัวเอาเสียจริง
ปรมาจารย์ฝึกจิตของกองกำลังต่าง ๆ ที่ได้เข้ามาในแดนปริศนา ต่างก็เคยได้ยินชื่อหลัวซิว เป็นธรรมดาที่จะรู้จักท่าไม้ตายพลังจิตแท้เปลวไฟดำของเขา
เพียงแต่ว่ารายงานที่คนส่วนมากมีอยู่นั้นค่อนข้างจะล้าหลัง หลัวซิวเคยผ่านไปถึงหอคอยมังกรบินชั้นที่ 7 มีความสามารถเทียบเท่ากับผู้ฝึกจิตขั้น 7 นั้น เป็นรายงานตั้งแต่เมื่อหนึ่งปีก่อนแล้ว
ในปัจจุบัน ผลการฝึกตนของเขาจากผู้ฝึกจิตขั้น 1 ได้ก้าวขึ้นมาถึงผู้ฝึกจิตขั้น 6 ไม่รู้ว่าพลังความสามารถได้สู้งขึ้นมาเพียงใด ไม่ใช่แค่ทัดเทียมกับผู้ฝึกจิตขั้น 7 แล้ว แต่เป็นสังหารผู้ฝึกจิตขั้น 7 เหมือนดั่งสังหารสุนัข!
“หลัวซิว เป็นความผิดของข้าที่ลงมือกับเจ้า ข้าเป็นคนตระกูลเหยียน ข้าขอขมาต่อเจ้า หวังว่าเจ้าจะไม่ถือโทษโกรธเคือง” เมื่อปรมาจารย์ยุทธ์ตระกูลเหยียนที่เหลืออยู่ผู้นั้นเห็นพรรคพวกของตนถูกสังหารภายในชั่วพริบตา ยังจะกล้าลงมือกับเขาอีกที่ไหนกัน
“ตระกูลเหยียนวิเศษมากเลยหรือ? กล้าแย่งของของข้า ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะเป็นศิษย์ตระกูลไหน” หลัวซิวยิ้มเยาะ กระบี่ยุทธ์ในมือมีเปลวไปสีดำจับตัวกันกลายเป็นเงากระบี่ไอสังหารที่น่าสะพรึงกลัวปะทุออกมา
ปรมาจารย์ยุทธ์ตระกูลเหยียนผู้นั้นเห็นหลัวซิวไม่เห็นตระกูลเหยียนอยู่ในสายตาเลยสักนิด พลันมีท่าทางโมโหขึ้นมา แต่ก็ไม่กล้าลงมือกับหลัวซิว จึงหดตัวกลับออกไป และคิดจะหนี
ในตอนนี้เอง ก็มีเงาร่างอีกสามสายลอยตัวออกมา ร่วมมือกันต้านทานกระบี่ของหลัวซิวเอาไว้
ตูมมม!
เสียงดังสนั่น แม้ว่าทั้งสามคนนี้จะร่วมมือกันรับกระบี่เอาไว้ได้ แต่วิญญาณหยั่งรู้ก็ได้รับการกระแทกจากห้วงยุทธ์กระบี่สังหาร ร่างก้าวถอยหลังไปหลายก้าว
ผู้คนที่อยู่ใกล้ ๆ สังเกตเห็นว่า สามคนที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาแทรกแซงการต่อสู้นี้ ล้วนสวมชุดของราชวงศ์ตระกูลฝาน
“หลัวซิว อีกฝ่ายได้ขอโทษแล้ว เจ้ายังจะต้องลงมือสังหาร บังขับข่มเหงอีกทำไม?” ชายหนุ่มตระกูลฝานที่เป็นผู้นำกล่าวขึ้นมาอย่างเรียบ ๆ
ในขณะที่พูด เขาก็มองไปที่ปี้เซียงเสว่ที่อยู่ข้างหลัวซิว “เจ้ามานี่ ข้ามีอะไรจะพูดด้วย”
ไอสังหารแวบผ่านไปในดวงตางดงามของปี้เซียนเสว่ นางทำเสียงหึหนึ่งครั้ง และไม่ได้สนใจอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มตระกูลฝานที่ผู้นี้ยังคิดว่านางถูกควบคุมจากวิชาสยบวิญญาณอยู่ ไม่กล้าขัดคำสั่งของคนตระกูลฝาน
“หือ?” ชายหนุ่มตระกูลฝานอุทานออกมาด้วยความสงสัย รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ
หลัวซิวพยายามระงับอารมณ์ที่คิดจะลงมือเอาไว้ เขาทราบดีว่า ถ้าหากเขาลงมือสังหารคนตระกูลฝานตรงนี้ นอกเสียจากจะฆ่าผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ไม่เช่นนั้นเมื่อออกไปจะต้องพบกับปัญหาใหญ่แน่
และจากที่ได้ถูกสามคนนี้ขัดขวาง ชายตระกูลฝานผู้นั้นก็ได้หลบหนีไปแล้ว ไม่กล้าแม้แต่จะอยู่ในแอ่งนี้อีกต่อไป
อยู่ในแดนปริศนาไม่สามารถสื่อสารกับคนภายนอกได้ ศิษย์ตระกูลฝานคนอื่น ๆ น่าจะยังไม่รู้เรื่องที่อำนาจในการควบคุมวิชาสยบวิญญาณถูกแย่งชิงไป
หลัวซิวส่งสายตาให้กับปี้เซียนเสว่ จากนั้นต่างก็ไม่ได้ไปสนใจนักยุทธ์ตระกูลฝานอีก และหันเก็บไปเก็บหินหยินที่ค้นพบในโพรงหิน
เมื่อเห็นหลัวซิวไม่สนใจพวกตนทั้งสาม นักยุทธ์ตระกูลฝานทั้งสามคนก็มีสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย คิดว่าเจ้าหนุ่มคนนี้ชักจะไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตาเกินไปเสียแล้ว
########################