บทที่ 283 งานประมูลในเมืองร้าง
พลังงานที่อยู่ในทะเลเพลิงแห่งนี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์เอง ก็เกรงว่าอาจจะต้องระเบิดจนตาย
แต่หลัวซิวกลับไม่สนใจ เขามีภูตอัคคีกลืนกิน หลังจากพลังงานไฟเหล่านี้เข้าไปในร่างกายแล้ว ก็จะถูกเก็บเอาไว้ในภูตอัคคีกลืนกิน และกายเป็นอาหารสำหรับการเจริญเติบโตของเทพอัคคีในอนาคต
อย่างไรเสีย ภูตอัคคีกลืนกินในตอนนี้ ก็อยู่เพียงแค่ระดับราชายุทธ์เท่านั้น เมื่อผลการฝึกตนของพัฒนาขึ้น ภูตอัคคีกลืนกินก็จะต้องพัฒนาตามไปด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องได้รับพลังงานมหาศาลเข้ามาสนับสนุน
แน่นอนว่าภูตอัคคีสามารถเสริมความแข็งแกร่งของนักยุทธ์ได้อย่างมาก แต่ก็สิ้นเปลืองพลังงานอย่างมากด้วยเช่นกัน ร่างขนาดใหญ่ ต้องเลี้ยงดูลึกฝนอย่างยากลำบาก
ในสายตาที่กำลังจ้องมองด้วยความตื่นตกใจของหลงหมิงและสิงห์ทิพย์อัคคีอร่าม พลังงานไฟที่ดูราวกับทะเลเพลิง ถูกหลัวซิวกลืนกินเข้าไปในร่างกายของตนเองจนหมด
แต่พลังจิตแท้ของเขาไม่ได้ยกระดับขึ้นต่อ ยังคงอยู่ในแดนฝึกจิตขั้น 8 ดังเดิม
สูญเสียพลังงานไฟมหาศาล พื้นที่ใต้ดินแห่งนี้ก็มืดสนิทลงทันที
“ได้เวลาลงมือกลั่นยาเสวียนจือแล้ว แต่ยาระดับ 6 เช่นนี้ อย่างน้อยต้องใช้เตากลั่นยาระดับชั้นล่างในการกลั่นยา หากเป็นของระดับล่างชั้นกลางก็จะยิ่งดี” หลัวซิวครุ่นคิดอยู่ในใจ
ยาเสวียนจือเป็นยาที่นักยุทธ์ใช้ซ่อมแซมจุดตันเถียน และเป็นยาที่นายท่านตระกูลสวีมอบหมายให้เขากลั่น ขอเพียงเขาสามารถกลั่นยาออกมาได้หนึ่งเม็ด ก็สามารถแลกเปลี่ยนกับค่าตอบแทนมูลค่ามหาศาลอีกครึ่งหนึ่งที่อยู่ในมือของนายท่านตระกูลสวีได้ รวมไปถึงจะติดค้างหนี้บุญคุณกับผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์ท่านหนึ่งอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมียาวิญญาณหยินหยางอีก สามารถลงมือกลั่นได้แล้วเช่นกัน
“ลองไปดูที่เมืองร้างก่อนว่าพอจะหาเตากลั่นยาระดับล่างสักใบได้หรือไม่”
เมื่อคิดในใจเช่นนี้ หลัวซิวจึงพาหลงหลิงและสิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามเดินไปตามทางของอุโมงค์ใต้ดิน และกลับขึ้นไปบนพื้น
ตรงบริเวณปากทางเข้าถ้ำ ค่ายกลที่หลัวซิวตั้งเอาไว้ ไม่มีร่องรอยของการถูกสัมผัส เขาเก็บธงค่ายขึ้นมา จากนั้นจึงกระโดดขึ้นนั่งบนหลังของสิงห์ทิพย์อัคคีอร่าม ส่วนหลงหมิงนั้นหายตัว และกลืนเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับอากาศ
“โฮก !”
สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามส่งเสียงคำรามออกมา จากนั้นบินขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงกว่า 10 เมตร และบินมุ่งหน้าไปยังเมืองร้างตามความต้องการของหลัวซิว
ลมและทรายพัดปลิว เมืองร้างตั้งอยู่ในดินแดนรกร้าง ดูราวกับเป็นเมืองที่สร้างจากเหล็ก และดูเหมือนกับสัตว์ร้ายโบราณที่กำลังนอนหลับใหลอยู่ จนทำให้ตกตะลึงไปทุกทิศทาง
ที่นี่ถือเป็นจุดซื้อขายสินค้าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศเทียนหวู นักยุทธ์ที่มาจาก 6 เมือง 13 เขตการปกครอง ต่างมารวมกันอยู่ที่นี่ เพื่อเข้าไปฆ่าอสุรกายในดินแดนรกร้างจากนั้นจึงใช้วัสดุที่อยู่บนตัวของอสุรกาย มาแลกทรัพยากรต่าง ๆ ที่ตนเองต้องการในเมืองร้าง
ดังนั้น ในเมืองร้างไม่เพียงแต่จะมีวัสดุของอสุรกายอยู่เยอะเท่านั้น แต่ยังมีทรัพยากรอื่น ๆ และสมบัติอีกมากมายนับไม่ถ้วน อันดับแรกขอเพียงเจ้ามีทรัพย์สินที่มากพอ ก็สามารถซื้อหาได้
ที่นี่มีองกำลังต่าง ๆ มารวมตัวกันอยู่มากมาย อยู่รวมปะปนกันไปหมด แต่สี่แก๊งใหญ่ไม่ได้ตั้งแก๊งสาขาที่นี่ หลัวซิวต้องการจะซื้อเกลั่นยาระดับล่างสักหนึ่งใบ แต่ก็ไม่สามารถไปที่แก๊งนักหลอมอาวุธได้ จึงจำต้องเลือกหาในร้านขายของของกองกำลังต่าง ๆ เท่านั้น
สถานที่ที่ตั้งอยู่บนถนนสายกลางที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมืองร้าง คือร้านค้าของราชวงศ์ตระกูลฝานรวมไปถึงสิบตระกูลใหญ่ มีสมบัติล้ำค่ามากมายหลายชนิด ขอเพียงแค่เจ้ามีหินพลังจิตที่จะนำออกมาแลกมากพอ โดยส่วนใหญ่ก็จะสามารถซื้อได้
ถึงแม้จะไม่มีสินค้าพร้อมส่ง พวกเขาก็สามารถจัดหาช่องทางต่าง ๆ ในการส่งสินค้าที่เจ้าต้องการไปให้ได้อย่างรวดเร็ว
ถึงแม้หลัวซิวจะขอความช่วยเหลือจากอาจารย์จุนหลู่ให้ช่วยหลอมเตากลั่นยาให้ได้ แต่เขาไม่คิดว่าเป็นเรื่องจำเป็น เพราะยาที่ต่ำกว่าระดับ 9 มีอยู่เพียงจำนวนน้อยเท่านั้นที่จะต้องใช้เตากลั่นยาชนิดพิเศษจึงจะกลั่นยาออกมาได้ ส่วนยาส่วนใหญ่ไม่มีเงื่อนไขพิเศษเรื่องเตากลั่นยามากนัก
ในขณะที่เดินอยู่บนถนนสายกลาง ก็มีเสียงดังโหวกเหวกมาจากทางด้านหน้า คนจำนวนหลายร้อยคนมารวมตัวกันอยู่ที่จัตุรัส จากนั้นจึงเงยหน้ามองขึ้นไปบนค่ายกลฉายภาพที่อยู่บนผนังสูง
“งานประมูลเมืองร้าง ?”
ด้านบนสุดของค่ายกลฉายภาพ มีตัวอักษรขนาดใหญ่ที่โดดเด่นเขียนอยู่
งานประมูลที่จัดขึ้นโดยนักตัดประมูลมืออาชีพ เป็นเรื่องที่เห็นได้ทั่วไปในโลกของนักยุทธ์ เพราะการเสนอราคาด้วยวิธีนี้ จะทำให้สมบัติขายได้ในราคาที่สูงที่สุด โดยเฉพาะในงานประมูลที่มีขนาดใหญ่และมีชื่อเสียง มักจะปรากฏสมบัติล้ำค่าที่แปลกและหายาก
และในเมืองร้าง จะมีการจัดงานประมูลเมืองร้างครั้งใหญ่ครึ่งหนึ่งครั้งในทุก ๆ สองปี และถือว่ามีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศเทียนหวู
ตอนนี้เมื่อหลัวซิวเห็นค่ายกลฉายภาพ เขาก็นำสมบัติล้ำค่าที่จะปรากฏขึ้นในงานประมูลออกมาส่วนหนึ่ง และใช้วิธีนี้ในการดึงดูดสายตาของผู้คน เพื่อชักจูงให้นักยุทธ์มาร่วมงานประมูลมากขึ้น
หลัวซิวเองก็เดินเข้าไป จากนั้นจึงกวาดสายตามองค่ายกลฉายภาพที่อยู่ด้านบน สมบัติจำนวนมากที่ปรากฏชื่ออยู่ในรายการประมูลมีราคาที่สูง และไม่มีหญ้าวิญญาณที่เขาต้องการ
ทันใดนั้น ดวงตาของหลัวซิวก็ค่อย ๆ หดเล็กลง และเผยรอยยิ้มออกมาที่มุมปาก เพราะในรายการสมบัติที่ปรากฏอยู่บนค่ายกลฉายภาพ เขาเห็นว่ามีเตากลั่นยาออกจำหน่ายหนึ่งใบ
“เตากลั่นยาที่ขุดขึ้นมาจากซากปรักหักพังโบราณ ไม่ปรากฏระดับที่ชัดเจน ถูกปิดผนึกอยู่ แม้แต่ปรมาจารย์ค่ายกลขั้น 4 ก็ไม่อาจเปิดออกได้”
บนค่ายกลฉายภาพ มีการแนะนำเตากลั่นยาที่ไม่ทราบระดับใบนี้แบบสั้น ๆ พร้อมแนบหนังสือภาพมาด้วย
ตนส่วนใหญ่ไม่มีใครสนใจเตากลั่นยาใบนี้ เพราะก่อนหน้านี้เคยมีเตากลั่นยาประเภทนี้ปรากฏขึ้นมาก่อน แต่ไม่มีใครสามารถเปิดผนึกที่อยู่ด้านบนได้ จึงไม่สามารถนำเตากลั่นยาไปใช้กลั่นยาได้ จึงไม่สามารถตัดสินระดับของสิ่งของชิ้นนี้ได้
อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นสมบัติที่ค้นพบขึ้นในซากปรักหักพังโบราณ ดังนั้นจึงมีสิทธิ์ที่จะถูกวางประมูลในงานประมูลขนาดใหญ่ได้ มีนักยุทธ์ที่มีทักษะในการกลั่นยาอย่างยอดเยี่ยม และเป็นนักค่ายกลชั้นยอดจำนวนมาก ที่ยินดีจะจ่ายเงินซื้อเพื่อนำมาศึกษาอย่างละเอียด
“ตราผนึกเตาหรือ ?” รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของหลัวซิวอย่างชัดเจน
ตราผนึกเตาเป็นวิชาห้ามค่ายกลในสมัยโบราณ นักกลั่นยาระดับสูงล้วนแล้วแต่มีเตากลั่นยาเป็นของตนเอง และจะมีการประทับตราผนึกเตาลงบนเตากลั่นยา จึงมีเพียงแค่ตนเองคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถใช้เตากลั่นยาใบนี้ได้ ส่วนคนอื่น ๆ ถึงแม้จะได้ไปครอบรองก็ไม่อาจนำไปใช้ได้
ตราผนึกเตายากที่จะเปิดออก แม้แต่ในสมัยโบราณ ก็มีปรมาจารย์ค่ายกลเพียงไม่กี่คนที่สามารถทำได้ อีกทั้งตราผนึกเตายังถูกแบ่งออกตามระดับสูงต่ำ ยิ่งเป็นตราผนึกเตาที่อยู่ในระดับสูง ยิ่งยากที่จะเปิดออกได้
นักกลั่นยาระดับสูงล้วนมีความเย่อหยิ่งในตนเอง เตากลั่นยาส่วนตัวจึงไม่อนุญาตให้ผู้อื่นใช้ นี่เป็นสาเหตุที่มีตราผนึกเตาปรากฏอยู่
แต่ว่า ในความทรงจำของหลัวซิวเกี่ยวกับการกลั่นยา ดูเหมือนจะมีวิธีเปิดตราผนึกวิญญาณอยู่วิธีหนึ่ง นั่นก็คืออาศัยความแข็งแกร่งของภูตอัคคี
ภูตอัคคีที่เกิดมาจากภูตอัคคี มักจะมีความแข็งแกร่งที่ลึกลับและคาดไม่ถึงมากมาย และถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของตราผนึกเตาพอดี
ความทรงจำเกี่ยวกับการกลั่นยาที่หลัวซิวได้รับ ได้มาจากปรมาจารย์กลั่นยาระดับ 9 ขั้นดินในสมัยโบราณ เคยใช้ภูตอัคคีที่ตนเองได้รับ เปิดตราผนึกเตาบนเตากลั่นยาใบหนึ่งมาก่อน และได้รับเตากลั่นยาระดับฟ้าชั้นกลางหนึ่งใบ !
“เหอะ ๆ ไม่รู้ว่าเตากลั่นยาที่มีตราผนึกเตาใบนี้ จะเป็นเตากลั่นยาระดับไหน ?” หลัวซิวแววตาเป็นประกาย เขาแอบพูดกับตัวเองว่านี่อาจเป็นของขวัญที่สวรรค์ประทานมาให้ ตนเองต้องการเตาลั่นยาชั้นดีหนึ่งใบพอดี จากนั้นก็มีคนนำมาเสนอให้ตนเองถึงที่ทันที
ตามประกาศบนค่ายกลฉายภาพ งานประมูลเมืองร้างจะเริ่มต้นในอีกหนึ่งชั่วยามให้หลัง นอกเสียจากนักยุทธ์ที่ได้รับคำเชิญจากงานประมูลจึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วม ตอนนี้คนที่ต้องการเข้าร่วมงานประมูล จะต้องมีผลการฝึกตนอยู่ในระดับฝึกจิตขั้น 7 ขึ้นไป และเป็นนักยุทธ์ที่มีฐานะอยู่ในระดับยอดฝีมือ
ด้านหน้าประตูใหญ่ของงานประมูล มีผู้คนรวมตัวกันอยู่นับร้อย ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมงานประมูล สายตาต่างจับจ้องอยู่ที่ค่ายกลฉายภาพ หลังจากงานประมูลเริ่มต้นขึ้น ค่ายกลฉายภาพจะมีการถ่ายทอดสดบรรยากาศในงานประมูล
########################