บทที่ 280 ภูตอัคคีกลืนกิน
แตกต่างกับหลงหมิง หลังสิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามโดนสยบวิญญาณ ก็เชื่องเป็นอย่างมาก แต่หลงหมิงมีความคิดของตัวเอง เอาแต่คิดจะยกระดับผลการฝึกตน ให้หลุดพ้นจากสยบวิญญาณ
อสูรกายประหลาดที่โดนสยบวิญญาณจากตัวเองเหมือนกัน ถึงหลัวซิวได้ทำความรู้จักกับหลงหมิงค่อนข้างน้อย กลับรู้สึกว่าสิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามที่เพิ่งจัดการได้ตัวนี้ เชื่อถือได้มากกว่า
เขาพลิกมือ เอายาพระแสงขั้น5 โยนให้สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามหนึ่งเม็ด จากประสิทธิภาพของยา อาการบาดเจ็บของสิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามตัวนี้ ฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
ยาพระแสง ก็เป็นยาที่หลัวซิวใช้วัตถุดิบที่อยู่ในมือกลั่นยาออกมา ถึงปกติตัวเองจะไม่ได้ใช้ แต่มียารักษาอาการบาดเจ็บแบบนี้อยู่ในมือ ตอนที่รักษาอาการบาดเจ็บ ก็ไม่ต้องสูญเสียพลังจิตแท้ของตัวเองทั้งหมด
ยาพระแสงที่เขากลั่นออกมา เป็นยาบริสุทธิ์ที่ไม่มีอะไรเจือปน ไม่ต้องกังวลว่าในยาจะมีพิษอะไรแฝงอยู่
หลังผ่านไปประมาณชั่วยามกว่า สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามส่งเสียงคำรามออกมา อาการบาดเจ็บบนตัว ฟื้นฟูไปเกือบครึ่ง
“นายท่าน เชิญตามข้ามา”
สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามตัวนี้ ไม่สามารถพูดภาษาคนได้ แต่สามารถสื่อสารความคิดกับหลัวซิว ผ่านสยบวิญญาณได้
เกิดเสียงดังตู้ม สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามพุ่งลงไปล่างทะเลอัคคี
“นายรออยู่ที่นี่”
หลัวซิวพูดกับหลงหมิง และย่อตัวลงอย่างรวดเร็ว ใช้เพลิงมรณะปกคลุมรอบตัว เข้าไปในทะเลอัคคี
ทะเลสาบที่ก่อตัวมาจากพลังธาตุไฟ มีอัคคีรุนแรงอันแกร่งกล้าซ่อนอยู่ อีกทั้งยิ่งลึกลงไป แรงกดดันก็ยิ่งรุนแรงขึ้น อัคคียิ่งร้อนระอุ ราวกับจะทำให้สรรพสิ่งกลายเป็นเถ้า
หลัวซิวหมุนเพลิงมรณะขจัดพลังอัคคีรอบกาย แต่สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามอยู่ที่นี่ เหมือนปลาได้น้ำ อ้าปากกัดกินพลังอัคคีเป็นระยะ แสดงสีหน้าพอใจออกมา
ผ่านไปครู่หนึ่ง หลัวซิวสังเกตว่าเดิมทีอาการบาดเจ็บของสิงห์ทิพย์อัคคีอร่าม ยังไม่ฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ แต่หลังจากได้กัดกินพลังอัคคี กลับฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ อสูรกายประหลาดโบราณประเภทนี้ มีพรสวรรค์ที่พิเศษจริงๆ
ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามด้านหน้าหยุดลง อีกทั้งส่งความคิดอันน่ากลัวมาให้หลัวซิว
หลัวซิวก็ว่ายเข้ามา มองไปข้างหน้าเขม็ง เขาพบว่า ลึกลงไปกลางทะเลอัคคี เป็นพื้นที่สุญญากาศ เหมือนโพรงดำสี่เหลี่ยมประมาณร้อยกว่าเมตร พลังอัคคีรอบๆ โดนโพรงดำดูดอย่างรวดเร็ว ค่อยๆ ขยายใหญ่อย่างช้าๆ
กลางโพรงดำสี่เหลี่ยมร้อยกว่าเมตร มีกลุ่มเปลวเพลิงสีแดงก่ำ กำลังพลุ่งพล่านขึ้นอย่างช้าๆ
เห็นเปลวเพลิงแดงก่ำกลุ่มนี้ หลัวซิวหรี่ตาลง แววตาฉายแววร้อนระอุ นี่เป็นภูตอัคคีที่เขาตามหา!
พลังจิตธาตุไฟผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน เป็นจิตวิญญาณ กลายเป็นอัคคีที่พิเศษ เรียกว่าภูตอัคคี
เพราะกระบวนการสร้างภูตอัคคี มีความลึกลับของกฎฟ้าดินซ่อนอยู่ หล่อเลี้ยงจนเป็นภูตอัคคี และมีจุดที่แตกต่างกันไป
ในความทรงจำที่หลัวซิวได้ปรมาจารย์กลั่นยาระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น9 มีข้อมูลที่เกี่ยวกับภูตอัคคีบางส่วน
ภูตอัคคีที่หล่อเลี้ยงมาจากฟ้าดิน มีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอ ในนั้นมีภูตอัคคีที่แข็งแกร่งที่สุดสิบชนิด ถูกเรียกว่าสิบภูตอัคคี
ตอนหลัวซิวเห็นเปลวเพลิงสีแดงก่ำกลุ่มนั้น รวมไปถึงโพรงดำสี่เหลี่ยมร้อยเมตร ก็เข้าใจที่มาที่ไปของภูตอัคคีชนิดนี้
“ภูตอัคคีกลืนกิน อันดับ9 ในสิบภูตอัคคี วิวัฒนาการจากการกลืนกินสรรพสิ่งในฟ้าดิน หลังจากบรรลุ ขนาดความว่างเปล่าก็สามารถกลืนกินได้ ฟ้าดินร้อนระอุ แผดเผาสรรพสิ่งจนสิ้น ด้วยเหตุนี้จึงเรียกว่าภูตอัคคีกลืนกิน”
หลัวซิวมองไปไกลๆ พูดพึมพำกับตัวเอง
ภูตอัคคีกลืนกิน วิวัฒนาการจากการกลืนกินสรรพสิ่ง ไม่ว่าสิ่งใดที่เป็นAttrไฟ ล้วนเป็นยาบำรุงสำหรับมัน
ส่วนสิงห์ทิพย์อัคคีอร่าม ก็เป็นสิ่งประหลาดโบราณ ที่วิวัฒนาการจากการกลืนกินอัคคีเช่นกัน สามารถกลืนกินอัคคีเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง แต่กลับไม่สามารถกลืนกินภูตอัคคีกลืนกินได้
เพราะสิงห์ทิพย์อัคคีอร่าม เป็นอสูรกายธาตุไฟ ถ้าเข้าใกล้ภูตอัคคีกลืนกิน จะโดนภูตอัคคีกลืนกินกลั่นเป็นสารอาหาร
“ภูตอัคคีนี้ ก่อตัวไม่เกิน 150 ปี” หลัวซิวมองไป ตอนเห็นเปลวเพลิงสีแดงก่ำ สามารถเปลี่ยนรูปร่างเป็นเหมือนเด็กทารก ขยับปากเล็กๆ เหมือนกำลังนอนหลับ
โพรงสีดำที่มีภูตอัคคีกลืนกินอยู่ตรงกลาง ขยายวงกว้างเรื่อยๆ เติบโตเพราะการกลืนกินพลังธาตุไฟของทะเลอัคคีแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง
ถึงเป็นแค่ภูตอัคคีกลืนกิน ที่เกิดมาได้ไม่เกิน 115 ปี มีรูปร่างเหมือนเด็ก ออร่าที่แผ่ออกมา ก็ทัดเทียมกับผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์แล้ว
ถ้าให้มันเติบโตต่อไปเรื่อยๆ อาจถึงระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้เลย และยังสามารถถึงขั้นที่เหนือกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์ นั่นเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างแท้จริง เรียกได้ว่ามารอสูร!
ถึงสิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามกลัวตัวเองโดนภูตอัคคีกลืนกินกัดกิน แต่ในดวงตาขนาดใหญ่ทั้งสองข้าง ยังฉายแววโลภ ดังนั้นถึงแม้จะผ่านไปเกือบร้อยปี มันก็ไม่กล้าเข้าใกล้ภูตอัคคีกลืน แต่ก็ไม่ยอมจากไปไหน
หลัวซิวสูดหายใจลึก เขารู้ดีว่าไม่ง่ายที่ตัวเองจะสยบภูตอัคคีนี้ มีอันตรายแฝงอยู่มากมาย
ถ้าเขาสยบภูตอัคคีได้ พละกำลังจะยกระดับขึ้นเป็นอย่างมาก หรือถ้าไม่อย่างนั้น เขาก็จะโดนภูตอัคคีกลืนกินจนสลายหายไป กลายเป็นสารอาหาร
ความเสี่ยงและโอกาสเป็นของคู่กัน ถ้ากลัวอันตราย จะมีคุณสมบัติไปสู่เส้นทางโลกยุทธ์สูงสุดได้อย่างไร
“สู้สุดชีวิต!”
เพลิงมรณะรอบตัวหลัวซิวพลุ่งพล่าน ตัวเขาถูกปกคลุมอยู่ในเปลวไฟสีดำ ออร่าแห่งความตายแผ่ซ่านออกมา
วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ ถูกเขาหมุนจนถึงขั้นสุด ในเปลวไฟสีดำที่ระอุอยู่รอบตัว มีเปลวไฟสีขาวปรากฏออกมาช้าๆ เพลิงมรณะกับอัคคีขาวเสวียนหยางต่างรวมตัวกัน เหมือนวงล้อ
ตู้ม!
ตัวของหลัวซิวกลายเป็นลำแสงสีขาวดำ พุ่งเข้าไปในโพรงดำที่ก่อตัวอยู่รอบภูตอัคคีกลืนกิน
เมื่อเห็นการกระทำของเขา สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามเบิกตาโต โพรงดำกลืนกินที่ก่อตัวจากภูตอัคคีกลืนกิน เป็นเขตต้องห้าม มนุษย์ที่เพิ่งกลายเป็นเจ้านายของตัวเอง โง่หรือเปล่า ถึงพุ่งไปแบบนั้น
หลังเข้ามาในโพรงดำกลืนกิน พลังกลืนกินอันน่ากลัว ปกคลุมตัวหลัวซิวเอาไว้ เขารู้สึกว่าพลังจิตแท้กับเลือดลมในร่างกาย กำลังดิ้นพล่าน จะออกจากร่างกายและโดนภูตอัคคีกลืนกิน
แต่พลังจิตแท้สองระดับความเป็นตายรวมตัวกัน ทำให้มีกฎอัศจรรย์บางอย่าง แฝงอยู่ในนั้น แม้เปลวไฟรอบตัวลุกโชนอย่างต่อเนื่อง แต่กลับไม่โดนกลืนกิน
แถบโพรงดำสุญญากาศ หลัวซิวก้าวเข้าไปอย่างยากลำบาก เดินเข้าไปใกล้ภูตอัคคีกลืนกินที่อยู่ตรงกลาง
ขณะนั้น เปลวเพลิงทารกที่กำลังหลับใหลตื่นขึ้นมา ดวงตาแดงก่ำทั้งสองข้าง มองมายังคนที่กำลังใกล้เข้ามาหาตัวเอง
“อือๆๆ……”
มันยื่นนิ้วมือเล็กชี้มายังหลัวซิว ไม่รู้กำลังพึมพำอะไร รูปร่างที่เหมือนเด็กทารก กลายเป็นเปลวไฟสีแดงก่ำกองใหญ่ โถมเข้าไปหาหลัวซิว
########################