มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 288 คุมฟ้าสะกดดิน

บทที่ 288 คุมฟ้าสะกดดิน

 

 

 

 

 

 

 

 

บทที่ 288 คุมฟ้าสะกดดิน

 

“ต้องลงมือแล้ว มิเช่นนั้นหากตาเฒ่าประหลาดจักรพรรดิยุทธ์ตามมา ข้าจะไม่มีโอกาสแล้ว”

เมื่อหลัวซิวขี่สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามไปถึง การต่อสู้ระหว่างผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์ทั้งห้าดำเนินมาถึงจุดสำคัญแล้ว บนร่างกายของแต่ละคนต่างได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อย ในนั้นดูเหมือนฝานหลิงหยุนจะอาการหนักที่สุด เพราะบนตัวของเขามีม้วนหยกทักษะยุทธ์ชั้น 9 อยู่ จึงถูกราชายุทธ์ชุดดำทั้งสามคนโจมตีมากที่สุด

“ข้ามาเพื่อขวางพวกเขา จักรพรรดิยุทธ์หลิงหยุน ท่านรีบหนีไปก่อน !”

คนที่ยืนคู่กับฝานหลิงหยุน เป็นราชายุทธ์ที่มีอายุประมาณสามสิบปี สามารถฝึกตนถึงแดนราชายุทธ์ด้วยวยเพียงเท่านี้ นับว่ามีพรสวรรค์อย่างมาก

“ล้อเล่นน่า ฝานจิ้งกวง เจ้าเพิ่งจะเป็นราชายุทธ์ได้ไม่ถึงสิบปี เจ้าคิดว่าเจ้าคนเดียวจะขวางพวกเขาได้อย่างนั้นหรือ ?”

ราชายุทธ์ชุดดำทั้งสามคนค่อย ๆ เดินประชิดเข้ามาพร้อมกัน

ทว่าตอนนี้เอง ฝานหลิงหยุนอาศัยโอกาสนี้หันหลังกลับแล้วเหาะหลบหนีไป ทิ้งฝานจิ้งกวงให้รับมืออยู่ด้านหลัง

เพียงแต่ฝานหลิงหยุนยังไม่ทันจะได้จากไปไกลนัก ก็มีเปลวไฟพุ่งเข้ามาตรงหน้าของเขา ด้วยความเร็วราวกับฝนดาวตก

“ใครกัน !”

ฝานหลิงหยุนหน้าถอดสี สำนึกของเขาสัมผัสได้ว่าเปลวไฟที่พุ่งเข้ามานั้น เป็นอสุรกายตัวหนึ่งที่แปลงกายมา และบนหลังของอสุรกายตัวนี้ มีคนในชุดคลุมยาวดำยืนอยู่

ตูม !

ทั้งสองฝ่ายปะทะกันในทันที และพลังจิตที่ผันผวนก็ระเบิดขึ้นอย่างมหึมา

ถึงแม้สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามจะยังไม่บรรลุถึงระดับ 5 ถูกชนเข้าที่หัวจนตาลายและรู้สึกมึนงง แต่ร่างกายกลับเต็มไปด้วยพละกำลังที่น่าตกใจ หลังจากปะทะกันแล้ว ก็ทำให้ฝานหลิงหยุนนั้นลอยกระเด็นออกไป และกระอักเลือดออกมา

ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน หลัวซิวเคลื่อนไหวร่างกาย แล้วชักกระบี่ฟันเสือเสวียนที่อยู่ด้านหลังมาไว้ในมือ จากนั้นจึงโคจรพลังแปรเสวียนเทียนยี่สิบสี่เท่าแล้วฟันลงไป

เพลิงมรณะสีดำภายใต้แรงสนับสนุนจากภูตอัคคีกลืนกิน ได้รวตัวกันกลายเป็นกระบี่ ประกอบกับพลังแปรเสวียนเทียนยี่สิบสี่เท่าและร่างยุทธ์ร่างเนื้อในระดับที่เทียบเท่ากัน กระบี่นี้ของหลัวซิว จึงเรียกได้ว่าเป็นกระบี่ที่แข็งแกร่งกว่าที่เคยมีมา

กระบี่เพลิงสีดำมีออร่าของพลังกดขี่ ทำให้อากาศที่เคลื่อนที่ผ่านนั้นบิดเบี้ยว ถึงขนาดถูกฟันจนเกิดรอยดำ

“ไอ้สารเลว !”

ฝานหลิงหยุนโกรธจัด เขายกดาบขึ้นมาสกัดกั้น พลังอันรุนแรงพุ่งตรงไปข้างหน้า ทำให้ร่างกายของเขาลอยกระเด็นไปอีกครั้ง และกระอักเลือดออกมาอีก

แต่การโจมตีที่ไม่คาดฝันนี้ยังไม่สิ้นสุด ร่างของมังกรสีเงินปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเขา กรงเล็บมังกรที่แหลมคมคู่หนึ่งส่องแสงสีเงินวาววับ จับลงไปตรงกลางกะโหลกศีรษะของเขา

ฝานหลิงหยุนเองก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์ เมื่อเผชิญหน้ากับอันตราย เขาก็ใช้สำนึกควบคุมพลังฟ้าดินจิต และสร้างม่านแสงขึ้นมาปกป้องร่างกาย เพื่อต่อต้านการโจมตีด้วยกรงเล็บของหลงหมิง

“เจ้าเป็นใครกันแน่ ?”

ยืนอยู่บนท้องฟ้า รักษารูปร่างให้คงที่ สีหน้าของฝานหลิงหยุนเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด และยิ่งเผยให้เห็นถึงความสงสัย

คนที่สมชุดคลุมยาวดำคนนั้น สามารถโจมตีให้ตนเองถอยร่นได้ด้วยพลังของกระบี่เพียงครั้งเดียว แต่ความผันผวนของพลังจิตแท้ เห็นได้ชัดว่าอยู่ในแดนฝึกจิตขั้น 8 เท่านั้น

แล้วยังมีสิงโตที่ล้อมรอบไปด้วยเปลวเพลิงอีก ถือเป็นอสุรการประหลาดที่ไม่ธรรมดา อยู่ในระดับฝึกจิตขั้น 9

นอกจากนี้ ยังมีอสุรกายที่มีรูปร่างเป็นมังกร ที่ดูเหมือนว่าจะมีความสามารถในการเคลื่อนที่อย่างฉับพลัน ซึ่งก็ถือว่าไม่ธรรมดา ถ้าหากตนเองไม่ได้ใช้พลังฟ้าดินจิตในการป้องกัน กรงเล็บเมื่อครู่ คงทำให้เขาต้องตายแล้ว

“คนที่กำลังจะตาย ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าข้าเป็นใคร”

ใบหน้าของหลัวซิวถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสีดำที่ลุกโชน เขาไม่คิดจะเปิดเผยตัวตนตั้งแต่แรก เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องไม่คาดคิด และนำมาซึ่งปัญหาที่ไม่จำเป็น

“ก็แค่ผู้ฝึกจิตสามคน คิดจะฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ ?”

ฝานหลิงหยุนจับกระบี่ยุทธ์ระดับล่างในมือเอาไว้แน่น บนใบหน้าที่มืดมนของเขา มีเจตนาฆ่าที่รุนแรงปรากฏขึ้น

ราชายุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่กลับถูกผู้ฝึกจิตสามคนฆ่าตาย มิหนำซ้ำยังต้องเสียท่าให้อีก เรื่องเช่นนี้หากแพร่งพรายออกไป แล้วเขาจะเอาชื่อเสียงของจักรพรรดิหลิงหยุนไปไว้ที่ไหน ?

“ไปตายซะ !”

เสียงคำรามต่ำ ๆ ดังออกมาจากลำคอของจักรพรรดิหลิงหยุน ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน เกิดแสงสีทองส่องไปทั่วร่างกายของเขา และปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าหลัวซิวในทันที กระบี่ยุทธ์ระดับล่างที่อยู่ในมือถูกพลังจิตแท้สีทองห่อหุ้ม และกลายเป็นรูปร่างมังกร ทำให้อากาศโดยรอบบิดเบี้ยว จากนั้นเขาจึงฟันลงไปที่หลัวซิวอย่างแรง

เมื่อกระบี่เล่มนี้ฟันลงไป ทำให้เกิดเสียงระเบิดขึ้นในอากาศ พลังของราชายุทธ์ปรากฏออกมาชัดเจนโดยไม่ต้องสงสัย

หลัวซิวเองก็ฟันกระบี่ลงไปเช่นกัน เพลิงมรณะกลายเป็นดาบรูปมังกร กระบี่ยุทธ์ทั้งสองเล่มปะทะกันกลางอากาศอย่างรุนแรง

“เช้ง !”

เสียงการปะทะกันของทองและเหล็กดังขึ้น และเกิดเป็นประกายไฟขนาดใหญ่ คลื่นพลังงานที่โกลาหลสีทองและสีดำถูกปลดปล่อยออกมา ทำให้อากาศบริเวณใกล้เคียงของทั้งสองคนบิดเบี้ยว ราวกับกำลังจะแตกสลาย

หลัวซิวตัวสั่น เขารู้สึกได้ถึงพลังการโจมตีที่แข็งแกร่ง ทำให้แขนทั้งสองข้างของเขาชา และใบหน้าที่ปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสีดำเปลี่ยนไปเล็กน้อย แอบคิดในใจว่าไม่เสียแรงที่เป็นผู้แข็งแกร่งในแดนราชายุทธ์ สามารถใช้พลังฟ้าดินในการส่งเสริมตนเอง มีความแข็งแกร่งที่อยู่เหนือปรมาจารย์ฝึกจิตไม่รู้กี่เท่า

“วิชาพลังมังกรแท้ ?……”

เมื่อเห็นหลัวซิวรวมเปลวไฟสีดำเข้าเป็นกระบี่รูปมังกร จักรพรรดิหลิงหยุนก็หยุดนิ่งในทันที “เจ้าคือหลัวซิวผู้นั้น ?”

ในประเทศเทียนหวู มีเพียงกษัตริย์องค์ปัจจุบันของราชวงศ์ตระกูลฝานเท่านั้น ที่เคยเข้าไปยังชั้นเจ็ดของหอคอยมังกรบิน และได้รับและได้รับวรยุทธ์ฝึกตนวิชาพลังมังกรแท้ ดังนั้นวรยุทธ์ขั้น 8 วิชานี้ จึงถือเป็นความลับที่ราชวงศ์ตระกูลฝานไม่เคยนำออกมาเผยแพร่

จากข้อมูลที่ราชวงศ์ตระกูลฝานได้รับ หลัวซิวเคยเข้าไปในชั้น 7 ของหอคอยมังกรบิน และดูเหมือนว่าจะได้รับวรยุทธ์วิชาพลังมังกรแท้เช่นกัน

ดังนั้น จักรพรรดิหลิงหยุนจึงสามารถตัดสินได้ทันทีว่า ชายชุดคลุมยาวดำที่อยู่ตรงหน้า จะต้องเป็นหลัวซิวอย่างแน่นอน และได้รับการขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากในรอบศตวรรษ

เพราะตอนที่กษัตริย์องค์ปัจจุบันเข้าไปในชั้น 7 ของหอคอยมังกรบิน เขามีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว และมีผลการฝึกตนอยู่ในระดับการฝึกจิตขั้น 7 แต่ตอนที่หลัวซิวเข้าไปนั้น มีอายุเพียงสิบหกปี และมีผลการฝึกตนอยู่ในระดับการฝึกจิตขั้น 1 เท่านั้น

“ดูเหมือนว่าเจ้าหนุ่มจะมีอายุเพียงสิบเจ็ดปีสินะ แต่กลับมีผลการฝึกตนอยู่ในแดนฝึกจิตขั้น 8 แล้วหรือ ?”

จักรพรรดิหลิงหยุนเริ่มแสดงสีหน้าลังเล แต่เขาก็สงบลงได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้ความสามารถของอีกฝ่ายจะน่าทึ่ง และสามารถฆ่าศัตรูข้ามขั้นได้ แต่อย่างไรเสียตนเองก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์ ซึ่งถือว่ายังมีช่องว่างที่แตกต่างกับผู้ฝึกจิตอยู่ไม่น้อย ดังนั้นการจัดการกับเข้าจึงน่าจะไม่ใช่เรื่องยาก

หลัวซิวไม่พูดอะไร เขาไม่ได้ยอมรับและไม่ได้ปฏิเสธเรื่องที่จักรพรรดิหลิงหยุนรู้จักตัวตนของเขา

“โฮก !”

สิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามกระโจนเข้าไป และในขณะเดียวกันหลงหมิงเองก็หายตัวไปในทันที และจู่ ๆ ก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหลังของจักรพรรดิหลิงหยุน อสุรกายโบราณทั้งสองลงมือพร้อมกัน โจมตีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

“คุมฟ้าสะกดดิน !”

จักรพรรดิหลิงหยุนตะโกนออกมาด้วยความโกรธ พลังฟ้าดินรอบตัวสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และแสงสีทองก็ส่องประกายออกมา

ตูม ! ตุม !

ทันใดนั้น ทั้งสิงห์ทิพย์อัคคีอร่ามและหลงหมิงก็ลอยกระเด็นออกไปพร้อมกัน

จักรพรรดิหลิงหยุนยืนอยู่บนท้องฟ้า ในมือถือกระบี่ยุทธ์ มีแสงสีทองปรากฏขึ้นทั่วทั้งร่างกายของเขา เต็มไปด้วยพละกำลังที่แข็งแกร่ง มีแสงสีทองฉาบอยู่ทั่วตัวราวกับเป็นชุดเกราะ

นี่คือวิธีที่มีเพียงผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์เท่านั้นจึงจะสามารถใช้ได้ คุมฟ้าสะกดดิน !

การควบคุมพลังฟ้าดินในขอบเขตที่กำหนด เพื่อนำมาใช้งานด้วยตนเอง ถือว่าเป็นการเพิ่มพลังการต่อสู้ให้กับตนเองได้อย่างมาก

จักรพรรดิหลิงหยุนรวมพลังฟ้าดินให้กลายเป็นชุดเกราะ และความแข็งแกร่งบนร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้นกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า

ดวงตาดุดันคู่หนึ่งกวาดมองไปที่หลัวซิว จักรพรรดิหลิงหยุนยิ้มอย่างเยาะเย้ย และร่างกายของเขาก็กลายเป็นแสงสีทองราวกับมังกรจริง ๆ จากนั้นจึงพุ่งตรงเข้าไปหาหลัวซิว และฟันกระบี่ยุทธ์ออกไป

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท