ถ้ามีคนฝึกตนในเวลาเดียวกัน พลังAttrทั้งสองอย่างจะทำเหมือนร่างกายของนักยุทธ์เป็นสนามรบ จุดจบสุดท้าย โดยทั่วไปถ้าไม่ใช่ธาตุไฟเข้าแทรก ก็คือตัวระเบิดแล้วตาย
ตั้งแต่โบราณมาจนถึงปัจจุบัน เคยมีผู้อาวุโสนับไม่ถ้วนลองแล้ว แต่โดยมากล้วนล้มเหลวแล้วจากไป เมื่อเป็นแบบนี้ พลังสองระดับ จึงแทบจะกลายเป็นตำนาน
แต่ว่ากันว่าในสมัยโบราณ เคยมีคนครอบครองพลังทั้งสอง…..
“หนุ่มน้อย แกทำได้ยังไง?”
จับจ้องไฟสองระดับความเป็นตายที่ผนึกรวมอยู่ที่นิ้วมือของหลัวซิว ภายในใจเกิดความกังวลเล็กน้อย
ตั้งแต่ผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนจักรพรรดิยุทธ์ ทำให้เข้าใจพลังAttrระหว่างฟ้าดินมากยิ่งขึ้น เหยียนเยว่เอ๋อร์รู้ดีว่าคนหนึ่งคนอยากจะครอบครองสองพลังนั้นยากแค่ไหน
เพราะไม่ว่าจะเป็นพลังAttrไหน ล้วนเหี้ยมโหดอย่างมาก แข็งแกร่งกว่าพลังAttrทั่วไป อีกทั้งAttrสองอันที่เป็นปรปักษ์กันก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ เหมือนศัตรูอย่างไรอย่างนั้น ถ้าอยู่ในตัวคนๆเดียวกัน ก็จะเกิดการต่อต้านอย่างร้ายแรง
สิ่งนี้ คือสิ่งที่เหยียนเยว่เอ๋อร์เป็นกังวล
หลัวซิวไม่ได้สนใจว่าผู้อาวุโสเสวียนหยางมีท่าทีอย่างไร มือทั้งสองข้างตีพลังตราประทับออกมาไม่หยุด ใช้ตราธรรมจุติมรณะแปรเปลี่ยนเป็นเงาลวงวัฏจักร
แตกต่างจากวัฏจักรอันใหญ่มหาศาลที่แขวนอยู่บนท้องฟ้าภายในลูกแก้วความเป็นความตายโบราณ วัฏจักรที่หลัวซิวแปรเปลี่ยนออกมานัน้ เพราะประสานเข้ากับภูตอัคคีกลืนกิน และเต็มไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง คล้ายกับดวงอาทิตย์หนึ่งดวงที่เผาไหม้
“ตายซะ!”
ตะคอกเสียงดัง ฝ่ามือทั้งสองของหลัวซิวดันไปด้านหน้า เงาลวงวัฏจักรที่แผดเผาอย่างร้ายแรงปะทุออกมาอย่างรวดเร็ว ราวกับดาวตกที่ทอประกาย พุ่งไปโจมตีผู้อาวุโสเสวียนหยาง
พลังจิตแท้ในร่างกายถูกดูดไปจนเกลี้ยงในชั่วพริบตา หลัวซิวมองเงาลวงวัฏจักรที่พุ่งออกไป หวังว่าการโจมตีครั้งนี้ถึงแม้จะไม่สามารถฆ่าจักรพรรดิยุทธ์ให้ตายในครั้งเดียว ขอเพียงสามารถทำให้บาดเจ็บสาหัสได้ ก็สามารถทำให้เหยียนเยว่เอ๋อร์กลายเป็นผู้ชนะ
“คนที่น่าหวาดกลัว……”
ที่ไกล หลงหมิงที่ลมปราณโรยริน มองภาพนี้ด้วยความตะลึงงัน ถึงแม้จะรู้มานานแล้วว่าหลัวซิวฝึกตนพลังสองระดับความเป็นตายในเวลาเดียวกัน แต่ทุกครั้งที่เห็น ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
เพราะตอนนี้เขาเพิ่งแดนฝึกจิต ถ้าหากเขาบรรลุถึงแดนจักรพรรดิยุทธิ์ หรือว่าเหนือกว่าแดนจักรพรรดิยุทธ์ สัมผัสถึงกฎดั้งเดิม อาศัยสองระดับความเป็นความตาย แทบจะสามารถทำลายระดับเดียวกันได้
ในเวลาเดียวกัน ผู้อาวุโสเสวียนหยางมองเปลวไฟดำขาวที่กำลังแผดเผาอยู่บนเงาลวงวัฏจักร ถึงแม้จะเป็นแค่การโจมตีของปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิตคนหนึ่ง กว่าก็ทำให้ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์ที่ฝึกตนมานับพันปีขนลุกชันได้
สำหรับความไม่รู้และความหวาดกลัวที่มีต่อพลังสองระดับ ทำให้ผู้อาวุโสเสวียนหยางไม่กล้าใช้ร่างกายต้านทานการโจมตี จึงทำได้เพียงคลายการต้านทานตัวสำนึกของโจมตีวิญญาณ ใช้พลังจิตแท้ทและตัวสำนึกทั้งหมด ขับเคลื่อนเทพจิตของตนเอง
ตึ้ง!เทพจิตจินหยางฉายแสงทอประกายมากมาย ลำแสงสีทองแต่ละอันทแยงกัน กลายเป็นกระบี่สีทองหนึ่งเล่ม ฟันออกไปอย่างเหี้ยมโหด
ตึ้ง!
กระบี่สีทองและเงาลวงวัฏจักรปะทะกัน ทำให้เกิดเสียงระเบิดที่น่าตกตะลึง
พลังในการทำลายล้างแผ่ซ่านออกไปบนท้องฟ้า บริเวณโดยรอบบิดเบี้ยว เกิดระรอกคลื่น
ภูเขาที่อยู่ไม่ไกล หลังจากถูกพลังของระรอกคลื่นเคลื่อนผ่าน ภูเขาถล่มลงมา ภูเขาทั้งสองคล้ายถูกบีบให้หัก พังทลายลงมา จนฝุ่นตลบ
จวงหย้าเฟย สิ้งหรันหรันและพวกแม้จะมองการต่อสู้อยู่ที่ไกล ทว่าก็ถูกความน่าหวาดกลัวกวาดผ่าน แต่ละคนกระอักเลือดและปลิวไปไกล หมดสติทันที
ใจกลางการระเบิดที่น่าหวาดกลัวกลายเป็นพื้นที่โล่งสีดำ ช่องว่างถูกทำลายจนแหลกละเอียด ทำลายทุกอย่างที่อยู่รอบๆ
“นี่คือพลานุภาพของการฝึกสองระดับความเป็นความตาย?” เหยียนเยว่เอ๋อร์เองก็ถอยหลังไปไกลกว่าพันเมตรด้วยสีหน้าซีดขาว เห็นภาพช่องว่างถูกระเบิดจนกลายเป็นพื้นที่โล่งสีดำ นัยน์ตาของเธอเปี่ยมไปด้วยความตกตะลึง
“แต่ว่า ไม่ช่แค่สองระดับความเป็นความตาย แต่ยังมีลมปราณของภูตอัคคีกลืนกิน!”
ดวงตาคู่สวยของเหยียนเยว่เอ๋อร์จับจ้อง สำหรับเรื่องภูตอัคคีกลืนกินของอีกฝ่าย ก่อนหน้านี้หลัวซิวเคยบอกกับเธอแล้ว
“สองระดับความเป็นความตาย บวกกับภูตอัคคีกลืนกิน ไม่แปลกที่จะมีพลังทำลายล้างน่ากลัวแบบนี้” เหยียนเยว่เอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะแลบลิ้น
ในเวลานี้เอง เธอเห็นร่างของหลัวซิวปลิวออกไปท่ามกลางพลังทำลายล้างที่เหลืออยู่ เธอรีบเคลื่อนตัว เหาะเหินเข้าไปหาทันที
ทางด้านผู้อาวุโสเสวียนหยางผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์ เวลานี้น่าเวทนาอย่างมาก ตัวของเขาไหม้เกรียม เต็มไปด้วเลือด
“คิดไม่ถึงว่าจะมีภูตอัคคี แล้วฉันจะเก็บนายเอาไว้ได้อย่างไร!”
ผู้อาวุโสเสวียนหยางเคลื่อนตัว พยายามข่มบาดแผลในร่างกายเอาไว้ ทะยานไปหาหลัวซิวเช่นเดียวกัน
“ไสหัวไป!”
ในมือของเหยียนเยว่เอ๋อร์ถือเปลวไฟหอกรบ ลำแสงหอกฉายออกไป กลายเป็นหงส์เพลิง ปีกทั้งสองกระพือ ทะลไฟแผ่ซ่าน
ฝ่ามือทั้งสองข้างของผู้อาวุโสเสวียนหยางปรบเข้าด้วยกัน ทำลายหงส์เพลิง แต่เพราะบาดเจ็บติดต่อกัน ผลการฝึกตนเผาผลาญไปมาก ถูกหอกของเหยียนเยว่เอ๋อร์โจมตี ถอยหลังไปไกลกว่าสิบเมตร
เท้าของเหยียนเยว่เอ๋อร์ก้าวเข้าไปในลำเปลวไฟ คว้าตัวหลัวซิวเอาไว้ พบว่าเขาเองก็บาดเจ็บสาหัส เพราะถึงอย่างไรการระเบิดที่น่าหวาดกลัวเมื่อครู่ เขาอยู่ใกล้ ได้รับแรงกระเทือน เวลานี้หมดสติ
“หนุ่มน้อย นายทำให้คนต้องเป็นห่วงจริงๆ”
ริมฝีปากสวยโล่งอก เมื่อครู่ตอนที่หลัวซิวใช้เงาลวงวัฏจักรสร้างเปลวไฟดำขาว พลานุภาพบรรลุถึงระดับผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์
ในตอนหลังผู้อาวุโสเสวียนหยางใช้เทพจิตขับเคลื่อนกระบี่สีทอง ใช้พลังทั้งหมดที่มีเหมือนกัน ภายใต้การปะทะของระดับจักรพรรดิยุทธ์ ผลพวงของแรงระเบิดที่น่าหวาดกลัว ทำให้นักยุทธ์ที่อยู่ในระดับราชายุทธ์ช่วงปลายลงไปตายได้ทันที แต่หลัวซิวกลับแค่บาดเจ็บสาหัสและหมดสติ ไม่ได้เป็นอะไรมาก
“แต่ว่าหนุ่มน้อย นายเก่งมากจริง” เหยียนเยว่เอ๋อร์ยิ้ม จากนั้นดวงตาคู่สวยฉายความเยือกเย็น มองไปทางผู้อาวุโสเสวียนหยาง
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง มุมปากของเหยียนเยว่เอ๋อร์มีเลือดซิบ ยกมือขึ้นสะบัดลูกไฟออกไป เผาไหม้ร่างของผู้อาวุโสเสวียนหยางให้กลายเป็นผุยผง
เริ่มจากโจมตีวิญญาณของตนเอง หลังจากนั้นก็ถูกสองระดับความเป็นความตายและถูกภูตอัคคีกลืนกินของหลัวซิวทำร้าย ผู้อาวุโสเสวียนหยางก็ใกล้ตายแล้ว
แต่แม้จะเป็นแบบนี้ เหยียนเยว่เอ่อร์ฆ่าเขา ก็ต้องทุ่มเทบางส่วนเหมือนกัน
ตัวสำนึกแผ่ซ่าน เธอเจอตัวจวงหย้าเฟยและพวกที่หมดสติ แววตาของเธอฉายเจตนาสังหาร
ด้านที่เป็นผู้หญิงอ่อนโยนและเมตตาของเธอนั้น แสดงให้กับหลัวซิวเท่านั้น สำหรับคนอื่น ไม่มีวันได้รับการปฏิบัติแบบนี้
ถ้าหากเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่แพร่งพรายออกไป จะนำพาปัญหาไม่น้อยมาให้เธอกับหลัวซิว ทางที่ดีที่สุดคือฆ่าปิดปาก
ขณะที่เหยียนเยว่เอ๋อร์กำลังจะลงมือฆ่า หลัวซิวที่ถูกเธออุ้มเอาไว้กลับสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา พูดอย่างอ่อนแรง:”คนพวกนี้ ไม่สมควรตาย……”
เหยียนเยว่เอ๋อร์ชะงักเล็กน้อย เจตนาสังหารในร่างกายหายไปทันที เธอยิ้มบางๆ “นายมัน……”
เพียงแต่ยังไม่รอให้เธอได้พูดอะไร ศีรษะของหลัวซิวเอียงลง หมดสติอีกครั้ง
“นายมันใจอ่อนจริงๆ”
เหยียนเยว่เอ๋อร์หลุดยิ้ม พูดประโยคที่ยังพูดไม่จบจนจบ ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปยังจวงหย้าเฟยและสิ้งหรันหรันรวมถึงคนอื่นๆ ถอนหายใจเบาๆ พูด:”ถือว่าพวกนายโชคดี ในเมื่อหนุ่มน้อยของฉันขอร้องแทนพวกนายแล้ว ถ้าอย่างนั้นไว้ชีวิตพวกนายก็แล้วกัน”