มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 313 บัวน้ำใจดำ

บทที่ 313 บัวน้ำใจดำ

ตัวสำนักของหลัวซิวกวาดผ่านหญิงสาวคนนี้อย่างแยบยล พบว่าผลการฝึกตนของเธอคือแดนฝึกจิตขั้น8

ในสถานการณ์ทั่วไป จอมยุทธ์ฝึกตนที่พรสวรรค์ไม่ธรรมดาบรรลุถึงฝึกจิตขั้น8 อย่างน้อยต้องใช้เวลาสองร้อยปี ดังนั้นผู้หญิงคนนี้ดูอายุน้อย แต่ความเป็นจริงอายุมากกว่าหลัวซิวเยอะมาก

ในประเทศเทียนหวู นักยุทธ์ระดับฝึกจิตถือว่าสูงมากแล้ว ในขั้วอำนาจที่ไม่เล็ก สามารถอยู่ในตำแหน่งผู้อาวุโสได้

“พวกเราเข้าร่วมทีมนี้กันเถอะ” หลัวซิวบอกกับเหยียนเยว่เอ๋อร์ที่อยู่ข้างกาย “ระงับผลการฝึกตนให้อยู่ในฝึกจิตขั้น7โดยประมาณ”

เหยียนเยว่เอ๋อร์พยักหน้า หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินไปหาหญิงชุดสีแดงที่กำลังร้องตะโกน

“สหายคนนี้ พวกเราสองคนสามารถเข้าร่วมทีมของพวกคุณได้ไหม?” หลัวซิวเดินเข้าไปหาแล้วพูด

“ไม่ทราบว่าผลการฝึกตนของทั้งสองอยู่ในระดับอะไร?”

ดวงตาของหญิงสาวชุดแดงทอประกาย รีบเอ่ยถาม

เพราะถึงอย่างไรยอดฝีมือฝึกจิตขั้น5ขึ้นไปนั้นหายาก เธอเองก็คิดไม่ถึงว่าตนที่เพิ่งร้องตะโกนไป จะมีคนสองคนเดินเข้ามาหา

หลัวซิวยิ้มบางๆ หลังจากนั้นก็แผ่พลังจิตของตนออกไป ลมปราณพลังจิตแท้โดยมากถูกเขาจำกัดเอาไว้ในร่างกาย เผยออกมาเพียงลมปราณฝึกจิตขั้น6เท่านั้น

เหยียนเยว่เอ๋อร์เองก็ทำตามคำแนะนำของหลัวซิว เผยพลังจิตแท้ไปที่ระดับฝึกจิตขั้น7

บริเวณโดยรอบมีระดับพรสวรรค์และต่ำกว่าฝึกจิตขั้น5ไม่น้อย ทุกคนล้วนเผยสีหน้าตกตะลึง เพราะผู้แข็งแกร่งระดับนี้ ในบ่อน้ำอมตะพบเจอได้น้อยมาก ชั่วครู่หนึ่งปรากฏตัวออกมาสองคน อีกทั้งยังเป็นคนแปลกหน้า ย่อมทำให้เกิดความสนใจ

“ได้ เชิญทั้งสองคนตามฉันมา”

สัมผัสได้ถึงพลังจิตแท้ของทั้งสอง ใบหน้าของหญิงชุดแดงเผยรอยยิ้ม “ฉันพาพวกนายสองคนไปรวมตัวพวกหัวหน้าทีม”

“หัวหน้าทีมของพวกเราจวงหย้าเฟย เขาคือผู้อาวุโสตระกูลจวงเมืองไห่หยุนของพวกเรา เป็นปรมาจารย์แดนฝึกจิตระดับ9”

ระหว่างทาง หญิงสาวชุดแดงบอกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทีมให้หลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์ฟัง

นอกจากหัวหน้าทีมจวงหย้าเฟยแล้ว ผู้หญิงชุดแดงคนนี้ ชื่อว่าสิ้งหรันหรัน คือผู้แข็งแกร่งผลการฝึกตนอันดับสองของทีม

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ภายใต้การเดินนำของสิ้งหรันหรัน หลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์เจอกับคนอื่นอีกห้าคนในทีม

คนแรกคือชายวัยกลางคนที่ดูเก่งกาจไม่ธรรมดา ผลการฝึกตนอยู่ที่แดนฝึกจิตขั้น9 น่าจะเป็นหัวหน้าทีมที่สิ้งหรันหรันพูดถึง จวงหย้าเฟย

อีกสี่คน ผลการฝึกตนล้วนอยู่ที่แดนฝึกจิตขั้น7

“ศิษย์น้องสิ้ง ได้คนเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?” เมื่อเห็นสิ้งหรันหรันเดินนำคนสองคนมา จวงหย้าเฟยยิ้มและเอ่ยถามด้วยความตกตะลึง

สิ้งหรันหรันยิ้มพร้อมกับพยักหน้า พูด:”ผลการฝึกตนของสองคนนี้อยู่ที่ฝึกจิตขั้น5ขึ้นไป”

“ไม่คุ้นหน้าทั้งสองคนเลย น่าจะไม่ใช่คนท้องถิ่นของเมืองไห่หยุน ไม่รู้ว่าทั้งสองชื่ออะไรกันบ้าง?” จวงหย้าเฟยมองหลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์จากนั้นเอ่ยถาม

“ฉันชื่อซิวหลัว นี่คือภรรยาของฉัน หลัวเยว่” หลัวซิวพูด

เริ่มแรกสายตาของจวงหย้าเฟยและพวกโดยมากมองไปที่เหยียนเยว่เอ๋อร์ ถึงแม้เธอจะเปลี่ยนรูปโฉมของตนเองไปแล้ว แต่บุคลิกและหน้าตาของเธอ ยังคงโดดเด่น ทำให้คนยากที่จะไม่สนใจ

ตอนที่ได้ยินชื่อ’ซิวหลัว’ รวมถึงจวงหย้าเฟยและสิ้งหรันหรันทั้งหกคน ต่างตกตะลึง

เพราะสองปีที่ผ่านมานี้ หลัวซิวและซิวหลัวสองชื่อนี้ ในประเทศเทียนหวู มีเชื่อเสียงโด่งดังมาก

โดยเฉพาะระยะที่ผ่านมา ตระกูลเหยียนของเขตการปกครองโตว้ไห่ผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์ถูกสังสาร รวมถึงตระกูลแผยที่ยิ่งใหญ่ถูกทำลาย ล้วนเกี่ยวข้องกับคนๆนี้

“ฮ่าๆๆ ทุกคนอย่าเข้าใจผิด ผมเองก็ได้ยินมาว่าซิวหลัวคือนามแฝงของหลัวซิว แต่ว่าผมชื่อซิวหลัวอยู่แล้วครับ ก่อนหน้านี้มีคนเข้าใจผิดไปหลายครั้งเหมือนกัน” หลัวซิวยิ้มแล้วพูดอธิบาย

คำอธิบายแบบนี้ เป็นการปกปิดซ่อนเร้นที่ทำให้พิรุธมากยิ่งขึ้น แต่ก็ทำให้จวงหย้าเฟยและพวกสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย

“พูดถูก ได้ยินว่าราชวงศ์ตระกูลฝาน ตระกูลเหยียน รวมถึงสำนักเสวียนหยางล้วนกำลังตรวจสอบหาร่องรอยของหลัวซิว ถ้านายคือเขาจริงๆ คงไม่ปรากฏตัวออกมาอย่างเปิดเผยแบบนี้” สิ้งหรันหรันพูดด้วยรอยยิ้ม

“อื้ม พูดถูก” จวงหย้าเฟยมองไปที่หลัวซิว ยิ้มแล้วพูด

ตามด้วย จวงหย้าเฟยยิ้มแผนที่บ่อน้ำอมตะขึ้นมา ถึงแม้แผนที่จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ครอบคลุมอณาเขตกว่าครึ่งหนึ่ง

“ทีมของพวกเรามีทั้งหมดแปดคน ฝึการฝึกตนล้วนอยู่ที่ฝึกจิตขั้น5ขึ้นไป ดังนั้นพวกเราสามารถเข้าไปสำรวจส่วนลึกระดับหนึ่งของบ่อน้ำอมตะได้”

เปิดแผนที่ จวงหย้าเฟยชี้นิ้วไปยังสัญลักษณ์บนแผนที่ นิ้วมือวาดเป็นวงกลม “ที่นี่ คือบริเวณที่พวกเราจะเข้าไปสำรวจ ไม่ว่าจะเจอของล้ำค่าอะไร คนที่ทำความดีความชอบมากที่สุดจะได้ห้าส่วน คนที่เหลือหารห้า”

ทีมนักล่าอสูรทั่วไป ล้วนใช้วิธีนี้ในการแบ่ง
แน่นอนว่าหลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์ไม่ได้มีความเห็นต่างใดๆ แต่ว่าหลังจากที่สังเกตเห็นพื้นที่บนสัญลักษณ์ในแผนที่ รูม่านตาของเขาหดเล็กลงเล็กน้อย เพราะพื้นที่ตรงนั้น คล้ายจะเป็นที่ตั้งของร่องถ้ำที่กำกับเอาไว้ในภาพปริศนา

“หรือว่าจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ?” หลัวซิวขมวดคิ้วเป็นปม ถึงแม้จะมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องบังเอิญแบบนี้ขึ้น แต่สัญชาตญาณของเขาบอกกับเขาว่า นี่อาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

แต่ว่าหลัวซิวไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ด้วยความสามารถของเขาและเหยียนเยว่์เอ๋อร์ อย่าว่าแต่ปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิตหกคน แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์หกคน ก็รับมือได้อย่างง่ายดาย

……

นำทีมโดยจวงหย้าเฟย ทั้งแปดคนทะยานขึ้นบิน อย่างรวดเร็วก็ออกไปจากหมู่บ้าน มายังบริเวณใกล้ๆ บ่อน้ำอมตะ

ในบ่อน้ำมีอสูรกายมากมายซุกซ่อนตัวมากมาย บนท้องฟ้าก็มีอสูรกายอยู่อาศัย ดังนั้นผู้แข็งแกร่งปรมาจารย์ยุทธ์แดนฝึกจิตขึ้นไป อยู่ที่นี่ก็ไม่สามารถบินสูงเกินไปอย่างไร้ซึ่งความเกรงกลัว โดยทั่วไปจะบินอยู่บนท้องฟ้าระยะห่างจากพื้นดินบนบ่อน้ำสองถึงสามเมตร

มีบางครั้งที่อสูรกายซึ่งซ่อนตัวอยู่ในบ่อน้ำจะพุ่งตัวขึ้นมากะทันหัน มาโจมตีหลัวซิวและพวก เพียงแต่ระดับของอสูรกายเหล่านี้ไม่ได้สูงมาก ตลอดทางที่มา จึงไม่ได้พบเจออันตรายอะไร

อสูรกายที่ใช้ชีวิตอยู่ในบ่อน้ำเชี่ยวชาญในการซ่อนลมปราณของตนเอง นอกจากอสูรกายเหล่านี้บุกโจมตีกะทันหัน แม้แต่ตัวสำนึกของของหลัวซิว ก็ยากที่จะพบว่าพวกมันซ่อนตัวอยู่ในดิน

เช่นเดียวกับสถานที่ที่เปี่ยมไปด้วยอันตราย บ่อน้ำอมตะนี้ยิ่งลึกเข้าไป ก็ยิ่งอันตราย แต่ในทางเดียวกันก็ยิ่งง่ายที่จะตามหาทรัพยากรล้ำค่า

“บัวน้ำใจดำ!”

ตอนที่ใกล้จะถึงพื้นที่เป้าหมาย จู่ๆ คนหนึ่งในทีมซึ่งเป็นปรมาจารย์ยุทธ์แดนฝึกจิตขั้น7ก็ร้องตะโกนขึ้นมากะทันหัน

พบบ่อน้ำที่อยู่ห่างจากทุกคนประมาณสองร้อยเมตร ตรงกลางบ่อน้ำ ีดอกบัวสีดำ ลอยอยู่เหนือน้ำ

บัวน้ำใจดำคือยาทิพย์ระดับ5ซึ่งจะมีแค่ในบ่อน้ำอมตะ เมล็ดบัวสามารถนำมาสกัดยาสลายร่างระดับ5 เป็นของล้ำค่าที่ทำให้นักยุทธ์กลั่นร่างมากมายตาร้อนผ่าว

ตอนที่เห็นบัวน้ำใจดำ หลัวซิวเองก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหว เพราะร่างยุทธ์ระดับราชาของเขาอยากจะพัฒนาขึ้น จำเป็นต้องใช้ยาสลายร่างระดับ5

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท